ตอนที่แล้วตอนที่ 433 - ล่วงล้ำเข้าถ้ำปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 435 - ความเชื่อมั่น

ตอนที่ 434 - พบเย่ว์ซานอีกครา


ก่อนหน้านี้เย่ว์หยางเคยเล่นเกมล่าไดโนเสาร์มาแล้ว ดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้

แน่นอน ฐานทัพนี้ไม่มีไดโนเสาร์แต่อย่างใด

หลังจากเข้าไปในทางเดินที่มีผนังสีทองผ่านการตรวจสอบสถานะหลายครั้งหลายครา ทันทีที่เขาผ่านประตูโลหะมหึมาจำนวนมาก ใช้เครื่องกลที่มีระบบลูกรอกซึ่งทำงานเหมือนลิฟท์ เย่ว์หยางไปสุดทางที่ห้องใต้ดินลึกไม่กี่เมตร จากนั้นเขาจึงไปถึงทางเข้าฐานอย่างเป็นทางการ อุณหภูมิภายในนี้แตกต่างจากข้างนอก ข้างนอกเป็นโลกที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง แต่ในฐานใต้ดิน อากาศอับและอบอุ่น มีร่องรอยกลิ่นกำมะถัน

เย่ว์หยางจำได้ว่า เขาได้กลิ่นที่คุ้นเคยบางอย่างในถ้ำมังกรปีศาจมาแล้ว

หลังจากเข้าไปในฐาน จำนวนคนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนเป็นสมาชิกของฐานใต้ดิน ทหารยามสวมเกราะเดินสวนผ่านไปเป็นแถว ถ้าเย่ว์หยางไม่ปลอมตัวเป็นเหมียวซือ คงยากที่จะลอบเข้ามาได้ เพราะมีประตูเหล็กกั้นไว้ในทางที่เขาจะผ่านไปหลายบาน

ทันทีที่เขาพบศัตรู ต่อให้เขาจะสามารถหยุดศัตรูได้ แต่คนภายในจะมีเวลาทำลายข้อมูลทั้งหมด

“โปรดรอสักครู ใต้เท้าจ้านหู่เพิ่งออกไป เราต้องรายงานเฟิงเซียนเซิงเสียก่อน” นักรบสวมเกราะฝีมือดีสองคนแจ้งเย่ว์หยางให้รอเพื่อรายงาน

“เฟิงเซียนเซิง?” เย่ว์หยางสงสัยขึ้นมาในใจ

มีคนค่อนข้างมากในทวีปมังกรทะยานที่ใช้แซ่เฟิง อย่างไรก็ตาม นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ใช้แซ่เฟิงหาได้ยาก บางทีปัญหานี้จะเกี่ยวพันกับตระกูลเฟิงหรือไม่?

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม่นางจากตระกูลเฟิงและอาสี่ถูกวางยาพิษอย่างคาดไม่ถึง นี่ทำให้เย่ว์หยางโกรธแค้นมาก เขาสาบานว่าจะล้างแค้น ตอนนี้ พอได้ยินว่าคนผู้นี้เรียกว่า เฟิงเซียนเซิง ทันใดนั้นทำให้เขาฉุกคิดเรื่องบางอย่างได้ทันที

ประมาณสามนาทีต่อมา นักรบฝีมือดีสองคนเดินคอตกกลับมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกดุด่ามา

เย่ว์หยางแบกเย่ว์หวี่ขึ้นหลังและใช้มือโอบหลิ่วเย่

ตอนนี้พวกเขากำลังเดินเข้าไปพบเฟิงเซียนเซิง (ท่านเฟิง)

แม้ว่าก่อนที่พวกเขาจะทันดูให้ดี เฟิงเซียนเซิงที่เผชิญหน้ากับพวกเขาก็ระเบิดเสียงด่าออกมา “เหมียวซือ, หนิงไห่! พวกเจ้าทั้งคู่ปัญญาอ่อนไปแล้วหรือ? สถานที่สำคัญอย่างนี้ บังอาจพาคนแปลกหน้าเข้ามาได้ยังไง? ต่อให้เป็นผู้หญิงก็เถอะ ห้ามทำเด็ดขาด จ้านหู่ก็เตือนหลายครั้งแล้ว ไม่ว่ายังไงเราต้องระมัดระวังและเข้มงวดป้องกันสายลับเท่าที่เป็นไปได้ เจ้าแน่ใจเต็มร้อยนะว่าคนที่เจ้านำเข้ามานี้ไม่ใช่สายลับ? พวกเจ้ารู้ไหมว่าความลับที่นี่สำคัญแค่ไหน? ถ้าไม่รู้ ข้าจะทบทวนให้อีกครั้ง นี่คือฐานพิชิตทวีปมังกรทะยาน นี่คือจุดเริ่มต้นในการพิชิตหอทงเทียน เป็นสะพานเข้าแดนสวรรค์ พวกเจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไหม? เข้าใจไหม? เจ้าพวกงั่ง!”

เย่ว์หยางตระหนักว่าเฟิงเซียนเซิงนี้ดูคล้ายประมุขตระกูลเฟิง นอกจากความจริงที่ว่าเขาอารมณ์ร้ายแล้ว พลังของเขายังเหนือกว่ามาก และดูเหมือนเขาจะแก่กว่า นอกจากเรื่องนี้แล้ว ลักษณะของเขาดูแล้วคล้ายคลึงกับประมุขตระกูลเฟิง

คนผู้นี้อาจเป็นผู้หักหลังตระกูลเฟิงก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่เคยสนใจเรื่องราวของตระกูลเฟิง บางแม่สี่หรือจุนอู๋โหย่วคงจะรู้ดีว่าคนผู้นี้เป็นใคร

“เฟิงเซียนเซิง เกิดอะไรขึ้นในเมื่อเราจับคุณหนูรองตระกูลเย่ว์ได้ เราเจอเด็กผู้หญิงนี่ เราอยู่ในระหว่างต่อสู้ ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือก ได้แต่จับนางกลับมาด้วย เมื่อจะตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับนาง ทำไมเราต้องมารายงานท่านด้วย?” หนิงไห่รีบบังตัวเย่ว์หยาง

“เหลวไหล, เจ้าอยู่มาถึงสองร้อยปีแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กอีกหรือ? เจ้าต้องรายงานข้าหลายๆ เรื่องใช่ไหม? เจ้าก็แค่ต้องกำจัดศพของนางและลบล้างหลักฐานทั้งหมด ใช่ไหม? ข้าเกลียดตามเช็ดล้างให้พวกเจ้าทั้งสอง เพราะข้ามีเวลาน้อย ข้าต้องการเวลาไว้ค้นคว้าให้มาก แล้วข้ายังต้องมาคอยดูแลปัญหางี่เง่าของพวกเจ้า ใครบางคนทำให้นางกลายเป็นอาหารสัตว์อสูรก็ได้ ข้าขอเตือนเจ้าทั้งสองคน ถ้าพวกเจ้าต้องการให้ข้าตามเช็ดตามล้างเรื่องยุ่งเหยิงของพวกเจ้า ข้าจะโยนพวกเจ้าทั้งสองลงในบึงแมลงปีศาจให้เป็นอาหารสัตว์อสูร ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ใครที่ทำให้ข้าเสียเวลา มันต้องตาย” เฟิงเซียนเซิงยังเต็มไปด้วยความโกรธ

หลิ่วเย่กลัวจัดจนหน้าซีดและสั่นไปทั้งตัว

นางเหลือบมองไปทางเย่ว์หยางและรู้ได้ว่าดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจ พอห่วงว่าเขาจะไม่สนใจนาง หลิ่วเย่กลัวจัดจนแทบจะก้าวหนี

นักรบสองคนก้าวเข้ามาและลากหลิ่วเย่ออกไป

เฟิงเซียนเซิงเพิ่งจะดุด่าเสร็จ ก็ชำเลืองไปทางหลิ่วเย่และถอนหายใจด้วยความประหลาดใจทันที เขายกมือส่งสัญญาณให้ทหารฝีมือดีหยุด

ทหารทั้งสองคนรับคำสั่งตามปกติ แต่หนิงไห่ลอบปาดเหงื่อด้วยความกังวล เขาลอบชำเลืองมองเย่ว์หยาง เขาถึงตระหนักได้ว่าเย่ว์หยางคาดการณ์ว่าจะเกิดเรื่องนี้ไว้แล้ว นี่ทำให้เขากลัวยิ่งขึ้น คุณชายสามตระกูลเย่ว์คำนวณพฤติกรรมเฟิงเซียนเซิงได้ถูกทั้งที่ไม่เคยพบมาก่อนได้อย่างไร?

ถ้าเรื่องนั้นเป็นจริง นั่นคงเป็นเรื่องที่น่ากลัว

คุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นมนุษย์หรือปีศาจกันแน่?

“เด็กคนนี้ดูเหมือนจะมีศักยภาพ ร่างของนางเปล่งพลังงานแปลกประหลาดบางอย่าง..เฮ้, เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญหรือเปล่า?” เฟิงเซียนเซิงถาม

“มะ…, มี” หลิ่วเย่กลัวจัด นางรีบตอบทันที

“ทักษะแฝงเร้นของเจ้าคืออะไร และอสูรพิทักษ์ของเจ้าเล่า? ตอบมาตามตรง แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ารอด” เฟิงเซียนเซิงมองดูหลิ่วเย่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนอย่างที่งูพิษกำลังจ้องมองเหยื่อ

หลิ่วเย่ลอบชำเลืองดูเย่ว์หยาง พอจับสัญญาณเขาได้อย่างรวดเร็ว, นางจึงตอบ นางก้มหน้าตัวสั่นด้วยความกลัว “นั่นคือทักษะแฝงเร้น ‘บริสุทธิ์’ และกวางทะลวงมิติ”

แม้ว่าจะตกใจกลัว แต่หลิ่วเย่ก็ไม่เปิดเผยทักษะแฝงเร้นจริงๆ ของนาง

นางเปลี่ยนข้อมูลเล็กน้อย

นางแทนทักษะแฝงเร้นชำระบาปด้วยคำว่า ทักษะแฝงเร้นบริสุทธิ์

เย่ว์หยางเห็นทักษะแฝงเร้นชำระบาปของหลิ่วเย่มาก่อน เขาคิดว่าทักษะแฝงเร้นนี้เป็นทักษะที่มีคุณค่ามาก แม้ว่าคนธรรมดาจะไม่รู้ความสำคัญ แต่หลิ่วเย่เข้าใจได้อย่างไม่มีข้อสงสัย นอกจากนี้ยังเป็นไปได้มากที่อาจารย์ของนางได้เตือนนางมาก่อน บอกนางว่าทักษะแฝงเร้นนี้จะนำไปโอ้อวดพูดคุยกับคนทั่วไปไม่ได้ ผลก็คือเมื่อนางตอบคำถามเฟิงเซียนเซิง นางจึงตอบจริงครึ่งหนึ่งเท็จครึ่งหนึ่ง นางบอกความจริงเรื่องอสูรพิทักษ์ของนาง แต่ไม่ยอมเผยนักทักษะแฝงเร้นของนาง

ทักษะแฝงเร้นชำระบาป : ครอบครองโดยคนนิสัยดีงามจิตใจสูงส่ง ทักษะแฝงเร้นชนิดนี้คือศัตรูกับความชั่ว การจู่โจมทางจิตหรือคำสาปชั่วร้ายจะไร้ประโยชน์ต่อหน้าทักษะนี้โลหิตชำระบาปของเจ้าของทักษะสามารถใช้ชำระความชั่วร้าย ยิ่งเลือดชำระบาปมีความบริสุทธิ์สูง พลังชำระก็ยิ่งกล้าแข็งยิ่งขึ้น ขณะนี้ทักษะนี้อยู่ในระดับสาม

เมื่อเย่ว์หยางเห็นทักษะแฝงเร้นชนิดนี้แล้ว เขาอุทานในใจว่า “โชคดี” ในที่สุดเขาก็พบกุญแจปลดผนึกคำสาป

สำหรับของพิเศษอย่างหน้ากากเจมินี่, ระฆังทอง ฯลฯ ทั้งหมดล้วนแต่มีผนึกทั้งนั้น

เย่ว์หยางสามารถใช้พลังปราณก่อกำเนิดปลดผนึกของพวกนี้ได้ แต่ต้องใช้ความสามารถมาก เวลาปลดผนึกของเหล่านั้นก็ยากจะกำหนดลงไปตายตัว

ตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองความพยายามมากอีกต่อไป แต่ต้องขอเลือดหลิ่วเย่นิดหน่อยเอามาใช้ร่วมกับปราณก่อกำเนิดจะประหยัดพลังลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง เครื่องมือต่างๆ เช่นหน้ากากเจมินี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่สำคัญก็คือเครื่องมือระดับศักดิ์สิทธิ์และอาวุธระดับเทพที่ใช้วิธีผนึกที่แกร่งกร้าว แม้แต่ประตูยักษ์โบราณบางแห่ง ทางเข้าที่เชื่อมดินแดนต่างๆ ก็มีกับดักอักขระรูนทั้งหมดจะมีผนึกชนิดต่างๆ ผนึกเหล่านี้มีคำสาปอยู่ด้วยไม่น้อย ดังนั้นเมื่อจะสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ การพึ่งพาหลิ่วเย่ผู้ครอบครองทักษะแฝงเร้นชำระบาป ก็เหมือนพกกุญแจไขประตูรูปร่างมนุษย์ไปด้วย

แน่นอนว่าถ้าทักษะแฝงเร้นชำระบาปเป็นของเย่ว์หยางก็คงจะไร้ประโยชน์ตลอดไป ถ้าให้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงก็เป็นเหมือนเครื่องประดับเสียมากกว่า

ทักษะแฝงเร้นชำระบาปจะเกี่ยวข้องกับนิสัยและจิตใจที่ดีงามของผู้ใช้

ยิ่งผู้ใช้มีบุคลิกและนิสัยจิตใจงดงาม ร่างกายของผู้ใช้จะบริสุทธิ์ผุดผ่องมากขึ้น

สำหรับคนอย่างเย่ว์หยาง ต่อให้ได้รับทักษะแฝงเร้นชำระบาป ก็คงไม่สามารถชำระความสกปรกแม้เท่าเม็ดทรายเม็ดเดียวในแดนนรกเป็นแน่

สำหรับอสูรพิทักษ์ของหลิ่วเย่ เย่ว์หยางคิดว่าเหมือนกับสมบัติชิ้นหนึ่ง

เทียบกับสิ่งอื่นอย่างเช่นพยัคฆ์ทอง, หมาป่าเงินหรือกระทิงทองแดง นี่เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

กวางทะลวงมิติ : อสูรรูปแบบพิเศษ กวางชั้นเงินระดับ 2 เป็นอสูรพิทักษ์ร่างกึ่งพลังงาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเคลื่อนไหวพิเศษ : วิ่งในอากาศ ทะลวงผ่านม่านพลัง

กวางตัวนี้อาจถูกคนอื่นมองว่าไม่เลว แต่สำหรับเย่ว์หยางมันเหมือนอัญมณีมีค่า

ถ้ามันถูกใช้งานร่วมกับเทเลพอร์ต การสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็จะง่ายขึ้น อย่างน้อยที่สุด ในหลายพื้นที่เช่น ทางผ่านโบราณ หุบเขามรณะก็จะถูกพิชิตได้ง่ายมาก ด้วยกวางพิเศษตัวนี้ เย่ว์หยางเชื่อว่าหลังจากเข้าไปในฐานทัพลับของราชาเฮยอวี้และอาณาจักรสือจินแล้ว แม้ว่าศัตรูจะพบเขา ไม่ว่าจะก่อเรื่องยุ่งเหยิงหรือหนี ก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

สำหรับการค้นพบทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ของหลิ่วเย่ ทั้งสองอย่างนั้นคือเหตุผลหลักที่ทำให้เย่ว์หยางวางแผนตอบโต้โจมตีอีกฝ่ายโดยซ้อนแผนของพวกเขา

“ดี, ทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ชั้นดี! ความจริง ตราบใดที่เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญ เจ้าก็นับว่าเป็นผู้เยาว์ที่ยอดเยี่ยม ในโลกนี้ไม่มีทักษะแฝงเร้นที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีอสูรพิทักษ์ที่ไร้ประโยชน์ มีแต่เจ้านายที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้าจะส่งเสริมเจ้าให้กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทรงพลังแทน เข้าใจไหม? เจ้ามีศักยภาพอย่างนั้น เพราะเจ้าเป็นเด็กน้อยที่บริสุทธิ์ ข้าก็เคยพบมานะ.. เอ่อ.. แน่นอน, คุณหนูรองแห่งตระกูลเย่ว์ก็นับว่าไม่เลว ถ้าเจ้ายอมเชื่อฟังข้าเสียแต่โดยดี ข้าให้สัญญาเจ้าได้ว่าเจ้าจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง คุณหนูรองตระกูลเย่ว์มีพลังที่นุ่มนวลและสงบดังสายน้ำ ตามที่คาดไว้เลย ผู้เยาว์รุ่นใหม่ของตระกูลเย่ว์มีสายเลือดที่โดดเด่นแน่นอน นี้เป็นเรื่องที่ตระกูลเฟิงมิอาจปฏิเสธได้ ไม่เป็นไร ไม่รู้ว่าข้าจะพูดเรื่องเช่นนี้ไปทำไม” หลังจากเฟิงเซียนเซิงปลอบหลิ่วเย่แล้ว เขาเริ่มจ้อไม่หยุด ขณะที่เย่ว์หวี่ลงมาจากหลังเย่ว์หยาง เฟิงเซียนเซิงจึงไม่อาจทักท้วงได้

พอเห็นว่าหลิ่วเย่สามารถยืนได้ด้วยตนเองแล้ว เย่ว์หวี่ตัดสินใจเชิดหน้าอย่างกล้าหาญ นางไม่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลิ่วเย่ แต่กลับยืนอยู่ข้างๆ นางและจ้องตอบเฟิงเซียนเซิง

นางยังเอ่ยปากถามเขา “ท่านคือผู้ใดในตระกูลเฟิง? ทำไมถึงลักพาตัวข้ามาที่นี่?”

เฟิงเซียนเซิงหัวเราะเสียงประหลาด

หลังจากนั้น เขาโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คุณหนูรองตระกูลเย่ว์ อย่าเพิ่งเร่งร้อนให้ข้าตอบคำถามรวดเดียวเลย มันเร็วเกินไป ให้เวลาข้าสักหน่อยเถอะ ให้ข้าได้ระบายอารมณ์กับเจ้าโง่สองคนนี่สักหน่อย ความจริงข้าต้องการจะยับยั้งชั่งใจตนเองไว้ก่อน แต่ข้ารู้ตัวว่าทำไม่ได้ บางคนเป็นเสียอย่างนี้ ถ้าเจ้าไม่ด่าว่าพวกเขาสักหน่อย พวกเขาคงไม่เข้าใจว่าทำผิดพลาดอะไรไปบ้าง”

ตาเฒ่าผู้นี้หันหน้าไปทางเย่ว์หยางและหนิงไห่ชูหมัดขึ้นแล้วโวยวาย “ใช่แล้ว, ข้าเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ฆ่านางในที่เกิดเหตุแล้วยังลักพาตัวนางมาอีก เด็กผู้หญิงผู้ครอบครองทักษะแฝงเร้นบริสุทธิ์! ใช่แล้ว พวกเจ้าคิดว่าฉลาดนักสินะ คิดว่าถ้าข้าเห็นนางแล้ว ข้าจะลืมเรื่องไฉ่อี ตุ๊กตารบที่สมบูรณ์แบบ และบางทีข้าไม่อาจลืมได้ ข้าอาจจะฆ่าพวกเจ้าด้วยความแค้นก็ได้ ใช่แล้ว ข้ายอมรับว่าพวกเจ้าค่อนข้างใจดี แต่ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น ข้าก็ยังไม่รู้สึกพอใจ ความจริงมันทำให้ข้ารู้สึกเสียใจอย่างมาก ภารกิจล้มเหลว, ล้มเหลวสิ้นเชิง พวกเจ้าปล่อยให้ตุ๊กตารบจากเมื่อหกพันปีก่อนทำลายตนเองไป ทำไมพวกเจ้าทั้งสองคนถึงไม่ฆ่าตัวเองแทน? พวกเจ้าคิดว่าชีวิตของพวกเจ้ามีค่ามากกว่ามันหรือ? ต่อให้มีคนอย่างพวกเจ้าสักสิบคน ต่อให้เอาชีวิตของพวกเจ้ามารวมกัน ก็ยังไม่มีค่าเท่ากับตุ๊กตาหุ่นกลเลย เข้าใจไหม? พวกเจ้านึกหรือว่าจ้านหู่จะส่งตุ๊กตารบแสนหนึ่งไปทำภารกิจให้สำเร็จได้หรือ?”

“ไม่เลย, นี่คือตุ๊กตาศึกเพียงตัวเดียวจากเมื่อหกพันปีที่แล้ว ตุ๊กตาศึกที่ไม่อาจทำซ้ำกันได้! ที่สำคัญที่สุด พวกมันทั้งหมดได้รับการแก้ไขโดยภูตอัจฉริยะเย่ว์กงซึ่งมีพรสวรรค์ที่สุดในตระกูลเย่ว์ ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเสียชีวิตไปแล้ว ต่อให้มีตุ๊กตารบเป็นแสนตัวอยู่ต่อหน้าข้า ทั้งหมดที่ข้าทำได้คือจ้องดูมัน พวกเจ้าเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของข้าบ้างไหม? เจ้าพวกโง่ ข้าควรจะขอไฉ่อีมาทดสอบเอง ใช่แล้ว ข้าผิดเองที่เชื่อความสามารถของพวกเจ้า พวกเจ้าสมควรตาย ข้าอยากจะให้พวกเจ้าสองคนตายจริงๆ” เฟิงเซียนเซิงแช่งชักหักกระดูกทั้งสองคน หนิงไห่กลัวจนขาไม่มีแรง เขาเกือบจะนั่งคุกเข่าแล้ว

นี่ไม่ใช่สาเหตุมาจากแรงกดดันจากพลังปราณก่อกำเนิดของเฟิงเซียนเซิงแน่ คงเป็นเรื่องอำนาจของเขา

หนิงไห่เคยเห็นมามากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ว่างานใดที่เฟิงเซียนเซิงพบว่าไม่น่าพอใจ ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้มาจากการทดลองก็ไม่มีการไว้หน้า

สำหรับการตัดสินใจที่ระห่ำเช่นนั้น ใต้เท้าจ้านหู่ที่มีตำแหน่งบัญชาการสูงสุดในฐานก็ยังสนับสนุนเขาอยู่สม่ำเสมอ ตัวเขาเองก็เคยเค้นคอคนที่แข็งขืนมาเป็นสิบๆ คนแล้ว

เพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ตราบใดที่เฟิงเซียนเซิงอยู่ในฐานทัพนี้คำสั่งของเขาเท่ากับคำสั่งสูงสุด

แม้ว่าจ้านหู่จะทรงพลังก็ตาม แต่ก็ยังรับคำแนะนำจากเขา

เฟิงเซียนเซิงกำหมัดแน่นและสูดหายใจลึก เหมือนกับว่าพยายามระงับความโกรธ “ไม่ว่ายังไง พวกเจ้าก็นำคุณหนูรองตระกูลเย่ว์กลับมา ความสำเร็จของเจ้าถือว่าเป็นรางวัล ข้าจะปูนบำเหน็จและลงโทษตามสมควร พวกเจ้าทำเรื่องโง่ๆ ข้าจะรายงานให้จ้านหู่ทราบแล้วให้เขาตัดสินเอง พวกเจ้ายังทำสิ่งที่ถูกต้อง ข้าจะให้รางวัลพวกเจ้าโดยไม่ลังเลเลย เหมียวซือ จะได้รับสาวงามอีกมากและได้รับเลือดเนื้อสด คำขอของพวกเจ้าทุกอย่างจะได้รับการตอบสนอง แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้า ครั้งต่อไปอย่าทำเรื่องโง่ๆ อีก มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า สำหรับหนิงไห่ เจ้าสามารถได้รับรางวัลเมื่อเจ้ายกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เจ้าสามารถใช้ผลงานของเจ้าแลกเปลี่ยนสมบัติที่เจ้าชอบ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเจ้า เดี๋ยว, มีบางอย่าง ที่ข้าต้องทำก่อน เอาผลึกมังกรสองลูกที่อยู่ในตุ๊กตารบสองตัวออกมาให้หมด เรื่องที่อสูรหุ่นทำลายตนเองอาจเกิดขึ้น อย่างที่เจ้ารู้ ตุ๊กตารบเหล่านี้มีค่ามากเกินไป เกี่ยวกับวิธีผลิตหุ่นกลในตอนนี้ แม้จะผ่านการค้นคว้ามาแล้ว ก็ไม่มีทางทำขึ้นมาให้เหมือนกันได้”

เย่ว์หยางเข้าใจได้ทันที ตามที่คาดไว้ ตุ๊กตารบเหล่านี้เริ่มทำงานได้หลังจากได้รับการแก้ไขโดยภูตอัจฉริยะเย่ว์กง

หกพันปี เป็นเวลาที่ยาวนานเกินไปสำหรับหุ่นกลรบล่าสุด

ดังนั้น เย่ว์กงคงมีประสงค์เช่นนี้

ตุ๊กตารบอย่างไฉ่อีถือเป็นวิทยาการที่ก้าวหน้ามากแล้ว พวกมันสามารถเคลื่อนไหวและทำตามคำแนะนำได้อย่างอิสระเพื่อทำงานให้สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่มีอารมณ์, ไม่มีเหตุผลซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของมนุษย์

ถ้าเย่ว์หยางสามารถเพิ่มสิ่งนี้ลงไปได้ การเติมเต็มปณิธานข้อที่สามของเย่ว์กงก็คงไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป

เฟิงเซียนเซิงใช้มือตบหน้าผาก เหมือนกับว่าเขานึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นได้กะทันหัน “อา.. ไม่มีเวลาแล้ว ข้าลืมเจรจากับบุรุษผู้นั้น พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป กักตัวคุณหนูรองตระกูลเย่ว์และเด็กผู้หญิงคนนี้ไว้ เหมียวซือและหนิงไห่ พวกเจ้าทั้งสองคนดูแลคุณหนูรองไว้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง เจ้าทั้งสองคนต้องตาย ไปได้แล้ว ข้ามีเรื่องรีบด่วน”

เขาเปิดประตูกลแล้ววิ่งเข้าไปข้างใน

หนิงไห่ลอบมองเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางไม่สนใจเขา กลับฉุดดึงเย่ว์หวี่ และพาหลิ่วเย่พร้อมกับตามเฟิงเซียนเซิงเข้าไป

ข้างหลังพวกเขา มีนักรบสวมเกราะฝีมือดีราวสิบกว่าคนตามมาอย่างรู้กัน อย่างไรก็ตาม ประตูแต่ละบานจะหนักมาก และมีระบบป้องกันอัตโนมัติ พวกเขาต้องระมัดระวังและรอบคอบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของพวกเขาเอง หรือกระทำตามคำสั่ง ดูเหมือนพวกเขาจะเหมือนเครื่องจักรยิ่งกว่าตุ๊กตาหุ่นกลเสียอีก

หลังจากเดินผ่านประตูโลหะบานใหญ่สามบาน พวกเขาเดินลงไปตามบันได

สถานที่พวกเขาไป ดูเหมือนจะเป็นคุกใต้ดิน

ผนังที่นี่ไม่ได้ทำด้วยโลหะอีกต่อไป แต่กลับสร้างจากแก้วผลึกแบบพิเศษ เย่ว์หยางไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นแก้วผลึกชนิดใด แต่เขาพบว่ามันแข็งมาก

ดูเหมือนว่า ห้องแก้วผลึกจะจองจำนักโทษผู้หนึ่งไว้ เย่ว์หยางพบว่าแก้วผลึกเหล่านี้สามารถกันปราณได้ เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใดอยู่ข้างใน สำหรับพลังจักษุญาณทิพย์ เขาไม่สามารถใช้ต่อหน้าเฟิงเซียนเซิงได้แน่ เพราะชายแก่ผู้นี้มีประสาทสัมผัสไว เย่ว์หยางต้องข่มความสงสัยไว้และควบคุมพลังปราณของเขาไว้ เลียนแบบปราณของเหมียวซือ เขายังคงเดินตามหลัง แสร้งทำเป็นนักสู้ผู้ภักดี

ข้างหน้าคือห้องแก้วผลึกที่ใหญ่ที่สุด พวกเขาเดินผ่านเข้าไปไกล เฟิงเซียนเซิงใช้วิธีการลับยกผนึกบนวงแหวนผนึก

การกระทำของเขารวดเร็ว แต่ซับซ้อนมาก

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางจำทุกอย่างในใจได้

ผนึกสะเทือนและเปิดออกเล็กน้อย รอยแยกไม่เกินสองเมตรก่อตัวบนผนัง

ภายในนั้น ปรากฏมีบุรุษวัยกลางคนๆ หนึ่ง ไหล่ซ้ายขวาของเขา, กระดูกซี่โครง, ต้นขา, เข่า, ข้อมือและหลังศีรษะของเขาถูกล่ามโซ่มีห่วงล็อค เย่ว์หยางมีสายตาดี เขาดึงสติกลับมาทันทีหลังจากดูว่าเป็นผู้ใด เขาหลบสายตาไม่ให้ใครเห็นและซ่อนตัวอยู่หลังผนังที่คนมองไม่เห็น เย่ว์หวี่ที่อยู่ข้างๆ เย่ว์หยางร้องไห้เสียใจ ทั้งนี้เพราะนางรู้ดีว่าบุรุษที่ถูกทรมานถูกฉีกเนื้อฉีกจนกระดูกโผล่ คือคนที่หายสาบสูญ เย่ว์ซานนั่นเอง

“อ๊า..ไม่นะ…” น้ำตาเย่ว์หวี่ไหลพรากราวกับสายฝน ขณะที่ตัวนางสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด

บิดาของพวกเขาไม่ได้หักหลังและหนีไปแดนปีศาจ แต่ถูกราชาเฮยอวี้จองจำไว้

ตอนนี้ ไม่เพียงแค่เย่ว์หยาง, เย่ว์หวี่เท่านั้น แม้แต่หลิ่วเย่ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิงเซียนเซิงถึงต้องจับเย่ว์หวี่เป็นตัวประกันด้วย

เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็เพื่อคุกคามและบังคับให้เย่ว์ซานยอมจำนน

*******************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด