ตอนที่แล้วตอนที่ 391 แผนรบที่หนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 393 อูเซี่ย

ตอนที่ 392 แผนของถังโฉ่ว 


“บอกความเห็นของเจ้ามาซิ” ปิงนั่งอยู่ต่อหน้าถังโฉ่วเหมือนผู้บัญชาการที่เข้มงวด

“ขอรับ” ถังโฉ่วยังคงสงบอยู่ หลังจากชัยชนะเมื่อวานนี้ที่ดูเหมือนจะไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเขา “แนวคิดแรกของข้าน้อยก็คือกำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธที่เหมาะสม พลังของข้าไม่มากมายดังนั้นทักษะรบของข้าจึงมีจำกัด  นั่นคือเหตุผลให้ข้าสร้างรูปแบบกลศึกที่ใช้งานได้กับผู้แข็งแกร่งน้อยในการทำศึก”

“นั่นเป็นแค่เพียงแผนแรกใช่ไหม?”

“ขอรับ” ถังโฉ่วอธิบายต่อ “ข้าได้ครุ่นคิดถึงเหตุผลที่กองทัพต้องพึ่งพาผู้นำทหารในเมื่อถึงเวลารบ จากนั้นข้าได้พบว่าทหารแต่ละคนในกองทัพฝึนฝนวิทยายุทธมาแตกต่างกันก้าวย่างของแต่ละคนจึงไม่มีการประสานงานกันอย่างเหมาะสม  เพราะมีวิทยายุทธที่แตกต่างกัน  จึงมีพลังที่แตกต่างกันมีแต่ผู้นำทหารที่พิเศษเท่านั้นที่มีความสามารถในการประสานองค์ประกอบอย่างต่อเนื่องสร้างเป็นกลยุทธที่ทรงประสิทธิภาพ  จากสิ่งที่ข้าสังเกตเห็นจากกองทัพเป็นไปไม่ได้ที่ทหารแต่ละคนจะฝึกฝนตามกลยุทธของตนเอง ดังนั้นอาวุธจักรกลวิญญาณจึงเป็นวิธีคลี่คลายปัญหานี้ของพวกเรา”

“การ์ดวิชาที่ใช้โดยอาวุธจักรกลวิญญาณน่ะหรือ?”  ปิงถาม

“ขอรับ” ถังโฉ่วตอบ “การรองรับการ์ดวิทยายุทธของอาวุธจักรกลวิญญาณแต่ละเครื่องสามารถรองรับการ์ดวิชาได้ถึงสามรูปแบบวิชา และด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญาณยุทธของอาวุธแต่ละชิ้น ก็จะช่วยย่นเวลาให้นักสู้จักรกลฝึกจนเชี่ยวชาญได้  แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งจะลดทอนลงไปบ้างก็ตาม”

“เป็นไปได้ไหมว่านักสู้จักรกลเหล่านี้ จะยอมหยุดฝึกวิทยายุทธของแต่ละคนแต่ไปเน้นที่การฝึกปราณแท้แทน?”  ปิงสงสัย เขารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นมีความเป็นไปได้ต่อการปฏิวัติสงครามสมัยใหม่อย่างที่พวกเขารู้จัก

“นี่คือวิธีการที่กลยุทธของข้าใช้งานได้ผล”  ถังโฉ่วยืนยันกับปิง  “ตามกลยุทธของข้านั้น  ความต้องการนักสู้ผู้เชี่ยวชาญลดลงมากทำให้เราเพิ่มกำลังสำรองได้”

“แต่ถ้าเจ้าต้องพบกับศัตรูฝีมือดีและมีทักษะต่อสู้กล้าแข็ง  เจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ”  ปิงล่วงรู้จุดอ่อนของกลยุทธนี้  วิทยายุทธสามรูปแบบที่ถังโฉ่วมุ่งเน้นไม่มีความพิเศษอะไรต่อทหารแต่ละคนในกองทัพ และเมื่อไม่มีผู้นำทหารก็ยากจะควบคุมและประสานงานในกองทัพได้ ด้วยปัญหาเหล่านี้กอปรกับเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่น่ากลัว  ความพ่ายแพ้คงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ขอรับ, เราก็คือกองกำลังกล้าตายอยู่แล้ว” ถังโฉ่วตอบ  “นอกจากนี้  เป้าหมายของเราไม่ใช่รับประกันเรื่องชัยชนะ แต่เป็นความสามารถต้านรับการบุกโจมตีของฝ่ายตรงข้ามต่างหาก”

“เจ้าหมายถึงการใช้กลยุทธทะเลมนุษย์น่ะหรือ?”  ปิงถาม

“ขอรับ, ใต้เท้า” ถังโฉ่วรับ  “กลุ่มดาวหมาป่าเหมาะกับทักษะเช่นนี้เพราะมีทหารมากมายและเรามีความสามารถดึงกำลังสำรองขนาดมหึมาของเราเข้ามาทดแทนได้เร็วมากกว่าที่ฝ่ายตรงข้ามของเราจะสามารถทำได้”

ปิงเงียบ  ลึกๆแล้วเขารู้ว่ากลยุทธของถังโฉ่วห้าวระห่ำและเรียบง่าย  อย่างไรก็ตาม กองทัพไม่มีนักสู้ฝีมือดีแต่พวกเขาโจมตีได้รวดเร็ว เมื่อเสริมด้วยกลยุทธทะเลมนุษย์แล้วอาจทำให้พลังรุกจู่โจมก้าวหน้าขึ้นมาก

ปิงลังเลใจที่จะยอมรับกลยุทธนี้เนื่องจากเกี่ยวพันกับการเสียสละสำคัญในเรื่องที่วิทยายุทธจะหมดความสำคัญลงไปอย่างรวดเร็วในฐานะผู้ฝึกสอนผู้คลั่งไคล้วิทยายุทธของกองทัพ เขาเห็นคุณค่าของทหารทุกคน  การเสียสละเช่นนั้นคือเรื่องยากจะทนทานรับได้

เมื่อมองดูถังโฉ่วปิงมีความรู้สึกปนเป

ช่างเป็นคนเย็นชานัก

ถังโฉ่วไม่ได้พยายามอธิบายวิธีการของเขา  แต่เขากล่าว“กลยุทธแบบนี้ถูกผลักดันมาจากสถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญหน้า  ถ้าเราต้องการก้าวหน้าไปให้ไกล  เราคงจำเป็นต้องได้กลุ่มดาวเตาหลอม  เมื่อเราครอบครองวิชาอาวุธจักรกลวิญญาณประชากรของกลุ่มดาวหมาป่าและแหล่งทรัพยากรจากกลุ่มดาวเตาหลอม  จะทำให้กองทัพดาวกางเขนใต้มีโอกาสสู้ได้อย่างเข้มแข็งในสวรรค์วิถี”

ปิงพยักหน้า “มิน่าเล่าเจ้าถึงพยายามผลักดันกลุ่มดาวเตาหลอมเข้ามาไว้ในแผน  ที่แท้เจ้าวางแผนไว้ทั้งหมดแล้ว”

ถังโฉ่วตอบ“ขอรับท่าน, เราจำเป็นต้องเรียนรู้การใช้ทหารที่มีพลังน้อยเพื่อเพิ่มโอกาสอยู่รอดในสงครามยุคปัจจุบัน  ด้วยเหตุผลนั้นเราจะสามารถทอดเวลาพัฒนาทหารของเราและสร้างกองทัพที่มีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวในอนาคต

ปิงประทับใจถังโฉ่วและเปลี่ยนท่าทีทันที  เขารู้สึกตัวว่าเขาดูแคลนความสามารถของถังโฉ่วมากเกินไป เขาไม่คาดเลยว่านายทหารประจำที่ทำงานจะเสนอกลยุทธทางทหารที่ลึกซึ้งขนาดนั้นได้ นี่เป็นหลักฐานว่าถังโฉ่วมีความสามารถประเมินสถานการณ์ต่อสู้ของสงครามด้วยความคิดวิเคราะห์ที่เฉียบขาด

ปิงถามอีกครั้ง  “เจ้ามีมุมมองทหารที่มีพลังสูงส่งอย่างไรบ้าง?”

“ในอนาคตอันใกล้  ข้าสามารถคาดการณ์ได้ว่า ใต้เท้า,ท่านอาเฮ่อและท่านหลิงซิ่วจะมีพลังของทหารระดับสูงแน่นอน”  ถังโฉ่วพูดต่อไป  “อย่างไรก็ตาม ในอนาคตข้างหน้าเราคงจำเป็นต้องสร้างแผนเพื่อเตรียมตัวพัฒนาแผนการต่อสู้ของเรา  แค่เพียงวิธีนี้ ทหารของเราก็มีพลังเพิ่มขึ้น”

เห็นได้ชัดว่าปิงสงบมากกว่าแต่ก่อน  เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว กลยุทธทะเลมนุษย์แล้วแผนการนี้ปิงยอมรับมากกว่า

“แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง” ปิงตอบ“กลุ่มดาวหมาป่ามีความเข้มข้นของพลังงานที่อ่อนดังนั้นจึงต้องใช้เวลาฝึกยาวนาน การใช้หอพลังงานจะสร้างภาระค่าใช้จ่ายที่สูงกับพวกเรา”

ถังโฉ่วดูเหมือนคิดถึงปัญหานี้ไว้ก่อนแล้ว  “ห้องพลังงานโบราณ แม้แต่กลุ่มดาวเตาหลอมก็ไม่สามารถช่วยคนได้มากเท่าใดนัก  แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มดาววาฬ ซึ่งพวกเขาครอบครองพลังงานที่เข้มข้นมากถึง31 % ในบรรดาสิบตำหนักระนาบกลาง นี่ถือว่าเป็นความเข้มข้นชั้นดี  นอกจากนี้ กลุ่มดาววาฬยังมีประตูดวงดาวถึงกลุ่มดาวหมาป่าโดยตรง ตราบใดที่เราสามารถพิชิตกลุ่มดาววาฬได้และเปิดประตูดวงดาว  เราก็สามารถโยกย้ายทัพหมาป่าได้”

“กลุ่มดาววาฬ!”ปิงตกใจและยิ้ม  “นี่คือคู่ต่อสู้ที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน!”

ถือว่าเป็นเวลาดีที่ถังโฉ่วจะได้หาทางแก้แค้น หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดที่กลุ่มดาววาฬ  ถังโฉ่วฉวยโอกาสเล็กน้อยเพื่อแก้แค้นของเขา

อย่างไรก็ตามศัตรูก็ยังเป็นหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลาง ปิงถาม “เราจะมีโอกาสชนะศึกนี้ได้ยังไง?”

“ถ้าเรามี 40 กองร้อยก็ไม่น่าจะมีปัญหามาก”  ถังโฉ่วตอบ

“40 กองร้อย!”ปิงตกใจ แต่ละกองมีร้อยคนซึ่งก็หมายความว่าเขาจำเป็นต้องได้คน 4000 คนเพื่อทำศึกนี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

นอกจากนี้เวลาที่ต้องใช้ในการฝึกฝนพวกเขา อาจเป็นงานที่ท้าทายสำหรับพวกเขาแต่ละคนกับอาวุธจักรกลวิญญาณและการหาอาวุธ 4000 ชุดนั้นไม่ใช่งานง่ายๆ

ถังโฉ่วรู้สึกได้ถึงความกังวลของปิง  “อาวุธจักรกลวิญญาณที่เราใช้ในปัจจุบันล้าสมัยไปแล้ว อาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ซึ่งออกแบบโดยเซรีนทำเสร็จแล้วราคาอาวุธแต่ละชุดประมาณสามสิบล้านเหรียญดาว สำหรับอาวุธสี่พันชุด มูลค่ารวมประมาณร้อยยี่สิบพันล้านเหรียญ อาวุธจักรกลวิญญาณแต่ละชุดจำเป็นต้องได้การ์ดวิทยายุทธระดับเจ็ดสามใบ  ถ้าเป็นการ์ดชั้นเงิน จะมีราคาใบละสองล้าน ค่าการ์ดในแต่ละชุดก็คือหกล้านซึ่งมีราคารวมประมาณยี่สิบสี่พันล้าน  ด้วยพลังในปัจจุบันตารางการฝึกฝนสามารถสามารถย่นย่อให้เหลือเวลาหกเดือนและงบประมาณในการฝึกฝนราวๆสามสิบสองพันล้าน รวมงบประมาณที่จะต้องใช้ทั้งหมดประมาณสองร้อยพันล้านเหรียญ”

“สองร้อยพันล้าน...”  ปิงตกตะลึง

ทันใดนั้นปิงรู้สึกผิดทันที  ในตลอดชีวิตของเขา เขาจะประหยัดอยู่เสมอใช้แค่พันล้านก็ยังทำให้เขารู้สึกทรมานแล้ว ตอนนี้เจ้าผู้นี้ยังกล้าขอถึงสองร้อยพันล้านตรงๆ โดยไม่ลังเล

“เราไม่จำเป็นต้องจ่ายทั้งหมดรวดเดียว”  ถังโฉ่วอธิบาย “การรับสมัครนักสู้เป็นกระบวนการยาวนานต้นทุนค่าอาวุธจักรกลวิญญาณและค่าธรรมเนียมการฝึกมีราคาสูงที่สิ้นเปลืองอย่างต่อเนื่องทั้งนั้น ความจริงใช้เพียงยี่สิบพันล้านก็เริ่มทำสงครามได้แล้วสามารถพิชิตหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลางใช้งบประมาณสองร้อยพันล้าน ก็ยังนับว่าถูก”

ปิงพูดไม่ออกขณะมองดูถังโฉ่ว

ถังโฉ่วไม่ได้พูดสักคำขณะมองปิง

ทั้งสองมึนงง

หลังจากนั้นชั่วครู่ปิงตอบ “ดีมาก ร้อยตรี, แผนของเจ้ายอดเยี่ยม แต่ข้าขอบอกตามตรงเลยว่างบประมาณที่คิดไว้เกินกว่าที่ข้าคาดไว้มาก เป้าหมายหลักของเรายังคงเป็นกลุ่มดาวเตาหลอม  ถ้าเราจะดำเนินการโจมตีกลุ่มดาวเตาหลอมเจ้าคิดว่าเราต้องใช้คนเท่าใด?”

“หกกองร้อย” ถังโฉ่วตอบอย่างลังเล “กลุ่มดาวเตาหลอมมีประตูดวงดาวสี่แห่งประตูแต่ละแห่งจำเป็นต้องใช้ทหารกองร้อยหนึ่งดูแลเหลืออีกสองกองร้อยจะเป็นกำลังหลักในการรุกป้อมดาวเตาหลอม”

ปิงส่ายศีรษะ“เจ้ามีเพียงสี่กองร้อย”

ถังโฉ่วไม่พยายามต่อรอง  “ถ้าเป็นอย่างนั้นเราคงต้องพยายามควบคุมประตูดวงดาวเข้ากลุ่มดาววาฬ ส่วนอีกสามกองร้อยจะผสานร่วมกันโจมตีป้อมดาวเตาหลอม”

“ต้องการเวลานานเท่าใด?”  ปิงถาม

“จำนวนคนไม่มีปัญหา”  ถังโฉ่วตอบ “ค่ายของเราในตอนนี้มีกำลังประมาณพันนาย เราจำเป็นต้องเลือกออกมาสองร้อยคน จากนั้นฝึกพวกเขาในช่วงเวลาสั้นๆจากตรงนั้น”

ข่าวเมืองสามวิญญาณมีนักสู้อาวุธจักรกลที่น่ากลัวกระจายออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง  นักสู้หลายคนถูกชื่อเสียงของพวกเขาดึงดูดมาทำให้จำนวนคนในค่ายเริ่มแออัดมากขึ้น อย่างไรก็ตามทางค่ายได้ให้คำแนะนำการรบกับบุคคลภายนอกเหล่านี้บางส่วน ไม่ต่างจากนักสู้ของตระกูลม่อและกลุ่มดาวหมาป่ามากนัก เนื่องจากนักสู้เหล่านี้มีพื้นฐานในเรื่องวิทยายุทธอยู่แล้ว  ระยะเวลาฝึกฝนของพวกเขาจึงลดลงอย่างมาก

ถ้าเป็นการโจมตีกลุ่มดาววาฬ  คนภายนอกเหล่านี้อาจถูกความกลัวครอบงำเนื่องจากความห้าวหาญดุร้ายของศัตรู ดังนั้นอาจเป็นเรื่องยากที่จะพึ่งพาพวกเขา อย่างไรก็ตามการโจมตีกลุ่มดาวเตาหลอมไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักสู้เหล่านี้

ปิงตอบ“ดีมาก ร้อยตรี, ตอนนี้เจ้าเริ่มเตรียมตัวได้เลย”

ถังโฉ่วรับคำอย่างจริงจัง  “ขอรับ”

ขณะที่เขาดูถังโฉ่วเดินออกไป  ปิงสูดหายใจลึก จะมีเหตุการณ์อื่นอีกมากที่คอยสนับสนุนการต่อสู้นี้ เช่นความร่วมมือของตระกูลม่อและความช่วยเหลือของพวกเขาในการเตรียมการ

ปิงเข้าไปหาเซรีนและถามนาง  “เซรีน,เจ้าคิดว่ากลุ่มดาวเตาหลอมเป็นยังไงบ้าง?”

เซรีนประหลาดใจกับสิ่งที่ปิงถามนาง  นางตอบ “ท่านพยายามจะเข้ายึดกลุ่มดาวเตาหลอมหรือ?”

“ถูกแล้ว” ปิงพยักหน้า “ยังมีที่อื่นซึ่งเหมาะกับเรามากกว่าที่นั่นไหม?”

“ดีจริงๆ ที่ได้ยินเรื่องนี้”  เซรีนตื่นเต้น “ข้าต้องการจะเอากองทัพไปพิชิตกลุ่มดาวเตาหลอมเสมอ!  พวกที่อยู่ในกลุ่มดาวเตาหลอมท่าดีทีเหลวทั้งนั้น แต่เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ศาสตราจารย์เซรีนจะเปิดเผยศักยภาพของข้าได้เต็มที่

ปิงยิ้มกว้าง  มีเซรีนคอยสนับสนุนก็นับว่าโล่งอก

“แล้วพวกท่านจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่?”  เซรีนถาม “จะให้ข้าทำยังไง?”

“อาวุธจักรกลวิญญาณและเราจำเป็นต้องได้มากด้วย”  ปิงบอกนาง

“ไม่มีปัญหา!”  เซรีนพูดอย่างตื่นเต้น  “ตราบใดที่ข้ามีลูกมือการสร้างอาวุธจักรกลวิญญาณย่อมไม่มีปัญหา”

“ได้ยินเช่นนั้นข้าก็เบาใจ”  ปิงพยักหน้า

ทันใดนั้นเซรีนนึกอะไรบางอย่างได้  “ถ้าท่านมีเวลาท่านน่าจะลงไปเยี่ยมผู้เฒ่าเฟ่ยนะ เขาอาจจะพบสิ่งที่ทรงพลังบางอย่าง  ผู้เฒ่าเฟ่ยเอาแน่เอานอนไม่ได้และหน้าของเขาแดงอยู่เสมอ เขามักจะมาหาข้าเรื่องเมื่อเห็นท่านกลับมา

“ผู้เฒ่าเฟ่ยน่ะหรือ?”  ปิงสงสัย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด