ตอนที่แล้วChapter 24 : ค่าธรรมเนียม – รถเมล์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 26 : ทะเลทรายเส้นทางกระดูก

Chapter 25 : ปล้น


“แต่ก็ไม่เสมอไป ทุกวันนี้มีคนหายตัวไปเนื่องจากระบบอยู่เป็นประจำอยู่แล้วดังนั้นพวกเจ้าหน้าที่ก็อาจจะไม่ให้ความสนใจกับเคสนี้เท่าไหร่นัก”

การหายตัวไปอย่างฉับพลันของคนขับรถบัส*เมื่อครู่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือของระบบอย่างแน่นอน การหายตัวไปแบบนี้เริ่มไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เองก็ถูกประกาศออกไปอย่างทั่วถึง โจวเฉินรู้สึกว่ากรณีของเขาอาจจะถูกเมินไม่มีใครสนใจก็เป็นได้

(*เปลี่ยนจากรถเมล์เป็นรถบัสเลยนะครับความหมายเดียวกันแหละแต่พิมพ์ง่ายกว่า)

“หรือต่อให้เรื่องรู้ไปถึงหูของพวกเจ้าหน้าที่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้ตราบใดที่ไม่ได้รู้กันทุกคน”

ขณะที่คิดอยู่นั้นโจวเฉินก็ใช้แอปแผนที่ในมือถือนำทางไปยังจุดหมายปลายทางไปด้วย

เขาเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดและพบว่ายังต้องเดินไปอีกราวๆ800เมตรถึงจะถึงจุดหมาย

เขาเดินมาตามแอปแผนที่จนเข้ามายังซอยแคบๆเปลี่ยนๆแห่งหนึ่งจึงรีบเร่งฝีเท้าให้ไวยิ่งขึ้น

ตอนนี้เขาหิวมากแล้วและอยากจะไปจัดบุฟเฟ่ต์ให้เต็มคราบให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากเดินผ่านซอยแคบๆมาโจวเฉินกลับเข้ามายังซอบที่แคบยิ่งกว่าเดิม เขาต้องเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่หลายครั้งจนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจะหลงทางในอีกไม่ช้า

ทันใดนั้นเองเมื่อเลี้ยวผ่านหัวมุมๆหนึ่งไปก็มีชายหนุ่มผมทองคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาเขา

ท่าทีของชายหนุ่มผมทองผู้นี้ไม่เป็นมิตรเลยซักนิดเดียว ในมือของเขาถือมีดคมกริบอยู่เล่มหนึ่งและเดินมาบังทางเอาไว้เพื่อไม่ให้โจวเฉินหนีไปได้

“น้องชายบังเอิญว่าช่วงนี้พี่ชายคนนี้ขาดแคลนทุนทรัพย์นิดหน่อย ขอยืมเงินนายซักนิดแล้วกันนะ”

ชายหนุ่มผมทองหมุนมีดในมือไปพลางพูดกับโจวเฉินไปพลาง

ในเวลาเดียวกันโจวเฉินก็สัมผัสได้ว่าด้านหลังของเขามีชายอีกคนกำลังเดินเข้ามาและดูเหมือนว่าในมือของอีกฝ่ายก็จะถืออาวุธมีคมไม่ต่างกัน

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ระบบรักษาความปลอดภัยของจักรวรรดิมังกรมันตกต่ำได้ถึงขั้นนี้?”

โจวเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่การลงมือของเขากลับไม่ได้เชื่องช้าเลย ท่อนเหล็กจู่ๆก็โผล่ออกมาในมือของเขาและพริบตาต่อมาเขาก็พุ่งเข้าไปฟาดเข้าที่ก้านคอของชายหนุ่มผมทองจนหมดสติไปโดยไม่แม้แต่จะทันได้ส่งเสียงด้วยซ้ำ

ชั่วครู่หลังจากซัดชายหนุ่มผมทองจนสลบเขาก็เหวี่ยงท่อนเหล็กไปทางด้านหลังอีกหน ชายหนุ่มผมหยิกที่ย่องเข้ามาทางด้านหลังของโจวเฉินยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกส่งไปเฝ้าพระอินทร์อีกคน

โจวเฉินที่จัดการกับขโมยทั้งสองจนสลบไปก็เงยหน้ามองไปยังสุดทางของซอยแคบแห่งนี้และพบว่าไม่มีหน่วยตรวจตรารักษาความปลอดภัยอะไรผ่านมาเลยจริงๆ

หลังจากยืนยันได้แล้วเขาก็เก็บท่อนเหล็กกลับไปและย่อตัวลงค้นกระเป๋าตังค์ของขโมยทั้งสองคน

“50 ,100 , 100 มีอีกไหมนะ?...สองคนรวมกันมีเงินอยู่250เหรียญมังกรนี่นับว่าเยอะนะเนี่ย แล้วจะมาปล้นคนอื่นไปทำไมวะ?”

เขายัดเงินจำนวน250เหรียญที่ได้มาจากขโมยทั้งสองคนใส่กระเป๋าของตัวเองและลากคนทั้งคู่ไปวางไว้ที่มุมใกล้ๆ จากนั้นเขาก็หมุนตัวและเดินออกจากซอยไป

“ครั้งนี้โชคดีจริงๆจู่ๆก็มีคนจ่ายค่าอาหารให้แถมยังได้ติ๊ปเพิ่มด้วย”

โจวเฉินรู้สึกว่าความเศร้าเสียใจหลังจากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับภาษีที่ต้องจ่ายจางหายไปเยอะมากทีเดียว

ในเวลาเดียวกันเขาก็พอจะประเมินความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตัวเองได้อย่างคร่าวๆแล้วเช่นกัน

ร่างกายของเขาตอนนี้ทรงพลังกว่าคนทั่วไปหลายขุม ปฏิกริยาตอบสนองเองก็ยากนักที่จะมีมนุษย์ธรรมดาตามทันและความแข็งแกร่งเองก็สูงกว่ามนุษย์ปกติมาก เขาสามารถควบคุมร่างกายได้อย่างแม่นยำ คนทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากเดินมาอีกซักพักโจวเฉินก็มาถึงจุดหมาย เขารีบจ่ายเงินและเข้าไปยังร้านอาหารเพื่อกินข้าวซักที

หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็จัดการไก่ย่างไปหลายจาน บาบิคิวและอาหารจานเนื้อชนิดอื่นๆไปอีกนับสิบ นอกจากนี้เขายังอัดผลไม้กับนมไปอีกหลายแก้วจนทำให้พนักงานในร้านอาหารต่างพากันมองบนใส่เขาหลายต่อหลายครั้ง

หลังจากกินดื่มจนเต็มคราบเขาก็เดินออกจากร้านอาหารและมุ่งตรงไปยังเมืองหยาง

ทางหนึ่งนับว่าเป็นการย่อยอาหาร อีกทางหนึ่งก็เพราะเขามีนิสัยชอบเดินทอดน่องแบบนี้อยู่แล้ว การอุดอู้อยู่แต่ในห้องเช่ารูหนูไม่ค่อยดีต่อสุขภาพจิตซักเท่าไหร่หรอก

เขาเดินมุ่งหน้ากลับไปยังห้องเช่าของตัวเอง ยังไงก็ตามเส้นทางที่เขาเลือกหนนี้กลับต่างออกไปเพราะเขาเลือกเส้นทางที่ยาวกว่า10กิโลเมตร

หนึ่งในประโยชน์หลักๆที่เขาเลือกเส้นทางนี้ก็เพราะวิวและอากาศดีกว่า เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเรียบแม่น้ำขนาดใหญ่ประจำเมืองหยางและข้างๆแม่น้ำก็เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ

เขาเคยเดินผ่านเส้นทางนี้อยู่บ่อยๆตั้งแต่ก่อนเข้าไปในภารกิจเซอร์ไววัลเสียอีกดังนั้นจึงค่อนข้างคุ้นกับมัน

ในขณะที่เดินกลับนั้นเขาก็ใช้มือถือเสิร์ชดูเว็บไซต์ทางการของทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าประจำเมืองหยางไปด้วยและลองเข้าไปค้นดูในความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องภาษีให้แน่ใจอีกครั้ง

ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็มั่นใจแล้วว่าเขาติดหนี้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าประจำเมืองหยางเป็นจำนวนเงิน 200,000 เหรียญจริงๆ คนที่โทรมาตอนที่เขาอยู่บนรถบัสเองก็เป็นคนจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจริงๆ

“เงิน เงินนี่แหละที่เราขาดมือที่สุด ไม่คิดเลยว่าพอมาอยู่ต่างโลกแล้วเงินก็ยังขาดมือเหมือนเดิม”

โจวเฉินรู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมา ในชีวิตที่แล้วตอนที่เขาเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตเขาก็ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย ตอนนั้นเขาเองก็ไม่ค่อยมีเงินเหมือนกันแถมยังหาช่องทางดีๆในการหาเงินเหมือนตอนนี้ไม่ได้ด้วย

“ดูเหมือนภารกิจเซอร์ไววัลจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วจริงๆ”

หลังจากคิดไปคิดมาโจวเฉินก็รู้สึกว่าเส้นทางแห่งความร่ำรวยของเขานั้นมีอยู่ทางเดียวซึ่งนั่นขึ้นอยู่กับการขายอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆที่เขาหาได้จากภารกิจเซอร์ไววัลด้วย

ของมีประโยชน์เล็กน้อยก็สามารถขายได้นับหมื่นเหรียญมังกรแล้ว บางอย่างกระทั่งราคาเป็นแสนก็ยังขายออก

“นอกจากนั้นก็ยังมีตัวเลือกอย่างการเข้าร่วมกับทางองค์กรเพื่อเอาเงินเดือนแต่ก็ไม่ค่อยชอบถูกจำกัดซักเท่าไหร่นี่สิ”

รากฐานที่ได้มาจากเจ้าของร่างคนเดิมค่อนข้างย่ำแย่ไม่น้อย นอกจากได้พรสวรรค์ดีๆมาแล้วก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยซักอย่าง

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้วิธีปกติในการหาเงินไม่ได้ด้วย นี่ก็เป็นเพราะว่าแรงกดดันที่เขาต้องแบกรับจากภารกิจเซอร์ไววัลนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย การที่จะให้เขาไปให้ความสนใจอย่างอื่นด้วยจึงเป็นเรื่องยากยิ่งนัก

หลังเดินผ่านแม่น้ำหยางมาได้ซักพักโจวเฉินก็รู้สึกได้ว่าอาหารที่กินไปส่วนใหญ่นั้นย่อยไปจนเกือบหมดแล้วดังนั้นเขาจึงเริ่มออกวิ่ง

เขาวิ่งกลับไปยังห้องเช่าด้วยความเร็วปานกลางและมีเหงื่อเล็กน้อย

“แค่วิ่งยังไม่พอเราต้องฝึกอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย”

การฝึกฝนก่อนภารกิจครั้งถัดไปของโจวเฉินก็เรียบง่ายยิ่งนัก เขาเพียงแค่ยือเส้นยืดสายและรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุดก็เท่านั้น ยังไงก็ตามหลังจากผ่านประสบการณ์ในภารกิจเซอร์ไววัลมาแล้วหลายครั้งเขาก็รู้ดีว่าการฝึกฝนและเตรียมการเพียงเท่านี้มันยังไม่เพียงพอ นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในภารกิจเซอร์ไววัลก็คือการต่อสู้ เพียงแค่สภาพทางร่างกายอย่างเดียวนั้นมันไม่พอ เขายังต้องฝึกการต่อสู้เพิ่มเติมเป็นพิเศษด้วย

“พรุ่งนี้ไปฝึกที่โรงฝึกของเถ้าแก่หลิวดีกว่า...”

โจวเฉินนึกถึงเถ้าแก่หลิวซึ่งเป็นเจ้าของโรงฝึกเว่ยเจียงขึ้นมา แม้ว่าทักษะการต่อสู้ของเถ้าแก่หลิวผู้นี้จะย่ำแย่จนถึงขั้นน่าหวาดกลัวและโถงฝึกของเขาก็เล็กไปหน่อยแต่อุปกรณ์การฝึกฝนนั้นค่อนข้างครบครัน เมื่อตอนที่โจวเฉินช่วยเถ้าแก่หลิวอัดวิดีโอแสดงทักษะการต่อสู้เมื่อครั้งล่าสุดเขาจึงได้มีโอกาสลองใช้กระสอบทราบและหุ่นไม้สำหรับฝึกอยู่ซักพัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด