ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 136 สองหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 138 ลงมือก่อน

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 137 ความคิดที่ยอดเยี่ยม


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 137 ความคิดที่ยอดเยี่ยม

แปลโดย iPAT  

กงเหลียงไป่ผุดลุกขึ้นและชี้นิ้วไปที่หลี่ฉิงซานด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาอ้าปากแต่พูดไม่ออกไปชั่วขณะราวกับเขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่ฉิงซานจะยอมรับอย่างง่ายดายเช่นนี้

หลี่ฉิงซานดื่มสุราอย่างสบายอารมณ์และกล่าวอย่างไม่แยแส “พวกเจ้ามาจากสำนักศึกษาซึ่งควรเป็นสถานที่เรียนรู้หลักคำสอนของนักปราชญ์ แต่พวกเจ้ากลับก่ออาชญากรรมปล้นฆ่า นอกจากนั้นพวกเจ้ายังต้องให้ข้าเก็บกวาด เจ้าควรกลับไปคิดให้ดีกว่านี้”

หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะมาพบศัตรูที่นี่ แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว สถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองชิงหยาง นั่นยังเป็นสาเหตุที่เขาพบเฉียนหรงจื่อทันทีที่ออกเดินทาง ในขณะเดียวกันข่าวเรื่องโสมจิตวิญญาณก็ดึงดูดผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆ มีจอมยุทธ์ไม่มากนักอยู่ในระยะหลายร้อยกิโลเมตรจากสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นที่เมืองวายุบรรพกาลในเวลานี้

แขกเริ่มพูดคุย “ผู้ใดจะคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้”

“ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ช่างยโสนัก แม้พวกเขาจะฆ่าคน พวกเขาก็ยังกล้ากล่าวว่าพวกเขาช่วยเก็บกวาด”

“ถูกต้อง ตั้งแต่เมื่อใดที่จอมยุทธ์ขั้นสองกล้ากล่าวกับจอมยุทธ์ขั้นสามเช่นนี้?”

“หุบปาก อย่าสร้างปัญหา”

แม้พวกเขาจะไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดแต่ส่วนใหญ่ก็เข้าข้างสำนักศึกษาไม้ผลักใบโดยสัญชาตญาณ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมชอบบัญฑิตมากกว่าตำรวจ

เฉียนหรงจื่อและเตียวเฟยค่อนข้างคุ้นเคยกับพฤติกรรมของหลี่ฉิงซาน ตราบเท่าที่เขามีเหตุผล เขาจะไม่แยแสผู้ใด เขาเป็นคนเดียวที่กล้าเผชิญหน้ากับจ้าวเหลียงฉิงและจ้าวจื่อป๋อโดยไม่ต้องกล่าวถึงบัณฑิตผู้หนึ่ง

พลังปราณที่มองไม่เห็นทำให้เสื้อคลุมของกงเหลียงไป่หลุดลุ่ย ในเวลาเดียวกันเขาก็ผลักโต๊ะยาวตรงหน้าออกไปทำให้เกิดเสียงดัง

“น้องชายของข้าอยู่ห่างจากขอบเขตจอมยุทธ์เพียงไม่กี่ก้าว เขาสามารถกลายเป็นจอมยุทธ์ขั้นสอง แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า!”

หลี่ฉิงซานยังนั่งอยู่ “โชคดีที่ข้าลงมือเร็วพอ เขากล้าแสดงท่าทีเกเรเช่นนี้เมื่อยังเป็นเพียงนักสู้ชั้นหนึ่ง หากเขากลายเป็นจอมยุทธ์ นั่นคงเป็นจุดจบของโลก”

กงเหลียงไป่ดึงดาบออกจากเอวและชี้ไปที่หลี่ฉิงซาน “คนอื่นอาจเกรงใจผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แต่ศิษย์สำนักศึกษาไม้ผลัดใบของเราไม่กลัว!”

“มันไม่ใช่เรื่องของการกลัวแต่เป็นเรื่องของถูกผิด หากข้าผิด ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะคุกเข่า อย่างไรก็ตามหากคิดว่าฐานะบัณฑิตของเจ้าไม่ต้องฟังแม้แต่เหตุผลและสามารถทำตามใจของตนเองได้ทุกอย่าง แล้วเจ้าจะเรียนหลักคำสอนของนักปราชญ์ไปเพียงสิ่งใด? ความรู้ของเจ้าหายไปที่ไหน? สุนัขกินพวกมันไปหมดแล้วงั้นหรือ?”

“ข้าเสียสติเพราะเจ้า!” กงเหลียงไป่ไม่สามารถโต้แย้ง เขาทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าและเหวี่ยงดาบไปที่ศีรษะของหลี่ฉิงซานเท่านั้น

เตียวเฟยกดมือลงบนด้ามดาบวายุที่เอวของเขาและเตรียมต่อสู้

แต่หลี่ฉิงซานยังไม่สะทกสะท้าน เขาไม่ขยับและกระทั่งดื่มสุราต่อ เขากล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หากเจ้าแตะแม้แต่เส้นผมของข้า มาดูกันว่ายังมีที่ใดบนโลกใบนี้ที่สามารถปกป้องเจ้าได้ สำนักศึกษาไม้ผลัดใบจะปกป้องเจ้าหรือไม่?”

ดาบหยุดอยู่เหนือศีรษะของหลี่ฉิงซานและสั่นเล็กน้อย การแสดงออกของกงเหลียงไป่เปลี่ยนไปขณะที่เขามองหลี่ฉิงซาน เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่แสดงความแข็งแกร่งใดๆออกมาแต่มีความกล้าบางอย่างที่ไม่อาจมองข้าม

แม้เฉียนเยี่ยนเหนิงจะเป็นเจ้าภาพแต่เขาก็ปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไป เขาไม่ได้พยายามเข้าไปยุ่งเนื่องจากสิ่งที่เขาได้ยินจากเฉียนหรงจื่อ เขาต้องการให้หลี่ฉิงซานพบกับความทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของผู้อื่น แต่เขาไม่เคยคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องประเมินหลี่ฉิงซานใหม่

อย่างไรก็ตามหากเขายังมองอยู่ด้านข้างต่อไป มันย่อมไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงต้องเปิดปากกล่าว “แขกทั้งคู่ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะสามารถละทิ้งความคับข้องใจและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเพื่อข้า”

หลี่ฉิงซานวางจอกสุราลงและเงยหน้าขึ้น “ตอนนี้เจ้าคิดได้แล้วงั้นหรือ? หากไม่ลงมือก็หยุดทำให้ตนเองขายหน้า”

กงเหลียงไป่เหวี่ยงดาบลงไปตัดมุมโต๊ะและกวาดตามองไปรอบๆ เขารู้สึกเหมือนทุกคนกำลังมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยันว่าเขากลัวหลี่ฉิงซานจนไม่กล้าแตะแม้แต่เส้นผมของเด็กหนุ่ม ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งออกจากห้องโถง

เฉียนเยี่ยนเหนิงสั่งให้คนตามเขาไป เขาวางแผนต่อต้านหลี่ฉิงซานไว้แล้ว

งานเลี้ยงดำเนินต่อไป คราวนี้จุดศูนย์กลางของความสนใจกลายเป็นเฉียนหรงจื่อ บรรยากาศผ่อนคลายลงขณะที่นางพูดคุยและเผยรอยยิ้มราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น

จอมยุทธ์หลายคนมองนางและรู้สึกสนใจนาง

เฉียนหรงจื่อชำเลืองมองหลี่ฉิงซานและเตียวเฟยเพื่อส่งสัญญาณว่าแผนการของพวกเขากำลังดำเนินไปได้ด้วยดี หลังจากนั้นนางก็มองไปที่เฉียนเยี่ยนเหนิงขณะที่สายตาของนางเปลี่ยนไปอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานเพียงเผยรอยยิ้มและดื่มสุราต่อไป

ภายใต้แสงจันทร์ หลี่ฉิงซานและเตียวเฟยกลับไปที่พักของพวกเขาพร้อมกลิ่นสุราที่คละคลุ้ง

เตียวเฟยกล่าว “เดิมทีข้าคิดว่าข้าค่อนข้างหยิ่ง แต่เจ้าหยิ่งกว่าข้าสิบเท่า!”

หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นไม่ได้เรียกว่าหยิ่งแต่เป็นความตรงไปตรงมา คนตรงไปตรงมาผิดงั้นหรือ?”

เตียวเฟยตอบ “ถูกต้อง ถูกต้อง ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขาจะสามารถล้อเล่น”

หลี่ฉิงซานกล่าวต่อ “มีบางสิ่งที่ข้าอยากพูดกับเจ้า”

ทันใดนั้นเตียวเฟยก็รู้สึกราวกับเห็นแสงดีแดงจากดวงตาของหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานกล่าวบางสิ่ง จากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องพักของตนโดยทิ้งเตียวเฟยให้ยืนงงอยู่ที่เดิม

นั่นไม่ใช่แผนการที่พวกเขาเคยคุยกันไว้!

บางคนไม่ทำตามแผนขณะที่บางคนมีแผนใหม่

“ข้าจะเกลี้ยกล่อมให้กงเหลียงไป่อยู่ต่ออีกสองสามวัน ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับเขา ตอนนี้มีสายตาสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป เราจะลงมือหลังจากงานวันเกิดของข้า เจ้าต้องพยายามลากเขาลงมา ตราบเท่าที่เรื่องนี้สำเร็จ เจ้าจะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ให้กับตระกูลเฉียน” เฉียนเยี่ยนเหนิงกล่าวกับเฉียนหรงจื่อ

เฉียนหรงจื่อตอบ “หรงจื่อเต็มใจทุ่มเทชีวิตเพื่อตระกูลเฉียน”

ในยามดึก เสี่ยวอันเล่นกับเม็ดยารวบรวมพลังปราณที่อยู่บนฝ่ามือของหลี่ฉิงซาน จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นราวกับต้องการถามว่า “เหลือแค่นี้หรือ?”

หลี่ฉิงซานลูบศีรษะเสี่ยวอัน “ใช่และนั่นทำให้ข้าไม่สามารถอดกลั้น! แต่อย่ากังวล มันจะมีมากขึ้นเร็วๆนี้ มันจะมีนับพันเม็ด!” หลังกล่าวจบคำเขาก็โยนเม็ดยารวบรวมพลังปราณเข้าไปในปากและเริ่มบ่มเพาะ

ดวงจันทร์หายไปที่ขอบฟ้าก่อนจะขึ้นอีกครั้งในคืนต่อมา

แขกจำนวนมากมารวมตัวกัน ทุกคนมาเพื่อฉลองวันเกิดเฉียนเยี่ยนเหนิง งานเลี้ยงขยายออกไปถึงด้านนอกห้องโถงและยังยาวไปตลอดเส้นทางภูเขา

เมืองวายุบรรพกาลทั้งหมดร่วมเฉลิมฉลอง

อย่างไรก็ตามมีโต๊ะเพียงสิบโต๊ะอยู่ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลเฉียน เฉียนซิงเว่ย หลานชายคนโตของเฉียนเยี่ยนเหนิงเป็นคนดูแลงานเลี้ยงและต้อนรับแขก เขาประกาศเสียงดัง “ปรมาจารย์ซวนเจิ้งแห่งนิกายแม่น้ำลอยฟ้ามอบผลึกหยกโลหิตหนึ่งคู่เป็นของขวัญ”

“กงเหลียงไป่แห่งสำนักศึกษาไม้ผลัดใบมอบผลไม้หยกสิบผล”

ของขวัญส่วนใหญ่เป็นสมบัติหายากที่หลี่ฉิงซานไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เมื่อเตียวเฟยและเขามาถึง หลี่ฉิงซานก็หยิบเม็ดยารวบรวมพลังปราณเม็ดสุดท้ายของเขาวางบนมือของเฉียนซิงเว่ย

เฉียนซิงเว่ยตะลึง เขาคิด ‘เขาให้เม็ดยารวบรวมพลังปราณเป็นของขวัญงั้นหรือ?’

หลี่ฉิงซานกระตุ้น “ท่านควรประกาศ”

“คุณชายหลี่ฉิงซานและคุณชายเตียวเฟยจากหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์มอบเม็ดยารวบรวมพลังปราณหนึ่งเม็ด”

แขกทั้งหมดต่างตกตะลึง พวกเขาต้องการดูหน้าคนขี้เหนียวแต่ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นคือหลี่ฉิงซานยังสงบนิ่งขณะที่เตียวเฟยก้มหน้าลงต่ำ ผู้คนที่ยืนอยู่ต่างรู้สึกอายแทนแต่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นความอับอายใดๆบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

“เดินทางหลายพันกิโลเมตรมาเพื่อมอบขนห่านเป็นของขวัญ ความคิดยอดเยี่ยม!” ชายชราผมหงอกในชุดสีเทากล่าวด้วยรอยยิ้มขณะเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ กลิ่นอายของเขาบ่งบอกว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นสาม

หลี่ฉิงซานกล่าว “ท่านต้องเป็นผู้อาวุโสรองของตระกูลเฉียนใช่หรือไม่? ข้ากำลังรอพบท่านอยู่!” ผู้อาวุโสรองที่ถูกกล่าวถึงเป็นบุตรบุญธรรมของเฉียนเยี่ยนเหนิง ตระกูลเฉียนมีจอมยุทธ์ขั้นสามจำนวนสองคน ทั้งสองล้วนเป็นบุตรบุญธรรมของเฉียนเยี่ยนเหนิง พวกเขาล้วนออกมาต้อนรับแขกด้านนอก

หางตาของชายชรากระตุก “ถูกต้อง เป็นข้า เชิญท่านทางนี้” คืนที่ผ่านมาเฉี่ยนเยี่ยนเหนิงรวบรวมสมาชิกตระกูลเฉียนทั้งหมดอย่างรีบร้อนเพื่อหารือแผนการต่อต้านหลี่ฉิงซาน เขารู้แผนการแล้วและคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะโกรธคนที่ตายไปแล้ว

หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นคือผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลเฉียน” เขาเห็นชายชราอีกคนในชุดสีเทา จากนั้นเขาก็พูดกับเตียวเฟยอย่างเฉยเมยว่า “พี่เตียว เหตุใดท่านไม่ไปทำความรู้จักเขา?”

ชายชราชุดเทาที่ถูกกล่าวถึงรู้สึกแปลกใจ หลี่ฉิงซานสั่งให้จอมยุทธ์ขั้นสามที่เป็นเหมือนคนคุ้มกันมาคุ้ยกับเขา อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะคิดมากไปกว่านี้ หลี่ฉิงซานก็คว้ามือของผู้อาวุโสรองอีกคนเดินเข้าไปในงานเลี้ยง “ที่นี่งั้นหรือ?”

เขามองไปรอบๆและทำตัวเหมือนเด็กหลงทาง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปพร้อมกับชายชรา

เฉียนหรงจื่อยืนอยู่ด้านข้างเฉียนเยี่ยนเหนิง นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่นางจะตระหนักถึงบางสิ่ง นั่นทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที

ชายชราในชุดสีเทาพาหลี่ฉิงไปนั่ง แต่เขาพบว่าหลี่ฉิงซานหยุดพูดอย่างกะทันหันและมองเขาด้วยดวงตาสีดำสนิท เขาถาม “พวกเจ้าพยายามจะฆ่าข้างั้นหรือ?”

“ท่านรู้วิธีล้อเล่นจริงๆ” ชายชราหัวเราะ แต่เขาไม่สามารถหัวเราะได้นานกว่านี้ เขารู้สึกราวกับมือของหลี่ฉิงซานกลายเป็นเหล็กที่ยึดข้อมือของเขาเอาไว้ มันค่อยๆกระชับแน่นขึ้นทุกขณะซึ่งทำให้การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป

“บึม บึม บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง

ผู้คนวิ่งหนีด้วยความตกใจ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือชายผิวดำผู้หนึ่งชี้นิ้วไปที่เตียวเฟยอย่างยากลำบากอยู่ที่ลานกว้าง เขาต้องการพูดบางสิ่งแต่ไม่สามารถพูดได้ ในเวลาเดียวกันร่างกายของเขาก็ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมา

เฉียนเยี่ยนเหนิงคำรามด้วยความโกรธและตกใจ “เจ้าทำสิ่งใด?”

เตียวเฟยใช้เวลาที่คนอื่นๆกำลังวิพากษ์วิจารณ์ติดยันต์ระเบิดเพลิงสามใบบนร่างผู้อาวุโสรองของตระกูลเฉียน หลังจากเกิดการระเบิด เขาก็เพิกเฉยต่อทุกคนรวมถึงเฉียนเยี่ยนเหนิงที่กำลังโกรธและมองข้ามฝูงชนไปที่หลี่ฉิงซาน

ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง หลี่ฉิงซานคว้าลำคอของชายชราด้วยมือข้างเดียวและยกเขาขึ้น รอยยิ้มบ้าคลั่งและน่าพิศวงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

หลี่ฉิงซานหักคอชายชราอย่างแรงและเหวี่ยงเขาไปทางเฉียนเยี่ยนเหนิง

“ศพคู่นี้คือของขวัญเช่นกัน มันเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมใช่หรือไม่? ข้าหวังว่าท่านจะรับมันไว้!”