ตอนที่แล้วChapter 41 : ป่าไร้เสียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 43 : ไฟ

Chapter 42 : ต้นไม้


ในป่าอันหนาวเหน็บและไร้ซึ่งสำเนียงใดโจวเฉินและหญิงสาวผมหางม้ากำลังออกเดินด้วยความเร็วปกติ ทุกๆครั้งที่พวกเขาเดินไปได้ระยะหนึ่งพวกเขาก็จะใช้อาวุธในมือทำสัญลักษณ์เอาไว้บนโคนต้นไม้หนนึง

สภาพเส้นทางในป่าประหลาดแห่งนี้ค่อนข้างดีกว่าที่คิด พื้นดินเองก็มั่นคงและบนพื้นเองก็แทบจะไม่มีวัชพืชอยู่เลย ระยะห่างระหว่างต้นไม้เองก็จัดเรียงเอาไว้ดีมากดังนั้นพวกเขาจึงเดินได้อย่างไม่ยากลำบากเท่าไหร่นัก

“ที่นี่แปลกจริงๆ กระทั่งเสียงนกร้องก็ยังไม่มีให้ได้ยิน...”

หลังจากเดินมาได้ซักพักหญิงสาวผมหางม้าที่ถือง้าวเอาไว้ในมือก็ปรายสายตามองไปรอบๆด้วยแววตาเปล่งประกายก่อนจะพึมพำออกมา

“ถ้าไม่ซ่อนอยู่ก็คงอพยพไปหมดแล้วนั่นแหละ”

โจวเฉินที่กำลังใช้มีดมาเชเต้ทำสัญลักษณ์บนต้นไม้เอ่ยตอบ

“บางทีระบบระบบคงไม่ได้ใส่พวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเอาไว้ที่นี่ด้วยซ้ำ ตามนิสัยของมันแล้วมันคงจะยัดมอนสเตอร์เอาไว้มากกว่า”

หญิงสาวคิดซักพักแล้วเอ่ยออกมา

“เฮอะๆใครสนล่ะ? ฉันต่างหากที่อยากจะรีบเจอมอนสเตอร์พวกนั้นจะได้รู้ซักทีว่าไอเทมพิเศษที่ดร็อปจากพวกมันคืออะไร”

โจวเฉินจำได้ว่าระบบได้บอกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าในภารกิจเซอร์ไววัลครั้งนี้เมื่อสังหารมอนสเตอร์ลงได้จะได้รับไอเทมดร็อปพิเศษซึ่งเขาค่อนข้างสงสัยกับเรื่องนี้พอสมควร

“ฉันก็เหมือนกันแต่ดูแล้วแถวๆนี้คล้ายว่าจะไม่มีมอนสเตอร์ซ่อนตัวอยู่เลยนี่สิ”

ขณะที่ปากเอ่ยออกมานั้นดวงตาเปล่งประกายของหญิงสาวผมหางม้าก็กวาดมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

คนทั้งสองออกเดินต่ออีกราวๆครึ่งชั่วแต่ก็พบว่าสภาพแวดล้อมรอบๆตัวนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าใดนัก รอบกายของพวกเขาก็ยังคงเป็นต้นไม้สูงตะหง่านเช่นเดิมแต่กลับยังไม่เจอลำธาร เนินสูงหรือหุบเขาเลย

“ฉันจะลองปีนขึ้นไปดูบนยอดต้นไม้แล้วกัน”

โจวเฉินรู้สึกว่าพวกเขาจะเดินต่ออย่างไร้ทิศทางเช่นนี้ไม่ได้ เขาจึงคิดจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อดูรอบๆ

“บนยอดต้นไม้งั้นหรอ? กิ่งมันค่อนข้างห่างจากโคนต้นพอสมควรเลยนะแถมยังมีใบไม้เยอะแยะอีกด้วย การจะปีนขึ้นไปถึงยอดให้ได้นั้นไม่ง่ายเลย”

หญิงสาวรู้สึกว่าเรื่องนี้มันยากเกินกว่าจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปได้

“ต่อให้รู้ว่าไม่ง่ายก็ต้องลองดูขณะที่ยังมีแรงเหลือนี่แหละ”

โจวเฉินรู้ว่าเขาอาจจะไม่ได้อะไรกลับมาจากการลงแรงหนนี้เลยแต่ก็จำเป็นต้องลองอยู่ดี

เขาใช้มือและเท้าทั้งสองข้างไต่ขึ้นไปบนต้นไม้จากบริเวณโคนต้นด้วยแรงกายอันมหาศาลของตัวเอง

กิ่งไม้ด้านบนอยู่ห่างจากลำต้นอย่างน้อยก็สิบเมตร ต้นไม้แต่ละต้นเองก็มีความหนาเท่ากับมนุษย์คนหนึ่งดังนั้นการจะปีนขึ้นไปให้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หลังจากพยายามอยู่ซักพักแม็กกี้ก็ปีนขึ้นมาจนเกือบถึงกิ่งไม้แล้ว เขาเหยียดมือออกไปดึงกิ่งไม้หนาๆเอาไว้หมายจะดึงตัวขึ้นไปด้านบน

ยังไงก็ตามในพริบตานั้นเองเขากลับพบว่ากิ่งไม้นั่นจู่ๆก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา ยอดกิ่งของกิ่งไม้นั่นจู่ๆก็ม้วนงอราวกับมือมนุษย์และพุ่งเข้ามาพันรอบแขนของเขา

โจวเฉินรีบใช้ขาทั้งสองข้างยึดกับลำต้นเอาไว้ทันทีก่อนจะหยิบมาเชเต้นขึ้นมาฟันกิ่งไม้นั่นจนขาดกระเด็น

ยังไงก็ตามการโจมตีของเขาก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง กลับกันมันกลับยิ่งทำให้กิ่งไม้กิ่งอื่นๆบนต้นขยับเคลื่อนไหวขึ้นมาด้วย กิ่งไม้จำนวนมากมายม้วนงอและฟาดเข้ามาใส่เขาราวกับแส้

โจวเฉินรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางรับมือกับการโจมตีจำนวนมากมายของกิ่งก้านพวกนี้ได้อย่างแน่นอน ในวินาทีสิ้นหวังนั้นเขาจึงเลือกจะผ่อนกำลังช่วงขาและรีบไถลลงจากต้นไม้ทันที

เมื่อเขาไถลลงมาจนถึงโคนต้นกิ่งไม้พวกนั้นกลับไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ กิ่งก้านอันหยาวเหยียวของพวกมันพุ่งตามลงมาจนเกือบถึงพื้นหมายจะเข้าโจมตีเขาอีกหน

โจวเฉินที่ไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบหนีออกจากระยะโจมตีของมัน

“ต้นไม้พวกนี้นี่เองคือมอนสเตอร์!”

หญิงสาวผมหางม้าปรากฏกายออกมาจากด้านหลังของต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขาก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ

“อาจจะไม่ใช่แบบนั้นทุกกรณี ตอนที่ฉันยังไม่ได้ปีนขึ้นไปพวกมันก็ไม่ได้โจมตีนี่”

โจวเฉินรู้สึกว่าต้นไม้พวกนี้อาจจะไม่ใช่ศัตรูที่พวกเขาต้องพบเจอ แต่ถ้าเกิดเป็นพวกมันจริงๆถ้างั้นสถานการณ์ก็คงชิบหายแล้ว

“แปลกมาก ตอนที่ฉันทำสัญลักษณ์ลงบนลำต้นของต้นไม้พวกนี้พวกมันก็ไม่ได้ลงมือนะ”

หญิงสาวสับสนยิ่งนัก

“บางทีอาจจะเป็นเพราะลำต้นของพวกมันไม่ได้ไวต่อความรู้สึกซักเท่าไหร่และสัญลักษณ์ที่พวกเราทำเอาไว้ก็ไม่ต่างอะไรจากรอยแมวข่วนก็เป็นได้”

โจวเฉินคาดเดา

“ก็อาจจะ...”

หญิงสาวมองขึ้นไปบนต้นไม้

“ลองตัดดูไหม? มาดูกันว่าทำไปแล้วจะได้อะไร”

เธอชูง้าวขึ้นมา

“อย่าเลย”

โจวเฉินส่ายหัว

“ถ้ามีแค่ต้นไม้ต้นเดียวก็คงไม่เป็นไรแต่นี่พวกเราอยู่กลางดงพวกมันเลยนะ ตอนที่ฉันถูกโจมตีเมื่อกี้ฉันสังเกตุเห็นว่าต้นไม้อีกสองต้นที่อยู่ใกล้ๆกันเองก็ลงมือเช่นกัน ถ้าพวกเรายังทู่ซี้โจมตีต่อไปก็อาจจะถูกพวกมันรุมทึ้งเอาได้”

โจวเฉินสังเกตเห็นว่าต้นไม้พวกนี้บางทีอาจจะสามารถกระตุ้นให้ต้นไม้ต้นอื่นๆในบริเวณเดียวกันโจมตีได้ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะท้าทายมอนสเตอร์ต้นไม้พวกนี้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เท่าไหร่นัก

“ถ้างั้นก็ถอยกันก่อนดีกว่า ลางสังหรณ์ของฉันมันบอกว่าถ้าพวกเราอยู่ในป่านี่นานเกินไปอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้”

หญิงสาวผมหางม้าเมื่อได้ยินคำกล่าวของโจวเฉินก็คิดว่าตัวเองไม่ควรผลีผลามจริงๆ

“ปัญหาไม่ช้าก็เร็วก็คงต้องเกิด หวังว่าพวกเราจะหาพื้นที่ที่ไม่มีต้นไม้พวกนี้เจอได้เร็วๆก็แล้วกัน”

โจวเฉินเองก็รู้สึกกดดันเหมือนกันหลังจากที่รู้ว่าต้นไม้ในป่านี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากมอนสเตอร์ จิตใต้สำนึกของเขาตอนนี้จึงอยากจะรีบๆหนีออกไปยิ่งนัก

ยังไงก็ตามเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าภารกิจเซอร์ไววัลครั้งนี้คือภารกิจใน ‘ป่าไร้เสียง’ เช่นนี้แล้วเขาจะหาที่ที่ไม่มีต้นไม้ได้จริงๆหรอ?

คนทั้งสองเดินต่ออีกราวๆครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งถึงเวลารวมตัว

“ทางนี้มีแต่ต้นไม้อย่างเดียวไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์เลย กลับไปรวมตัวกับคนอื่นๆก่อนดีกว่า”

โจวเฉินคิดว่าต่อให้ไปต่อก็คงไม่ได้อะไรเพิ่มเติมและอยากจะดูว่าเซอร์ไวเวอร์คนอื่นจะเจออะไรดีๆกันบ้างรึเปล่า

“ถ้าพวกเราใช้ฟังก์ชั่นเพื่อนในระบบได้ล่ะก็...”

หญิงสาวผมหางม้าไม่ค่อยอยากจะกลับไปรวมตัวนักแต่ก็ไร้ทางเลือก พวกเขาทุกคนทราบดีว่าไม่อาจระฟังก์ชั่นเพื่อนในระบบได้ที่นี่ ไม่อย่างนั้นแล้วการติดต่อสื่อสารก็คงง่ายดายยิ่งนัก

พวกเขาเดินย้อนกลับทางเดิมตามสัญลักษณ์ที่ทำเอาไว้

หลังจากเดินกลับราวๆสิบห้านาทีพวกเขาก็ต้องเจอเข้ากับปัญหาครั้งใหญ่เข้าอีกครั้ง สัญลักษณ์ที่ทำเอาไว้บนต้นไม้หายไปจนสิ้นและรอยเท้าบนพื้นดินเองก็หายไปเช่นเดียวกัน

“เกิดอะไรขึ้น? สัญลักษณ์ที่ฉันทำเอาไว้แถวนี้มันหายไปหมดเลย!”

หญิงสาวกระชับง้าวในมือแน่นและกวาดตามองต้นไม้นับสิบรอบๆกายแต่กลับมองหาสัญลักษณ์ที่ทำเอาไว้บนต้นไม้เพียงไม่ถึงสิบนาทีก่อนไม่เจอเลย

“สัญลักษณ์ที่ฉันทำเอาไว้เองก็หายไปเหมือนกัน เหลือแค่อันเดียวอันนี้นี่แหละ”

โจวเฉินเหยียบลงบนพื้นดินที่ดูเหมือนไร้การเปลี่ยนแปลงและเริ่มครุ่นคิดหาเหตุผล

“บางทีมอนสเตอร์ต้นไม้พวกนี้อาจจะเปลี่ยนตำแหน่ง ลองหาดูต่อเถอะ”

จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าต่อโดยหวังว่าจะมีสัญลักษณ์แค่ไม่กี่จุดเท่านั้นที่หายไป

หลังจากเดินตรวจสอบกับหญิงสาวอีกซักพักเขากลับไม่เจอสัญลักษณ์ที่เขาทำทิ้งเอาไว้เลย กลับกันกลับเป็นหญิงสาวที่เห็นสัญลักษณ์ที่เจ้าหล่อนทำเอาไว้อยู่ไม่ห่างออกไปเสียอย่างนั้น

“สัญลักษณ์ของฉันอยู่ตรงนี้...นี่พวกเรามาผิดทางรึเปล่า?”

เธอไม่มั่นใจนัก

“ไม่สำคัญหรอก ในสถานการณ์แบบนี้การจะติดต่อกับคนอื่นๆคงยากแล้ว พวกเราคงต้องสำรวจด้วยตัวเอง”

โจวเฉินรู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้การที่จะหาเซอร์ไวเวอร์คนอื่นๆให้เจอเขาคงพึ่งได้เพียงโชคเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงทิ้งความคิดที่จะตามหาคนอื่นไปในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด