ตอนที่แล้วChapter 33 : จบภารกิจ – ขายของ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 35 : ประลอง

Chapter 34 : ฉีกหน้ากาก


“ดูเหมือนจะไม่ได้จริงๆ ถ้างั้นก็ขายๆขวดพวกนี้ทิ้งไปดีกว่า”

เมื่อเห็นว่าขวดเปล่าพวกนี้ไม่มีประโยชน์อย่างที่คิด โจวเฉินจึงยัดพวกมันทั้งหมดลงไปในพื้นที่แลกเปลี่ยนในราคาขวดละ 5,000 เหรียญมังกรเหลือไว้เพียงขวดโค้กขวดเดียวเท่านั้น

หลังจากจัดการเรื่องการขายของจนเสร็จเขาก็ล้างหน้ากากและนำมันไปตากแห้งก่อนจะมาลองใส่ชุดพลางตัวที่พึ่งได้มาหมาดๆ

เป็นดังคาด ชุดพลางตัวชุดนี้เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างยิ่งราวกับมันถูกตัดมาเพื่อเขาก็ไม่ปาน

ยิ่งไปกว่านั้นยังใส่สบายด้วย เนื้อผ้าเองก็ให้ความรู้สึกหนาและเหมาะสมสำหรับใส่ลุยภารกิจเซอร์ไววัลยิ่งนัก

“ยังขาดรองเท้าอีกคู่นึง ลองหาดูรองเท้าคอมแบทที่เข้าคู่กับชุดดูดีกว่า”

โจวเฉินคิดอยู่ซักพักก่อนจะเปิดมือถือขึ้นมา เขาใช้เวลาไปอีกนิดหน่อยกับการเลือกซื้อรองเท้าคอมแบทมาคู่นึงจากร้านค้าออนไลน์ รองเท้าคู่นี้ค่อนข้างเข้าคู่กับชุดพลางตัวในทะเลทรายที่เขาสวมใส่อยู่ยิ่งนัก

จากนั้นเขาก็นำมีดมาเชเต้ออกมาเล่นอยู่ซักพักก่อนจะเก็บทั้งมีดและชุดพลางตัวกลับลงไปในช่องเก็บของและเปลี่ยนกลับมาใส่ลำลองสะอาดๆแทน

“ออกไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า ไม่ได้ไปเดินเล่นในเมืองหยางตอนกลางคืนมาซักพักแล้วด้วย”

แม้ว่าตอนนี้จะมืดแล้วแต่อย่าได้ลืมว่าโจวเฉินพึ่งจะตื่นจึงพลังเต็มเปี่ยม เขาจึงเลือกที่จะออกไปเดินเล่นซักหน่อย

ในฐานะที่เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งดังนั้นแม้จะเป็นกลางคืนแต่เมืองหยางก็ยังคงมีชีวิตชีวาไม่ต่างจากกลางวันและร้านรวงมากมายก็ยังคงเปิดอยู่

เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องมาจนถึงด้านนอกตัวอาคารเขาก็พบว่าสกิลมองเห็นในที่มืดของเขาถูกเปิดใช้งาน ทำให้เขาสามารถมองเห็นในบริเวณที่แสงไฟส่องไม่ค่อยถึงได้อย่างสบายๆ

ความรู้สึกนี้ค่อนข้างแปลกแยกอยู่บ้าง โจวเฉินรู้สึกว่าเขายังปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่

หลังจากเดินตามถนนผ่านป้ายโฆษณาที่ส่องแสงระยิบระยับมาซักพักเขาก็มาถึงสถานที่ที่เขาค่อนข้างคุ้นตาโดยไม่ได้ตั้งใจ - โรงฝึกเว่ยเจียง

“ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมโรงฝึกของเถ้าแก่หลิวถึงยังไม่ปิดอีกล่ะเนี่ย?”

โจวเฉินจำได้ว่าโรงฝึกแห่งนี้มักจะปิดก่อนมืดเสมอ ไม่คิดเลยว่าวันนี้กลับยังเปิดอยู่แถมยังมีคนอยู่ด้านในมากมายอีกด้วย

โจวเฉินที่เริ่มสนใจขึ้นมาจึงรีบเดินเข้าไปในโรงฝึก

พอเขาเข้ามาถึงโถงหลักเขาก็เห็นว่ามีกลุ่มคนยืนมุงอยู่รอบเวที คนพวกนี้บ้างก็ถือกล้อง บ้างก็ใช้มือถือถ่ายวิดีโอ ส่วนเป้าหมายที่พวกเขาถ่ายก็คือชายชราสองคนที่กำลังสู้กันอยู่บนเวที

หนึ่งในนั้นคือเถ้าแก่หลิวขณะที่อีกคนนั้นโจวเฉินไม่รู้จัก แต่ดูจากรูปร่างและเครื่องแต่งกายแล้วอีกฝ่ายน่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงฝึกเช่นกัน

“ลุยให้เต็มที่เลยปรมาจารย์หวัง!”

“ปรมาจารย์หวังโคตรสุดยอดเลย!”

“ปรมาจารย์หวังชนะแน่นอน!”

เหล่าผู้ชมที่กำลังมองดูการต่อสู้ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนพวกเขาทั้งหมดต่างก็มาเชียร์ชายที่ชื่อว่าปรมาจารย์หวังกันทั้งสิ้น

“ปรมาจารย์หวัง? น่าจะเป็นคนที่กำลังสู้กับเถ้าแก่หลิวอยู่บนเวทีนั่นล่ะมั้ง คนคนนี้มาที่โรงฝึกของเถ้าแก่หลิวเพื่อท้าแข่งแน่นอนแต่ดูเหมือนจะไม่ได้มาในนามของโรงฝึกล่ะมั้ง?”

โจวเฉินคาดเดาในใจ เขามองไปที่ชายชราอีกคนบนเวทีที่ถูกทุบตีจนดวงตาเขียวช้ำและร่างกายโอนเอนไปมาแต่กลับไม่ยอมล้ม พอเห็นเช่นนี้เขาก็บังเกิดความรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา

แม้ว่าเถ้าแก่หลิวคนนี้จะเป็นเจ้าของโรงฝึกเว่ยเจียงแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีความสามารถในด้านศิลปะการต่อสู้เลยซักนิด หมัดทุกหมัดที่เขาปล่อยออกมาไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยแต่เถ้าแก่หลิวกลับมั่นใจอยู่เสมอว่าเขาคือปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ หนนี้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้จริงๆจึงถือเป็นเรื่องน่าสลดสำหรับเขา

“ถึงในด้านการต่อสู้ของเถ้าแก่หลิวหลิวจะไม่ค่อยดีนักแต่เขาก็ดูแลเราเป็นอย่างดีแถมยังให้เราใช้อุปกรณ์ที่นี่ได้ในราคาถูกอีกด้วย คงต้องช่วยเชียร์เขาซักหน่อย”

แม้จะรู้ว่าเถ้าแก่หลิวไม่มีทางชนะแต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเชียร์เขาเลยซักคนเขาจึงตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น “ปรมาจารย์หลิวคุณทำได้น่า! ปรมาจารย์หลิวคุณเอาชนะได้แน่นอน!”

เดิมทีโจวเฉินคิดว่าถ้าตะโกนออกไปแบบนี้ท่ามกลางฝูงชนมากมายที่กำลังตะโกนเชียร์อยู่นั้นน่าจะไม่เป็นจุดสนใจหากแต่เขากลับไม่คิดเลยว่าพอจะโกนจบกลับมีหลายคนที่หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว

“สหาย ตาแก่หลิวคนนี้จะเป็นปรมาจารย์ไปได้ยังไง? เจ้าหมอนี่มันพวกลวงโลก! นายจะสนับสนุนพวกลวงโลกไม่ได้นะ!”

ชายวัยกลางคนที่ถือกล้องซึ่งกำลังถ่ายวิดีโออยู่ขมวดคิ้วแล้วหันมากล่าวกับโจวเฉิน

“ใช่แล้ว! พวกเรามาที่นี่เพื่อสนับสนุนให้ปรมาจารย์หวังฉีกหน้ากากเจ้าคนลวงโลกคนนี้!”

ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนถือโทรศัพท์หันมากล่าวกับโจวเฉินเช่นกัน

“ลวงโลก? ลวงโลกยังไง? ปรมาจารย์หลิวเขาไปหลอกใครรึไง?”

โจวเฉินสับสนงุนงง

“แน่สิ!”

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาราวกับอยากจะพูดว่า ‘นายไม่รู้เรื่องนี้จริงดิ?’

“เมื่อไม่นานมานี้ตาแก่หลิวคนนี้ปล่อยวิดีโอหมัดนรกคลั่งอะไรก็ไม่รู้ของเขาลงในเว็บมังกรไง พื้นฐานของเขาแย่มากเลยถูกพวกชาวเน็ตเยาะเย้ยแต่เจ้าหมอนี่กลับนั่งยันนอนยันว่าตัวเองเป็นสุดยอดปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้แถมยังหลอกลวงผู้คนอีกด้วย! ตอนนี้ชื่อเสียงของคอมมูนิตี้ศิลปะการต่อสู้โคตรจะดิ่งลงเหวเลย! นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปรมาจารย์เก้าหมัดราชันย์ถึงได้มาที่นี่ในวันนี้เพื่อฉีกหน้ากากเจ้าคนลวงโลกนี่ไงล่ะ!”

“อ๋อ...”

โจวเฉินเชื่อเรื่องนี้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นเพราะเขานี่แหละที่เป็นคนช่วยเถ้าแก่หลิวอัพโหลดวิดีโอโชว์ศิลปะการต่อสู้ลงในเว็บมังกร ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้นี่มันเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้จริงๆ

“ถ้างั้นเถ้าแก่หลิวได้ไปโกงเงินใครรึยัง?”

เขาถามอีกครั้งเพราะเขารู้สึกว่าตราบใดที่เถ้าแก่หลิวยังไม่ไปโกงเงินใครก็ไม่มีปัญหา ถ้าเถ้าแก่หลิวไปโกงเงินคนอื่นแล้วถ้างั้นเขาก็จะไม่มีทางปกป้องอีกฝ่ายแน่นอน

“โกงเงินหรอ? เขาอ่ะนะ?”

ชายหนุ่มยิ้มเย้ย

“กระทั่งเด็กสามขวบที่ดูวิดีโอแสดงศิลปะการต่อสู้ของเขายังด่าเลย แล้วเขาจะไปโกงเงินใครได้?”

“เข้าใจล่ะ...”

แม้ว่าจะรู้สึกพูดไม่ออกอยู่เล็กน้อยแต่โจวเฉินก็ต้องเห็นด้วย

‘ความสามารถด้านการต่อสู้ของเถ้าแก่หลิวค่อนข้างมีปัญหาจริงๆนั่นแหละแต่ในเมื่อเขายังไม่ได้ไปโกงเงินใครและเชื่อเพียงแค่ว่าวิชาต่อสู้ของเขามันยอดเยี่ยมก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่นี่? เขาก็แค่ค่อนข้างมีความมั่นใจในตัวเองสูงไปซักหน่อยก็เท่านั้น คงต้องยื่นมือเข้าไปช่วยซักหน่อยแล้วมั้ง’

โจวเฉินเลือกข้างได้เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อเขาเป็นลูกค้าประจำโรงฝึกของเถ้าแก่หลิวก็คงต้องยืนอยู่ฝั่งเขานั่นแหละ

“ปรมาจารย์หลิวสู้ๆ!”

เขาตะโกนอีกครั้ง

ยังไงก็ตามการตะโกนของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ผลดีเท่าไหร่นักเพราะหลังจากเขาตะโกนออกไปเถ้าแก่หลิวก็ถูกปรมาจารย์หวังคนนั้นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้น พ่ายแพ้ไปอย่างเลวร้าย

ไม่นานนักคนสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นหมอก็เดินขึ้นมาและแบกร่างของเถ้าแก่หลิวขึ้นไปบนเปล ส่วนผู้ชนะอย่างปรมาจารย์หลิวก็เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ของเขา

“ทุกๆท่าน! ในวันนี้ผมได้ฉีกหน้ากากของไอ้พวกลวงโลกอีกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! ผมขอยืนยันเลยว่าเจ้าของโรงฝึกเว่ยเจียงแห่งนี้เป็นพวกลวงโลก! หวังว่าทุกๆท่านจะไม่ถูกวิดีโอแสดงศิลปะการต่อสู้ของเขาหลอกเอาในอนาคตอีก! ทุกๆคนโปรดเชื่อเถอะว่าจักรวรรดิมังกรของเรานั้นมีศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงที่ถูกสืบทอดกันมาอยู่!”

ขณะที่ปรมาจารย์หวังกำลังกล่าวสุนทรพนจ์ของเขาโจวเฉินก็เดินมาหาเถ้าแก่หลิวที่นอนอยู่บนเปล

“เถ้าแก่หลิวเป็นอะไรไหม?”

เขามองไปที่ใบหน้าบวมช้ำของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามออกมา

“เสี่ยวโจว? เธอก็มาด้วยรึ?”

แม้ว่าสภาพของเถ้าแก่หลิวจะดูไม่ได้แต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังเต็มไปด้วยพลังด้านบวก เมื่อเขาเห็นว่าโจวเฉินเดินเข้ามาหาเขาก็พยายามจะลุกขึ้นจากเปลให้ได้

“เสี่ยวโจวฉันขอบอกเธอเลยนะ จริงๆแล้วเมื่อกี้ฉันชนะไปแล้ว! ฉันโจมตีใส่เขาไปแล้วแต่เลือกที่จะหยุดกลางคันเพราะสิ่งที่ตามมามันจะร้ายแรงมาก! แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่สนใจเกี่ยวกับจรรยาบรรณของนักสู้เลยซักนิดแถมยังกระทืบฉันซะเละเลย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด