ตอนที่แล้วตอนที่ 378 ต่อสู้ดุเดือด 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 380 ข้าคือนักสู้ระดับทอง

ตอนที่ 379 เคล็ดสังหาร รังสีฉลาม


ลู่ไห่รู้ว่าเขาตกอยู่ในอันตราย  เขายกฝ่ามือและตวาดก้อง  ฝ่ามือของเขาเหมือนกับใบไม้ป้องกันการจู่โจมจากด้านบน

ติง!

ปลายกระบี่สีขาวแหลมคมไม่สามารถแทงผ่านฝ่ามือของลูไห่ได้ แต่กระบี่เหล็กที่เขาใช้เป็นคู่มือไม่สามารถรับมือกับพลังโจมตีได้ทำให้แตกสลายเป็นชิ้นๆ  อาเฮ่อสนองตอบอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยด้ามกระบี่ขณะที่ใช้ฝ่ามือผลักเศษกระบี่หักพุ่งไปข้างหน้าของศัตรูเขา

เศษกระบี่พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังตำแหน่งที่ลูกไห่อยู่

ติง ติง ติง!

ประกายไฟกระเด็นไปทุกที่ ฝ่ามือของลู่ไห่ใช้ออกเหมือนกับโล่ทองแดงใช้ป้องกันการโจมตีไว้ได้

หอกเงินของหลิงซิ่วปรากฏขึ้นและจู่โจมใส่ลู่ไห่ทันที

พลังโจมตีที่น่ากลัวจากหลิงซิ่วเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและความต้องการต่อสู้เพื่อบรรลุระดับพลังที่สูงสุดที่ปลดปล่อยออกไป

พลังระเบิดปะทุออกมาขณะที่หอกของหลิงซิ่วและวิชาหมัดประหลาดของลู่ไห่ปะทะกัน

ปัง!

หอกแทงใส่บนโล่เหล็กระลอกพลังที่รุนแรงกระจายผ่านหอก หลิงซิ่วไม่มีเวลาสนองตอบ เนื่องจากเขาถอยหลังจากแรงกระแทก  เขารู้สึกงงจากแรงปะทะ

ลู่ไห่ไม่แยแส  ตอนนี้เขาดูมาดมั่นมุ่งร้ายมากกว่าก่อนนี้

หมัดของเขาเริ่มหลั่งโลหิต  ขณะที่หอกกรีดผ่านผิวของเขา

หลิงซิ่วและฟลามิงโกร่วงกับพื้นอย่างแรง  แรงปะทะปลุกหลิงซิ่วตื่นจากอาการมึนงง  เขายิ้มเหี้ยมเกรียม

เขาตระหนักว่าเขาโง่งมเพียงไหน ปลายหอกของเขามีหยดของเหลวเงินที่ออกมาจากตัวของเขา

ของเหลวนั้นมีพลังทำลายล้าง  จนถึงตอนนี้หลิงซิ่วยังไม่พบวิธีป้องกัน

ตอนนี้เขามีของเหลวเงินห้าหยดอยู่ในร่างของเขา

เขายังไม่เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของของเหลวเงิน  อย่างไรก็ตามทุกๆในช่วงเวลาของเหลวนี้จะหนาขึ้นด้วยตัวมันเอง เมื่อมันมาถึงจุดสูงสุดมันจะแข็งและหนา

ของเหลวเริ่มกัดเซาะเข้าไปในเนื้อและกล้ามเนื้อของเขา

ลูไห่ตะโกน “ภูผา!”

เสียงกึกก้องดังออกมาจากแขนของเขารอยสักทองเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แขนเริ่มมีวัสดุเหมือนหินครอบคลุม เหมือนกับเป็นถุงมือซึ่งครอบคลุมหุ้มกำปั้นของเขา

มันคือถุงมือหนักภูผาได้มาจากกลุ่มดาวภูเขาแห่งขอบฟ้าใต้ หลังจากปรับแต่งโดยสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเวลาเกินสิบสองปีคุณภาพของมันก็แทบจะเทียบเท่าอาวุธชั้นทอง

ลู่ไห่รู้สึกได้ถึงลมที่มาจากเบื้องบนจึงยันฝ่ามือซ้ายขึ้นข้างบน

อาเฮ่อรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่กำลังตรงมาที่ตำแหน่งของเขา  เขาไม่มีเวลาพอจะหลบ ขณะที่เขาถูกแรงอัดกระเด็นฝ่าอากาศเหมือนกับลูกธนู  เขาถูกดันถอยไปมากกว่าสามสิบเมตร

พลังที่แข็งแกร่ง!

พลังที่มหาศาลนั้นไม่ทำให้อาเฮ่อสะทกสะท้าน  เขาจับกระบี่กระเรียนแน่น เขาสามารถรู้สึกได้ถึงระลอกพลังงานผ่านฝ่ามือของเขา

กระบี่เหล็กตอนนี้ไม่สามารถรับมือกับพลังจากกระบี่โจมตีของเขาได้ก่อนที่กระบี่จะโจมตีถูกลู่ไห่  มันแตกทำลายภายใต้แรงอัดดันของพลัง

หลิงซิ่วลุกขึ้นยืนและกลับไปอยู่บนหลังฟลามิงโกของเขา เขาถ่มสิ่งสกปรกที่เข้าไปในปากเขาหลังจากที่ล้ม  เขาไม่ได้กลัว ความจริงเขายิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม

มิน่าเล่าเขาถึงได้เป็นนักสู้ระดับทอง

เขาถอยกลับมาตั้งท่าสู้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป

อังเดรชำเลืองมองหยวนจี๋ซึ่งต่อสู้อย่างดุเดือดจากระยะไกล เขาเปลี่ยนความสนใจและเปลี่ยนสายตากลับไปมองสตรีที่อยู่ต่อหน้าเขา  “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะส่งนักสู้ระดับทองออกมาถึงสามคนดูเหมือนว่าแรงกดดันของเรายังไม่มากเพียงพอ”

สตรีตัวสูงและขาของนางสวมชุดหนังสีดำ  ชุดของนางมีจุดทองปกคลุมเป็นลายคล้ายยีราฟ คนส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นเครื่องแต่งกายปกติ  แต่อังเดรรู้ว่ามันคือของที่พิเศษมากกว่า

นั่นก็คือลายเสือ สมบัติชั้นเงินจากกลุ่มดาวยีราฟแห่งสิบเก้าดาวขอบฟ้าเหนือ

ลายทองที่ปรากฏได้ผ่านการตกแต่งมาก่อนแล้ว  มันค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไปเป็นสมบัติทอง

สตรีนางนั้นตอบ “ฝ่าบาท ข้าคือจีเหม่ยหวี่จากสาขาทองที่เจ็ดแห่งสมาพันธ์ชาวยุทธ  ฝ่าบาทเดาผิดเสียแล้วนักสู้ระดับทองไม่ได้มีแค่สามแต่มีห้าคน”

“ห้าคน?”อังเดรประหลาดใจกับจำนวนที่แท้จริง  “คิดๆดูแล้ว ถังเทียนและสหายทั้งสามคนนี้เป็นเป้าหมายอันดับแรกของพวกเจ้า  แต่สำหรับพลังของพวกเขานักสู้ระดับทองสองคนก็น่าจะพอโค่นเขาได้ หยวนจี๋ก็อีกคนหนึ่ง และเหลือสองคนเตรียมไว้รับมือข้าสินะ”

“ท่านพูดถูกฝ่าบาท ถ้าฝ่าบาทพ่ายแพ้ที่นี่ก็จะเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ของเราด้วยเช่นกัน”  จีเหม่ยหวี่ตอบพร้อมกับยิ้มนางมองดูโดดเด่นมากกว่าเมื่อเทียบกับแอนเดรียนา รูปร่างของนางสูงโปร่งเปี่ยมเสน่ห์

อังเดรพูดอย่างใจเย็น “อย่างนั้นอีกคนคือใคร? ไม่มีประโยชน์จะซ่อนอยู่ตรงนั้น”

“เนื่องจากฝ่าบาทเชื้อเชิญคงเป็นการไร้มารยาทถ้าข้าไม่ปรากฏตัว” เสียงต่ำก้องดังมาจากด้านหลังของอังเดร

ร่างดำปรากฏขึ้นคล้ายกับหมอกหนา  เขาอยู่ในชุดคลุมไหล่สีดำบนไหล่เขามีอีกาเกาะคอยคุ้มกันอยู่หลายตัว อีกานั้นตัวดำสนิทตลอดตัวยกเว้นแต่ตาของมันซึ่งมีสีทอง

“งั้นเจ้าก็มีสมบัติของกลุ่มดาวกาสินะชุดคลุมเก้าอีกา”  อังเดรพยักหน้า  “มิน่าเล่ากลุ่มดาวอีกาถึงได้ล้าหลังมานาน เป็นเจ้านี่เองที่อยู่ในเงาคอยดูดเอาพลังของกลุ่มดาวมาตลอด”

“ท่านมีทักษะในการวิเคราะห์ได้ดีฝ่าบาท ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะจำสมบัติแบบนั้นซึ่งถูกละเลยในบางครั้ง” ซือหานตอบ

“กลุ่มขุนนางของท่านทุ่มเทกำลังมากจริงๆถึงกับส่งนักสู้ระดับทองออกมาถึงห้าคน” อังเดรหัวเราะ  “อย่างไรก็ตามทำไมพวกเจ้าถึงคิดว่าข้าจะไม่ไยดีกับชีวิตข้าง่ายๆ เล่า?”

“นี่เป็นรูปแบบการทำงานของสมาพันธ์ชาวยุทธ  พวกเขามักคิดว่าคนอื่นไม่ฉลาดเท่าพวกเขา”เสียงดังสอดแทรกขึ้นมา

บุรุษผมแดงคนหนึ่งเดินหัวเราะออกมา

ซือหานและจีเหม่ยหวี่ตกใจ พวกเขาตระหนักว่ายังมีคนซ่อนอยู่ในเงาเบื้องหลังพวกเขา

“เฉียนซินมาที่นี่เพื่อคารวะฝ่าบาท!”  บุรุษผมแดงหันมาทักทายแอนเดรียนาโดยตรง

“วิญญาณมืด!”  จีเหม่ยหวี่อุทาน

“ฮ่าฮ่าข้าถูกจดจำได้แล้ว นั่นน่ากลัวนะ” เฉียนซินตอบ “ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธสูญเสียนักสู้ระดับทองไปห้าคนรวดเดียวคงเป็นเรื่องเจ็บปวดไม่ใช่หรือ ฮืม.. ไม่ ข้าไม่ควรดูแคลนสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างนั้นมีทรัพยากรมากมายอยู่ในมือ นักสู้ระดับทองไม่ควรจะมีอะไรสำหรับพวกเขา ฮ่าฮ่าฮ่า”

เฉียนซินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก้องทั่วห้องโถง

ทันใดนั้นร่างสีดำลอยตัวลงมากจากด้านบนห้องโถงใหญ่  เขาคือบุรุษหน้ากากที่ดูคล้ายค้างคาวและสวมชุดดำ

ซือหานโพล่งออกมา “เป็นนักฆ่าค้างคาว!”

นักฆ่าค้างคาวทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไร

อังเดร,เฉียนซินและนักฆ่าค้างคาวล้อมบุรุษทั้งสองเป็นรูปสามเหลี่ยม

แค่เพียงพริบตา สถานการณ์เปลี่ยนไปมากมาย

แอนเดรียนามองอย่างมึนงง

ถังเทียนและจีเสี่ยวหย่ากำลังสู้กันเปลี่ยนถนนทั้งสายเป็นกองอิฐหักพัง ทุกครั้งที่จีเสี่ยวหย่าควงกระบี่แสงในมือนาง นางจะสร้างคลื่นกระบี่โจมตีที่พุ่งไปได้ไกลถึงร้อยเมตร

อย่างไรก็ตาม ถังเทียนยังสังเกตดูต่อไป เขาเคลื่อนตัวเหมือนสัตว์ร้ายซึ่งมีสัญชาตญาณนักฆ่า

การเคลื่อนไหวของเขาร่างกายไวกว่าสมองทำให้เขามีความอันตรายมากขึ้น

กระบี่รังสีฉลามติดอันดับที่ 17355 ของสุดยอดวิชาโดดเด่น

กรงเล็บเพลิงภูตพรายติดอันดับ 19921  ขณะที่ท่าเท้าลมพรางติดอันดับที่ 19832

สถาบันวิทยายุทธอมตะมีระบบจัดอันดับสุดยอดวิชาโดดเด่นเป็นพิเศษมีการจัดระดับโดยให้ดาวตั้งแต่ 1 ถึง 10  ทุกดาวที่ให้จะมีทักษะแตกต่างกัน 2000 อันดับ รังสีกระบี่ฉลามมีสองดาว  เทียบกับทักษะสองวิชาขอถังเทียนถือว่ายังสูงกว่าหนึ่งขั้น

แต่เมื่อเข้าสู่การรบจริงอันดับขั้นไม่สามารถรับรองได้ว่าสุดยอดวิชาใดที่เหนือกว่ากัน

วิชาตัวเบาของจีเสี่ยวหย่าแทบจะทัดเทียมถังเทียน แต่เกราะครีบปลาบินของนางไม่เพียงแต่เพิ่มพลังรังสีกระบี่ฉลามของนางได้  แต่ยังเพิ่มให้ความเคลื่อนไหวของนางให้คล่องแคล่วว่องไวอีกด้วย  ด้วยความช่วยเหลือของเกราะครีบปลาบิน วิชาตัวเบาของจีเสี่ยวหย่าจึงเพิ่มพลังขึ้นอย่างมาก

วิชารังสีกระบี่ฉลามมีระดับขั้นที่สูงมากกว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายถังเทียนพยายามโจมตีตรงด้วยเคล็ดวิชาของเขาต่อต้านจีเสี่ยวหย่าไว้  แต่ถูกรังสีกระบี่ฉลามตีตกไปความแตกต่างระหว่างหนึ่งดาวกับสองดาวมากกว่าที่ถังเทียนคิด

แต่ถังเทียนไม่ท้อแท้ ทักษะการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาหนีการโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้ทั้งหมด

แรงบันดาลใจช่วยให้ถังเทียนยังคงวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวการต่อสู้กับจีเสี่ยวหย่า  แต่เขายังหาจุดอ่อนของจีเสี่ยวหย่าไม่พบ

รังสีกระบี่ฉลามเป็นวิชาที่ทรงพลัง แต่จีเสี่ยวหย่ารู้แต่วิธีปลดปล่อยพลังกระบี่แต่ไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมของกระบี่ที่สามารถช่วยให้นางเพิ่มพลังของอาวุธได้เทียบกับอาเฮ่อและเย่เฉาเกอแล้วความเคลื่อนไหวของกระบี่จีเสี่ยวหย่ายังมีมาตรฐานที่ต่ำกว่า

ถังเทียนพยายามควบคุมการต่อสู้เพื่อความได้เปรียบของเขาขณะที่หลบหลีกการโจมตีแต่ละกระบี่ของจีเสี่ยวหย่าอย่างรวดเร็วเนื่องจากนางไม่สามารถกวัดแกว่งกระบี่ได้อย่างถูกต้อง

ในตอนแรกดูเหมือนว่าถังเทียนกำลังจะแพ้เนื่องจากเขาหลบหลีกการโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้อย่างต่อเนื่อง  ในความเป็นจริงถังเทียนกำลังรอโอกาสโจมตีตอบโต้นาง

“ตอนนี้ถังเทียนกำลังควบคุมจังหวะไว้ได้”

บุรุษหัวล้านที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตกตะลึงกับการต่อสู้  ความแข็งแกร่งของถังเทียนดูยังไงก็อ่อนแอกว่าจีเสี่ยวหย่า  แต่การต่อสู้กลับถูกถังเทียนควบคุมไว้โดยสิ้นเชิง ถังเทียนใช้ทักษะของเขาหลบหลีกได้เหมือนกับว่าควบคุมกระบวนท่าโจมตีของจีเสี่ยวหย่าได้

บุรุษผอมพยักหน้า “ใช่แล้ว เขาพยายามจะบั่นทอนพลังของจีเสี่ยวหย่าทั้งหมด ดูเหมือนว่าจีเสี่ยวหย่าอาจจะรู้ตัวแล้วว่าถังเทียนใช้กลยุทธสู้กับนาง”

ทั้งสองคนหยุดพูดขณะที่พวกเขาจับตาให้ความสนใจมองดูการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่

จีเสี่ยวหย่าสังเกตกลยุทธที่ถังเทียนใช้กับนางได้แล้ว  นางรู้สึกว่าพลังของนางค่อยๆถูกดึงออกมาใช้  ถังเทียนได้ประโยชน์คือความคล่องแคล่วคุ้นเคยกับรังสีกระบี่ฉลามทำให้จีเสี่ยวหย่าไม่สามารถทำอันตรายแม้ชายเสื้อของเขาได้

ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปนางอาจพ่ายแพ้

ขณะที่นางค่อยๆ ซึมซับความเป็นไปได้ของความพ่ายแพ้  ทำให้นางงุนงง คำว่าพ่ายแพ้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

เกิดอะไรขึ้น? นางปล่อยให้การต่อสู้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร?  นางมีพลังมากกว่าถังเทียนอย่างเห็นได้ชัด  การต่อสู้ครั้งนี้นางควรจะชนะไปแล้ว

จีเสี่ยวหย่าสูดหายใจลึก นางรวบรวมสติและเพ่งให้ความสนใจกับการต่อสู้

ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้ของนาง  นางรู้ว่านางความคิดของนางสะดุดและนี่คือสัญญาณอันตรายอย่างเห็นได้ชัด

ต้องจบเรื่องนี้ในทันที

ทันใดนั้นจีเสี่ยวหย่าหยุดและจ้องมองถังเทียนซึ่งอยู่ในระยะไกล  นางยกมือข้างที่ถือรังสีกระบี่ฉลาม  เกราะครีบปลาบินเริ่มฉายแสงทันที

ปัง

เกราะครีบปลาบินสลายและเปลี่ยนสภาพเป็นเกล็ดชิ้นเล็กๆนับไม่ถ้วน แต่ละชิ้นมีขนาดเท่าใบเล็บ เศษชิ้นเหล่านั้นเริ่มหมุนวนรอบตัวจีเสี่ยวหย่า

เนื่องจากเขาสามารถหลบหลีกได้ดีมาก  อย่างนั้นข้าจะทำให้เขาไม่มีที่ซ่อนตัว

จีเสี่ยวหย่ายกกระบี่แสงของนาง  และปล่อยลงมากระแทกพื้นยุบลงเข้าไปข้างในดิน

“ถึงเวลาเปลี่ยนเจ้าให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว  ‘วังวนฉลาม’”

เสียงเยือกเย็นของจีเสี่ยวหย่าสามารถได้ยินทั่วทั้งนครเทพสตรี

กระบี่แสงค่อยๆ เคลื่อนลงไปในพื้นจนกระทั่งหายไป  จีเสี่ยวหย่าตอนนี้มือเปล่า

จีเสี่ยวหย่าเป็นศูนย์กลางจุดศูนย์ถ่วงมีม่านแสงครอบคลุมพื้นที่สองพันเมตรปรากฏบนพื้นประกายแสงนับพันล้านขนาดเท่าใบเล็บระเบิดออกมาจากพื้นและเริ่มหมุนเป็นวังวนรอบสนามรบ

ตอนนี้ถังเทียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด