ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 30 หากภักดีจะได้ติดตามข้า หากต่อต้านฆ่าไม่เลี้ยง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 32 การปรุงโอสถของฉู่อวิ๋น

ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 31 แผนการลอบสังหารของลัทธิมาร


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 31 แผนการลอบสังหารของลัทธิมาร

หลังจากประสบความสำเร็จในการโต้กลับลัทธิมารแคว้นจื่อเยว่ ฉู่เซวียนรู้สึกว่าตอนนี้เขาสามารถใช้ชีวิตเก็บตัวอยู่ในบ้านได้จนกว่าเขาจะได้รับรางวัลจากระบบสำหรับการเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลาหนึ่งปี

ลัทธิมารแคว้นจื่อเยว่ได้สูญเสียครั้งใหญ่ไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาคงไม่สามารถส่งคนมาได้แล้วใช่หรือไม่?

ลัทธิมารของแคว้นฉินเองก็กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น การที่จางขุยได้ทำหน้าที่เป็นสายลับอยู่ที่นั่น เขาควรไม่ถูกพวกเขารังควาน

ส่วนลัทธิมารจากแคว้นต้าโจวเองก็คงจะไม่มาที่นี่เพื่อหาเรื่องเขาด้วยใช่หรือไม่?

และนอกจากนี้แคว้นต้าโจวนั้นไม่ได้อยู่ติดกับเมืองฉู่ ดังนั้นพวกเขาไม่คงมาหาเรื่องเขาได้

ในวันต่อมา อากาศสงบร่มเย็น ฉู่เซวียนยังคงอ่านคัมภีร์หมื่นโอสถและคัมภีร์หมื่นวิญญาณต่อไป ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างมาก

หลังจากทะลวงไปสู่ขอบเขตจริงแท้แล้ว ผลของแผนภาพบ่มวิญญาณก็ลดลงไปมาก แทบจะไร้ผลก็ว่าได้ รู้สึกได้เพียงอาการ์วิงเวียนศีรษะหลังจากจ้องมองอยู่สองชั่วยามเท่านั้น

หลังจากฝึกฝนวิชาหมื่นชำระวิญญาณ ฉู่เซวียนรู้สึกว่าเจตจำนงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตจริงแท้คนอื่นมาก

เจตจำนงวิญญาณของเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่ห้า

เมื่อเขาฝึกฝนไปเรื่อยๆ เจตจำนงวิญญาณของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

หลังจากพบว่าผลของแผนภาพบ่มวิญญาณเริ่มน้อยลง ฉู่เซวียนก็ไม่ได้ใช้มันอีกต่อไป การจ้องมองสองชั่วยามเป็นการกระทำที่น่าเบื่อเกินไป

เขาตั้งตารอระบบมอบรางวัลเป็นแผนภาพบ่มวิญญาณฉบับปรับปรุง

“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านมาสิบเอ็ดเดือน โฮสต์ได้รับรางวัล แผนภาพบ่มวิญญาณฉบับปรับปรุง!”

หลังจากผ่านไปสิบเอ็ดเดือน ในที่สุดเขาก็ได้รับรางวัลเป็นแผนภาพบ่มวิญญาณฉบับปรับปรุง

ฉู่เซวียนมองไปที่มันเพียงสองถึงสามอึดใจเท่านั้นก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ในนั้น ศีรษะของเขาเจ็บปวดพลันรู้สึกวิงเวียน ผลกระทบของแผนภาพบ่มวิญญาณฉบับปรับปรุงนี้มีความแข็งแกร่งไม่น้อย

แผนภาพบ่มวิญญาณฉบับปรับปรุงยังมีผลกระทบต่อขอบเขตจักรพรรดิอยู่บ้างเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงตอนนั้น เขาคงได้รับแผนภาพบ่มวิญญาณฉบับปรับปรุงที่ดียิ่งกว่านี้

แผนภาพบ่มวิญญาณระดับต่ำนั้นไร้ประโยชน์สำหรับเขาแล้ว แม้ว่ามันอาจไร้ประโยชน์สำหรับฉู่เซวียน ทว่ามันเป็นสมบัติชั้นยอดในหนานโจว

ในคืนนี้เอง ฉู่เซวียนสัมผัสได้ว่าจางขุยได้เปิดใช้งานตราประทับเมล็ดวิญญาณ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายมีเรื่องมารายงาน

ฉู่เซวียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที หรือว่ายอดฝีมือจากจักรวรรดิต้าเซี่ยกำลังจะโจมตี?

ไม่นานหลังจากที่เขาตอบกลับ ก็มีร่างร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นด้านนอกเรือนสี่ประสาน

เป็นร่างของจางขุย

“นายท่าน!”

“มีอะไรรึ?”

ฉู่เซวียนนั่งบนเก้าอี้และถามอย่างเฉยเมยขณะจิบชาโพธิ

ตราประทับเมล็ดวิญญาณสามารถถ่ายทอดเจตจำนงของฉู่เซวียนได้ ทว่าจางขุยสามารถทำได้เพียงอาศัยตราประทับเมล็ดจิตวิญญาณในการส่งข้อความง่ายๆ มาให้แก่ฉู่เซวียนเท่านั้น ไม่สามารถใช้มันเพื่อสื่อสารกับฉู่เซวียนโดยตรงได้

ดังนั้นจางขุยจำเป็นต้องมาอธิบายรายละเอียดเฉพาะด้วยตนเอง

“นายท่าน หยวนฉ่งรองจ้าวลัทธิมารจากแคว้นจื่อเยว่ได้ร่วมมือกับลู่หวังจ้าวลัทธิมารแห่งแคว้นฉิน ทำการวางแผนนำยอดฝีมือมาโจมตีเมืองฉู่ หวังปิดล้อมสังหารยอดฝีมือของตระกูลฉู่…”

ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจ หยวนฉ่งนั้นไม่ได้หาเรื่องกับเขาเป็นการส่วนตัว ทว่าก็ยังจะกำหนดเป้าหมายมาที่ตระกูลฉู่

อีกฝ่ายได้ไปหารือกับลู่หวังจ้าวลัทธิมารแห่งแคว้นฉิน รวมพลังอำนาจและต้องการนำยอดฝีมือมาล้อมโจมตีและสังหารยอดฝีมือของตระกูลฉู่

หากแผนนี้สำเร็จ ตระกูลฉู่จะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก

อย่างน้อยข้ารับใช้ขอบเขตว่างเปล่าสองสามคนหรือผู้อาวุโสในตระกูลจะต้องถูกสังหาร

แม้แต่ฉู่ชิงเองก็อาจอยู่ในอันตราย

เพื่อภารกิจในครั้งนี้ หยวนฉ่งไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธสมบัติที่ลัทธิมารใช้เพื่อปกปิดกลิ่นอายและซ่อนร่องรอยของพวกเขา

นี่เป็นของขวัญที่ลัทธิมารในแคว้นต่างๆ ได้รับจากจักรวรรดิต้าเซี่ย หน้าที่ของมันคือช่วยให้ลัทธิมารซ่อนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้พวกเขาถูกกวาดล้างในคราวเดียว

ทุกครั้งที่ใช้อาวุธสมบัตินี้ จะต้องจ่ายราคาเป็นผลึกวิญญาณล้านก้อน

สำหรับการลงมือในภารกิจครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าหยวนฉ่งได้ใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดชังตระกูลฉู่มากเพียงใด

ฉู่เซวียนพูดไม่ออก เหตุใดอีกฝ่ายจึงมาสร้างปัญหาอีก?

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉู่เซวียนจะไม่ยอมให้ตระกูลฉู่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนของตระกูลฉู่

ยิ่งไปกว่านั้น หากตระกูลฉู่ประสบความสูญเสียอย่างหนักจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเช่นกัน เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตที่เงียบสงบของเขาในเรือนสี่ประสาน

ฉู่อวิ๋นเองก็ยังอยู่ในเมืองฉู่

นางจะต้องกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของลัทธิมารอย่างแน่นอน

ฉู่เซวียนคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หาวิธีให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการนี้รั่วไหลไปยังตระกูลฉู่ ในขณะเดียวกันก็เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อของเป้าหมายที่ลัทธิมารจะลงมือด้วย ตระกูลฉู่จะลงมือจัดการกับพวกนั้นเอง”

ตราบใดที่ตระกูลฉู่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแผนการ ลัทธิมารก็จะล้มเหลวอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ตระกูลฉู่ยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อล้อมโจมตีลัทธิมารได้

“ขอรับนายท่าน” จางขุยกล่าวอย่างเคารพ

“ภารกิจของเจ้าคือปกป้องฉู่อวิ๋นให้ดี เจ้าเข้าใจหรือไม่”

ฉู่เซวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้ฉู่อวิ๋นกำลังเรียนรู้ศาสตร์การปรุงโอสถ นางต้องการสมุนไพรวิญญาณนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงเสริมคำแนะนำเพิ่มว่า “อีกอย่าง เจ้าไปรวบรวมสมุนไพรวิญญาณของฟ้าดิน หรือสมบัติธรรมชาติทุกชนิดอย่างลับๆ มามอบให้แก่ฉู่อวิ๋นด้วย สามารถแสร้งทำว่านางโชคดีได้รับมันมา เจ้าควรคิดหาวิธีจัดการอย่างถูกต้อง เข้าใจหรือไม่”

“ขอรับนายท่าน!”

ฉู่เซวียนคิดกับตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะหยิบขวดสามขวดออกมา ซึ่งภายในมีโอสถห้วงลี้ลับ โอสถวิญญาณและโอสถว่างเปล่า เขากล่าวว่า “หาช่องทางขายพวกมันเพื่อแลกกับสมุนไพรวิญญาณ”

จางขุยอยู่ในของขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เก้า และตอนนี้ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นฉู่เซวียนจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าจะถูกหักหลัง

เพื่อให้แน่ใจว่าฉู่อวิ๋นปลอดภัยเพียงพอ ฉู่เซวียนจึงควบแน่นอสรพิษขนาดใหญ่สองตัวขึ้นมา

อสรพิษทั้งสองตัวได้หลอมรวมเข้ากับร่างของจางขุย

อสรพิษสองตัวนี้มีอยู่ในขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่ห้า แม้ว่าพวกมันจะอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ก็ถือว่าพวกมันไร้เทียมทานในอาณาเขตของแคว้นฉิน

“เมื่อเจ้าเข้าใกล้ฉู่อวิ๋น อสรพิษตัวหนึ่งจะหลอมรวมเข้ากับร่างของนาง ส่วนที่อีกตัวที่เหลือข้าจะมอบให้เจ้าเพื่อเป็นการช่วยชีวิตของเจ้า”

ฉู่เซวียนไม่อาจหลอมรวมพลังวิญญาณขอบเขตจริงแท้เข้าสู่ร่างกายของฉู่อวิ๋นอย่างเงียบเชียบได้ เพื่อไม่เป็นการเปิดเผยความแข็งแกร่ง เขาจึงไม่ได้มอบให้ฉู่อวิ๋นในตอนที่นางอยู่ในเรือนสี่ประสานโดยตรง

ทว่าจางขุยนั้นสามารถนำอสรพิษไปให้ฉู่อวิ๋นและปลอมแปลงรูปลักษณ์ของมัน สร้างเป็นเรื่องบังเอิญได้ หลังจากที่มันได้หลอมรวมเข้ากับร่างของฉู่อวิ๋น มันจะสามารถปกป้องนางในช่วงเวลาวิกฤตได้

แม้ว่าอสรพิษจะถูกแยกออกจากฉู่เซวียน ทว่ามันก็ยังเหมือนกับสัตว์อสูรทั่วไป นอกเหนือจากที่มันไม่สามารถต่อสู้ได้เป็นเวลานานแล้ว มันก็แทบไม่มีจะความแตกต่างจากสัตว์อสูรแต่อย่างใด

นี่เป็นหนึ่งในความสามารถของยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้

ตราบใดที่พลังวิญญาณยังไม่หมด มันก็สามารถดำรงอยู่ได้ต่อไป นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในวิธีการที่ยอดฝีมือของขอบเขตจริงแท้หลายคนใช้เพื่อปกป้องผู้เยาว์ของพวกเขา

“ขอบคุณขอรับนายท่าน!”

จางขุยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ด้วยอสรพิษจากพลังวิญญาณในตัวเขา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าชีวิตจะถูกคุกคามอีกต่ไป

ฉู่เซวียนโยนโอสถเซวียนเหอออกมาอีกเม็ดและกล่าวว่า “พยายามทะลวงไปสู่ขอบเขตรวมศูนย์เสีย”

จางขุยจากไปอย่างตื่นเต้น

ฉู่เทียนหมิงได้แตะขอบเขตรวมศูนย์อยู่ครึ่งก้าวแล้ว ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทะลวงผ่านไป

นอกเหนือจากการขาดวิชายุทธ์ที่เหมาะสมแล้ว มันยังเกี่ยวข้องกับการขาดปราณวิญญาณในแคว้นฉินด้วย ฉู่เทียนหมิงทำได้เพียงอาศัยระยะเวลาค่อยๆ ขัดเกลาการฝึกฝนของเขา สั่งสมประสบการณ์ก่อนที่เขาจะมีโอกาสทะลวงผ่าน

ฉู่เซวียนรู้สึกว่าในอีกยี่สิบถึงสามสิบปี ฉู่เทียนหมิงคงจะสามารถทะลวงผ่านไปได้

ด้วยขอบเขตปัจจุบัน หากเขาได้รับโอสถเซวียนเหอฉู่เทียนหมิงสามารถทะลุผ่านได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ฉู่เซวียนไม่ได้ตั้งใจจะมอบโอสถเซวียนเหอแก่ฉู่เทียนหมิง ท่านปู่ตระหนี่ขี้เหนียวผู้นี้ไม่ค่อยชอบเขานัก ทุกครั้งที่ฉู่เทียนหมิงเห็นฉู่เซวียน อีกฝ่ายจะรู้สึกรำคาญและดุด่าว่าฉู่เซวียนเป็นประจำ

เมื่อฉู่อวิ๋นได้ปรุงโอสถว่างเปล่าและฉู่เทียนหมิงได้ให้ความสำคัญให้กับสิ่งนี้ ตำแหน่งของฉู่อวิ๋นในตระกูลฉู่คงยากที่จะสั่นคลอน

“พรสวรรค์ของตาเฒ่าผู้นี้ไม่ได้ดีมากนัก” ฉู่เซวียนพึมพำ

นอกเหนือจากขาดวิชายุทธ์ที่เหมาะสมและขาดพลังวิญยาณแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพรสวรรค์โดยกำเนิดของฉู่เทียนหมิงนั้นมีจำกัด

มิฉะนั้นเหตุใดจึงไม่มีใครสงสัยเลยว่าบิดาของเขาฉู่ชิวหลัวสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตรวมศูนย์หรือแม้แต่ขอบเขตจริงแท้ได้?

แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นเพราะพรสวรรค์โดยกำเนิด

เป็นเพราะวิชายุทธ์ของบิดาเขาแข็งแกร่งกว่าอย่างนั้นหรือ?

นั่นเป็นไปไม่ได้

หากมีวิชายุทธ์ที่ทรงพลังจริงๆ บิดาของเขาจะไม่ส่งต่อไปยังตระกูลฉู่เลยหรือ

ฉู่เซวียนรู้ว่าบิดาของเขามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อตระกูลฉู่อยู่บ้าง

การทำลายการหมั้นหมายทำให้ฉู่เทียนหมิงโกรธจนแทบกระอักเลือด ด้วยเหตุนี้ฉู่ชิวหลัวจึงรู้สึกผิด หากมีวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่านั้นจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ส่งต่อให้กับผู้อื่น แต่เขาก็ต้องส่งต่อให้กับฉู่เทียนหมิงอย่างแน่นอน

ความจริงที่ว่าบิดาของเขาสามารถทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์หรือแม้กระทั่งบางทีอาจทะลวงไปยังขอบเขตจริงแท้ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยอาศัยเคล็ดวิชาระดับจริงแท้เพียงครึ่งเดียว นั่นหมายความว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของบิดาของเขานั้นน่าทึ่งอย่างมาก

ฉู่เซวียนถอนหายใจออกมา ไม่แปลกใจที่บิดาของเขาจะสามารถกำราบคนรุ่นราวคราวเดียวกันในแคว้นฉิน ทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลฉู่

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด