ตอนที่แล้วตอนที่ 438 ตัวตลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 440 ซือหม่าผู้ร้ายกาจ

ตอนที่ 439 นักเรียนฝึกหัด


“รับทราบ!”  ทุกคนตะโกนรับคำ

ด้วยคำสั่งชุดแรกตะกวดสะท้านภูผาทั้งหมดย่อตัวลง เชิดหัวของพวกมันขึ้น  นักสู้ที่อยู่บนหลังของพวกมันยังคงดูขึงขัง

“เตรียมตั้งรูปขบวน”

กองกำลังสะท้านภูผาขนาดมหึมาไม่ก่อให้เกิดเสียงอะไร

หัวใจของหวังเย่เย็นเฉียบ กองกำลังสะท้านภูผาไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับกองทัพพญาหมีแต่เมื่อเห็นกับตาตนเอง หวังเย่รู้สึกว่าพวกเขาเข้มแข็งมาก

“บุก!”

ด้วยคำสั่งดังกล่าวเสียงย่ำพื้นก็ดังขึ้น ตะกวดภูผานับร้อยตัวปลดปล่อยพลังพร้อมกัน เสียงกระทบพื้นกันทำให้อกของหวังเย่อึดอัด  ขนาดของตะกวดสะท้านภูผามีขนาดใหญ่และความเคลื่อนไหวของมันคล่องแคล่วว่องไวพวกมันวิ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง จึงเกิดเป็นการบุกตะลุยที่ทรงอานุภาพมากและภาพของตะกวดสะท้านภูผาวิ่งตะลุยเต็มกำลังเป็นภาพที่จับตาจับใจมาก  เหมือนกับสายน้ำหลากที่ไม่มีอะไรหยุดไว้ได้

หวังเย่เก็บตัวอยู่ด้านในรู้ว่าเขาไม่มีความสำคัญมากนัก  เขารู้ว่าหลงจู้กำลังแสดงกำลังของเขา  แต่เขาก็ยังสั่นสั่นมากเพราะคล้อยตามภาพที่เห็น

กำลังพลที่เข้มแข็งวิ่งควบตะบึงไปข้างหน้าเหมือนกับว่ามันสามารถขยี้ทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมันได้

ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มตะกวดสะท้านภูผาเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง  ดังนั้นเมื่อทหารทั้งสองฝ่ายจะปะทะกันจะอยู่ในช่วงที่ทำความเร็วสูงสุด

หน้าของหลงจู้มีรอยยิ้มชั่วร้ายอะไรนี่พวกมันคือกองทัพจักรกลหรือนี่?อยู่ต่อหน้ากองทัพตะกวดสะท้านภูผาของข้า พวกเจ้าทุกคนก็อ่อนแอเหมือนแผ่นกระดาษ!

ทันใดนั้นเสียงสะเทือนประหลาดดังมาจากตำแหน่งอื่น

หลงจู้เบิกตาแทบถลน

เขาหันไปมองทางด้านขวาของกองทัพของเขากองทัพประกายแสงสีเงิน จู่ๆ ก็โผล่ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

แย่แล้วพวกมันซุ่มโจมตี

หน้าของหลงจู้เปลี่ยนไปทันที การบุกตะลุยอย่างไร้สาระของคู่ต่อสู้เป็นแค่เพียงกลลวงให้ไขว้เขว แต่ไม้ตายที่แท้จริงของศัตรูก็คือกองทัพที่กำลังซุ่มโจมตี  กองกำลังหมาป่า!หลงจู้ตระหนักได้ทันทีว่าดูเหมือนกองทัพประกายเงินแท้ที่จริงก็คือกองกำลังหมาป่าของถังเทียน

ข้าไม่รู้ตัวได้ยังไง....

สายตาของหลงจู้จับจ้องดูชุดสีเงินเป็นประกายประหลาด  ชุดรบอันโดรเมดา!  นั่นคือชุดรบอันโดรเมดา!   มันต้องเป็นพลังของชุดรบอันโดรเมดาแน่นอน...เป็นไปได้หรือนี่ นั่นคือพลังของชุดรบอันโดรเมดาสามารถล่องหนได้จริงๆ

ความสิ้นหวังเกาะกุมจิตใจหลงจู้ ตะกวดสะท้านภูผาเร่งความเร็วของพวกมันขึ้นแล้ว  ขนาดที่ใหญ่โตมหึมาของพวกมันทำให้พลังโจมตีไม่อาจหยุดยั้งได้  แต่นั่นก็คือการยืนยันถึงจุดอ่อนของพวกมันเช่นกันนั่นคือเมื่อพวกมันเร่งความเร็ว พวกมันจะไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้

ไวมาก!

ความเร็วของกองกำลังหมาป่าทำให้หลงจู้ประหลาดใจและเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือทหารที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี  เมื่อพวกเขาเข้าโจมตีการตั้งกระบวนเป็นระเบียบมากเสียจนเขาสามารถใช้ไม้บรรทัดวัดระยะห่างระหว่างแถวได้

ความเย็นยะเยียบจับขั้วหัวใจหลงจู้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้เคล็ดโจมตีของฝ่ายตรงข้ามว่าเหมือนอะไร แต่การปรากฏตัวของกองทัพทำให้เขารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากแน่นอน

“สละพาหนะของพวกเจ้า!”

หลงจู้ตวาดหน้าเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดชั่วร้าย ความสง่างามทั้งหมดของเขาแต่ก่อนหายไปหมด เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย และส่งเสียงคำรามเป็นครั้งสุดท้าย

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยน  แม้จะอยู่ในสภาพเลวร้ายในอดีตที่ผ่านมา แต่เจ้านายของพวกเขาไม่เคยสั่งให้สละตะกวดสะท้านภูผา พวกเขาผ่านการรบด้วยพาหนะของพวกเขามาหลายศึกแล้ว และอารมณ์พวกเขากำลังฮึกเหิมเต็มที่การให้พวกเขาสละพาหนะทำให้กองทหารลังเล

สำหรับทุกคนแม้ว่าจะมีการซุ่มโจมตี แต่กองกำลังหมาป่าไม่ใช่หน่วยรบหนัก แม้ว่าพวกเขาจะต้องเสียสละไปบ้าง แต่ก็พอจะรักษากระบวนศึกได้  ด้วยขนาดของตะกวดสะท้านภูผา  พวกมันสามารถชะลอความเร็วศัตรูได้และเมื่อความเร็วของศัตรูตกลง ต่อให้พวกเขาถูกตัดไปครึ่งหนึ่ง  พวกเขาเชื่อว่าเพียงพอจะกำจัดทหารหมาป่าผู้อ่อนแอได้

หลงจู้ได้แต่หมดหวังอย่างช่วยไม่ได้

ด้วยความลังเลนั้นกองทัพหมาป่าวิ่งเข้ามาในระยะห่างจากกองทัพสะท้านภูผาห้าสิบเมตร

ตาของถังอี้เป็นประกายเจิดจ้าเหมือนสายฟ้าเปี่ยมไปด้วยพลัง  เขาชูดาบฟันขาม้าขึ้นสูงหันหน้าไปทางกองทัพสะท้านภูผา เขาไม่รู้สึกถูกคุกคามเลยแม้แต่น้อย สำหรับคนอื่นการบุกประจัญบานของกองทัพสะท้านภูผาอาจเป็นกำลังบุกโจมตีที่มีขนาดใหญ่มาก  แต่สำหรับถังอี้  เขาไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย

ต่อให้เขาเผชิญหน้ากับการจู่โจมจริงๆ  เขาก็ยังไม่รู้สึกกลัว

วิทยายุทธประจำตัวของเขาก็คือการรุกโจมตีของเขา

การโจมตีของเขาเป็นเอกลักษณ์ในสวรรค์วิถี

เมื่อเขาเริ่มบุกโจมตี  ในสายตาของเขา พวกทหารทั้งหมดล้วนเหมือนกัน

“ฆ่า!!!”

เขาระเบิดพลังออกเหมือนกับสายฟ้าฟาดและฟันดาบฟันขาม้าลงทันที

“ฆ่า!”

กองกำลังหมาป่าโห่ร้องทุกคนฟันดาบลงมาพร้อมกัน รังสีดาบนับไม่ถ้วนปลิวว่อนเหมือนสายฝนครอบคลุมท่วมร่างของถังอี้

รังสีทวนขนาดมหึมาถูกปลดปล่อยออกมาจากมือของถังอี้เหมือนกับเหล็กแท่งที่ถูกเผาจนร้อนแดงละลายเป็นชั้นๆ ขบวนที่หนาแน่นของตะกวดสะท้านภูผาถูกผ่าเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย

ทวนหนักตะลุยศึก!

ที่ตามติดมาด้านหลังเป็นรังสีหอกขนาดเล็กอีกสามสิบสายเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆและพุ่งเข้าไปในกองทัพสะท้านภูผา รังสีหอกทั้งหมดนี้คมเจาะทะลวงเข้าร่างตะกวดสะท้านภูผาไปอย่างง่ายดายหลังจากทะลวงร่างตะกวดสะท้านภูผาไปห้าหรือหกตัวมันจึงสั่นสะท้านและหายไปง

มือของหลงจู้เย็นเฉียบ

เขาเพียงคิดว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง  แต่คาดไม่ถึงเลยว่าการบุกประจัญบานของฝ่ายตรงข้ามจะทรงพลังมากมายขนาดนั้น

หน่วยกองกำลังอาวุธเบาสามารถทำกองกำลังอาวุธหนักได้อย่างไม่ยากเย็น!

บางอย่างที่ขัดกับสามัญสำนึกเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าเขาจริงๆ

แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจใส่ใจกับเรื่องนั้นได้ ตอนนี้กองกำลังหมาป่าทะลวงผ่านกองทัพสะท้านภูผาไปแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องกลับตัวเพื่อเพิ่มความเร็วในการเริ่มบุกตะลุยโจมตีครั้งต่อไป

สำหรับหลงจู้นั่นคือโอกาส

หลงจู้ตะโกนทันที  “วิ่ง วิ่งตะลุยไปที่กองทัพจักรกล!”

ในที่สุดบริวารของเขาก็รู้สึกตัว  ถ้าพวกเขาตะลุยเข้าไปในกองทัพจักรกล  ทุกคนก็จะผสมผสานเข้าด้วยกัน  พวกเขาจะต้องกังวลถึงพันธมิตรของพวกเขา และไม่สามารถใช้พลังโจมตีที่น่ากลัวนั้นได้อีกครั้ง

ปังปัง ปัง!

เกิดความวุ่นวายข้างหน้า  หลงจู้ยืดคอมองดู  ทันใดนั้นเขาถึงกับสะดุ้งตกใจ  พวกเขาเริ่มเพิ่มความเร็วตั้งแต่เมื่อใด!

ในท่ามกลางการถูกกองทัพหมาป่าโจมตีและที่ซึ่งความสนใจของพวกเขาถูกแบ่งออกไป ปิงสั่งพวกเขาให้เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นทันที และนั่นเป็นคำสั่งแรกที่เขาออกคำสั่งตั้งแต่เริ่มการรบ

และทหารใหม่ผู้มีประสบการณ์ในการโจมตีระยะไกลใจของพวกเขาคุ้นเคยกับความเร็วและการเร่งความเร็วครั้งนี้เกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน

ตั้งแต่แรกเริ่มปิงไม่ได้ให้สมบัติอะไรกับนักเรียนสถาบันหมาป่าฟ้า  สำหรับเขาแล้วเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบที่จะได้มีประสบการณ์สงคราม  และนอกจากนี้เขายังเตรียมไม้ตายเด็ดขาดที่ต้องใช้กับทหารกองทัพหมาป่าและชุดรบอันโดรเมดา  ดังนั้นเขามีความมั่นใจ

ปิงเป็นครูฝึกมานานหลายปีและความเข้าใจทหารใหม่ของเขายังมีมากกว่าหัวหน้าผู้นำทหาร  เขาเข้าใจอย่างชัดเจนการจับทหารใหม่โยนเข้าในสงครามที่เหี้ยมโหดเท่ากับหาเรื่องตาย  ถ้าพวกเขาไปปะทะกับกองทัพสะท้านภูผาต่อให้ปิงเป็นแม่ทัพ  พวกเขามีแต่จะถูกขยี้ราบเรียบกับพื้น

ปิงเป็นคนที่ละเอียดและชอบวางแผนมากมายแค่คอยดูจากผลที่ออกมานั้น

กองทัพหมาป่าทะลวงผ่านกองทัพสะท้านภูผาและทำลายรูปขบวนของศัตรูได้ภายในขบวนมีพื้นที่ว่างห้าสิบเมตร  นั่นยังคงหมายความว่าส่วนหลังของศัตรูล่มสลายไปส่วนหนึ่งแล้ว  ทางเลือกแรกของการโจมตีข้อขอร้องของปิงก็คือโจมตีส่วนหลังหนึ่งในสี่ของกองกำลังศัตรู

นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ทหารจักรกลทั้งหมดจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคนร้อยคน

ปิงไม่ลังเลใจนำกองทัพจักรกลเร่งความเร็วยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นทหารนักสู้จักรกลระเบิดพลังเข้าไปในแถวฝ่ายตรงข้ามทันที

จำนวนของอาวุธจักรกลวิญญาณมีมากเมื่อเทียบตะกวดสะท้านภูผา  ดังนั้นเมื่อพวกเขาบุกตะลุยเข้ามาพลังของพวกเขาช่างน่าทึ่งแม้ว่าเป็นครั้งแรกที่นักเรียนบุกโจมตีด้วยกระบวนศึก แต่พวกเขาทุกคนปลดปล่อยพลังสายเลือดและปราณระเบิดพลังออมาอย่างเต็มที่

เสียงปะทะสะท้านสะเทือนจิตใจดังสนั่นเหมือนกับยักษ์ใหญ่ที่มีกำลังพอๆกันปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายเหมือนกับกระแสน้ำที่ทรงพลังปะทะกันเองอย่างรุนแรง

แต่ระดับกำลังใจของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่เท่ากัน

กองทัพสะท้านภูผายังไม่ฟื้นจากการถูกซุ่มโจมตี  และประมาททหารมือใหม่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาขณะที่กองทัพจักรกลที่นำโดยปิง พวกเขาไม่คิดอะไรมาก หรือบางทีเด็กๆวัยรุ่นเหล่านี้ยังไม่ใจเย็นเพียงพอ  แต่พวกเขาก็มีแรงผลักดันที่พอเพียง  สิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาได้เปรียบเรื่องจำนวน

นักสู้อาวุธจักรกลหลายคนตะลุยใส่ตะกวดสะท้านภูผาตัวเดียวพร้อมๆกัน พวกวัยรุ่นเลือดร้อนทุกคนดูเหมือนจะลืมวิทยายุทธที่พวกเขาได้ฝึกฝนกันมา และใช้แรงป่าเถื่อนต่อสู้

แต่พวกเขามีจำนวนที่นับไม่ถ้วน

ในช่วงเวลาสั้นๆตะกวดสะท้านภูผาทุกตัวก็เริ่มต่างตัวต่างบินหนี ด้วยขนาดพอๆ กับเนินเขา สิ่งมีชีวิตจะบินขึ้นท้องฟ้าจะต้องใช้พลังงานมากมาย

ตะกวดสะท้านภูผาทุกตัวที่กระพือปีกและบินขึ้นไปในท้องฟ้ากระแทกใส่กองทหารด้านหลัง ทำให้เกิดความปั่นป่วนมากขึ้น

ภาพเช่นนั้นไม่ได้คาดหวังไว้เลยมือของหลงจู้เย็นเฉียบ ความเย็นยะเยือกแผ่เข้าไปในใจของเขา  ถ้าทุกอย่างถูกวางแผนไว้ ผู้บัญชาการของฝ่ายตรงข้ามก็น่ากลัวมากอย่างแท้จริง

กองทัพตกอยู่ในความวุ่นวายสับสน  กองทัพสะท้านภูผามีขบวนรบอยู่หลายรูปแบบ   แต่พวกเขาไม่เคยพบประสบการณ์ที่สิ้นหวังและประหลาดเช่นนั้น

แต่ในช่วงเวลานั้นหลงจู้ไม่มีทางถอยอื่น ถ้าเขารอให้กองทัพหมาป่ากลับลำตั้งขบวนได้สำเร็จ  อย่างนั้นทุกคนเป็นอันจบ

หลงจู้กระโจนขึ้นไปอยู่บนหัวของตะกวดสะท้านภูผาอสูรระดับแปดของเขาและตบมันด้วยพลังปราณแท้ เขาตะโกนลั่น “วิ่ง! วิ่งไปข้างหน้า! ผ่อนเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น!”

ทหารนายกองที่อยู่รอบๆ เห็นผู้บัญชาการของพวกเขามีผมกระเซิงเหมือนคนบ้า นัยน์ตาของพวกเขาแดงทันที

“วิ่ง!”

“วิ่งสุดชีวิต!”

……

ทุกคนกระตุ้นพาหนะของพวกเขาให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสหายและตะกวดสะท้านภูผาที่ยังไม่ตายต่างวิ่งตะลุยขึ้นหน้าและเหยียบย่ำทุกอย่างทำให้พื้นที่เต็มไปด้วยเนื้อแหลกเหลว

ปิงรู้ว่าการทดสอบที่แท้จริงเพิ่งเริ่มขึ้น

การตอบโต้ของศัตรูผู้อยู่หน้าประตูความตายจะดุดันรุนแรงมากขึ้น

“เสี่ยวอู่!  ป้องกันไว้!”

เสียงเย็นชาของปิงดังก้อง เขาพุ่งวาบไปคว้านักสู้จักรกลสองสามคนที่กำลังหัวหมุนโยนกลับไปที่ด้านหลัง

ชื่อเสียงของปิงในหมู่นักเรียนเป็นที่น่าเกรงขามมาก แม้ว่าชัยชนะก่อนนั้นจะทำให้พวกเขาตื่นเต้น  แต่พวกเขาก็รีบสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว

เสี่ยวอู่เตรียมตัวอยู่นานแล้วนำกลุ่มนักเรียนจักรกลวิญญาณ เขาวิ่งขึ้นหน้าและประจำตำแหน่งนักสู้จักรกลวิญญาณชุดนี้แตกต่างจากนักเรียนคนอื่น  เกราะของพวกเขาสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณประเภทตั้งรับป้องกันบุคลิกของเสี่ยวอู่ใจเย็นและมั่นคงมากแม้แต่ข้างหน้าเป็นพื้นที่ถล่มเขาก็คงไม่ตื่นเต้น ด้วยบุคลิกเช่นนั้น ปิงจึงให้เขานำกองกำลังหน่วยป้องกันพิเศษ

โล่บรอนซ์ขนาดใหญ่สูงเกินสิบเมตรปรากฏออกมาพื้นผิวของมันเป็นงาที่สลับกัน มันดูน่ากลัวเหมือนกับกำแพงบรอนซ์หนามด้านข้างเพื่อนร่วมหน่วยรบรอประจำอยู่เตรียมพร้อมช่วยเหลือทุกเมื่อ  ด้านหลังพวกเขาเป็นพื้นที่ว่างราวสิบห้าเมตรยังมีกลุ่มหน่วยป้องกันโล่และงานของเขาก็คือรับมือศัตรูทุกคนที่ลุยเข้ามาในขบวนจากอากาศ

มีการป้องกันรูปขบวนไว้อย่างแน่นหนา

เมื่อเห็นการป้องกันด้านหน้าเขาหลงจู้จึงค่อยเข้าใจ ทุกอย่างฝ่ายตรงข้ามจัดการไว้อย่างระมัดระวังและพิถีพิถัน

ช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัว!

แต่ในทันใดนั้นเขาไม่มีทางออกอื่นแล้ว นอกจากเดินหน้าโจมตี เขาไม่มีทางเลือกอื่น

“ฆ่า!”

หลงจู้คำรามและวิ่งนำหน้าก่อนใครอื่น นักสู้ด้านหลังเขาปลดปล่อยรังสีดาบกันทุกคนระดมถ่ายเทรังสีดาบเข้าไปในตัวของหลงจู้อย่างต่อเนื่องเหมือนสายฝน

หลงจู้และตะกวดสะท้านภูผาเปล่งแสงเจิดจ้าเป็นพื้นที่ทรงกรวยแสงทรงกรวยชี้ไปข้างหน้าคล้ายกับเครื่องทะลวง

ที่คือพลังประจัญบานของพวกเขาประจัญบานสะท้านภูผา

ปัง!

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง

นักเรียนเผชิญหน้ากับหลงจู้รู้ว่าโล่ในมือพวกเขาไม่สามารถต้านทานพลังของหลงจู้  ทันทีที่พวกเขาปะทะ เขากระโดดออกมาอย่างหมดท่า

นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ผู้สอนได้พร่ำสอนเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทหารตั้งรับที่โดดเด่นไม่ได้หมายความว่าจะรับสลายพลังโจมตีได้ทั้งหมดแต่สามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง

อาวุธจักรกลวิญญาณของเขาแฉลบขึ้นทันที  เขาผ่อนคลาย นั่นดีจริง ข้าไม่ได้รบกวนการป้องกันที่เบื้องหลัง

หลงจู้ใช้พลังปะทะผ่านแนวรับมาห้าแถวก่อนที่จะสะดุดหยุดลง

เขาสูญเสียความได้เปรียบเรื่องความเร็วและเข้าไปในขบวนพยุหะ เขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ช่องที่เขาตะลุยเปิดทางถูกเสี่ยวอู่ปิดกั้นอย่างรวดเร็ว

“นักเรียนห้อง 31 ลุย!”

ปิงไม่ได้เคลื่อนไหว  แต่สั่งให้นักเรียนชั้นใกล้ๆ ลุย ผู้บัญชาการที่ติดอยู่ในขบวนศึกเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในแหไม่ว่าจะดิ้นรนมากเพียงไหน ก็ดิ้นไม่หลุด

และนั่นคือโอกาสที่แน่นอน

สามารถหาขุนพลทหารที่แข็งแกร่งอย่างนั้นมาฝึกซ้อมมือนับว่าไม่ง่ายนัก

เมื่อเห็นหลงจู้ถูกนักเรียนชั้น31 โอบล้อมไว้ สีหน้าปิงสงบ

เขาเริ่มแนะนำนักเรียนและเริ่มฟันทหารฝ่ายตรงข้าม

การใช้หน่วยนักเรียนและมีปิงคอยแนะนำ  พวกเขายังคงเปลี่ยนจากรับเป็นรุกเหมือนกับมีดที่แทงใส่กองกำลังสะท้านภูผาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาสูญเสียผู้บัญชาการใหญ่เริ่มถูกตัดรูปกระบวนศึกจนขาดจากกัน

ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบดูเหมือนปิงยังคงสงบ

ในเวลาอันรวดเร็วกองกำลังสะท้านภูผาถูกตัดรูปกระบวนออกเป็นสิบส่วน พวกเขาทุกคนโต้ตอบอย่างบ้าคลั่งเพื่อฝ่าวงล้อมออกไป  แต่จำนวนของคู่ต่อสู้มีมากเกินไป  และการประสานงานร่วมมือของพวกเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆทำให้กองกำลังสะท้านภูผารู้สึกว่าติดอยู่ในกับดักที่แคบลงทุกที

กองกำลังหมาป่าไม่มีความตั้งใจจะเร่งลงมือสังหาร เนื่องจากปล่อยให้เป็นงานเฉพาะของถังอี้อย่างเดียว

เขาชื่นชมวิธีการของนายท่านมาก

เป็นไปได้ว่าตั้งแต่แรกนายท่านตั้งใจใช้กองกำลังนี้เพื่อให้เด็กๆ ของสถาบันหมาป่าฟ้าได้ฝึกฝนหรือ?

นั่นช่างน่ากลัวเหลือเกิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด