ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 33 วิชาส่องความลับสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 35 ข้าเป็นขยะ

ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 34 คนจากตระกูลฉิน


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 34 คนจากตระกูลฉิน

ฉู่หยวนนั่งลงข้างฉู่เซวียนแล้วหยิบสุราออกมาดื่มไปสองสามอึก

ฉู่เซวียนเหลือบมองฉู่หยวน แวบเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างติดอยู่ในใจ

ทว่าฉู่เซวียนไม่ได้เอ่ยถาม

ในหมู่รุ่นเดียวกัน ฉู่หยวนมีพรสวรรค์มากที่สุด

แม้ฉู่เทียนหมิงจะคาดหวังเอาไว้กับฉู่ชิงไม่น้อย ทว่าฉู่ชิงก็ด้อยกว่าฉู่หยวนอยู่มาก แม้แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังด้อยกว่าเขาเล็กน้อย

ทว่าฉู่อวิ๋นดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ด้านปรุงโอสถ ซึ่งพอจะชดเชยช่องว่างได้

ฉู่หยวนอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเดียวกันของตระกูลฉู่แล้ว

ฐานพลังยุทธ์ของฉู่หยวนอยู่ในขอบเขตวิญญาณขั้นแรก!

ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เซวียนก็รับรู้ว่าวิชาที่ฉู่หยวนฝึกฝนไม่ใช่วิชาของตระกูลฉู่

นอกจากนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าฉู่หยวนได้รับโอกาสวาสนาจากโลกภานนอกโดยบังเอิญ หรือได้สืบทอดวิชายุทธ์มาจากบิดาของเขากันแน่

ฉู่หยวนร่ำสุราอีกหลายอึกอย่างเงียบงันก่อนถอนหายใจ “เจ้าสิบสาม เจ้าต้องการใช้ชีวิตอันสงบสุขปราศจากการต่อสู้ดิ้นรน บางทีอาจเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วก็เป็นได้”

ฉู่เซวียนฟังอย่างเงียบๆ คิดกับตนเองว่า พี่สามคล้ายกับกำลังกล่าวอำลา เกิดเรื่องอันใดกัน?

แม้ว่าก่อนฉู่เซวียนจะฟื้นความทรงจำของชาติก่อน ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่หยวนอาจจะเป็นแบบผิวเผิน ทว่าฉู่หยวนกลับห่วงใยเขาอย่างแท้จริง

หากฉู่เซวียนสามารถช่วยฉู่หยวนได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยแน่นอน

“อีกไม่กี่วัน ข้าจะออกจากตระกูลอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมาหรือไม่”

ฉู่หยวนเอ่ยเบา ๆ

“ข้าจะช่วยสืบหาท่านลุงสามและท่านป้าสาม หากมีข่าวข้าจะให้คนมาแจ้งเจ้าทันที”

“แม้เหล่าพี่น้องของตระกูลฉู่จะไม่ได้แก่งแย่งชิงดีกันมากนัก ทว่าเพื่อให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เจ้าควรฝึกฝนวิชายุทธ์นี้ให้ดีแล้วค่อยบอกให้ท่านปู่ สถานะของเจ้าในตระกูลฉู่น่าจะดีขึ้นมาก”

ในขณะที่ฉู่หยวนกล่าว เขาพลันหยิบม้วนคัมภีร์ออกมา

คัมภีร์ขาดหายไปบางส่วน ตัวแผ่นมีสีเหลืองทำมาจากหนังสัตว์ชนิดพิเศษ ทำให้สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นานพอสมควร

หนังสัตว์ชนิดพิเศษมักใช้เป็นวัสดุในการบันทึกวิชายุทธ์และวิชาอื่น ๆ

นอกจากสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นานแล้ว ยังสามารถเก็บเจตจำนงวิญญาณได้อีกด้วย ถ้อยคำบนคัมภีร์ล้วนสลักด้วยเจตจำนงวิญญาณ ทำให้สื่อความหมายเข้าถึงจิตวิญญาณได้โดยตรง

ฉู่หยวนวางม้วนคัมภีร์เอาไว้ในมือของฉู่เซวียน หลังจากนั้นเขาก็หยิบขวดโอสถออกมามอบให้

เขาลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าจงทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังอันอ้างว้างของฉู่หยวน ฉู่เซวียนก็ได้แต่ส่ายหัวไม่รู้ว่าฉู่หยวนคิดอะไรอยู่

เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายอกหักมา?

มีความเป็นไปได้สูง!

เขาหยิบม้วนคัมภีร์พลันคลี่อ่าน ปรากฏว่านี่คือเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ!

ทว่าเป็นเคล็ดวิชาไม่สมบูรณ์ นับว่าเป็นเคล็ดวิชาระดับกึ่งจักรพรรดิเท่านั้น

ถึงกระนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งง

ต้องรู้ว่าตระกูลฉู่ได้อาศัยเคล็ดวิชาระดับกึ่งลี้ลับเพื่อก่อรากสร้างฐานของตนเองในแคว้นฉินได้เป็นเวลาหลายพันปี

การฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับกึ่งจักรพรรดินี้ไม่ได้ช่วยให้ทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ ทว่าการทะลวงไปยังขอบเขตจริงแท้ก็ไม่ใช่ปัญหา

ตามบันทึกในหนังสือ สาเหตุที่ไม่มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิในหนานโจวเป็นเพราะหลังจากมหาสงครามที่แผ่ขยายไปทั่วหนานโจว ทำให้เส้นชีพจรปฐพีพังทลายลง ไม่สามารถควบแน่นกฎแห่งฟ้าดินขึ้นมาได้ ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ในหนานโจวจึงไม่สามารถตระหนักรู้บรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้

นอกจากนี้แล้วยังเกี่ยวข้องกับการขาดแคลนมรดกขอบเขตจักรพรรดิอีกด้วย

ฉู่เซวียนส่ายหัว เขาไม่สนใจเคล็ดวิชาระดับกึ่งจักรพรรดินี้แม้แต่น้อย

โอสถเองก็เป็นโอสถธรรมดาเท่านั้น ฉู่เซวียนย่อมไม่สนใจโอสถที่ช่วยบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับอยู่แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าโอสถนี้ด้อยกว่าโอสถห้วงลี้ลับจนเทียบไม่ติด

ฉู่หยวนได้มอบวิชายุทธ์นี้ให้ฉู่เซวียนเพื่อให้เขาใช้มันดึงดูดความสนใจของฉู่เทียนหมิง ด้วยวิชายุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มสถานะของฉู่เซวียนในตระกูลฉู่ขึ้นไม่น้อย ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอย่างไร้กังวลได้ต่อไป

ซึ่งตรงกับความคิดของฉู่เซวียนมากพอสมควร

ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าฉู่หยวนคิดอะไรอยู่ในใจ เหมือนว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะตีตัวออกห่าง เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ล่วงเกินศัตรูที่ทรงพลัง?

เนื่องจากฉู่เซวียนเข้าใจสถานการณ์ เขาเลยไม่ได้สนใจมันมากนัก อย่างมากที่สุด เขาก็ค่อยสั่งให้จางขุยสืบหาเรื่องนี้ หากจำเป็นเขาก็ค่อยยื่นมือช่วยเหลือทีหลังก็ยังไม่สาย

“เจ้าเด็กสารเลว!”

ในวันที่สองหลังจากฉู่หยวนจากไป เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของฉู่เทียนหมิงก็ดังออกมาจากจวนเก่า

ซึ่งเสียงดังมาจนถึงเรือนสี่ประสาน

ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออก ดูเหมือนชายชราจะโมโหจนปอดจะระเบิดอยู่แล้ว

ความคิดแรกของฉู่เซวียนคือต้องเกี่ยวข้องกับฉู่หยวน

เรื่องที่ทำให้ฉู่เทียนหมิงโมโหถึงขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก

ฉู่เซวียนสั่งให้แมววิญญาณสวรรค์แอบเข้าไปในจวนเก่าค้นหาว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

แม้จะอยู่ห่างไหล ฉู่เซวียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งของฉู่เทียนหมิง

ฉู่เทียนหมิงคงไม่สังหารฉู่หยวนกระมัง?

ชายชราผู้นั้นคงไม่อำมหิตเพียงนั้น

...

ฉู่เทียนหมิงโมโหจนปอดระเบิด!

ฉู่หยวนต้องการถอนหมั้น!

คู่หมั้นของเขาคือองค์หญิงแห่งแคว้นฉิน ฉินเค่ออวิ๋น

เป็นราชวงศ์ฉินเช่นเคย!

แม้แคว้นฉินจะถูกปกครองร่วมโดยตระกูลทั้งสี่ ทว่าตระกูลฉินก็เป็นราชวงศ์ของแคว้นฉิน ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ตระกูลทั้งสี่

หากตระกูลฉู่ถอนหมั้นอีกครั้ง นี่คงไม่ต่างไปจากการตบหน้าราชวงศ์ฉิน

เรื่องที่ทำให้ฉู่เทียนหมิงโมโหที่สุดก็คือเรื่องของมารดาของฉินเค่ออวิ๋น เนื่องจากบุคคลที่ฉู่ชิวหลัวถอนหมั้นในตอนนั้นก็คือมารดาของฉินเค่ออวิ๋นนั่นเอง

ในครานั้น นางถึงกับก่อความวุ่นวายในตระกูลฉู่อยู่นาน ท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้แต่งงานกับสี่ตระกูล ทว่าได้เลือกสามีจากภายนอกแทน

หากฉู่หยวนถอนหมั้นอีกครั้ง อีกฝ่ายคงจะไม่ปล่อยตระกูลฉู่ไปอย่างแน่นอน

จะต้องเกิดรอยร้าวระหว่างตระกูลฉู่กับตระกูลฉินอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะตกหลุมรักใคร ข้าไม่ยอมให้เจ้าถอนหมั้นเป็นอันขาด ข้าจะจัดแต่งงานให้เจ้ากับนางทันที!”

ฉู่เทียนหมิงคำรามออกมา

แผ่นหลังของฉู่ชิวเฟิงบิดาของฉู่หยวนเปียกโชกไปด้วยอันเหงื่อเย็นเยียบ เขาก้มหน้าไม่กล้ามองบิดาแต่อย่างใด

ฉู่ชิวเฟิงรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้พี่สามสั่งสอนบุตรชายของตน

ฉู่หยวนเรียนรู้เรื่องอันใดมา

วิธีถอนหมั่นเช่นนั้นหรือ?

ไม่ใช่ว่าฉู่หยวนเข้ากันได้ดีกับฉินเค่ออวิ๋นหรอกหรือ? ทั้งคู่ดูเหมือนจะสนิทกันดี ทว่าเหตุใดถึงตัดสินใจถอนหมั้น?

ฉู่เทียนหมิงโมโหอย่างมาก

หากตระกูลฉินรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะไม่เอาความโกรธมาลงกับตระกูลฉู่หรือ?

ครั้งก่อนลูกสามก็เพิ่งถอนหมั้นไป พอมาครั้งนี้หลานสามก็ต้องการที่จะถอนหมั้นตามไปด้วยอีกคน

นอกจากนี้แล้ว คนที่จะถูกถอนหมั้นก็คือบุตรสาวของคนถูกถอนหมั้นครั้งก่อน!

นี่มันมากเกินไป มากเกินไปจริง ๆ!

สีหน้าของฉู่หยวนยังคงนิ่งสงบขณะที่กล่าวว่า “ข้าได้แจ้งตระกูลฉินแล้ว ทั้งยังได้พูดคุยกับเค่ออวิ๋นตามตรงแล้ว ในสายตาของข้า นางเหมือนน้องสาวของข้า!”

อั่ก!

ฉู่เทียนหมิงจับหน้าอกของตนเอง รู้สึกว่าเลือดลมกำลังปั่นป่วนและกำลังจะกระอักเลือดออกมา

“เจ้า เจ้า...”

ฉู่เทียนหมิงตัวสั่นเทิ้ม เขาชี้ไปยังฉู่หยวนพร้อมพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน

หากเขาไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุดซึ่งกำลังจะทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ ความโกรธนี้คงจะทำให้เส้นชีพจรขาดสะบั้น

“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุง วันนี้ข้ามาอำลาทุกคน ข้าจะเดินทางออกจากตระกูลฉู่”

สีหน้าของฉู่หยวนยังคงนิ่งสงบ

ฉู่หยวนรู้ว่าตนเองต้องเผชิญกับความโกรธของฉู่เทียนหมิง

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังต้องกลับมาแจ้งให้ท่านปู่ทราบ

ฉู่ชิวเฟิงมีสีหน้าซับซ้อน บุตรชายผู้มากพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็กของเขาคนนี้ก็เคารพพี่สามไม่ต่างไปจากบิดาอีกคน

ทว่าสุดท้ายก็เรียนรู้วิธีการถอนหมั้นมาจากอีกฝ่ายเช่นกัน

ฉู่ชิวฉางผู้เป็นพี่ใหญ่ก็มีสีหน้าซับซ้อนเช่นกัน

เหล่าพี่น้องตระกูลฉู่นั้นไม่ได้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเท่าใดนัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาปรองดองกันพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเรื่องกับฉู่ชิวหลัว บรรยากาศในตระกูลฉู่ก็ดูเหมือนจะแปลกประหลาดต่างออกไป

ตอนนี้ คนที่ถอนหมั้นคนที่สองได้ปรากฏตัวขึ้น

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ใดทั้งนั้น ข้าจะไปแจ้งตระกูลฉินให้จัดการแต่งงาน!”

ฉู่เทียนหมิงคำรามลั่น ดูเหมือนจะดังก้องไปทั่วบริเวณอาณาเขตตระกูลฉู่

ต้องไม่ลืมว่าฉู่เทียนหมิงถือเป็นยอดฝีมือขอบเขตกึ่งรวมศูนย์แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหากเสียงของเขาจะดังไปไกลกว่าสิบลี้

ทันทีที่ฉู่เทียนหมิงกล่าวจบ หัวหน้าพ่อบ้านก็รีบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน เขากล่าวว่า “นายท่าน คนจากตระกูลฉินมาขอรับ”

ฉู่เทียนหมิงสีหน้าเปลี่ยนไป “ผู้ใดมา?”

“ฉินปิงเซี่ยกับบุตรสาวขอรับ”

“!!!”

ใบหน้าของฉู่เทียนหมิงพลันซีดเซียว ฉินปิงเซี่ยเป็นคนที่เกือบจะกลายเป็นลูกสะใภ้ของเขาอยู่แล้ว นางต้องพาบุตรสาวมาเพื่อขอคำอธิบายเป็นแน่แท้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด