ตอนที่แล้วตอนที่ 13-34 ความมืดและเปลวไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-36 ความลับ

ตอนที่ 13-35 แสดงความเคารพ


“เจ้าคนหยิ่งยโสไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

ลีย์ลินก้มหน้าดูศพของซาดิสต์ทั้งสองศพ  แค่เพียงเขาพลิกมือเปลวไฟก็ลามเลียเหมือนกลีบดอกไม้ลอยลงมาอย่างนุ่มนวล  เมื่อเปลวไฟสัมผัสกับศพทั้งสองซากศพก็ซึมซับเปลวไฟเหมือนกับฟองน้ำดูดซับน้ำ

“แครก...”ในเวลาไม่กี่วินาทีศพทั้งสองกลายเป็นธุลีขณะที่แหวนมิติเก็บสมบัติลอยเข้ามาอยู่ในมือของลีย์ลิน

“เจ้าผู้นี้มาจากแดนนรก น่าจะมีอะไรดีๆ ในนี้ให้ข้าได้ประหลาดใจบ้าง”  ลีย์ลินเอาของที่อยู่ในแหวนออกมา

ลีย์ลินรู้ดีว่าแดนนรกเป็นหนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง

เทพนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ในแดนนรก  นี่เป็นหนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง ที่เฟื่องฟูที่สุดมีชื่อที่สุดในบรรดาพิภพนับไม่ถ้วนในจักรวาล  พิภพจองจำเกบาโดสเมื่อเอามาเทียบแล้วก็เหมือนกับดินแดนรกร้างว่างเปล่า

แม้ว่าเขาลีย์ลินจะมีพลังมากกว่าซาดิสต์แต่ในแง่สมบัติความมั่งคั่ง เขาไม่มีทางเทียบได้กับซาสดิสต์ผู้มาจากแดนนรกได้เลย

สมบัติของสุสานเทพเจ้าก็เพียงพอทำให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนตาแดงด้วยความละโมบ และพอจะทำให้ตระกูลที่ทรงพลังแข็งแกร่งบางตระกูลในพิภพชั้นสูงอย่างแดนนรกถึงกับวางแผน

ซาดิสต์ถูกตระกูลส่งมาที่ทวีปยูลานเพื่อต่อสู้หาสมบัติ จากตรงนี้ทุกคนสามารถคาดเดาได้ว่าซาดิสต์เป็นบุคคลที่น่าเคารพของตระกูล  และแม้แต่ในบรรดเทพชั้นสูงก็ยังเป็นผู้มีพลังมาก

เขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพชั้นสูงที่ทรงพลังถึงสองร่างคือธาตุมืดและธาตุลม! นอกจากนี้ในด้านธาตุมืดยังหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับไว้ถึงสามเคล็ด

พลังขนาดนั้นต้องบอกว่าทรงพลัง

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าภูเขาฆ้องทองแดงลีย์ลิน ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองร่างของซาดิสต์กลับถูกฆ่าในการปะทะกันเพียงครั้งเดียว  ดังนั้นเขาจึงพ่ายแพ้และสูญหายไปจากโลกตลอดกาล

เพียงแต่เมื่อซาดิสต์เปิดเผยพลังโจมตีสูงสุดของเขาจนทำให้พื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้บิดเบี้ยวและพังทลาย  เขาทำเช่นนั้นเพราะเขารู้สึกว่าลีย์ลินผู้นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงใช้พลังเต็มที่โดยไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด และโดยการทำเช่นนั้นยิ่งดึงดูดความสนใจและความกลัวจากยอดฝีมือจากทั่วทวีปยูลาน

“ทรงพลังรุนแรงเหลือเกิน!”

เทพมากมายที่ซ่อนอยู่ในทวีปยูลานรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขณะที่พวกเขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานจากทางด้านตะวันตก

“ใครกัน?” ภายในวังหลวงของจักรวรรดิยูลานบุรุษหนุ่มใบหน้าสง่างาม ผมสีน้ำตาลมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขามองไปทางทิศตะวันตก “รัศมีทรงพลังขนาดนั้นและพลังสั่นสะเทือนในมิติ  พลังงานเหล่านี้ทรงพลังเกินไป  น่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพชั้นสูง”

บุรุษหนุ่มผมสีน้ำตาลนี้ก็คือเทพแท้ที่ยึดครองจักรวรรดิยูลานเอิร์ฟ

เอิร์ฟเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังในหมู่เทพแท้แห่งพิภพจองจำเกบาโดส

“หรือว่าจะเป็นเทพชั้นสูงกำลังสู้รบกัน?”  เอิร์ฟค่อนข้างงง  “แต่ในพิภพยูลาน นอกจากลอร์ดเบรุต เทพชั้นสูงคนเดียวที่ปรากฏตัวก็คือลอร์ดแอดกินส์ ลอร์ดแอดกินส์ไม่โง่พอจะเข้าร่วมสู้รบครั้งใหญ่กับลอร์ดเบรุตไม่ใช่หรือ?”

จนถึงตอนนี้เอิร์ฟไม่รู้การปรากฏตัวของซาดิสต์และลีย์ลิน

ตาของเอิร์ฟหรี่แคบและหัวใจของเขาเพิ่มความกังวล “ดูเหมือนว่าเทพชั้นสูงภายในทวีปยูลานจะไม่ได้มีแค่ลอร์ดเบรุตและลอร์ดแอดกินส์  ยังจะมีคนอื่นอีกด้วยเหมือนกัน”  เอิร์ฟในตอนนี้ค่อนข้างลังเลและไม่แน่ใจ

ตอนนี้มีเทพชั้นสูงหลายคนในทวีปยูลาน

ต่อให้เขาเอิร์ฟสามารถเข้าสุสานเทพเจ้าได้แต่เขาจะเอาสมบัติมาได้สักเท่าใดเชียว?

ภายในจักรวรรดิโอเบรียน แอดกินส์กำลังเพลิดเพลินกับการดูนางรำร่ายรำอยู่ในวัง หน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะมองไปทางทิศตะวันตก

“หืม?”

“เทพชั้นสูง!”

แอดกินส์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยส่งสัมผัสเทพทะลักออกไปทางทิศตะวันตกเหมือนกับคลื่นครอบคลุมพื้นที่เทือกเขาอสูรเวทด้านตะวันตกทั้งหมดรวมทั้งภูเขาฆ้องทองแดง  การตรวจสอบของแอดกินส์ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกตกใจ “เป็นไปได้ยังไงไม่ได้มีเทพชั้นสูงปรากฏตัวแค่คนเดียว?”

แต่แอดกินส์พบว่ายอดเขาและต้นไม้ใบหญ้าพังยับเยิน

“พลังกลืนกิน? เทพชั้นสูงผู้ฝึกมาทางกฎธรรมชาติธาตุมืด!”  แค่พิจารณาจากรัศมีกลิ่นอายของสนามรบนั้น  แอดกินส์ก็ได้บทสรุป

“คลื่นพลังงานเพิ่งมาจากเทพสองตนที่ทำการสู้รบ  มิฉะนั้นเป็นไปได้ยังไงที่เทพชั้นสูงถึงกับเบื่อหน่ายระเบิดพลังของพวกเขาออกมาได้ยังไง?หรือว่า นี่จะเป็นการกระทำกับเทพชั้นสูงที่อยู่ในจักรวรรดิโรฮอลท์”  แอดกินส์รู้สึกงง

นี่ยังทำให้เขาคิดถึงซาดิสต์ไม่ได้

หลังจากซาดิสต์มาถึงทวีปยูลาน แอดกินส์ก็ค้นพบความคงอยู่ของเขาได้ในวันหนึ่งเมื่อแผ่สัมผัสเทพของเขาออกไปตรวจสอบ จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาให้ความสำคัญกับซาดิสต์มาก

ในแง่พลังแอดกินส์ไม่ได้อ่อนกว่าซาดิสต์

แอดกินส์แผ่สัมผัสเทพของเขาออกไปอีกทันที และยังคงครอบคลุมถึงจักรวรรดิโรฮอลท์ “รัศมีของเทพชั้นสูงในจักรวรรดิโรฮอลท์นั้นหายไปแล้วหรือ?” แอดกินส์แผ่สัมผัสเทพของเขาไปทั่วทวีปยูลานทั้งหมด  แต่นอกจากปราสาทโลหะของเบรุตแล้ว“ไม่มีอะไร  เขาไม่อยู่ในทวีปยูลานแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” แอดกินส์ขมวดคิ้ว

“เป็นไปได้ไหมว่าเทพชั้นสูงแห่งจักรวรรดิโรฮอลท์จะตายไปแล้ว?”  แอดกินส์ใจสั่นสะท้าน  แม้ว่าแอดกินส์จะไม่กลัวซาดิสต์แต่แอดกินส์ก็ยังรู้สึกว่าซาดิสต์ไม่ใช่คนที่จะมองผ่านได้  ยอดฝีมืออย่างเขาหายสาบสูญไปจริงๆ

“ภูเขาฆ้องทองแดงมีคนปรากฏอยู่เพียงสี่คนคนหนึ่งคือลินลี่ย์และหนูกินเทพ ขณะที่อีกสองคนเป็นเทพแท้ เทพแท้ทั้งสอง..น่าจะเป็นคนที่เคยอยู่อาศัยในเมืองบลูไฟร์  ข้าจำพวกเขาได้”  แอดกินส์เริ่มไตร่ตรองข้อสงสัย

แอดกินส์ไม่ประหลาดใจเมื่อค้นพบสองพี่น้องของลีย์ลิน

ที่สำคัญคือแทบจะทันทีที่อุโมงค์เปิดออก ทุกคนจะแตกตื่นดีใจเป็นธรรมดาที่แม้แต่คนที่เป็นคนของผู้ปกครองพิภพก็พากันหนีไปทวีปยูลานด้วย

“ข้ายังคงมีความรู้สึกว่า นี่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”  แอดกินส์ขมวดคิ้ว

“ลอร์ดแอดกินส์” บาร์นาสที่อยู่ใกล้ๆ พูดเบาๆ

แอดกินส์หันไปมองบาร์นาส เขาตัดสินใจและกล่าว “บาร์นาส!  มากับข้า, เดินทางไปตะวันตกกัน”

“ไปตะวันตก?”  บาร์นาสค่อนข้างประหลาดใจ

“ตามมาเถอะน่า” แอดกินส์ลุกจากที่นั่ง จากนั้นกล่าวกับกลุ่มสตรีนักฟ้อนในที่อยู่ต่อหน้าเขา  “พวกเจ้าทุกคนไปพักกันได้”  แอดกินส์กล่าวอย่างใจเย็น และจากนั้นเขากับบาร์นาสกลายเป็นภาพเลือนรางพุ่งไปทางขอบฟ้าตะวันตก

ภูเขาฆ้องทองแดง ทุกคนกำลังบินตรงไปที่คฤหาสน์แก่นธาตุ

“ท่านลีย์ลิน คนผู้นั้นเป็นยอดฝีมือระดับเทพแท้หรือ?”  บีบีมองดูลีย์ลินอย่างประหลาดใจ

ลีย์ลินอยู่ในชุดทองเข้มผมยาวสะบัดพลิ้วดวงตาใต้คิ้วแดงแสดงถึงอารมณ์ดี “ไม่, นั่นเป็นเทพชั้นสูงคนหนึ่ง”  ลีย์ลินมองดูบีบีอย่างประหลาดใจ  “บีบี,ข้าเพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือว่าประกายเทพสองดวงนี้เป็นประกายเทพชั้นสูง?”

“ใช่,ท่านบอกอย่างนั้น แต่ถ้าคนผู้นั้นมีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงถึงสองร่างทำไมเขาถึงตายได้ในพริบตา?” บีบีไม่อยากจะเชื่อ

“ฮ่าฮ่า,แม้ว่าอาจจะดูเหลือเชื่อที่คนอื่นจะทำอย่างนี้ได้ แต่การทำเรื่องนี้ให้สำเร็จไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับน้องสาม”  เบอร์เกสพูดพลางหัวเราะเสียงลั่น

บุรุษชุดขาวพูดเช่นกัน “ไม่เพียงแต่บุรุษผู้นั้นเป็นเทพชั้นสูงเท่านั้น แต่เป็นเทพชั้นสูงที่ทรงพลังเพียงแต่โชคร้ายที่เขาต้องมาสู้กับน้องสาม”

“พอเถอะน่า” เมื่อได้ยินพี่ทั้งสองโอ้อวดลีย์ลินอดห้ามพวกเขาไม่ได้

ลินลี่ย์ชำเลืองมองลีย์ลินอย่างจริงจัง เมื่อตอนที่ซาดิสต์สร้างมิติบิดเบือนและกลืนสรรพสิ่งรอบตัวเขา ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าซาดิสต์ไร้เทียมทานอย่างมาก  เขามั่นใจว่า...ถ้าซาดิสต์นี้ต้องการโจมตีเขาเขาอาจจะลากลินลี่ย์เข้าไปในมิติบิดเบือนนั้นได้แน่

เขาทรงพลังเกินไป

เขาแข็งแกร่งกว่าเทพแท้อย่างแอนราสเป็นสิบ ไม่สิน่าจะเป็นร้อยเท่า! แต่ยอดฝีมือผู้ทรงพลังอย่างซาดิสต์ก็ยังตายได้ทันที

“พลังของลีย์ลินผู้นี้นับว่าเป็นพลังสุดยอดในหมู่เทพชั้นสูงแน่นอน  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง ”บางทีเขาอาจเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกับเบรุตก็ได้” ในใจของเขาลินลี่ย์ยกให้ลีย์ลินอยู่ในระดับเดียวกับเบรุตโดยไม่รู้ตัว

“ลินลี่ย์”  จู่ๆลีย์ลินก็มองเขาทันที

“ท่านลีย์ลิน” ลินลี่ย์ฟังอย่างระมัดระวัง

ลีย์ลินหัวเราะ “ความจริง, เทพชั้นสูงนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าอยู่บ้างนะ ลินลี่ย์”

“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ  “เกี่ยวข้องกับข้า?แต่ข้าไม่รู้จักเขาแม้แต่น้อย”

ลีย์ลินส่ายศีรษะกล่าว “ลินลี่ย์,ครั้งก่อนนี้มีเทพแท้ตนหนึ่งมาที่ภูเขาฆ้องทองแดงไม่ใช่หรือและโจมตีใส่เจ้าใช่ไหม?  เท่าที่ข้ารู้ เทพแท้นั้นคือบริวารของคนผู้นี้”  ลีย์ลินรู้เรื่องหลายอย่างของซาดิสต์

“เขาเป็นคนที่ต้องการฆ่าพี่ใหญ่ของข้าหรือ?”  บีบีทั้งโกรธและประหลาดใจ

เขายังคงจำได้ว่าซาดิสต์ทักทายกับเขาอย่างเป็นมิตร

“ข้าแน่ใจ”ลีย์ลินพยักหน้าจริงจัง “และคนผู้นี้ไม่ได้มาจากพิภพเกบาโดส เขามาจากแดนนรก หนึ่งในพิภพชั้นสูง”

“เขามาจากแดนนรก?  อย่างนั้นทำไมเขาถึงต้องการฆ่าข้าด้วย?”  ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ  “ข้าไม่มีความเป็นปฏิปักษ์กับเขา”

ลีย์ลินหัวเราะลั่น “ข้าไม่แน่ใจเรื่องว่าทำไมเขาต้องการฆ่าเจ้า  ถ้าเจ้ามีเวลา ก็ควรไปถามเบรุตดู  บางทีเบรุตอาจจะรู้ก็ได้  แต่แน่นอน ถ้าเขาไม่รู้เจ้าก็ต้องไปสืบเอาด้วยตัวเอง”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

“มาจากแดนนรก? ต้องการฆ่าข้า? แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้าในแดนนรกก็มีแต่บรรพบุรุษของข้า”  ทันใดนั้นลินลี่ย์ได้เค้าความคิด “หรือว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษของตระกูลนักรบเลือดมังกรของข้า?”  แม้ว่าเขาจะมีความคิดเช่นนี้ ลินลี่ย์ไม่คุ้นเคยกับแดนนรกซึ่งเป็นพิภพชั้นสูงแม้แต่น้อย

“โอว มีอาคันตุกะมาถึง”ลีย์ลินเงยหน้าและมองไปทางท้องฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ

บุรุษหนุ่มรูปงามชุดทองฉูดฉาดลงมาเยือนที่ภูเขาฆ้องทองแดง  ชายชราผมหงอกอยู่ข้างตัวเขา

แอดกินส์ยืนอยู่เหนือสนามรบต่อหน้านั้นพื้นที่โดยรอบขนาดใหญ่หายไป บาร์นาสที่อยู่ใกล้ๆ กล่าว “ลอร์ดแอดกินส์ ข้ารู้สึกได้ถึงรังสีความมืดที่ทรงพลังที่นี่”

“ไม่ใช่แค่รัศมีความมืดเท่านั้น  แต่ยังมีรังสีธาตุไฟที่เลือนรางมาก”  หน้าของแอดกินส์เคร่งเครียด  “ถ้าข้าคาดไม่ผิดเทพชั้นสูงแห่งจักรวรรดิโรฮอลท์คงตายไปแล้ว และคนที่ฆ่าเขาได้ต้องฝึกฝนมาทางกฎธรรมชาติธาตุไฟ!”

“ธาตุไฟ?” บาร์นาสตะลึง

“ถูกแล้ว, ธาตุไฟ!”หน้าของแอดกินส์จริงจังมาก

ทั้งสองคนชำเลืองมองกันเอง รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร  แอดกินส์ส่ายศีรษะกล่าว  “ไปเยี่ยมดูกันเถอะ  ไม่ว่าจะเป็นใครอย่างน้อยเราต้องรู้สถานะของเขาให้ชัดแจ้ง” ขณะที่แอดกินส์พูด เขาบินตรงไปที่คฤหาสน์แก่นธาตุ

แอดกินส์และบาร์นาสไม่ได้บินตรงไปที่คฤหาสน์แก่นธาตุ พวกเขาลงที่ด้านนอกและจากนั้นเคาะประตูอย่างมีมารยาท

“ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เขา” แอดกินส์พึมพำในใจ

“แอ๊ดดดด” ประตูเปิดออก ปรากฏร่างของบุรุษศีรษะโล้นคนหนึ่ง

เบอร์เกสเห็นแอดกินส์ เขายิ้มเต็มใบหน้าทันที  “โอว ท่านแอดกินส์นั่นเอง ไม่ได้พบกันนานเชิญเข้ามาก่อน”  แอดกินส์ยิ้มเล็กน้อยจากนั้นพาบาร์นาสเข้าไปในคฤหาสน์แก่นธาตุ

ภายในคฤหาสน์แก่นธาตุ

ลินลี่ย์และคนอื่นๆ นั่งอยู่ก่อนแล้ว  เมื่อแอดกินส์และบาร์นาสเข้ามาในลานบ้าน  ลินลี่ย์และบีบีตกใจทันที

“ทำไมเขามาที่นี่?” ลินลี่ย์เห็นบาร์นาสก็ตกใจทันที

เมื่อโอจวินและคนอื่นบุกโจมตีปราสาทเลือดมังกร  พวกเขามีบาร์นาสเป็นผู้นำ หลังจากนั้นฮาร์ทกับฮาร์วี่ย์สองพี่น้องร่วมมือกันทำลายหนึ่งในร่างศักดิ์สิทธิ์ของบาร์นาสและบังคับให้เขาหนีไป

“เมื่ออยู่ต่อหน้าบาร์นาส แม้แต่โอจวินและคนอื่นก็ยังให้ความเคารพ แต่เขาในตอนนี้ยืนอยู่หลังบุรุษหนุ่มนี้ด้วยความเคารพ หรือว่าบุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้จะเป็นแอดกินส์เทพชั้นสูงในตำนาน?”  ลินลี่ย์ลอบเดา

ทันทีที่บุรุษหนุ่มก้าวเข้ามาในลานว่างสายตาของเขากวาดผ่านลินลี่ย์และบีบีจากนั้นไปหยุดที่จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงลีย์ลิน ทันใดนั้นเองบุรุษหนุ่มรูปงามมีสายตาเต็มไปด้วยอาการตกใจ  เขาคุกเข่าข้างหนึ่งคำนับด้วยมารยาทที่สุภาพ“แอดกินส์ขอน้อมคารวะท่านเจ้าเมือง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด