ตอนที่แล้วบทที่ 17: ข้าเข้าใจผิดไป…
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19: ขอแสดงความยินดีด้วย!

บทที่ 18: 21 ขั้นแห่งเซียนและมนุษย์


บทที่ 18: 21 ขั้นแห่งเซียนและมนุษย์

ในความเห็นของหลี่หมิงเฉียง  มันก็ไม่แปลกที่ปรมาจารย์เซียนโบราณผู้นี้จะไม่เข้าใจการฝึกวรยุทธ์ของโลกในปัจจุบันของพวกเขา

เคล็ดวิชายุทธ์เซียนระดับสูงที่ถูกควบคุมโดยสำนักเซียนนั้นอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าของเล่นของเด็กทารกเมื่ออยู่ต่อหน้าการดำรงอย่างปรมาจารย์เซียน

ด้วยเหตุนี้เอง ตราบใดที่ปรมาจารย์เซียนเข้าใจข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเคล็ดวิชายุทธ์เซียนในโลกของเธอ เขาก็จะสามารถสรุปหลักการการฝึกของพวกเขาได้

ด้วยเหตุนี้เอง หลี่หมิงเฉียงจึงเล่าทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับวรยุทธ์ในโลกของเธอให้ซุยเฮ็งฟัง

ในขณะเดียวกัน เป่ยฉิงซูก็ได้เดินออกจากวิลล่าไปแล้ว

ข้อมูลวรยุทธ์ที่หลี่หมิงเฉียงต้องการจะพูดนั้นถือเป็นความลับของราชวงศ์ ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถอยู่ฟังด้วยได้

หลี่หมิงเฉียงอธิบายทุกสิ่งที่เธอรู้ด้วยความเคารพ

ไม่ว่าจะเป็นชื่อของระดับการฝึก หรือวิธีการฝึกที่เฉพาะเจาะจง เธอบอกเขาทุกสิ่งอย่างละเอียด

มันมีแม้กระทั่งข่าวลือบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน

ในบรรดาข้อมูลทั้งหมด ซุยเฮ็งก็กังวลเกี่ยวกับระบบการจำแนกวรยุทธ์ในโลกของเธอมากที่สุด

ตามที่หลี่หมิงเฉียงได้กล่าวมา ขอบเขตการฝึกยุทธ์ในโลกของเธอก็แบ่งออกเป็น 21 ระดับ และ 12 ในนั้นก็คือขอบเขตมนุษย์ได้แก่ :

ขอบเขตปรับแต่งรากฐาน, ขอบเขตบำรุงกายา, ขอบเขตสัมผัสปราณ, ขอบเขตสะสมปราณ, ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น, ขอบเขตชำระไขกระดูก, ขอบเขตควบรวมปราณ, ขอบเขตเปลี่ยนปราณ, ขอบเขตประตูลึกล้ำ, ขอบเขตเซียนเทียน, ขอบเขตสัมผัสโลกา, ขอบเขตสมบัติเทวะ

ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันก็จะใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีในการฝึกตนเพื่อที่จะไปถึงขอบเขตสัมผัสปราณ และมันก็ยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยถึงสิบปีกว่าจะไปถึงขอบเขตสะสมปราณ

ดังนั้นแล้วหากใครสามารถบรรลุถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ก่อนอายุ 30 ปี มันก็เพียงพอแล้วสำหรับบุคคลนั้นที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะ

หลี่หมิงเฉียงได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตชำระไขกระดูกตอนเธออายุได้เก้าขวบ ดังนั้นเธอจึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอนั้นมีพรสวรรค์สูงมาก

บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในสำนักเซียนต่างก็เคยแสดงความคิดเห็นว่าเธอมีโอกาสจะได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียนก่อนอายุ 50 ปี

ขอบเขตเซียนเทียนเป็นเส้นแบ่งของโลกมนุษย์

ตราบใดที่คนๆ นั้นไปถึงขอบเขตเซียนเทียนได้ คนๆ นั้นก็จะสามารถปรับแต่งปราณแท้เซียนเทียนได้ มันเหมือนกับปลาที่กระโจนข้ามประตูมังกร มันจะได้ประสบกับการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

สำหรับขอบเขตสัมผัสโลกา ว่ากันว่ามันเป็นระดับการฝึกตนที่ลึกล้ำยิ่งกว่าขอบเขตเซียนเทียน

และหลังจากบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในขอบเขตสัมผัสโลกาแล้ว ว่ากันว่าคนๆ หนึ่งก็จะสามารถปลดล็อกสมบัติภายในร่างกายและสามารถได้รับพลังวิเศษที่น่าทึ่งทุกประเภทมาครองได้

และนั่นก็คือขอบเขตสมบัติเทวะหรือที่เรียกว่า 'ขอบเขตเทพ'

ด้วยเหตุนี้เอง ขอบเขตเทพจึงเป็นจุดจบของขอบเขตมนุษย์แห่งโลกมนุษย์และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นขีดจำกัดของโลกมนุษย์ จอมยุทธ์ที่สามารถมาถึงขอบเขตนี้ได้นั้นมักได้รับสมญานามต่างๆ

ตัวอย่างเช่น ผู้สมบูรณ์แบบ, ปรมาจารย์สวรรค์, ผู้เผยแพร่ ฯลฯ ในบางกลุ่ม พวกเขาก็จะได้รับการสรรเสริญดั่งกับเป็นเทพเจ้า

และเหนือไปจากขอบเขตมนุษย์ก็คือขอบเขตเซียนทั้งเก้า!

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตเซียนทั้งเก้าก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยสำนักเซียน มันแทบไม่เคยรั่วไหลออกมาเลย

แม้แต่วิธีที่จะเป็นเซียนก็ยังถูกควบคุมโดยสำนักเซียน มีเพียงการได้รับอนุญาตจากสำนักเซียนเท่านั้น พวกเขาจึงจะกลายเป็นเซียนได้

หลี่หมิงเฉียงเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในราชวงศ์ แต่กระนั้นเธอก็ยังรู้เพียงขอบเขตเซียนขั้นแรกซึ่งก็คือขอบเขตเซียนมนุษย์

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขอบเขตนี้คืออะไรหรือแนวคิดของมันคืออะไร

ยิ่งขอบเขตนั้นอยู่สูงมากเท่าไหร่ ข้อมูลก็จะยิ่งน้อยลงไปมากเท่านั้น

ถึงกระนั้น ซุยเฮ็งก็รู้สึกเขาได้รับประโยชน์ค่อนข้างมากจากข้อมูลเหล่านี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับเส้นทางแห่งการฝึกตนของโลกภายนอก

เส้นทางแห่งการฝึกวรยุทธ์นั้นแตกต่างไปจากเส้นทางการฝึกตนที่เขาได้รับจากระบบโดยสิ้นเชิง!

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระดับการฝึกตนของหลี่หมิงเฉียงนั้นมีจำกัด ดังนั้นเธอจึงสามารถอธิบายรายละเอียดการฝึกตนของเธอถึงได้เพียงก่อนขอบเขตชำระไขกระดูกเท่านั้น สำหรับขอบเขตควบรวมปราณ, ขอบเขตประตูลึกล้ำที่อยู่หลังจากนั้น พวกมันก็ค่อนข้างคลุมเครือเล็กน้อย

โชคดีที่เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตเหล่านี้และสามารถอธิบายแนวคิดและลักษณะการฝึกพวกมันได้

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ขอบเขตเซียนเทียนเป็นต้นไป ข้อมูลทั้งหมดก็ล้วนใช้คำว่า “น่าจะ”

สิ่งนี้ทำให้ซุยเฮ็งเปรียบเทียบขอบเขตการฝึกตนเหล่านี้กับขอบเขตการฝึกตนที่เขาได้รับมาจากระบบได้ยาก

อย่างไรก็ดี เมื่อดูจากความแข็งแกร่งที่หลี่หมิงเฉียงได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ เขาก็สามารถประมาณการณ์เอาคร่าวๆ ได้ว่าขอบเขตชำระไขกระดูกของเธอนั้นน่าจะเทียบได้กับขอบเขตสกัดปราณขั้นสามของเขา

และหลังจากขอบเขตควบรวมปราณเป็นต้นไป คนๆ หนึ่งก็จะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก บางทีมันอาจจะสอดคล้องกับขอบเขตสกัดปราณปราณขั้นสี่และขอบเขตสมบัติเทวะก็อาจจะสอดคล้องกับขอบเขตสกัดปราณขั้นเก้า

“สิ่งที่เรียกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์นั้นเทียบเท่ากับขอบเขตก่อเกิดรากฐานรึเปล่านะ?” ซุยเฮ็งคาดเดาในใจ

“ท้ายที่สุดแล้ว ตราบเท่าที่ใครคนหนึ่งสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณ, ร่างกาย, ความแข็งแกร่งหรือแม้แต่อายุขัย ทุกสิ่งก็จะล้วนแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้มากที่มันจะถูกเรียกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์”

ควาปรารถนาของหลี่หมิงเฉียงคือการได้กลายเป็นเซียนหรือก็คือขอบเขตเซียนมนุษย์

ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุยเฮ็งก็นับว่ามีประสบการณ์มาก

ก่อนหน้านี้โดยการอาศัยเคล็ดวิชากระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์ของเจียงฉีฉี เขาก็ยังสามารถสร้างเคล็ดวิชากระบี่ที่สามารถใช้เพื่อฝึกตนจนไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้

มาตอนนี้ เขาก็อยู่ที่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานช่วงปลายแล้ว ดังนั้นเมื่อรวมเคล็ดวิชายุทธ์ที่หลี่หมิงเฉียงได้อธิบายเอาไว้ข้างต้น มันก็ง่ายมากสำหรับเขาที่จะสร้าง “เคล็ดวิชายุทธ์” ที่สามารถใช้ฝึกจนไปถึงขอบเขตก่อเกิดรากฐานได้ขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ยังไม่ได้อธิบายโดยตรง เขากลับยิ้มให้หลี่หมิงเฉียงและพูดว่า “พรุ่งนี้เช้า คนรับใช้ของข้าจะพาเจ้าไปที่ชั้นสาม แล้วข้าจะสอนเคล็ดวิชายุทธ์ให้กับเจ้า”

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เซียน!” หลี่หมิงเฉียงมีความสุขมากและเธอก็รีบขอบคุณเขา

“เอาล่ะ ไปเรียกเป่ยฉิงซูเข้ามาที” ซุยเฮ็งโบกมือของเขา

เช่นเดียวกับที่ซุยเฮ็งคาดไว้

ความต้องการของเป่ยฉิงซูนั้นเหมือนกันกับของหลี่หมิงเฉียง

อย่างไรก็ตาม เหตุผลของเขาก็ต่างออกไป เขาต้องการทำเช่นนั้นเพื่อประโยชน์ของตระกูลและตัวเขาเอง เขาต้องการจะหลบหนีออกจากการกดขี่ของสำนักเซียน

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงบอกซุยเฮ็งเกี่ยวกับวรยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลเป่ยเท่าที่เขารู้

ในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลเป่ย เป่ยฉิงซูก็รู้เกี่ยวกับสำนักเซียนมากกว่าหลี่หมิงเฉียง

หลี่หมิงเฉียงรู้เพียงว่าขอบเขตเซียนเซียนนั้นมีเก้าขั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่าเหนือจากขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว มันก็ยังมีเซียนปฐพี, เซียนสวรรค์ เขายังกล่าวอีกว่าเซียนสวรรค์นั้นสามารถบินบนท้องฟ้าและมุดลงไปในดินได้ พวกเขามีอำนาจเหนือจะจินตนาการ

แต่นั่นก็คือทั้งหมดเป่ยฉิงซูรู้ เขาไม่รู้ว่าอีกหกขอบเขตที่เหลือคืออะไร

อย่างไรก็ดี เป่ยฉิงซูก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากเกี่ยวกับขอบเขตเปลี่ยนปราณ, ขอบเขตประตูลึกล้ำและขอบเขตมนุษย์อื่นๆ

โดยเฉพาะขอบเขตเซียนเทียน

เมื่อประตูอันลึกล้ำถูกเปิดออก มันก็จะมีเสียงสะท้อนดังขึ้นระหว่างภายในและภายนอก จากนั้นมันก็จะชะล้างพลังปราณทั้งหมดในร่างกายและเปลี่ยนมันกลับมาเป็นร่างเซียนเทียน

ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเทียนสามารถใช้พลังของเขาเพื่อควบคุมพลังแห่งธรรมชาติได้

มันคล้ายคลึงกับลักษณะของขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ด

ดังนั้นแล้วแนวคิดของเขาก็ถูกต้อง

“เซียนมนุษย์น่าจะเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดรากฐาน” ซุยเฮ็งมั่นใจในการคาดเดาของเขายิ่งขึ้น “ในกรณีนี้ เซียนปฐพีก็น่าจะเทียบได้กับขอบเขตแก่นแท้ทองคำและขอบเขตเซียนสวรรค์ก็จะเทียบได้กับขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ”

สำหรับคำอธิบายว่าทำไมเซียนสวรรค์ถึงสามารถทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุดลงไปในดินได้นั้น มันก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเขา

ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสกัดปราณขั้นเจ็ดก็ยังสามารถบินได้เลย

หลังจากที่ซุยเฮ็งไล่เป่ยฉิงซูออกไปแล้ว เขาก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดอีกครั้ง

“แม้ว่าขอบเขตของพวกเขาจะฟังดูไร้สาระ แต่มันก็ยังเป็นโลกมนุษย์ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉันที่อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตก่อเกิดรากฐาน มันก็ยังนับว่าไม่เพียงพอ”

“โชคดีที่แนวคิดการฝึกตนของพวกเขาเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉันไม่น้อยเลย ดังนั้นฉันก็น่าจะสามารถอนุมานวิธีการจุดประกายรากฐานเต๋าขึ้นได้ในคืนนี้!”

“เป้าหมายต่อไป แก่นแท้ทองคำ!”

เช้าวันรุ่งขึ้น

คนรับใช้สุดแกร่งพาเป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงไปที่ห้องทำสมาธิบนชั้นสาม

พวกเขางงงวย

เป็นไปได้ไหมว่าปรมาจารย์เซียนจะต้องการมอบเคล็ดวิชาให้กับพวกเขาทั้งสองคนพร้อมๆ กัน?

แต่จากคำพูดของปรมาจารย์เซียนเมื่อวานนี้ มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาต้องการจะสร้างเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาทั้งสองคน

แบบนั้นแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

“พวกเจ้ายืนอยู่เฉยๆ ก็พอ” ซุยเฮ็งสังเกตเห็นความงุนงงของพวกเขา และเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะส่งมอบเคล็ดวิชายุทธ์ให้กับพวกเจ้าด้วยเคล็ดวิชาตราประทับใจ”

“ตราประทับใจ?”

“ตราประทับใจคืออะไร?”

เป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

แต่ในช่วงเวลาถัดมา พวกเขาก็เข้าใจได้ในทันที

ซุยเฮ็งหมุนเวียนพลังปราณของเขาและบีบอัดข้อมูลของเคล็ดวิชายุทธ์ทั้งสองลงในตราประทับทั้งสองอันในทันที พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีทองและลำแสงสีเขียวที่พุ่งตรงเข้าไปในจิตใจของเป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียง

ทั้งคู่รู้สึกว่าการมองเห็นของพวกเขามืดมนลง จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่ามีลูกบอลแสงปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขาฃ

เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ลูกบอลแห่งแสง ข้อมูลการฝึกวรยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็จะปรากฏขึ้น

แม้ว่าข้อมูลการฝึกวรยุทธ์เหล่านี้จะไม่ได้ครอบคลุมทั้ง 21 ขอบเขต แต่คำอธิบายภายในนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้พวกเขาไปถึงขอบเขตเซียน

เคล็ดวิชานี้สามารถทำให้พวกเขาบินไปมาบนอากาศ ควบคุมพลังธาตุต่างๆ และเปลี่ยนผืนดินแล้งให้กลายเป็นแม่น้ำได้!

ใบหน้าของหลี่หมิงเฉียงเต็มไปด้วยความสุข นี่แหละคือหนทางสู่การเป็นเซียน!

ในทางกลับกัน เป่ยฉิงซูก็รู้สึกตกใจและดีใจอย่างหาที่เปรียบมิได้!

นี่คือวิธีการที่เขาจะได้กลายเป็นเซียนอย่างงั้นหรอ? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคัมภีร์ที่สวรรค์ส่งลงมาเพื่อชี้ทางตรงไปหาเต๋าสวรรค์!

บินผ่านม่านฟ้าอย่างอิสระ เข้าออกยมโลกดั่งทางผ่าน!

เรียกลมและฝนเพื่อเปลี่ยนผืนดินแล้งให้กลายเป็นแม่น้ำ!

มีเพียงเซียนสวรรค์ในตำนานเท่านั้นที่จะสามารถทำได้!

4.5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด