ตอนที่แล้วตอนที่ 427 - เมื่อพี่เขยโมโห
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 429 - ยกระดับกับทักษะใหม่ 2 อย่าง

ตอนที่ 428 - คู่ต่อสู้แข็งแกร่งช่วยบรรลุขอบเขตใหม่


มารกระบี่ฟ้ายืนอยู่ข้างเย่ว์หยาง เตรียมทุ่มสุดกำลัง

กระบี่โบราณชั้นศักดิ์สิทธิ์หลุดออกจากฝักแล้ว

แสงสว่างเจิดจ้ากระจายออกจากตัวกระบี่

เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์อัญเชิญทันทีและกางโล่พลังป้องกัน โดยปกติโล่พลังไม่สามารถต้านทานกระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ก็ยังชะลอความเร็วของมารกระบี่ฟ้าได้ หลังจากถ่วงเวลาในช่วงเวลาสั้นๆ เย่ว์หยางก็เริ่มโจมตีตอบโต้ ดาบฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยวปะทะกับกระบี่โบราณได้อย่างน่าชื่นชม เสียงแคร้งจากการปะทะของดาบทั้งสามดังอย่างต่อเนื่อง

กระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์มีพลังวิญญาณ และแม้จะถูกพัวพันจู่โจมโดยดาบทั้งสองสุดกำลัง มันก็สามารถต่อต้านพลังโจมตีและปัดดาบฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยวได้

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถจัดการกับพลังโจมตีจากเย่ว์หยางที่เกิดจากการรวมพลังปราณก่อกำเนิด

ติง!

เสียงหนึ่งดังขึ้น

นิ้วมือขวาของมารกระบี่ฟ้าถึงกับชา และกระบี่ของเขาแทบหลุดจากมือ

มารกระบี่ฟ้ารู้สึกว่าเย่ว์หยางมุ่งโจมตีใส่จุดที่อ่อนที่สุดของเขา การโจมตีรุนแรงที่สุดใส่จุดที่อ่อนที่สุดของเขา ทำให้เขาอึดอัดใจจนแทบกระอักโลหิต เขาไม่เคยคิดว่าจุดอ่อนของเขาจะอยู่บนกระบี่ของเขา และมีมากยิ่งขึ้น คาดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางจะสามารถค้นหาจุดอ่อนนั้นพบได้

โชคดีที่ว่า นี่มิใช่การต่อสู้เสี่ยงชีวิต ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว

มารกระบี่ฟ้าถูกบีบให้ถอยร่นจากพลังโจมตีที่น่าทึ่งของเย่ว์หยางจึงเริ่มรู้สึกหวั่นเกรงในใจที่เขาเองไม่อาจข่มได้ในบางครั้ง

เขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางมีทักษะที่ยอดเยี่ยม ก็คือทักษะญาณทิพย์ซี่งสามารถผสานเข้ากับทักษะตาทิพย์ได้สมบูรณ์แบบ รวมกับขอบเขตพลังตาทิพย์ของวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ ก่อเกิดเป็นพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้นคือ จักษุญาณทิพย์ (จักษุทิพย์ – เห็นภาพที่คนธรรมดามองไม่เห็น, ญาณทิพย์ – รู้ในความรู้ที่คนธรรมดาไม่รู้…จักษุญาณทิพย์ในที่นี้ก็คือ เห็นและรู้คำอธิบายเสร็จสรรพ) ด้วยพลังนี้จะทำให้เย่ว์หยางมองเห็นจุดอ่อนของมารกระบี่ฟ้าทันทีที่เขาจู่โจมครั้งแรก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายังคงมีเรื่องที่เย่ว์หยางหลงใหลชอบกระบี่โบราณชั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นรวมอยู่ด้วย ต่อให้เขาครอบครองดาบฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยวก็ตาม แต่ความต้องการสมบัติของเย่ว์หยางก็ยังไม่ลดลง

กระบี่โบราณศักดิ์สิทธิ์จะไม่ทำให้เย่ว์หยางตื่นเต้นได้อย่างไร? เขาอดที่จะมองหลายครั้งหลายคราไม่ได้เป็นธรรมดา

มารกระบี่ฟ้าถอยกลับและข่มความตื่นตระหนกในใจ

ขณะที่สถานการณ์ของมารกระบี่ฟ้าเริ่มสงบ กระบี่ในมือของเขา, ปราณกระบี่ในมือของเขาก็เริ่มพุ่งออกมา

“พันกระบี่ทะลวงใจ”

ท่านี้เป็นหนึ่งในสุดยอดสามไม้ตายของมารกระบี่ฟ้า เป็นไม้ตายที่ใช้ไม่บ่อยนัก แต่เพื่อข่มพลังที่กร้าวแกร่งของเย่ว์หยาง มารกระบี่ฟ้าพยายามอย่างสุดความสามารถ

พื้นดินทั่วทั้งหมดรู้สึกเหมือนถูกตัดฟันด้วยรังสีปราณกระบี่นับล้าน จากนั้นรังสีปราณกระบี่เริ่มล่องหนหายไปในอากาศ ก่อนที่ทั้งหมดจะยิงเข้าใส่ร่างของเย่ว์หยางรวดเดียว

ในรังสีกระบี่เหล่านั้น มีกระบี่สายหนึ่งมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด มีรังสีฆ่าฟันรุนแรงที่สุด

นั่นไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นกระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์ ปลายกระบี่เหมือนกับดาวเย็น เล็งตรงมาที่หัวใจของเย่ว์หยาง

“ช้าเกินไป!”

เย่ว์หยางตะโกน

ร่างแท้จริงของเขาปรากฏที่ด้านหลังมารกระบี่ฟ้า ขณะที่รังสีกระบี่นับล้านผ่านทะลุภาพลวงตาของเขาไป

ท่านั้นจะรวบรวมปราณกระบี่ที่ทรงพลังไว้อาจไม่จำเป็นต้องมีผลอะไร เนื่องจากเป้าหมายก็เพื่อทำร้ายเย่ว์หยางที่ก่อนนั้นเคยปรับตัวให้เข้ากับความเร็วสุดยอดในการโจมตีของจักรพรรดิชื่อตี้ มารกระบี่ฟ้าจะต้องทำให้ไวกว่านั้นมาก ด้วยทักษะพลังหยินหยางของเย่ว์หยาง ดาบฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยวที่ควบคุมโดยเย่ว์หยางเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ช้ามาก ดาบทั้งสองวาดวงกลมขนาดใหญ่เหมือนกับเคลื่อนไหวช้าๆ จากนั้นจึงแทงเข้าโจมตีมารกระบี่ฟ้า มารกระบี่ฟ้าคิดว่าไม่มีทางที่พลังโจมตีเชื่องช้าราวทากคลานจะสามารถโจมตีใส่เขาได้ แต่เมื่อเขาพยายามยกกระบี่ของเขา เขาก็ตระหนักได้ว่าความเคลื่อนไหวของตัวเขาเองยังเชื่องช้ายิ่งกว่าทากคลานภายใต้พลังปราณของศัตรูของเขา… ตอนนี้ ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับดาบสองเล่มที่กำลังฟันตรงลงมาที่เขา มารกระบี่ฟ้าได้แต่มองดูอย่างทำอะไรไม่ได้

ข้าตายแน่

มารกระบี่ฟ้ารู้สึกเย็นเยือกในใจ

เพียงเมื่อปลายดาบถึงจมูกของเขา กระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์เปล่งลำแสงสีทองทันทีครอบคลุมและปกป้องร่างของเขาไว้

เสียงเคล้งดังขึ้นสองครั้ง กระบี่ได้ป้องกันการโจมตีจากดาบฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยว โดยที่เจ้านายของมันเองไม่มีทางป้องกันตนเองได้

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการปกป้องดังกล่าวเป็นเหตุให้สิ้นเปลืองพลังไปจำนวนมากแทบหมดสิ้น แม้จะเป็นกระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม ความสว่างของกระบี่หมองลงอย่างรวดเร็ว ก็เหมือนกับพฤติกรรมของนักสู้ที่เริ่มเหนื่อยจัดและเหนื่อยเกินกว่าจะสู้ต่อได้อีก เย่ว์หยางหัวเราะลั่น จากนั้นเขาเลียนแบบวิธีของจักรพรรดิชื่อตี้ เขาเงื้อขาและเตะเข้าที่ท้องของมารกระบี่ฟ้าอย่างหนัก จนมารกระบี่ฟ้าปลิวไปไกล

แม้ว่าความเร็วในการเตะของเย่ว์หยางยังห่างจากจักรพรรดิชื่อตี้อยู่มาก แต่ก็ยังมีความรู้สึกของจักรพรรดิชื่อตี้อยู่

ตราบใดที่เขายังคงพัฒนาและทำความเข้าใจต่อไป มีความเป็นไปได้สูงที่เย่ว์หยางจะมีความเร็วในระดับเดียวกับจักรพรรดิชื่อตี้ ด้วยพรสวรรค์ของเย่ว์หยาง มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเหนือกว่าจักรพรรดิชื่อตี้ ขณะที่เย่ว์หยางกำลังสนุกกับการต่อสู้และทำความเข้าใจ บุรุษยักษ์มือกลองก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างโกรธเกรี้ยวและเหวี่ยงหมัดใส่เย่ว์หยางเต็มแรง สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตกใจก็คือเจ้าผู้นี้เหมือนโคถึกมีพลังหมัดที่รุนแรงจริงๆ

ไม่ต้องสู้โดยใช้พลังเครื่องมือช่วยเหลือ ไม่ใช้อสูรเพื่อเสริมพลัง แค่ด้วยพลังหมัดล้วนๆ เขาก็ทะลวงเกราะป้องกันได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางพบกับศัตรูเช่นนี้

หมัดยักษ์ทะลุเกราะและกระแทกใส่อกของเย่ว์หยาง

พลังรุนแรงกว่าแรงกระแทกของแมมม็อธและช้างยักษ์สิบตัว

ถ้าเขาป้องกันพลังหมัดที่รุนแรงนี้ด้วยร่างกายเขา เย่ว์หยางคงไม่อาจรอดชีวิตได้ไม่ว่าเขาจะมีทักษะเอาตัวรอดแบบแมลงสาบยังไงก็ตาม

แต่, แม้กระทั่งจักรพรรดิชื่อตี้ก็ยังต่อยให้ถูกตัวเย่ว์หยางได้ลำบาก เนื่องจากเย่ว์หยางมีทักษะสามกระบวนท่าลึกลับ ประสาอะไรกับหมัดที่เหมือนโคถึกของมารฟ้าพิโรธ

เย่ว์หยางหมุนตัว

หมัดโจมตีที่หนักหน่วงของมารฟ้าพิโรธทำให้เย่ว์หยางเสียวชายโครงอยู่ชั่วครู่ ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางเริ่มโจมตีตอบโต้

“บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม…..”

เป็นการระดมตอบโต้ราวกับฝนคะนอง เมื่อมารฟ้าพิโรธปล่อยหมัด เย่ว์หยางจะตอบโต้คืนด้วยพลังเตะสามสิบหกชั้นเข้าที่ท้องของมารฟ้าพิโรธก่อนที่มารฟ้าพิโรธจะทันได้ใช้หมัดของเขา เท้าที่สามสิบหกของเย่ว์หยางก็เตะเข้าที่คางของมารฟ้าพิโรธ การเตะทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ แม้แต่เย่คงที่มีทักษะป้องกันที่ดีเยี่ยมยังกลิ้งมาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตะลึงเป็นครั้งที่สองก็คือมารฟ้าพิโรธแค่เซถอยหลังไปไม่กี่ก้าว และจับศีรษะตนเองไว้สองวินาที ขณะที่เขาสะบัดศีรษะก่อนที่จะฟื้นจากการถูกโจมตี

เย่ว์หยางพูดไม่ออก เจ้านี่เป็นมนุษย์จริงๆ หรือเปล่า?

พอเห็นทักษะป้องกันตัวที่เหลือเชื่อนั้น ร้ายกาจขนาดที่เหล่ามังกรยักษ์ต้องยอมเรียกมารฟ้าพิโรธว่าพี่

เย่ว์หยางไม่รู้ว่ามารฟ้าพิโรธมีพลังป้องกันตัวที่ทนทานที่สุดในวังมาร เขาเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงทนทาน เป็นไปได้ว่ามารฟ้าพิโรธแข็งแกร่งและทนทานต่อการโดนทุบตีมากที่สุดในวังมาร

เย่ว์หยางไม่มีทางเอาชนะมนุษย์รถถังอย่างนั้นด้วยพลังหมัดและพลังเตะล้วนๆ ได้ ถ้าเขาไม่ใช้เพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลก

“เจ้าตัวดี! เจ้าจะต้องเจอความพิโรธโกรธาของข้า” แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็นคนซื่อสัตย์ก็ตาม แต่มารฟ้าพิโรธไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าคงเป็นเรื่องโง่ถ้าสู้ตัวต่อตัวกับเย่ว์หยางในระยะประชิด เหมือนกับเป็นการขอให้เขาทุบตีและตัวเขาเองก็ไม่อาจได้เปรียบ

ดังนั้น เขาจึงถอยห่างออกมาสิบเมตร คว้ากลองแพลตตินัมและระเบิดพลังตีกลองนั้นอย่างดุเดือด

โลกสั่นสะเทือนจากแรงกระแทกรุนแรง

เสียงระเบิด “บึ้ม” ทำให้เย่ว์หยางหูอื้อ ขณะที่เขาสูญเสียความนึกคิดจนแทบสลบ

เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่ากลองนี้จะสามารถสร้างเสียงระเบิดอย่างนั้นได้

เย่ว์หยางเตรียมพร้อมปกป้องตนเองจากกลอง ขณะที่เขารู้ว่ากลองนั้นไม่ธรรมดา แต่เมื่อคลื่นทำลายระเบิดออกมา เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าเขาคำนวณผิดพลาด

ตอนนี้เย่ว์หยางเซไปมาเหมือนคนเมา สับสนและมึนงง

มารฟ้าพิโรธหัวเราะลั่นจากตำแหน่งที่เขาถอยออกไป

มารบาปฟ้าไม่ได้ถอย แต่แสดงสีหน้าลำบากทรมานบนใบหน้า แม้ว่าเขาจะใช้นิ้วอุดหูแล้วก็ตาม

มารฟ้าพิโรธไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องความอดทนต่อการถูกทุบตีเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งของเขา นอกจากนี้ไม่ใช่เรื่องอารมณ์ขี้โมโหของเขา แต่เพราะกลองสะท้านฟ้าของเขาซึ่งสร้างเสียงที่น่ากลัวเหมือนเมื่อตอนสวรรค์พิโรธ

เย่ว์หยางต้องทุกข์ทรมานเพราะเขาไม่รู้เรื่องนี้

“หยิ่งเข้าไป, หยิ่งมากนักเพราะมีความสามารถที่น่ากลัว ไหนลองแสดงให้ดูหน่อยซิว่า เจ้ามีดียังไง” มารฟ้าพิโรธมีความสุข ทันทีที่ลั่นกลองสะท้านฟ้าใส่เป้าหมาย เหยื่อจะตกอยู่ในอาการมึนงงสับสน เพราะแม้แต่มารเคราะห์ฟ้าผู้แข็งแกร่งก็ยังได้รับผลกระทบไปสิบวินาทีเมื่อตอนตีกลอง ดังนั้นมารฟ้าพิโรธแน่ใจว่าเย่ว์หยางคงไม่ฟื้นตัวเป็นเวลาสิบวินาทีในคราวนี้ มารฟ้าพิโรธมั่นใจว่าเขาสามารถกดขี่จนเย่ว์หยางอยู่ในสภาพที่น่าอนาถได้… หมัดที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ต่อยใส่เย่ว์หยางอย่างรุนแรงอีกครั้ง

แต่ ไม่เคยมีศัตรูผู้หนีรอดได้โดยไม่เป็นอันตรายหลังจากชิงมีเปรียบเย่ว์หยาง

คนที่เอาเปรียบเย่ว์หยางได้คงยังไม่ถือกำเนิด

เพียงขณะที่หมัดหนักรุนแรงของมารฟ้าพิโรธจะกระทบถูกตัวเย่ว์หยาง มารเคราะห์ฟ้าถึงกับหน้าซีดเผือดตะโกนว่า “มารฟ้าพิโรธ ระวัง! เจ้าวัวโง่….”

นางมองดูอย่างช่วยไม่ได้ ขณะมารฟ้าพิโรธกระแทกใส่ภาพหลอกตาของเย่ว์หยาง และเย่ว์หยางตัวจริงที่หลุดพ้นอาการมึนงงสับสนปรากฏตัวอยู่ด้านบนของมารฟ้าพิโรธ มารฟ้าพิโรธไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้าเขาแค่ถูกทุบตี เพราะเขามีร่างกายที่ทนทาน

นอกจากนี้ ถ้าเย่ว์หยางจะโจมตีด้วยดาบฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยว มารเคราะห์ฟ้าก็คงยื่นมือช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม พอเห็นสิ่งที่เย่ว์หยางเอาออกมา ไม่ใช่แค่มารเคราะห์ฟ้าเท่านั้น แม้แต่มารบาปฟ้าที่ไม่ได้ขยับตัวตั้งแต่แรกก็คว้ากล่องโบราณและเผ่นหนีไปอย่างเร่งร้อน

ทั้งนี้เพราะสิ่งที่เย่ว์หยางล้วงออกมาก็คือระฆังกวักวิญญาณนั่นเอง!

เดิมทีเป็นของจักรพรรดิชื่อตี้

ถ้าเย่ว์หยางไม่มีเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิดคอยปกป้องชีวิตตนเองเมื่อคราวสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้แล้ว พลังปีศาจของระฆังกวักวิญญาณจะไม่มีทางถูกขจัดและเย่ว์หยางจะถูกฆ่า ระฆังกวักวิญญาณไม่ใช่เรื่องที่ล้อเล่นกันได้ เมื่อเย่ว์หยางลั่นระฆัง ไม่ต้องพูดถึงมารฟ้าพิโรธที่อยู่ใต้ระฆังเลย แม้แต่เขาเองยังรู้สึกอึดอัด

ทั่วทั้งหุบเขาเสียหม่าถูกกลืนด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว แรงคลื่นเสียงกระแทกของระฆังกวักวิญญาณอย่างเดียวก็ทำให้ถ้ำมังกรปีศาจพังถล่มลงมาได้

วันนี้ที่หุบเขาเสียหม่า แม้ว่าจะไม่ถึงกับถล่มทลาย แต่ก็ทำให้มีพลังระเบิดใส่ร่างยักษ์ได้ ร่างของมารเคราะห์ฟ้า, มารบาปฟ้า, มารกระบี่ฟ้า, มารฟ้าสังหารและมารฟ้าวิบัติผู้ซ่อนกาย เนื่องจากแรงปะทะกันระหว่างปราณปกป้องของพวกเขาและคลื่นอัดกระแทก ก็เหมือนกับพายุในทะเลทราย พื้นดินป่นกระจุยกระจายฟุ้งขึ้นไปในอากาศจนมองเห็นไม่ชัด การณ์กลับกลายว่ามีพื้นถล่มทลายอยู่หลายแห่ง พื้นดินแตกแยกเป็นรอยกว้าง

เย่ว์หยางรู้สึกว่าเสียงเรียกสั่นวิญญาณนั้นยาวนานเหลือทนเขารีบเก็บระฆังกวักวิญญาณ ขณะนั้นหุบเขาเสียหม่าถูกทำลายแทบเกือบทั้งหมด

พื้นแตกแยกและท้องฟ้ามืดมน โลกมืดมิด

อากาศเต็มไปด้วยผงธุลี

มารฟ้าพิโรธมีเลือดไหลออกจากหูเซไปเซมาเหมือนคนปัญญาอ่อน

เขาเดินสั่นงันงกได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มตุ้บกับพื้น ควันและฝุ่นลอยฟุ้งจากพื้น

“ครอกกกก…ฟี้…..” มารฟ้าพิโรธกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตรงจุดที่เขาล้มนอนนั้นเอง เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อแตก มารฟ้าพิโรธดูแล้วเหมาะกับชื่อของเขาแล้วถ้าฟังจากเสียงกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเสียงกรนของคนๆ หนึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจ ตามรายงาน เสียงกรนที่ดังที่สุดอาจดังได้ถึงราว 80 เดซิเบล ซึ่งไม่ต่างจากเสียงรถยนต์ที่วิ่งตามปกติ แต่กระนั้นเสียงกรนของมารฟ้าพิโรธดังสนั่นเหลือเชื่อ เหมือนกับเสียงฟ้าร้อง และดังกว่าหวูดรถไฟเสียอีก

“โชคดีนะที่เจ้าไม่ได้แต่งงาน หรือว่าเจ้ารำคาญภรรยาของเจ้ากันแน่” เย่ว์หยางปาดเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนหน้าผาก

“…..” สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อยิ่งกว่าเดิมก็คือมารฟ้าสังหารได้ไถลตัวข้ามมารฟ้าพิโรธที่กำลังกรนสนั่นอยู่ ในมือถือมีด เย่ว์หยางไม่ทันสังเกตว่าเขาตกเป็นเป้าโจมตี ด้วยว่ามีดระดับแพลตตินัมกรีดคอเขาจนเกิดรอยแผลเล็กที่คอ

เย่ว์หยางชื่นชมมารฟ้าสังหารสำหรับทักษะซ่อนตัวเองและลอบทำร้ายเป้าหมาย

เย่ว์หยางไม่ใช่คนที่จะถูกเล่นงานได้ง่ายๆ แต่มารฟ้าสังหารก็ทำร้ายได้สำเร็จภายใต้การจับตาของเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางปรากฏตัวห่างออกไปไม่กี่เมตรมีเลือดเปรอะที่คอ ขณะที่เงาร่างของเขาหายไปเป็นครั้งที่สาม เย่ว์หยางจึงไม่ตกเป็นเป้าหมายง่ายๆ และเขาเทเลพอร์ตหนีได้ มารฟ้าสังหารไม่ได้กลับตัว แต่ในมือกลับมีหน้าไม้ที่เป็นอาวุธระดับแพลตตินัมอีกชุดหนึ่ง เหมือนกับว่าเขารู้ว่าเย่ว์หยางจะเทเลพอร์ต มารฟ้าสังหารก็ยิงไปที่ตำแหน่งที่เย่ว์หยางปรากฏตัว

ความสามารถในการตัดสินใจดีทำให้เย่ว์หยางรู้สึกชื่นชมมารฟ้าสังหารอีกครั้ง เป็นความจริงที่ว่าทุกคนในวังมารจะมีทักษะสูงและคนที่ทำให้เย่ว์หยางประทับใจก็ไม่อาจประมาทได้

ควั่บ ควั่บ ควั่บ!

ในพริบตาธนูสามดอกถูกยิงออกมาจากหน้าไม้กระทบเสื้อและเจาะเกราะเย่ว์หยาง….

ลูกธนูทั้งหมดเป็นธนูกำจัดมาร อาวุธระดับทอง

โล่ไฟและน้ำแข็งถูกสร้างด้วยพลังเพลิงและพลังของน้ำแข็งของเย่ว์หยางถูกแทงทะลุทั้งหมด โล่นั้นสามารถผสานร่วมป้องกันพลังโจมตีของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าได้ แต่ไม่สามารถป้องกันลูกธนูได้

“คงเป็นการเสียมารยาทถ้าไม่ตอบแทนความปรารถนาดีของเจ้าเสียบ้าง” พอเย่ว์หยางโบกมือ ธนูสามดอกก็หายไป

แม้ว่าธนูระดับทองจะน่ากลัว แต่ก็ไม่มีอะไร ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเย่ว์หยาง

เมื่อมารฟ้าสังหารเสียใจที่ให้ธนูกับเย่ว์หยางผู้ทั้งหน้าหนาและโลภไปฟรีๆ เย่ว์หยางเริ่มโจมตีโต้กลับ ทักษะหยางของเขากลั่นตัวเป็นรูปคันธนูเพลิงม่วง น้ำแข็งและสายฟ้าก็สร้างด้วยอักษรรูนสวรรค์ ทั้งหมดค่อยๆ รวมตัวก่อตัวเป็นธนูสายเพลิงม่วง

มารฟ้าสังหารเผ่นหนีทันที

เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน

อย่างไรก็ตาม ธนูสามดอกถูกยิงควั่บอย่างกราดเกรี้ยวและพุ่งเข้าไปที่จุดตรงมารฟ้าสังหารหายเข้าไปในดินทันที พื้นผิวดินระเบิด พลังที่น่าหวาดหวั่นบีบบังคับให้มารฟ้าสังหารต้องออกมาจากพื้นดิน

เย่ว์หยางควงทวนทองฆ่ามังกรและหวดใส่มารฟ้าสังหาร ใช้อาวุธยาวเพื่อเอาชนะดาบสั้นของมารฟ้าสังหาร ถ้าเย่ว์หยางใช้มีดทองฆ่ามังกร เขาคงไม่สามารถเอาชนะมารฟ้าสังหารผู้เชี่ยวชาญดาบสั้นได้ แต่เขามักฉวยโอกาสใช้พลังของตนเองเอาชนะจุดด้อยของศัตรูของเขาได้ ทำไมเย่ว์หยางจะต้องปฏิบัติตามกฎใช้มีดสั้นของเขาสู้กับมารฟ้าสังหารด้วยเล่า?

เอาชนะมารกระบี่ฟ้า, มารฟ้าสังหารและมารฟ้าพิโรธได้สำเร็จ เย่ว์หยางคิดว่าต่อสู้เกือบเสร็จแล้ว

อย่างไรก็ตาม มารเคราะห์ฟ้า, มารบาปฟ้าและมารฟ้าวิบัติก็ก้าวเข้ามาล้อมเขาไว้

เย่ว์หยางชักรำคาญขึ้นมาจริงๆ

เขาลอยตัวขึ้นในท้องฟ้าและรวมพลังบัวเพลิงฟ้าพิโรธ พลังที่น่ากลัวเล็งลงมาที่พื้นทำให้มารเคราะห์ฟ้า, มารบาปฟ้าและมารฟ้าวิบัติรู้สึกอึดอัดจนแทบกลายเป็นหิน ในท้องฟ้าดอกไม้ที่เกิดจากบัวเพลิงฟ้าพิโรธสีม่วงทองปรากฏจากในมือของเย่ว์หยาง เมื่อเย่ว์หยางถึงขีดจำกัดของร่างกายเขา และรู้สึกเหมือนว่าเขาต้องปลดปล่อยพลังงานจากร่างกายเขาหรือว่า เขารู้สึกไม่ค่อยดี ดังนั้นเขาจึงทำตามใจตนเองผลักฝ่ามือลงไปที่พื้น…. พลังมหาศาจหลุดจากฝ่ามือของเขาและพุ่งลงพื้น มารเคราะห์ฟ้าหนีทันทีและมารฟ้าวิบัติก็ทำตามความคิดตนเองและซ่อนตัวทันที มีเพียงมารบาปฟ้าที่ตัดสินใจรับพลังโจมตีของเย่ว์หยางอย่างประมาท มารบาปฟ้าร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงที่น่ากลัวเหมือนเสียงโหยหวนของวิญญาณนับไม่ถ้วนในนรกและรอบตัวเขา เขาเหมือนกับสร้างภาพปีศาจจากนรก มารบาปฟ้ายกกล่องโบราณใหญ่และฝืนตัวใช้ต้านพลังฝ่ามือของเย่ว์หยาง

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ใต้เท้าของมารบาปฟ้าระเบิดออก

โดยมีมารบาปฟ้าเป็นแกนกลาง ปรากฏเป็นรูปฝ่ามือขนาดสิบเมตรอยู่บนพื้น

รอยฝ่ามือเห็นได้ชัดเจน

ดูเหมือนเป็นรอยฝ่ามือของเย่ว์หยางแน่นอน

มันเป็นรอยขนาดใหญ่ประทับลึกลงไปห้าเมตร ที่ซึ่งมารบาปฟ้ายืน ยังคงเหลือกองดินเล็กๆ อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมารบาปฟ้าก้มลงมองพื้น เขาอดรู้สึกประหลาดใจกับพลังฝ่ามือของเย่ว์หยางมิได้

แรงประทับจากฝ่ามือของเขามีพลังมาจากจุดที่เขายืนอยู่ในอากาศ

เย่ว์หยางเป็นมนุษย์จริงๆ หรือนี่?

“เจ้าโรคจิต!” มารเคราะห์ฟ้ายังคงหน้าซีดเพราะความกลัว เนื่องจากพลังต่อสู้ของนางส่วนใหญ่มาจากสัตว์อสูรของนาง ไม่มีสัตว์อสูรช่วย พลังต่อสู้ของนางจะเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว แต่เย่ว์หยางจะเรียกอสูรของเขาออกมาช่วยเมื่อไหร่? อย่างที่มารกฎฟ้าเคยพูดไว้เมื่อก่อน ถ้าพวกเขามีแต่เพียงทักษะต่อสู้ ไม่มีทางที่ใครจะเอาชนะเย่ว์หยางได้ เขาไม่ใช่อัจฉริยะในเชิงต่อสู้เท่านั้น แต่เป็นตัวประหลาดที่ไม่ธรรมดา ที่คำว่าอัจฉริยะ ก็ยังให้คำจำกัดความไม่ได้

“เอาอีก, พวกท่านทุกคนโจมตีพร้อมกันเลย ให้ข้าได้เห็นฝีมือของหกจอมมารฟ้าหน่อย” เมื่อความเย่อหยิ่งเพิ่มมากขึ้นในใจของเย่ว์หยาง เขาถึงกับโอ้อวดอย่างไร้ยางอายว่า เขาต้องการท้าทายหกจอมมารฟ้าพร้อมกัน

ความเคลื่อนไหวนี้ดูเผินๆ เหมือนเห็นแก่ตัว

แต่มารบาปฟ้าผู้รับพลังโจมตีจากเย่ว์หยางรู้ว่าเย่ว์หยางมีความสามารถพอจะท้าทายพวกเขาได้จริงๆ

เป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครรู้ว่าเย่ว์หยางแกล้งทำเป็นจริงจัง แต่ความเห็นแก่ตัวที่ปรากฏอยู่ข้างหน้านั้นเป็นเรื่องลวง ความจริงก็คือเย่ว์หยางรู้สึกว่าสภาพจิตใจของเขาเพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตใหม่ที่น่าอัศจรรย์ เนื่องจากการต่อสู้และเขาต้องการแรงเครียดจากภายนอกเป็นแรงผลักดันช่วยให้เขาก้าวหน้าได้ หกจอมมารฟ้าเป็นแรงกดดันและแรงขับเคลื่อนชนิดนั้นที่เขาต้องการแน่นอน ดังนั้น เย่ว์หยางบีบให้พวกเขารวมพลังกันสู้กับเขาในสภาพขอบเขตใหม่ เหมือนวิธีที่นักดำน้ำใช้กระดานช่วยดำน้ำ เย่ว์หยางเพียงแต่ต้องการยืมพลังบางส่วนมาช่วยเพิ่มพลังก้าวหน้าให้เขา…

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เย่ว์หยางได้ต่อสู้กับยอดฝีมือจำนวนมาก และได้รับประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่

ในช่วงเวลานั้น เย่ว์หยางไม่สามารถซึมซับการต่อสู้ได้เต็มที่ เนื่องจากทั้งหมดอยู่ในช่วงความเป็นความตาย ดังนั้น แม้ว่าเขาจะเข้าใกล้ขอบเขตใหม่มากก็ตาม แต่เขาไม่กล้าพยายามทำความเข้าใจและเลื่อนระดับชั้นของตัวเอง

ตอนนี้ หกจอมมารฟ้าเป็นศัตรูที่ดีที่สุดของเขาที่คงจะไม่ฆ่าเขา เขาจะไปหาคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่มาช่วยซ้อมมือได้จากที่ไหน?

จากนั้นเย่ว์หยางยอมให้ตัวเองได้เข้าใจขอบเขตแดนใหม่ ร่างกายของเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใต้สำนึกเต็มที่

เขาตวาดร้องเหมือนคนโกรธเกรี้ยวและพุ่งดิ่งลงมา

แสงวูบหนึ่งฉายลึกอยู่ดวงตาของเขา เป็นสัญลักษณ์ของการบรรลุเข้าขอบเขตระดับใหม่….

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด