ตอนที่แล้วตอนที่ 12-19 ควบคุม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12-21 ไหมวิญญาณ

ตอนที่ 12-20 โละทิ้ง


รอยย่นบนใบหน้ากระดูกยิ่งดูมีรอยย่นเพิ่มขึ้น

“เฟนแห่งวิทยาลัยเทพสงคราม, และลินลี่ย์?”  ดวงตาเรืองแสงเขียวของชายชราผอมกระพริบ  เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

เขาพาบุรุษชุดเงินทั้งเก้ามาจากพิภพจองจำเกบาโดส  พวกเขาทุกคนมีพลังระดับสุดยอดเซียน  ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของลินลี่ย์  เฟนคงต้องใช้เวลาและความสามารถเพิ่มขึ้นกว่าจะฆ่าพวกมันได้สักคน

วิญญาณของยอดฝีมือยิ่งทรงพลังมาก ก็ยิ่งยากจะครอบครอง

ลอร์ดเบรุตทำลายยอดฝีมือชุดเงินไปคนหนึ่ง  ก็ได้เขาไม่กล้าโมโหระบายลงกับลอร์ดเบรุต  แต่ลินลี่ย์กับเฟนฆ่าบริวารสำคัญของเขาไปถึงสองตนตอนนี้เขาอารมณ์เสีย

“ฮึ่ม, ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าข้ายังยุ่งกับงานสำคัญข้าจะออกไปเองและใช้พลังจิตควบคุมเจ้าเด็กทั้งสองไว้สักพันปีหรือหมื่นปี!” เสียงแหบแห้งของชายชราที่ผอมเหมือนกระดูกดังขึ้นพร้อมกับประกายตาเย็นชา  “ดูจากสถานการณ์แล้ว....”

“เยล,มาหาข้าเร็วเข้า” เสียงของชายชราร่างกระดูกดังขึ้นในใจของเยล

“ขอรับ, ท่านผู้วิเศษ” เยลไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย

ตอนนี้เยลอยู่ที่หนึ่งในสาขาของหอการค้าดอว์สันตั้งอยู่ในหุบเขาขนาดใหญ่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิบาลุค  จุดตำแหน่งนี้ติดกับสามจักรวรรดิใหญ่คือจักรวรรดิยูลาน, จักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิบาลุค ดังนั้นทาสซึ่งถูกส่งมาจากสามจักรวรรดิทั้งหมดจะถูกส่งมายังหุบเขานี้ได้อย่างรวดเร็ว

เพื่อท่านผู้วิเศษ...

เขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ลับใต้ดินลึกลงไปในใจกลางหุบเขา

หลังจากนั้นไม่นาน เยลเดินทางมาถึงห้องสลัวใต้ดิน

“ท่านผู้วิเศษ” เยลคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพ อยู่ต่อหน้าผู้วิเศษ เยลเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ไม่มีการขัดขืน

ผู้วิเศษพยักหน้าอย่างใจเย็น  แค่เพียงพลิกมือเขามีขวดแก้วใสขนาดหัวแม่มือเต็มไปด้วยของเหลวเล็กจำนวนหนึ่ง มันลอยเข้าหาเยล  เขารับไว้ด้วยความเคารพ

“เยล ผสมน้ำยานี้เข้ากับขวดเหล้าและจากนั้นเอาขวดเหล้านี้ไปพบลินลี่ย์ ให้ลินลี่ย์ดื่มมันซะ  จำไว้...ไม่ว่าเจ้าจะต้องทุ่มเทยังไงก็ตามเจ้าต้องให้เขาดื่มมันลงไป”  ผู้วิเศษสั่งอย่างใจเย็น

“ขอรับ, ผู้วิเศษ” เสียงของเยลไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย

ผู้วิเศษที่อยู่ในความมืดพยักหน้าอย่างใจเย็น  “พอเถอะ ตอนนี้เจ้าไปได้”

เมื่อเห็นเยลจากไป ผู้วิเศษลอบถอนหายใจ  “หลังจากดื่มพิษไหมวิญญาณแล้วลินลี่ย์จะต้องตายแน่นอน

น่าเสียดายสหายและสมาชิกครอบครัวของลินลี่ย์จะไม่ยอมไว้ชีวิตเยลผู้กระทำผิดแน่ๆ  เยลจะตายเหมือนกัน ดูเหมือนข้าต้องหาคนอื่นในหอการค้าดอว์สันมาควบคุมต่อไป

ในยามราตรีมืดมิดเยลขับขี่เหยี่ยวพายุฟ้าบินออกไปด้วยความเร็วสูงมุ่งตรงสู่ปราสาทเลือดมังกร ด้านหลังเขาเป็นองครักษ์สองคนขับขี่อสูรเวทตามหลัง  องครักษ์ทั้งสองนี้กำลังงงงวยทั้งคู่

“ทำไมท่านประธานต้องรีบร้อนออกไปในเวลาดึกดื่นอย่างนี้”

“ใครจะรู้กันเล่า? ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ท่านประธานดูเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง  เขาไม่มีอารมณ์ขันอีกต่อไปและกลายเป็นคนเงียบขรึม”

องครักษ์ทั้งสองคนพูดกันเบาๆ อยู่ด้านหลังเขา ขณะที่เยลเองจ้องมองในทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยสีหน้าเยือกเย็นไร้อารมณ์

บ่ายวันถัดมา

กลุ่มของเยลมาถึงปราสาทเลือดมังกรได้ในที่สุด  และอสูรบินลงจอดข้างล่าง

“เรามาถึงกันแล้ว” เยลกวาดสายตาไปทางปราสาทเลือดมังกร ไม่มีความรู้สึกอะไรในสายตาของเขา

ภายในปราสาทเลือดมังกร

วันนี้ในปราสาทเลือดมังกร เกทส์ วอร์ตันซาสเลอร์และยอดฝีมืออื่นรู้สึกไม่สบายใจและขุ่นเคือง  เมื่อลินลี่ย์กลับมาเขาได้บอกรายละเอียดกับทุกคนเกี่ยวกับเหตุการณ์ ‘เมืองมรณะ’ และวิธีที่ตัวการร้ายที่อยู่เบื้องหลังลงมือ  ซึ่งก็คือบุรุษชุดเงินทั้งสองนั้น

แต่เบื้องหลังบุรุษชุดเงินก็คือเทพที่ควบคุมพวกเขาอยู่!

ยอดฝีมือระดับเทพ!

คำง่ายๆ ที่เหมือนกับภูเขากดทับหัวใจของเกทส์ซาสเลอร์และคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกว่ามีแรงกดดันมหาศาลกันทุกคน

หลังจากอาหารเช้าลินลี่ย์ วอร์ตัน เกทส์ ซาสเลอร์และคนอื่นทุกคนนั่งในอุทยานดอกไม้หลังปราสาทพูดคุยกันถึงสถานการณ์

“ไม่ต้องกังวลจนเกินไป ที่สำคัญแฮรี่บอกไว้แล้วว่าเทพผู้นั้นไม่มีเวลาลงมายุ่งกับเรื่องอื่นด้วยตัวเอง”  ลินลี่ย์เห็นว่าคนอื่นดูเหมือนจะค่อนข้างกังวลดังนั้นเขาอดหัวเราะไม่ได้และพยายามให้กำลังใจพวกเขา  “ช่วงเวลาที่เทพนั้นกำลังยุ่ง  ข้าอาจบรรลุระดับเทพด้วยตัวเองไปแล้วก็ได้

“พี่ใหญ่” วอร์ตันพูดอย่างไม่สบายใจ “ที่สำคัญทั้งหมด เป็นไปได้ไหมว่าเทพผู้นั้นจะหยุดลงมือกับท่าน?  นอกจากนี้ เรื่องสำคัญยิ่งกว่าก็คือ..แม้ว่าท่านจะถึงระดับเทพแล้วก็ตาม พี่ใหญ่, ท่านจะจัดการกับเทพนั้นได้จริงๆ หรือ?”

วอร์ตันกังวลมาก

ลินลี่ย์, แม้หลังจากกลายเป็นเทพแล้วก็ยังเป็นแค่เพียงเทพชั้นต้น

ศัตรู?

ใครจะรู้กันว่าศัตรูจะเป็นเทพชั้นต้นหรือเทพระดับกลาง?  ถ้าคู่ต่อสู้เป็นเทพ อย่างนั้นลินลี่ย์จะไม่มีโอกาสเปลี่ยนสถานการณ์ได้  แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นเทพชั้นต้น...แต่ยังมีความแตกต่างกันมากระหว่างเทพชั้นต้นเช่นกัน  เป็นไปได้ไหมว่าเทพระดับต้นหมาดๆกับเทพระดับต้นชั้นสูงจะถูกมองว่าเท่าเทียมกัน?

ที่สำคัญระดับของลินลี่ย์แม้แต่เซียนระดับสูงอื่นก็ยังถูกเขาฆ่าตายได้ง่ายๆ

เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเทพชั้นต้นระดับสูง

เทพชั้นต้นสามารถฆ่าเทพชั้นต้นมือใหม่ได้เพียงโจมตีครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น

“ขอให้เชื่อข้าเถอะ” ลินลี่ย์ เมื่อความกังวลในสีหน้าของวอร์ตัน เขารู้สึกตื้นตันเขาเข้าใจว่าวอร์ตันน้องของเขาคิดอะไร

ซาสเลอร์เสริมขึ้นเช่นกัน “วอร์ตัน ไม่ต้องกังวลมากเกินไป อีกสี่ปีกว่าเทพสงครามและเทพอื่นจะกลับมาทั้งหมดเช่นกัน  เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์จะแตกต่างออกไปอีกครั้ง  นอกจากนี้พี่ชายเจ้าเคยปล่อยให้เจ้าต้องตกที่นั่งลำบากเมื่อไหร่กัน?  เจ้าจำเป็นต้องเชื่อใจลอร์ดลินลี่ย์”

วอร์ตันพยักหน้า

เขามองดูพี่ชายของเขา ลินลี่ย์ฆ่ากษัตริย์เฟนไลกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในจักรวรรดิโอเบรียนโดยต่อสู้เสมอกับเฮนด์เซนและตอนนี้แค่อาศัยกำลังความสามารถของตัวเองเขากำลังจะกลายเป็นเทพ

“พี่ใหญ่, ข้าเชื่อท่าน” วอร์ตันคาดว่าจะเห็นลินลี่ย์สามารถเอาชนะศัตรูของเขาได้

ความจริงลินลี่ย์มั่นใจมากกว่าวอร์ตันเสียอีก

ที่สำคัญที่สุดถ้าเทพผู้ลึกลับต้องรอถึงสี่ปีกว่าจะออกมาได้ ตอนนั้น... ไดลินและเทพอื่นๆก็คงกลับมาเช่นกัน เขาได้มอบประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นของขวัญให้ไดลิน  ไดลินเป็นหนี้เขารอตอบแทนให้ครั้งใหญ่ลินลี่ย์เชื่อว่าไดลินคงจะไม่ยอมมองดูอยู่เฉยๆ แน่นอน

แต่แน่นอนว่านั่นเป็นแค่การพึ่งพาความแข็งแกร่งภายนอกเท่านั้น

ผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลินลี่ย์ก็คือ...กระบี่เลือดม่วงและแหวนมังกรขนด!

สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับพลังที่แตกต่าง

ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเขาไปที่สุสานเทพเจ้าชั้นหกพวกเขาได้เผชิญหน้ากับอสูรจ้าวอัคคีมีใช้ขวานศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่พวกเซียนจะใช้พลังความสามารถพิเศษสู้กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นเต็มที่แล้วก็ตาม  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นยังเป็นสมบัติที่มีระดับต่ำ

สมบัติเทพยิ่งใช้ยาก ก็ยิ่งต้องการความแข็งแรงมากและทรงพลังมากจริงๆ

สำหรับกระบี่เลือดม่วงของเขาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ลินลี่ย์ยังคงแค่อาศัยความแข็งและความคมกล้าใช้สังหารคู่ต่อสู้ ลินลี่ย์ยังไม่สามารถใช้ความสามารถพิเศษของกระบี่ได้.. ตัวอย่างเช่น.. ลินลี่ย์ไม่สามารถใช้กระบี่เลือดม่วงเพื่อเปลี่ยนขนาดของมันได้ตามต้องการ

สมบัติวิเศษสามารถเปลี่ยนขนาดได้  นี่เป็นความสามารถขั้นพื้นฐาน

แต่ลินลี่ย์ไม่มีความสามารถพอทำคุณสมบัติตรงนี้ให้สำเร็จ เห็นได้ชัดว่ากระบี่เลือดม่วงไม่ใช่อาวุธเทพธรรมดา ความจริงเมื่อพลังวิญญาณของลินลี่ย์มีปฏิสัมพันธ์กับรัศมีพลังที่น่ากลัวและเห็นภาพที่น่ากลัวภายในกระบี่เลือดม่วง  เขารู้ว่ามันมีศักยภาพไม่ธรรมดาเพียงไหน

กระบี่เลือดม่วงคือสิ่งสนับสนุนที่ทรงพลัง  นอกจากนี้เขายังมีแหวนมังกรขนด!

จนถึงตอนนี้ ลินลี่ย์ยังคงกังวลเกี่ยวกับแหวนมังกรขนด แต่ลินลี่ย์มั่นใจว่าเขายังไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับแหวนที่ระดับพลังปัจจุบันของเขา    ก็หมายความว่าพลังของแหวนมังกรขนดมีแนวโน้มว่าจะไม่อ่อนแอไปกว่ากระบี่เลือดม่วง  และบางทีอาจมีพลังมากกว่า

“เมื่อข้ากลายเป็นเทพ, ข้าจะสามารถควบคุมและใช้สมบัติเทพนี้ได้ทันทีแน่”  ลินลี่ย์กระตือรือร้นมาก

เขาต้องการรู้พลังที่แท้จริงของกระบี่เลือดม่วงและของแหวนมังกรขนด!

“ท่านลอร์ด,ประธานเยลแห่งหอการค้าดอว์สันมาขอพบ” องครักษ์ประจำปราสาทเลือดมังกรวิ่งเข้ามาที่สวนหลังปราสาทและรายงานลินลี่ย์ด้วยความเคารพ  แม้จะแค่เหลือบมองลินลี่ย์ เขาก็ยังเต็มไปด้วยท่าทางเทิดทูนบูชา

“เยล?” ตาของลินลี่ย์เป็นประกาย

“รีบเชิญเขาเข้ามา” ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขทันที สำหรับลินลี่ย์ สหายทั้งสามที่เขาคบหาตั้งแต่อายุยังเยาว์วัยมีสถานะในหัวใจของเขาเท่ากับวอร์ตันน้องชายแท้ๆของเขา

“เยล?” วอร์ตันขมวดคิ้ว จากนั้นพูดกับลินลี่ย์ “พี่ใหญ่, ข้าลืมบอกท่านไป ห้าปีที่แล้วหลังสงครามใหญ่เริ่มขึ้น เยลมาหาเราและขอให้เรามอบสิทธิ์ซื้อเชลยสงครามทั้งหมด  ตอนนั้น แม้ว่าซีน่าจะไม่ค่อยยินดีก็ตาม  แต่ในที่สุดเขาก็ยังตอบตกลง”

“โอว?”แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่เข้าใจเรื่องการปกครองประเทศเท่าใดนัก แต่เขาเข้าใจว่าการซื้อเชลยสงครามนั้นหมายถึงอะไร  นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนผู้หนึ่งสามารถทำได้แค่เพียงเพราะพวกเขามีเงิน

“นั้นยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ข้าจะคุยกับพี่ใหญ่เยลสักสองสามคำเรื่องนี้”  ลินลี่ย์ไม่คิดอะไรมากแค่พูดตามปกติ

เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์  วอร์ตันไม่พูดอะไรต่อไป  ถึงตอนนี้พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้า ลินลี่ย์ไปที่ประตูสวนดอกไม้หลังปราสาททันทีเพื่อทักทายคนผู้นั้น  และนั่นก็คือเยล.. หน้าของเขายิ้มเต็มที่ขณะเดินเข้ามา  ทันทีที่เขาเห็นลินลี่ย์ตาของเขาเป็นประกาย  “น้องสาม,  ช่วงนี้ยากจะพบเห็นเจ้าจริงๆ”

“ข้ามัวยุ่งอยู่กับงานสำคัญ  มาเถอะมานั่งสนทนากันเถอะ”  ลินลี่ย์ทักทายอย่างเป็นกันเอง

ลินลี่ย์พูดกับวอร์ตันและซาสเลอร์ที่อยู่ใกล้ๆ  “วอร์ตัน, พวกเจ้าไปพักก่อน,พี่ใหญ่เยลกับข้าไม่ได้พบกันมานาน เราจะพูดคุยกันนานหน่อย โอว จริงสิ คืนนี้ต้องจัดงานเลี้ยงรับรองด้วย  เยลจะมาร่วมรับประทานอาหารที่นี่คืนนี้”

ลินลี่ย์เดิมทีตั้งใจจะกลับไปขังตัวฝึกฝนหลังเสร็จอาหารค่ำ

“ได้เลย, พี่ใหญ่” วอร์ตันพยักหน้า จากนั้นออกไปพร้อมกับเกทส์และคนอื่น ซาสเลอร์ขมวดคิ้วขณะที่เขาจ้องมองเยลสองครั้ง  แต่เขาไม่พูดอะไรขณะเดินออกมา

สาวใช้ประจำปราสาทรีบนำเหล้าและแก้วเหล้าออกมาสองชุด

“พี่ใหญ่เยล,ทำไมท่านถึงต้องการซื้อเชลยสงครามทั้งหมดเล่า?” ลินลี่ย์ถามขึ้นอย่างสงสัย ลินลี่ย์ไม่ได้ตั้งใจจะขัดแย้งกับเขา  เขาก็แค่สงสัยเล็กน้อย

เยลจงใจทำให้บรรยากาศลึกลับ  “นั่นเป็นความลับทางธุรกิจ”

“โธ่เอ๊ย..นี่เจ้ายังกล้าพูดความลับทางธุรกิจกับข้าหรือนี่?”  ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะและไม่พูดถึงหัวข้อนี้อีกต่อไป

“เจ้ามาถึงนี่ค่อนข้างจะบังเอิญมากเลยนะ  ถ้าเจ้ามาช้าไปสักวันข้าคงไม่มีเวลาสังสรรค์กับเจ้าแล้ว” ลินลี่ย์รู้สึกตื้นตัน ที่สำคัญเขาเพิ่งออกมาเมื่อวานนี้และตั้งใจจะขังตัวฝึกฝนต่อหลังจากอาหารค่ำวันนี้ มีเวลาว่างเพียงน้อยนิด แต่เยลก็ฉวยโอกาสนั้นไว้ได้

ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญมาก

“ข้ามีธุรกิจบางอย่างต้องทำ บังเอิญต้องผ่านมาทางนี้  เมื่อข้าเห็นปราสาทเลือดมังกรข้าเลยตั้งใจแวะมาหาเจ้า  แค่ลองเสี่ยงโชคดูไม่คาดเลยว่าจะได้พบเจ้าจริงๆ” เยลหัวเราะเช่นกัน

“เฮ้, นี่มันเหล้าอะไร?” จู่ๆ เยลขมวดคิ้วขณะมองแก้วเหล้า

ลินลี่ย์มองขวดเหล้าและส่ายหน้าหัวเราะ  “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?ความรู้เรื่องเหล้าของข้าไม่ลึกซึ้งเท่าเจ้า แต่ข้าคิดว่าเหล้าที่ผู้รับใช้ของปราสาทเลือดมังกรเตรียมไว้ก็คงไม่เลวนักหรอก”

เยลเริ่มหัวเราะทันที “ข้ารู้ เจ้า เจ้าเป็นอัจฉริยะ ใช้เวลาฝึกฝนเป็นส่วนใหญ่  เจ้าไม่ยอมเสียเวลากับเรื่องเหล้า  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเหล้านี้จะไม่เลวแต่ก็ไม่ถือว่าเลิศเช่นกัน จริงสิ ในแหวนมิติของ ข้ามีเหล้าดีอยู่ขวดหนึ่ง น้องสามมาเถอะ เรามาลองลิ้มรสด้วยกัน”

ขณะที่เขาพูดเยลพลิกมือก็ดึงเหล้าขวดเล็กออกมาจากแหวนมิติเก็บของ

“ขวดเล็กจริงๆ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ

“นี่คือสุราที่กลั่นอย่างดีโดยหอการค้าดอว์สันของเราเองเหล้าหนึ่งหยดนี้มีค่ามากกว่าทองเป็นพันเท่า มาถอะ มาลองชิมดู”  เยลลินลี่ย์ใส่แก้วให้ลินลี่ย์ทันทีและจากนั้นรินให้ตัวเอง

เยลชูแก้วจากนั้นขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจ “น้องสามเจ้าจะรออะไร? เจ้าไม่เห็นแก่หน้าข้าบ้างหรือไง?”

“ฮ่าฮ่า, เยล จะได้ยังไงเล่าข้าน้องสามจะบังอาจไม่เห็นแก่หน้าของพี่ใหญ่เยลได้ยังไง?”  ลินลี่ย์หัวเราะชูแก้วเหล้าขึ้น“มา..ดื่ม”  ขณะที่เขาพูดลินลี่ย์ดื่มเหล้าทั้งหมดรวดเดียวโดยไม่ลังเล แต่เมื่อเขาดื่มเขาก็ตระหนักได้ว่าเยลยังไม่ดื่ม

“พี่ใหญ่เยล, ทำไมเจ้าไม่ดื่มเล่า?”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะคะยั้นคะยอ  “เจ้าทำเกินไปแล้วนะ”

เยลไม่ตอบ เขาแค่วางแก้วเหล้ากลับไปบนโต๊ะ รอยยิ้มหายไปและเขามองลินลี่ย์ด้วยสายตาสงบและเย็นชา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด