ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0128
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0130

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0129


บทที่ 40 เมืองสุสาน (1)

* * *

หันหลังกลับไปมอง

ลิฟต์ที่เราโดยสารลงมา รายล้อมไปด้วยผนังหินสูงจรดเพดาน

กล่าวคือ พวกเรากำลังยืนอยู่บนสุดขอบฝั่งหนึ่งของสุสานยักษ์

เงาลองของสุสานขนาดมหึมาอยู่ทางซ้ายมือ

ยิ่งมีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมายืนเทียบ ก็ยิ่งยากที่จะกะเกณฑ์ระยะทาง

แต่ฉันมั่นใจว่า เจ้านั่นอยู่ห่างจากเราไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตร

สมองที่ผ่อนเคยคลายลง กลับมาตึงเครียดและเร่งประมวลผลอีกครั้ง

อันดับแรก คนเราต้องรักษาสติเอาไว้ เพื่อไม่ให้แตกตื่นโดยไม่จำเป็น

สำหรับกรณีนี้ การสูดลมหายใจลึกๆ ช่วยได้มาก

“…นั่นคือยักษ์?”

จินซอยอนถาม

“อาจจะใช่ ฉันก็คิดว่าเป็นยักษ์ แต่ยังไม่กล้าฟันธง เพราะเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ”

“ต้องเป็นยักษ์แน่ๆ … หรืออาจจะไม่”

ลิลี่เองก็ลังเล

ตึง—!

“เฮือก!”

ชาโซฮีที่กำลังยืนเหม่อมอง สูดลมหายใจยาวจนไหล่สั่น

ด้วยความสัตย์จริง การที่ทุกคนยังไม่สติแตกก็นับว่าน่าชื่นชมมากแล้ว

ภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมากำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาความเป็นเหตุเป็นผล

ตึง!

ทุกครั้งที่สิ้นเสียงอันหนักหน่วง กลิ่นของฝุ่นละอองลอยโชยมาตามลม

คนอื่นได้กลิ่นเหมือนกันไหม?

มองไปทางลิลี่ ดูเหมือนเธอจะไม่

ตึง—!

แต่ชัดเจนว่า ทุกคนสัมผัสถึงการสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า

สิ่งที่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสโดยตรง ไม่ใช่สายตา คือเครื่องยืนยันว่าเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ใช่ทิวทัศน์จากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์

ใช้เวลาสักพักกว่าพวกเราที่ชินกับแสงไฟ จะปรับตัวให้เข้ากับความมืด

ทิวทัศน์กว้างขวางตรงหน้าค่อยๆ คมชัดขึ้น

ก้อนหินย้อยมอบความรู้สึกเหมือนภูเขา

แม้ด้านล่างจะเป็นโพรงกว้างเช่นนี้ แต่การที่พื้นด้านบนยังไม่ถล่มลงมา เป็นเพราะมีต้นเสายักษ์ตามธรรมชาติคอยค้ำจุนเพดาน

พื้นดินเรียบเนียน ไม่มีการปูกระเบื้อง และเนื่องจากไม่ใช่พื้นหิน จึงมีร่องรอยการปรับหน้าดินให้เสมอกัน

ยักษ์ตัวนั้นกำลังถือพลั่ว มองจากตรงนี้ดูเหมือนเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่ต้องไม่ลืมว่าร่างกายของมันใหญ่โตราวกับภูเขา ทุกครั้งที่ร่างกายขยับ เศษผ้าที่คลุมร่างจะสั่นตาม

“นี่มัน…”

ชาโซฮีที่ยืนจ้องยักษ์ด้วยสายตาเหม่อลอย จนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอเสียสติไปหรือยัง ในที่สุดก็ส่งเสียง

“นายเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน?”

ฉันพยักหน้าโดยไม่ละสายตาจากทิวทัศน์

ลึกๆ รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันอยากให้คนอื่นเห็นในสิ่งที่ตัวเองเห็นมานานแล้ว

ขณะฉันเชยชมฉากตรงหน้า จินซอยอนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นและชำเลืองดูท่าทีฉัน

เมื่อได้รับภาษากายเป็นนัยอนุญาต เธอใช้มือถือถ่ายรูปด้วยโหมดเงียบทันที

ขณะทุกคนกำลังชื่นชมทิวทัศน์ ฉันจัดระเบียบความคิดและนำเข็มชี้ทองคำออกมา

อัญมณีสองเม็ดถูกถอดออก หนึ่งสีฟ้า หนึ่งสีน้ำเงินเข้ม

สีน้ำเงินเข้มกลายเป็นแหวนนักบันทึก และเหมือนกับทุกครั้ง ฉันสวมไว้ที่นิ้วข้างขวา

สีฟ้ากลายเป็นดาบเก่าที่ตอนนี้เริ่มคุ้นมือ

“…เจ้าสัมผัสถึงอันตราย? ไม่สิ ข้าไม่น่าถาม”

ลิลี่ถามขณะจ้องยักษ์

“…ที่ฝูงแมลงหนีขึ้นไปบนพื้นหลังจากกาลอสตาย เป็นเพราะหลุมศพแห่งนี้ถูกกระตุ้น?”

“ใช่”

“และจากเหตุการณ์ผีบุกหมู่บ้าน เจ้าได้ทราบว่าแถวนี้มีสุสาน?”

“นั่นคือต้นตอ”

ลิลี่พยักหน้าเป็นนัยเห็นด้วย จากนั้นก็นำกล้องโพลารอยด์เล็กออกมา

“ข้าต้องระวังตัวสินะ”

ก็แหงสิ

ฉันหันไปมองสามคนที่ตามมาด้วย

ชาโซฮียังคงจ้องยักษ์ด้วยสายตาเหม่อลอย ก่อนจะหันมาทางฉัน

“พ…พวกเรากลับกันดีไหม”

“เธออยากกลับ?”

ชาโซฮีมองไปทางจินซอยอนและซอจีอา

จินซอยอนกำลังเดินไปทางป้ายหลุมศพใกล้ๆ และบันทึกข้อความลงสมุด

ส่วนซอจีอาอาการแย่ที่สุด คล้ายกับเธอได้กลิ่นอันน่าสะพรึงที่ไม่มีใครดมได้

“อย่างที่เคยพูดไป… เอลฟ์ไม่ถูกกับหลุมศพหรือผี”

เอลฟ์คือเผ่าพันธุ์ที่ใกล้ชิดชีวิตที่สุด จึงไม่ถูกกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความตาย

แต่นั่นไม่ใช่สายตาของคนที่อยากกลับ

“ถ้าใครอยากกลับก็ไม่ว่านะ”

“ถ้าไม่อยาก ก็ยังไม่ต้องกลับใช่ไหม?”

หงึก

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

ทั้งสามแลกเปลี่ยนความคิดด้วยการประสานสายตาและพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามฉัน

“ทุกคนถือกล้องไว้ ถ้าถูกผีจู่โจมให้รีบถ่าย”

นี่คือเหตุผลที่ฉันคิดว่าเรายังปลอดภัย

เหนือสิ่งอื่นใด ฉันเดินนำหน้าทุกคนโดยมีดาบตัดนิรันดร์อยู่ในมือ

ลำพังผีทั่วไปแค่ถ่ายรูปก็จัดการได้ไม่ยาก

แน่นอน เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อมั่นใจว่ากล้องถ่ายรูปสามารถจัดการผี ฉันก็อยากจะลองฝากความหวังไว้กับมัน

ทุกคนยกกล้องในมือตัวเองขึ้น เมื่อยืนยันว่าพวกเธอเตรียมตัวเสร็จ ฉันก้าวไปข้างหน้า

ท่ามกลางความเงียบ ชาโซฮีเปิดปาก

“…แปลกๆ”

“ยังไง”

“รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในเมืองร้าง”

ฉันมองไปรอบๆ

ตามที่ชาโซฮีบอก เป็นความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเมือง ต่างกันตรงที่รอบข้างมีแต่หลุมศพเล็กใหญ่แทนที่จะเป็นอาคาร

จินซอยอนเดินเข้าไปใกล้ป้ายหลุมศพ

“มันเขียนว่าอะไร คุณซอนฮูอ่านออกไหม”

“เป็นชื่อคน แล้วก็คำบรรยายนิดหน่อย แต่มันยาวเกิน ไว้จะอ่านให้ฟังทีหลัง”

“…ถ้าทั้งหมดนี้คือหลุมศพจริงๆ”

จินซอยอนเงยหน้ามองป้ายหลุมศพที่สูงประมาณตึกสามชั้น

“ทำไมถึงมีคนจำนวนมากถูกฝังในที่เดียวกัน?”

“…เธอรู้ชื่อของที่นี่ไหม”

จินซอยอนส่ายหน้า

สำหรับประเด็นนี้ ฉันขบคิดมาสักพักแล้ว

“ดินแดนแห่งการเริ่มต้นอันเงียบสงบ”

“…มันเป็นสุสาน แล้วทำไมถึงใช้คำว่า ‘เริ่มต้น’ ?”

คำว่าเริ่มต้นไม่เหมาะจะใช้เป็นชื่อสุสานสักเท่าไร

คิดไม่ออกจริงๆ ว่าความตายจะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรได้

ขณะฉันใคร่ครวญ ทุกคนเริ่มส่งเสียงพูดคุย ดูเหมือนว่าจะผ่อนคลายจากความตึงเครียดได้บ้าง

แต่ไม่นาน ความเงียบกลับมาครอบงำอย่างรวดเร็ว

“…!”

ไม่ต้องมีใครพูดก็รู้ทันที

ทุกคนเห็นผีสีน้ำเงินตัวหนึ่ง เดินผ่านระหว่างป้ายหลุมศพ

ฉันเดินนำหน้าเหมือนทุกครั้ง ทุกคนถือกล้องเดินตามมา

และ

“เดี๋ยว”

ฉันยื่นมือออกไปกันทาง

เมื่อตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ลิลี่ข้างๆ กระซิบเสียงประหม่า

“เกิดอะไรขึ้น”

“ผีไม่เคลื่อนไหวแบบนี้”

“หมายความว่ายังไง”

“ตามปกติแล้ว ผีต้องไม่มีสติ… พวกเขาเข้าสู่โลกวิญญาณได้ด้วยความอาฆาต”

ฉันตระหนักได้จากพฤติกรรมสั้นๆ ของอีกฝ่าย

ผีที่นี่ไม่ก้าวร้าว

จนถึงจุดที่เริ่มสังเกตเห็น

“และไม่ใช่แค่ตัวสองตัว”

ใกล้ๆ พวกเราไม่ได้มีผีแค่ตัวเดียว

ด้านหลังหลุมศพ ยังมีผีอีกมากที่เรามองไม่เห็น

ผีอีกตัวหนึ่งเดินผ่านหน้าเราและยกหัวขึ้น

เป็นผีในร่างเด็ก แต่ไม่ใช่เด็กจริงๆ แค่ความโปร่งใสก็ต่างกันแล้ว

“…ฉันไม่เคยเห็นผีร่างนี้มาก่อน”

จอห์นสันปรากฏตัวบนโลกวัตถุได้ด้วยพลังของฉัน แต่ผีทั่วไปเปรียบดังกลุ่มก้อนความแค้น ทุกตัวที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ทั้งหมด

ถึงที่นี่จะอยู่ลึก แต่ก็ยังเป็นโลกวัตถุ ไม่ปกติเลยที่จะมีผีอยู่

ฉันจึงไม่ลดความระแวง

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น

「…ทำไมพวกเราถึงตื่น? 」

「ที่นี่คือสถานที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ พวกเราตื่นได้ยังไง? 」

บรรยากาศเริ่มเต็มไปด้วยแสงสีฟ้า

ผีทยอยโผล่ขึ้นจากด้านหลังป้ายหลุมศพ

เฉพาะที่พวกเราเห็นก็ไม่ต่ำกว่าร้อยแล้ว กล่าวคือ จำนวนจริงคงไม่ต่ำกว่าพัน

จินซอยอนและชาโซฮีผงะถอยหลังด้วยร่างกายแข็งทื่อ

ซอจีอาชักมีด

“พวกเรา… จะปลอดภัยใช่ไหม”

“ต่อให้อันตราย แต่ก็คงหนีไม่ทันแล้วมั้ง… พวกเขาเป็นผีนะ”

ถึงฉันจะพูดติดตลก แต่ก็ไม่ได้ผ่อนคลาย

ผีทุกตัวถืออาวุธแตกต่างกันไป และเครื่องแต่งกายก็ใกล้เคียงเครื่องแบบทหาร

* * *

ชาโซฮีกลืนน้ำลายขณะชำเลืองคังซอนฮู

กล้องถ่ายรูปกำลังเล็งไปด้านหน้า แต่ที่เธอจ้องคังซอนฮูก็เพราะกลัวว่าพฤติกรรมของตนจะก่อปัญหา

เธอรู้สึกเหมือนหนังยางที่ยืดจนตึง หากถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อย ความตึงจะระเบิดจนเกิดสถานการณ์เลวร้าย

จากนั้น เธอหันกลับไปมองยักษ์อีกครั้ง

“เฮ้อ…”

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว

เสียงพลั่วจากยักษ์เงียบไปสักพักแล้ว คังซอนฮูมองไม่เห็นอีกฝ่ายเพราะมีแสงน้อยเกินไป

“พวกเราจะไม่เป็นไรใช่ไหม”

คังซอนฮูพยักหน้าพลางจ้องผีที่ดูเหมือนจ่าฝูง

พวกเขาคงไม่อันตรายหรอกมั้ง…

ชาโซฮีเบือนสายตาที่เปี่ยมด้วยความกลัวไปทางลิลี่

ลิลี่ยังคงยืนข้างคังซอนฮู เอาแต่มองตรงไปโดยไม่ขยับเขยื้อน

แววตาลิลี่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความกลัว เฉกเช่นคังซอนฮู เธอจ้องไปทางกลุ่มผี

ลิลี่ท่องเที่ยวกับคังซอนฮูมาตลอด จึงรับรู้ได้จากประสบการณ์

ถ้าคังซอนฮูไม่กลัว เธอก็ไม่ต้องกลัว

เมื่อคิดแบบนี้ ความตื่นเต้นบรรเทาลงหลายส่วน

คังซอนฮูทำลายความเงียบเป็นคนแรก

“พวกนายเป็นใคร”

「เราคือพลเมืองของราชา」

「เหล่าผู้ติดตามราชา」

“จากยุคทอง?”

ผีจ่าฝูงพยักหน้า

“แล้วทำไมถึงถูกฝังที่นี่?”

「เกิดหายนะครั้งใหญ่ในช่วงปลายยุคทอง」

「ราชาสร้างที่พักพิงให้เหล่าวิญญาณ ก่อนที่เหล่าวิญญาณจะถูกหายนะกวาดล้าง」

“…หมายถึงที่นี่?”

ผีพยักหน้า

ชาโซฮีไม่เข้าใจคำพูดผี แต่สัมผัสได้ว่าน้ำเสียงเจือความเศร้า เจ็บปวด และฝืนทน

「เมื่อยุคทองเริ่มขึ้นอีกครั้ง พวกเราต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ภาคีฟื้นฟูทองคำ’ 」

「นั่นคือชะตากรรมของเรา…」

“…แล้วทำไมถึงดูอ่อนเพลียนัก? เกิดอะไรขึ้น?”

ผีทุกตัวมองไปยังจุดเดียวกัน เกิดเป็นฉากอันน่าขนลุก

ชาโซฮีมองตามสายตาผีด้วยอาการผวา

ปลายสายตาคือยักษ์ที่กำลังงอตัว ร่างกายแน่นิ่งราวกับสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล

เงาดำที่หยุดนิ่งหลังจากเคลื่อนไหวตลอดเวลา แค่นี้ก็มากพอจะสร้างความหวาดผวา

「…ผู้เฝ้าสุสานที่ได้รับคำสั่งจากราชา ทรยศองค์ราชา」

「มันสูญสิ้นสติ เอาแต่คุ้ยเขี่ย และกินวิญญาณพวกพ้องเรา」

“…ยักษ์นั่นน่ะหรือ”

คังซอนฮูมองไปทางยักษ์

ทำไมสายตาถึงมั่นใจขนาดนั้น?

ไม่ว่าคังซอนฮูจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่มนุษย์ ไม่มีทางฆ่ายักษ์ได้ง่ายดาย

ฝูงผีหันหน้ากลับมาอีกครั้ง

เวลาเดียวกัน ยักษ์ขยับแค่คอ มองมาทางกลุ่มมนุษย์

แววตาไม่มีทั้งชีวิตชีวาและความเมตตา

เหลือเพียงความบ้าคลั่ง

「ปุถุชนในยุคที่ไร้สง่าราศีเอ๋ย… รีบ…」

「หนีไป!」

ชาโซฮีและจินซอยอนที่ไม่ใช่พลเมืองต่างโลก ต่างเข้าใจคำพูดสุดท้ายได้โดยสัญชาตญาณ

ขณะเดียวกัน

“โฮกกกกก!”

เสียงคำรามกึกก้องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังกังวานไปทั่วมิติ

ร่างชาโซฮีแทบทรุดเพราะแข้งขาอ่อนแรงอยู่ก่อนแล้ว ยังดีได้ซอจีอาช่วยประคองไว้

“เจ้าจะทำยังไงต่อ? มนุษย์!”

ซอจีอาตะโกนถามคังซอนฮูพร้อมกับหันมามอง แต่ทันใดนั้นก็ต้องชะงัก

ชาโซฮีรู้สึกแปลกๆ จึงมองตาม และเข้าใจทันทีว่าทำไมซอจีอาถึงสะดุ้ง

ยักษ์กำลังวิ่งมาทางนี้

ระหว่างทาง แขนขาที่ดูอ่อนเปลี้ยของมันชนเข้ากับป้ายหลุมศพจนล้มเอียง ฝุ่นควันคละคลุ้ง

ทว่า คังซอนฮูยังคงเอาแต่จ้องยักษ์

ไม่สิ เขาเดินเข้าหายักษ์

ทุกคนยกเว้นลิลี่กับคังซอนฮูต่างงุนงง

พวกเธอพยายามรักษาสติอย่างสุดความสามารถ

ฉากตรงหน้าคือภาพที่สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาราวกับภูเขา กำลังปรี่เข้าหาพร้อมกับแกว่งแขนขาท่ามกลางความมืด

แค่ครองสติไว้ได้ก็เก่งแล้ว

“พวกเราต้องวิ่งเดี๋ยวนี้…”

จินซอยอนพูด แต่ก็ถูกลิลี่ใช้มือปิดปากไว้

เป็นอีกครั้งที่ทุกคนเห็นว่า แวมไพร์สาวตนนี้ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย

“คอยดูเฉยๆ เถอะ”

ลิลี่พูดเสียงเรียบ

แวมไพร์สาวนิสัยขี้กลัว กำลังแสดงความสง่าผ่าเผยต่อหน้ายักษ์ที่วิ่งเข้าใส่

“ยักษ์นั่นทำอะไรเขาไม่ได้หรอก”

“…เธอเอาอะไรมาเชื่อมั่น”

“กำแพงที่ยักษ์นั่นไม่มีวันข้ามได้ จะคอยปกป้องนักล่า”

ยักษ์ที่พุ่งเข้ามาใกล้ส่งเสียงคำราม ท่อนแขนอันผอมซูบที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก ยกพลั่วชำรุดขึ้นมาแกว่ง

ลิลี่เงยหน้ามอง

“เพราะใครบางคนสาบานกับเขาไว้แล้ว”

“ใคร?”

“…สหาย”

ทันใดนั้น

“โฮก—!”

ยักษ์หยุดความเคลื่อนไหวทันที

มันก้าวถอยหลังและยกสองแขนขึ้นมากุมหัวในท่าคุกเข่า พลั่วหลุดมือหล่นลงพื้นพร้อมเสียงกระดอน

ในท่าถือดาบ คังซอนฮูเอาแต่ยืนจ้องยักษ์

แววตาไร้อารมณ์ เพราะชายหนุ่มยังมิได้ขยับเขยื้อนร่างกาย

ทันใดนั้น ชาโซฮีเห็นภาพหลอน

เธอตกใจมากจนหันไปมองคนอื่น และพบว่าจินซอยอนกับซอจีอาต่างเงยหน้า ราวกับกำลังเห็นภาพหลอนเดียวกัน

สิ่งที่เธอเห็นคือภาพหลอนไม่ผิดแน่ ชาโซฮีมั่นใจ

เธอยังไม่เสียสติถึงขนาดแยกความจริงกับโลกแฟนตาซีไม่ออก

ภาพหลอนที่ใครบางคน กำลังยืนด้านหลังคังซอนฮู

เป็นวิญญาณของหญิงสาว ผู้แต่งกายด้วยชุดเดรสสไตล์โบราณ

ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ มือข้างหนึ่งของเธอกำลังถือหอกที่ควบแน่นพลังงานมหาศาล

สายตามองเหยียดยักษ์ที่คุกเข่าลง

「นี่มัน… ลูกสาวกษัตริย์แอตลาส…!」

「มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง….」

รู้ตัวอีกที อัญมณีสีแดงในมือซ้ายคังซอนฮูกำลังยุบพองอย่างกระตือรือร้น

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด