ตอนที่แล้วตอนที่ 414 นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 416 ความคิดคำนึงของหญิงสาว

ตอนที่ 415 ความทะเยอทะยานของทุกคน!


“ข้าขอยอมแพ้!”  ยอดฝีมือดาบฟันเลื่อยโยนดาบฟันเลื่อยลงเขาเหนื่อยจัด จนต้องนั่งลงกับพื้นเบิกตากว้างจ้องมองถังเทียนเขาหมดแรงจนใบหน้าดูแข็งค้าง

ถังเทียนก็ยังหอบหายใจหลั่งเหงื่อท่วมตัวราวกับสายฝนมองดูเหมือนกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากสระ ถังเทียนยังคงจ้องกลับและแสดงท่าทีเหนือกว่าเขาเพียงงอตัวและค้ำเข่ารักษาสมดุลในร่างกายเอาไว้

นี่ข้าก็คงเหมือนกับเขาหากว่าข้านั่งลงกับพื้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าไม่!  ผู้ชนะจะทำตัวเหมือนกับผู้แพ้ได้ยังไง?คนที่ยืนหยัดได้ย่อมดูยิ่งใหญ่กว่า...

ดังนั้นทั้งสองคนต่างหอบหายใจขณะจ้องหน้ามองกัน

ตวนมู่แทบจะพังทลายหลังจากรออย่างไร้ความหมายถึงหนึ่งชั่วโมง  แต่ในที่สุดก็จบจนได้และเขารู้สึกโล่งอก...

เหลือคนรอบตัวเขาเพียงไม่กี่คน วิศวกรจักรกลที่เหลือกลับเข้าไปประจำโต๊ะและเริ่มทำงาน

“นี่ช่างน่าผิดหวัง!”  เซรีนมองดูที่จอ  นางส่ายศีรษะและถอนหายใจจากนั้นก้มหน้าทำงานของนางต่อไป

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงตวนมู่ก็ฟื้นคืนจากอาการมึนชา และสงบจิตใจได้อีกครั้ง

ภารกิจที่ท่านดยุคมอบหมายมาล้มเหลวเป็นความพ่ายแพ้ยับเยิน นักสู้ระดับทองตายไปสามคนนักสู้ดาบเลื่อยยอมแพ้และเขาถูกจับ แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งตวนมู่คิดว่านี่ไม่มีผลอะไรต่อท่านดยุค แม้ว่าเขาจะสูญเสียนักสู้ระดับทองไปสี่คน แต่ก็ไม่มีผลต่อรากฐาน  ตรงกันข้ามเมืองสามวิญญาณกลับแสดงพลังออกมาก  ดังนั้นท่านดยุคจะต้องให้ความสนใจมากขึ้น  นอกจากนี้เมื่อถูกสนใจโดยแผนการร้ายของท่านดยุค เมืองสามวิญญาณก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น

ตวนมู่รับใช้ท่านดยุคมายาวนานและเขารู้จักนิสัยของดยุคดี เขาเป็นคนยึดติดและดื้อรั้น ความล้มเหลวมีแต่จะทำให้เขาทุ่มเทหนักและเตรียมตัวในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นเขาจะต้องแน่ใจว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะต้องหนักหน่วงรุนแรงและจะไม่มีอะไรต้านทานเขาได้

แต่พอเขาคิดถึงสถานการณ์ของกลุ่มดาวคนแบกงูแล้วเขาได้แต่ส่ายศีรษะ คนเหล่านี้โชคดีมาก เพราะถ้าดยุคลงมือ ก็จะต้องใช้เวลา

ตวนมู่แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า?

เขายิ้มเยาะให้ตัวเองและรอคอยชะตากรรมอยู่เงียบๆ

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า

และแล้วตวนมู่ก็พบได้ทันทีว่าเขาถูกลืมไปจริงๆ

ถูกละเลยไปอย่างสิ้นเชิง...

เขากำลังจะถูกลืมแน่นอน

เป็นความโกลาหลในเมืองสามวิญญาณ  ทุกคนวุ่นวายอยู่กับการประเมินผลการต่อสู้  แม้ว่าจะจบลงไปแล้วก็ตาม  แต่ไม่มีแผนกใดพอใจกับการต่อสู้

เซรีนหงุดหงิดที่อาวุธจักรกลที่พวกเขาสร้างขึ้นไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว  เมื่อการต่อสู้จบลง เซรีนรีบเรียกประชุมวิศวจักรกลทุกคนซึ่งถูกล้อเลียนเยาะเย้ยอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาสองชั่วโมง

“รู้ไหมว่าตอนนี้เมืองสามวิญญาณเรามีอีกชื่อว่าอะไร?เมืองจักรกล!  แต่ในที่สุดคู่ต่อสู้ก็ทำลายจักรกลของเราพังเป็นชิ้นๆโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม ข้าไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างนี้ในชีวิตมาก่อน”

“พวกเจ้าคิดว่านักสู้ระดับทองไม่มีทางเอาชนะได้หรือ?  อย่างนั้นก็สมเหตุผลแล้วสินะที่เราไม่สามารถทนต่อพลังโจมตีของพวกเขาได้? แย่จริงๆ นี่พวกเจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”

“ข้าเคยบอกไว้ก่อนแล้ว เป้าหมายของข้าก็คือเป็นวิศวกรจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดกว่าที่เคยมี! นักสู้ระดับทองกล้าดียังไงถึงได้มาหาเรื่องข้า?”

“ตอนนี้เรามีเพียงเป้าหมายเดียวนั่นก็คือออกแบบอาวุธจักรกลที่ทรงพลังพอจะโค่นล้มนักสู้ระดับทองให้ได้!”

“ใช่แล้ว ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นมาก่อน!  ดังนั้นเราต้องทำให้ได้!  เราต้องทำให้ดีที่สุด!  เราจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าอาวุธจักรกลที่เหลือแข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในโลก  เราถูกลืมเลือนมานานแล้วและเราก็มีความสามารถเพียงพอ! ดังนั้นข้าจำเป็นต้องประกาศให้พวกเขารู้ว่ายุคของอาวุธจักรกลจะต้องกลับมา  และตอนนี้ถึงเวลาเปล่งประกายของเราแล้ว!  เราคือวิศวกรจักรกลที่ดีที่สุด!”

“ไม่ใช่ไม่กี่คน!  ข้าต้องการให้เป็นเพียงหนึ่งเดียว!  พวกท่านทุกคนเข้าใจไหม?”

เซรีนยืนขึ้นบนโต๊ะมองดูเหมือนคนบ้า ไม่มีท่าทียั่วยวนใจหรือหลอกล่อปรากฏให้เห็นในตัวนาง

วิศวกรจักรกลทุกคนรู้สึกว่าเลือดลมพลุกพล่านทุกคนหัวใจสูบฉีดเต้นแรงราวกับว่ามีลาวาไหลอยู่ในร่างกายของพวกเขา

พวกเขาคุ้นเคยกับการถูกล้อเลียนเสียแล้ว  ตั้งแต่พวกเขาเริ่มงานนี้มักจะมีการตักเตือนและหยอกล้อกันอยู่เสมอ

เปล่าประโยชน์ที่จะสิ้นหวังต้องปฏิบัติหน้าที่ให้หนักยิ่งขึ้น...

พวกเขายอมรับทุกคนโดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่พวกเขามีความฝันถึงยุคเฟื่องฟูของจักรกลมาหลายครั้งอยู่ก่อนแล้ว

ในช่วงเวลานี้พวกเขาเป็นพวกที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขามีศักดิ์ศรีและเกียรติ

การทุ่มเทชีวิตทะเยอทะยานมีอยู่ลึกในหัวใจของวิศวกรจักรกลทุกคนถูกกระตุ้นด้วยเสียงปลุกระดมของเซรีน

ยุคจักรกล!  ยุคของเรา!

ถูกแล้วจะมีอะไรดึงดูดมากไปกว่าเป้าหมายนี้?  ยังมีความเย้ายวนอะไรอื่นที่วิศวกรจักรกลไม่อาจต้านทานได้?

แม้แต่วิศวกรจักรกลที่จิตใจมั่นคงที่สุดก็ยังสั่นมิอาจระงับได้

ในห้องวิจัยพลังสายเลือด  พวกเขาไม่พอใจกับการต่อสู้  หยาหยาเป็นคนจบการต่อสู้  พวกเขาประสบความสำเร็จเฉพาะกลยุทธกระต่ายพิษเท่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถหาวิธีใช้พิษอย่างมีประสิทธิภาพได้

ที่สำคัญยิ่งกว่ามีข้อติดขัดมากมายในการใช้กลยุทธ

อสูรตรีบุปผาเห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ หยาหยาจับพวกมันมัดอย่างง่ายดายและลากเล่นไปทั่ว

“นักสู้ระดับทอง เป้าหมายของเราต่อไปนี้จะต้องเป็นนักสู้ระดับทอง  ถ้าเราสามารถโค่นล้มนักสู้ระดับทองได้  เราก็จะของบประมาณสนับสนุนได้มากเท่าที่เราต้องการ  ถึงจะเพิ่มขึ้นสองสามเท่าก็ไม่มีปัญหา...”

เหล่าผู้ชราทั้งบุรุษและสตรีเริ่มมองดูตื่นตัวมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่างบประมาณสนับสนุน จากผู้เฒ่าเฟ่ย

“จะต้องไปกลัวอะไรกับนักสู้ระดับทองเราสามารถฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ อยู่แล้ว”

“ฆ่าพวกมัน!”

“ฆ่าพวกมัน!”

ในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่โกรธเกรี้ยวและรังสีอำมหิต

ถังโฉ่วจ้องมองดูนักเรียนข้างหน้าเขาอย่างว่างเปล่า  พวกเขาเงียบและรู้สึกละอาย  พวกเขาสร้างผลงานในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ดี

ถังโฉ่วไม่ได้ถูกท่านปิงดุด่าว่ากล่าวอะไร เพราะเขารู้ว่าใต้เท้าปิงมองดูทหารของเขาเป็นแค่หน่วยประจัญบานกล้าตาย  แต่ถังโฉ่วรู้สึกโกรธในใจของเขารู้สึกโกรธตัวเอง

ถังโฉ่วไม่รู้ว่าก่อนนี้เคยมีขุนพลวิญญาณนามว่าฟงโฉ่วซึ่งมักมีอารมณ์ร่วมกับการต่อสู้อยู่เสมอ

อีกทั้งถังโฉ่วก็ไม่รู้ว่าอารมณ์หลงใหลการต่อสู้เช่นนั้นและความผิดหวังในชัยชนะของเขาก็เหมือนกับฟงโฉ่ว  แม้แต่ลักษณะการถือดีก็เหมือนกับเขา

เขาคำนับทันที

“โดยหลักแล้วข้าต้องเป็นคนรับผิดชอบในความพ่ายแพ้ครั้งนี้  ข้าเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกแบบกลยุทธนี้  แน่นอนว่าข้าต้องขอโทษอย่างเป็นทางการ  ข้าขอโทษด้วย”

ทุกคนมองดูเขาและตกตะลึง

หน้าของม่อจื่อหวีแดง เขารู้สึกว่าเลือดสูบฉีดขึ้นไปไหลเวียนอยู่บนศีรษะเขาโดยตรง ความรู้สึกอัปยศที่รุนแรงท่วมท้นจากก้นบึ้งหัวใจของเขาและเขาต้องการจะหาที่หลบซ่อน หน้าของม่ออู๋เว่ยมีสีสันชัดเจนแต่ไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่เขากำหมัดแน่นแน่นมากจนตัวสั่นแสดงให้เห็นว่าภายในจิตใจของเขาไม่สงบเลย

ถังโฉ่วเงยหน้าจ้องมองทุกคนและกล่าวเสียงเคร่งเครียด  “ข้าจะออกแบบกลยุทธใหม่และจะทำการปรับปรุงกลยุทธที่สำคัญครั้งนี้ และหวังว่าทุกคนจะร่วมมือกระทำด้วยกัน”

ม่อจื่อหวีและม่ออู๋เว่ยยืนตัวตรงตะเบ็งเสียงพร้อมกัน  “ขอรับ!”

บุรุษทั้งสองร้อยคนร่วมประสานเสียง“ขอรับ!”

หยาหยารู้สึกกดดันมันขมวดคิ้วขยับเล่นนิ้วไปมา เจ้านายจะรู้สึกยังไงกับปัญหานี้? เขาจะปล่อยผ่านไปหรือว่าเขา...

ปิงเข้ามาหา“หยาหยา เจ้ากลัวว่าเจ้านายจะตามเรียกเจ้ามาต่อว่าใช่ไหม?”

หยาหยาเงยหน้ามอง  ตาของมันเป็นประกายและพยักหน้ารัวๆ

“ความจริงข้ามีวิธีแก้ปัญหาให้นะ”  ปิงพยายามหลอกล่อหยาหยา  “เจ้าก็เห็นถ้าเจ้าไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้านาย เขาเป็นพวกสมาธิสั้น จะมาจดจำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง?”

หยาหยามีนัยน์ตาเป็นประกาย

“แน่นอนว่า การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือกลับไปทำงานขุดต่อ และทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

หยาหยาสะดุ้งและรีบวิ่งออกไปอย่างมีความสุข

ปิงพอใจกับวิธีที่เขาใช้หลอกล่อแรงงานเด็กมีการตัดงบประมาณอย่างมาก ไม่มีอะไรดีกว่าแรงงานฟรีๆ อย่างหยาหยา

ในพื้นที่ฝึกฝน

ปังปัง ปัง!

“เอาอีก!” ถังเทียนโยนดาบให้ชี่กวง

ชี่กวงคือยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญดาบใบเลื่อยมีแววโกรธอยู่บนใบหน้า  “ก็ข้ายอมแพ้ไปแล้ว เจ้าจะเอาอะไรอีก?  ข้ายอมตายดีกว่ายอมถูกหยามหยัน! นักสู้ระดับทองมีศักดิ์ศรีกันทั้งนั้น!”

“รู้แล้ว รู้แล้ว!”  ถังเทียนพยักหน้า และพูดต่อ “งั้นขออีกสิบครั้งสิบครั้งแล้วเป็นอันว่าเลิกกัน”

“สิบครั้งจริงๆ นะ?” ชี่กวงมองดูถังเทียนอย่างเหลือเชื่อแต่ก็รีบปั้นหน้าเคร่งเครียด“ลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูดนะ”

“เออน่ะ เออน่ะ!”ถังเทียนพยักหน้ารัว

“เจอดาบข้าซะก่อน!

ปัง!

“เอาอีก”

……

“ครบสิบครั้งแล้ว!”

“เจ้าต้องนับผิดแน่ๆ เลยเห็นได้ชัดว่าแค่สามครั้งเอง!”

“สาม?.... เจ้า เจ้า เจ้า.... เจ้าขี้โกง!”

“โฮ่ย...ฝีมือนับเลขเจ้าห่วยยิ่งกว่าข้าเสียอีก!  สิบลบสาม ก็เหลืออีกเก้า!”

“จะบ้าเรอะ!  เหลือเจ็ดสิเฮ้ย!”

“ก็ได้ๆ!  เจ็ดก็เจ็ด!”

“…..”

ถังเทียนพอใจกับการทำให้ชี่กวงเหน็ดเหนื่อยจนเขาแทบจะพังทลาย การต่อสู้จากวันอื่นๆทำให้เขาได้แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ถ้าได้ซ้อมมือกับนักสู้ระดับทองก็คงเป็นเรื่องดี

หลังจากชี่กวงยอมแพ้  ถังเทียนไม่ได้ฆ่าเขาแต่ไว้ชีวิตเขาเพื่อใช้ฝึกวิชามือปีศาจพันแปลง

ชี่กวงไม่ได้ขัดขืนตั้งแต่แรกเนื่องจากเป็นเชลยศึก เขาจึงให้ความร่วมมืออย่างดี  แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าถังเทียนมีพลังไม่รู้จักหมดสิ้นและไม่รู้ว่าความเหน็ดเหนื่อยคืออะไร

ในไม่ช้าชี่กวงก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป  เขาเหนื่อยสายตัวแทบขาดในแต่ละวัน

ถังเทียนก้าวหน้าอย่างมากมายนี่ทำให้เขามีความสุขมากเช่นกัน เนื่องจากเขาไม่ได้ก้าวหน้าเร็วๆ อย่างนี้มานานแล้ว  แต่เขารู้สึกว่า ยังขาดอะไรบางอย่าง...

เขาไม่พอใจแค่ชี่กวงเพียงคนเดียวเท่านั้น

จริงสิเซรีนอาจมีเชลยศึกอีกคน..

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย

ตวนมู่ถูกแก้มัด ดูเหมือนเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลัง

ถังเทียนมัวแต่สนุกอยู่ทางด้านนี้  เขาไม่รู้ว่ายังมีกลุ่มคนที่รอเขาอยู่ที่เมืองเทพสตรี  พวกเขาเป็นเหมือนแมวที่เหยียบหลังคาร้อนๆ

เยี่ยนถูพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ  “เจ้าถังเทียนมันหายหัวไปไหน?”

อูเซี่ยรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง  “ช่วงนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

ความสงสัยแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเยี่ยนถู“เป็นไปได้ยังไงที่เขาหายไปได้ทั้งที่เราจับตาดูอย่างนี้?  และนี่ก็หลายวันแล้ว”

“ข้าน้อยว่า...” อูเซี่ยไม่แน่ใจว่าจะตอบยังไงดี

“เขาไปไหน? เขาไปทำอะไร?”  เยี่ยนถูพูดเย็นชา  “เราไม่รู้เลย! เฮ้อ..ข้าคิดว่าเราตรวจสอบไปทั่วคฤหาสน์แล้วและไม่มีใครเห็นอะไร  ดังนั้นเขาคงเหาะไปกระมัง?  ถ้าเราจับถังเทียนไม่ได้  อย่างนั้นแผนของเราก็เป็นแค่เรื่องตลก  ข้าอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวตลกงั้นหรือ?”

มีแววโกรธแฝงอยู่ในคำพูดของเยี่ยนถู

ทันใดนั้นคนที่จับตาดูโพล่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น

“ถัง... ถังเทียนกลับมาแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด