ตอนที่แล้วตอนที่ 367 เขาเสร็จแน่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 369 หวนกลับ

ตอนที่ 368 ประกาศสงคราม


ฉีซานยอมจำนน

เรื่องนี้ทำให้ถังเทียนประหลาดใจเขาคิดว่าฉีซานจะสู้ตายเสียอีก และคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมจำนน สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องไตร่ตรองก็คือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดก่อนจะถูกมัด

“พวกเจ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนทำ”

ถังเทียนชื่นชมเขาประโยคนั้นมีพลังมาก  ถ้าฉีซานสู้ตายแทนภายใต้อารมณ์ปั่นป่วนและเสียชีวิตระหว่างต่อสู้  จะไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้  แต่ตอนนี้เขาพูดเช่นนั้นทุกคนจะต้องไตร่ตรองให้ดี

ฉีซานพูดถูก

ไม่มีหลักฐานเป็นรูปธรรมเพื่อพิสูจน์ว่าการตายของอัสตาและการเกิดระเบิดเป็นฝีมือของฉีซาน  แม้ว่าฉีซานจะลอบเข้าคฤหาสน์กุหลาบทำให้ทุกคนในเหตุการณ์เชื่อว่าเป็นฉีซานที่ก่อเหตุก็ตาม

แต่การคาดเดาก็จะเป็นการคาดเดาตลอดไป พวกเขาไม่มีข้อพิสูจน์ว่าฉีซานทำ แม้ว่าฉีซานจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกเนื่องจากปัญหา  แต่ตระกูลของเขาหยั่งรากฝังลึกในสมาพันธ์ชาวยุทธ  ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานแน่นอน  พวกเขาสามารถดึงเขาออกมาช้าๆ ได้

จูหนิงทำท่ากวนชวนโดนด่าขณะปล่อยให้ทหารยามมัดเขา

คำพูดของฉีซานทำให้คนของเขามีการตัดสินใจ

ประโยคที่สองของฉีซานทำให้พวกเขาผ่อนคลายมากขึ้น

“ข้าส่งข้อความไปที่สมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว  และพวกเขาจะส่งคนมาที่นี่ทันที” สีหน้าของฉีซานมั่นคงและแววตาของเขาเยือกเย็น  “ไม่มีใครสามารถทำอันตรายสมาพันธ์ชาวยุทธได้ต่อให้พวกมันต้องการก็ตาม”

จูหนิงพูดอย่างเย็นชา  “วิธีการที่พวกเจ้ากำลังมัดคุณชายของข้า  คุณชายของข้าก็จะทำให้พวกเจ้าแก้มัดเขาเช่นกัน”

คนทุกคนแสดงความโกรธ  แต่ไม่มีใครทำอะไร  ความรู้สึกเจ็บปวดจากคำพูดของเขา  ถ้าฉีซานถูกใส่ร้ายจริงๆ   และการจับกุมเขาโดยไม่มีหลักฐาน  พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เขายังฉลาดอยู่บ้าง

ถังเทียนผู้อยู่ในความมืดให้ความสนใจ  ตาของเขามีชั้นน้ำแข็งบาง  แต่น่าเสียดายเขาไม่ต้องการจะทิ้งศัตรูไว้เบื้องหลัง เขากระซิบเบาๆ สองสามคำต่อแอนเดรียนา ทำให้หน้าของนางซีดขาวทันที นางสูดหายใจลึกยืดอกและเดินมาข้างหน้า

“เราไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานอะไร”

ขณะที่ทุกคนรู้สึกอึดอัดร่างแข็งแกร่งร่างหนึ่งเดินออกมาจากความมืด เป็นแอนเดรียนา

ผู้ใหญ่สองสามคนคำนับนางทันที

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าห่วงนางฟ้ามาอยู่กับแอนเดรียนาได้อย่างไร  แต่นางก็คือผู้สืบทอดอันดับที่สามและพวกเขารู้จักนิสัยนาง ดังนั้นพวกเขาเข้าใจชัดว่านางคือใคร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้น  แต่ทุกอย่างที่ออกมาผลที่มีต่อกลุ่มดาวอันโดรเมดายังนับว่ามีโชคดีในโชคร้าย

แอนเดรียนามีอำนาจกลายเป็นหนึ่งในผู้มีคุณสมบัติได้รับห่วงนางฟ้าและบิดาของนาง ทาร์ตันก็มีกองพลทหารราบ และนั่นคือปัจจัยที่สำคัญที่สุด

กลุ่มดาวอันโดรเมดาซึ่งตอนนี้ตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย  ความมั่นคงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด  ขอเพียงมีความมั่นคงทุกคนก็ย่อมได้รับประโยชน์

“ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรือ?  งั้นพวกเจ้าทุกคนต้องการฆ่าศิษย์สำคัญของสมาพันธ์ชาวยุทธใช่ไหม?” จูหนิงหัวเราะเหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องที่น่าตลกที่สุดของปี “เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีทางเกิดขึ้น”

เมื่อเห็นจูหนิงแววเกลียดฉายผ่านดวงตาของแอนเดรียนา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นปรากฏขึ้นในใจนาง  นางเชิดหน้าและเดินตรงไปที่จูหนิง

จูหนิงพูด  “อะไร? เว้นแต่เจ้าต้องการ...”

ซวบ!

ก่อนที่จูหนิงจะพูดจบประโยค  สีหน้าและร่างของเขาชะงักค้าง  ขณะที่เขาจ้องมองแอนเดรียนาอย่างเหลือเชื่อ

แอนเดรียนาปล่อยมีดในมือนางจากนั้นล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดเลือด เพราะเหตุผลบางอย่างนางไม่ได้รู้สึกเหมือนฆาตกรแม้แต่น้อย เหมือนกับว่านางยิ่งเห็นเขานานก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจดังนั้นหัวใจนางจึงขุ่นมัว

นางหัวเราะเองในใจ

ทุกคนจ้องมองแอนเดรียนาอย่างตกใจ  แอนเดรียนาที่อยู่ต่อหน้านั้นพวกเขาไม่ค่อยคุ้นเคย

“แพศยา!”ฉีซานโกรธจัดและยืดตัว เขาดิ้นรนสุดกำลัง แต่ชีพจรทั้งหมดของเขาถูกปราณแท้ผนึกไว้และไม่สามารถกระตุ้นพลังได้อีกต่อไป  เขาถลึงตามองนาง“ข้าจะย่ำกลุ่มดาวอันโดรเมดาให้ราบแน่นอน ต้องทำอย่างแน่นอน”

“เจ้าจะไม่มีโอกาส”

แอนเดรียนาเดินช้าๆเข้าหาฉีซาน แม้แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังทำให้นางรู้สึกรังเกียจ  ชีวิตที่มีอิสระของนางถูกเขาทำลายในช่วงไม่กี่วันมานี้ อิสระของนางดูเหมือนถูกพรากไปตลอดชีวิต  นางจะสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายทุกคืนทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาประทานให้

ถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่  นางจะยังใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ  พี่แรนดีจะกลายเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาวและทุกคนจะอยู่ในอุทยานหลังวังเทพธิดาจิบชาสนทนากัน

แต่ไม่มีความว่าถ้า  วังเทพธิดาหายไปแล้ว  แรนดีตายแล้ว และอีกหลายคนตายแล้ว

แอนเดรียนาหลั่งน้ำตานองหน้า  แต่นางอดกลั้นทุกสิ่งอย่าง  หลังจากผ่านไปสองสามวัน นางถึงได้รู้ว่าน้ำตาช่วยอะไรไม่ได้  แม้ว่านางจะไม่สามารถทำตัวเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกได้อย่างเขาแต่นางก็ก้าวหน้าได้เช่นกัน

นางจ้องมองฉีซานใจของนางสงบอย่างประหลาด

“จากวันนี้เป็นต้นไป กลุ่มดาวอันโดรเมดาขอประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธ!”

ฉีซานตกใจมองดูแอนเดรียนา  “เจ้าบ้าไปแล้ว!  เจ้าต้องบ้าอย่างแน่นอน!  เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไร?  เจ้าต้องการทำให้กลุ่มดาวอันโดรเมดาพินาศใช่ไหม?  เจ้าพวกมดแมลงบังอาจประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธเชียวหรือ?”

แอนเดรียนาไม่มองเขา  นางหมุนตัวพลางมองคนอื่นทุกคนซึ่งอยู่ในอาการตกใจ

“กลุ่มดาวอันโดรเมดาของเราอ่อนโยนและรักสันติไม่เคยต่อสู้รบพุ่งกับกลุ่มดาวอื่นมาก่อน! กลุ่มดาวอันโดรเมดาของเราปฏิบัติต่อผู้คนอย่างสันติและเป็นกันเองและแม้กับคนหยิ่งจองหองอย่างนั้น เราก็ยังปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดีด้วยหัวใจของเราทั้งหมด!  หลักฐานเล่า?  เราต้องการหลักฐานจริงๆ หรือ?  หลักฐานเรื่องนี้อยู่ที่ไหน?  นี่คือกลุ่มดาวอันโดรเมดา!  บ้านของเรา! สถานที่บรรพบุรุษของเราอยู่อาศัยและสร้างมันขึ้นมา  นี่คือแผ่นดินเกิดของเรา,และมันต้องการให้เราปกป้องมันด้วยชีวิตของพวกเราทุกคน!  ศักดิ์ศรีของพวกเราถูกย่ำยี,พวกผู้นำและผู้อาวุโสของเราถูกลอบสังหาร, ไม่มีใครรอดชีวิต  พวกเรายังต้องหลักฐานไหม?  หลักฐานทำให้คนตายมีชีวิตไหม? หลักฐานทำให้วังเทพธิดากลับมาปรากฏดังเดิมหรือเปล่า?หลักฐานสามารถนำพาชีวิตแบบเก่าของเรากลับมาได้หรือ? ไม่, ไม่มีทาง! เราไม่มีทางถอยได้!  เราถูกบีบบังคับที่หน้าประตูของเรา,และทุกพื้นที่นองไปด้วยเลือด ขณะที่เบื้องหลังของเราคือครอบครัวตระกูลของเรา, ญาติพี่น้องเรา, คิดจะถอยหรือ?  เรายังจะถอยไปไหนได้, ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว,  เราถอยไม่ได้แล้ว”

แอนเดรียนาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป

เสียงของนางกังวานกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าและดูเหมือนหมู่เมฆยังสั่นเพราะน้ำเสียงของนาง

พลเมืองชาวกลุ่มดาวอันโดรเมดาทุกคนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเริ่มหลั่งน้ำตา  กลุ่มดาวอันโดรเมดาไม่เคยเห็นไฟสงครามมาก่อนความสามารถต่อสู้ของทุกคนมีขีดจำกัดและมีมาตรฐานต่ำมากไม่เคยมีใครมีประสบการณ์เจ็บปวดและทุกข์ทนจากสงครามมาก่อน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สูญเสียญาติ  ทุกคนเริ่มสะอื้นอย่างเจ็บปวด

สีหน้าของฉีซานซีดขาว  ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว,  นางบ้าไปแล้ว!

แอนเดรียนาปาดน้ำตา นางถอดห่วงนางฟ้าจากข้อมือและชูขึ้นเหนือศีรษะนาง  ห่วงนางฟ้าเปล่งแสงแพรวพราวเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์  นครเทพสตรีสว่างจ้า  พลังของกลุ่มดาวอันโดรเมดาค่อยๆถูกกระตุ้น  ระลอกพลังกระจายออกไปทุกซอกมุมของกลุ่มดาวอันโดรเมดา

ร่างของแอนเดรียนาพร่าเลือนอยู่ในภายแสงมีแต่เสียงที่ยืนยันและแน่วแน่ของนางดังก้องไปทั้งกลุ่มดาวอันโดรเมดา

“ถ้าศักดิ์ศรีของเราจำเป็นต้องกอบกู้คืนมาด้วยเลือดอย่างนั้นเราจะใช้เลือดกอบกู้คืนมา!  ถ้าเราจำเป็นต้องปกป้องบ้านเกิดของเราด้วยชีวิต  อย่างนั้นพวกเราจะสละชีวิตเพื่อทำเช่นนั้น! ความโกรธเกลียดและหนี้เลือดของเราจะต้องชดใช้ด้วยเลือด!  ข้า แอนเดรียนาเจ้าปกครองกลุ่มดาวอันโดรเมดาในนามตัวแทนผู้แค้นเคืองขอประกาศสงครามกับสมาพันธ์ชาวยุทธ!”

ดวงตาที่แพรวพราวของแอนเดรียนาทำให้ทุกคนมีอารมณ์โกรธ  “สงคราม!”

“สงคราม!”

เสียงตะโกนดังไปทั่วกลุ่มดาวอันโดรเมดาเหมือนกับพายุ

ฉีซานดูเหมือนจะสูญเสียวิญญาณ  สีหน้าของเขาตื่นตระหนก

“ฆ่าเขา!”

แอนเดรียนาตะโกนอย่างเคร่งขรึม

ฉัวะฉัวะ ฉัว!

สารพัดอาวุธต่างแทงฟันใส่ฉีซาน

ถังเทียนกับหมิงเยี่ยเผชิญหน้ากัน  ทันทีที่แอนเดรียนาเดินออกมาหลังจากพูดกับถังเทียน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงยอดฝีมืออำพรางตัวและสอดแนมดูทุกอย่างเขาคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสตรีอาณาจักรกระบี่

“ปฏิบัติการที่ดี!  วิธีการที่ยอดเยี่ยม!”เมื่อได้ยินคำพูดของแอนเดรียนา หมิงเยี่ยอดตื่นเต้นไม่ได้ การกระทำและคำพูดของแอนเดรียนาทำให้หมิงเยี่ยรู้สึกชื่นชมนาง แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจหุนหันพลันแล่นที่ประกาศสงคราม  แต่จะไม่มีอันตรายมากนัก

เพราะมีกลุ่มดาวราชสีห์อยู่ด้วย  พวกเขาคงไม่ยอมนั่งดูเฉยๆ เป็นแน่

ศัตรูของศัตรูเราก็คือสหายเราไปโดยปริยาย  เรื่องง่ายเช่นนี้พระยาราชสีห์เลโอนย่อมรู้แน่นอน

“นั่นไม่ใช่ปฏิบัติการที่ดีนัก”  ถังเทียนพูดทันที เขาสามารถได้ยินความเจ็บปวดใจของแอนเดรียนา  การประกาศสงครามเป็นความคิดของเขา  แต่คำพูดและอารมณ์ของแอนเดรียนาเป็นของจริง

“ฉีซานไม่ควรตายที่นี่”  หมิงเยี่ยพูด แต่เมื่อพูดออกมา  นางรู้ว่านางพูดเรื่องไม่ควร

ตามคาดเสียงของถังเทียนเต็มไปด้วยความเย้นหยัน เขากล่าว “แต่เขาก็ตายแล้ว”

“ท่านเป็นใครกันแน่?”  หมิงเยี่ยมองถังเทียนกล่าว“ซ่างหวั่นถิงไม่เคยมีลูกศิษย์”

“แล้วอาณาจักรกระบี่เล่า?”  ถังเทียนพูดเย็นชา “กฎสำหรับศิษย์อาณาจักรกระบี่ไม่อนุญาตให้พวกเขาออกจากที่เว้นแต่บรรลุขั้นเซียน”

ตาของหมิงเยี่ยเป็นประกาย  “ท่านคุ้นเคยกับอาณาจักรกระบี่จริงๆ!  ท่านมาจากตำหนักไหน?  เป็นศิษย์ของใคร?”

ถังเทียนไม่สนใจนาง  ทุกคนที่มาจากอาณาจักรกระบี่เป็นพวกบ้า ชายก็บ้าหญิงก็เพี้ยน แม้ว่าพวกเขาจะมีวาสนาอยู่บ้าง แม้เสียงของนางจะสุภาพ แต่แววหยิ่งยโสทำให้ถังเทียนไม่ชอบนาง

“ถ้าเจ้าไม่พูด อย่างนั้นข้าจะค้นหาด้วยตัวเอง!”  หมิงเยี่ยแค่นเสียง  ร่างของนางไวราวกับสายฟ้ากระบี่ขาวของนางไม่ได้ชักออกจากฝัก

รังสีอำมหิตของถังเทียนกระจายออกแม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องฉากหลังของนาง แต่เพราะนางยังคงตอแยต่อไป ทำให้เขารู้สึกอยากฆ่านาง  เขารู้สึกแต่เพียงว่าเขายุ่งยากพอแล้ว   และไม่ต้องการรุนแรงมากไปกว่านี้  ไม่ใช่เพราะเขาเก็บงำความกลัวต่ออาณาจักรกระบี่แต่อย่างใด

และถังเทียนสงสัยว่าหมิงเยี่ยจะหาเรื่องยุ่งให้กับเขาผ่านแอนเดรียนา  เขาหาผู้รับใช้ที่เหมาะสมได้อย่างยากลำบากเขาไม่ต้องการให้นางตายเร็วเกินไป

คงจะดีกว่าถ้าเขาฆ่านาง!

ทันทีที่รังสีอำมหิตทะลักออกมาจากใจของถังเทียน  หมิงเยี่ยรู้ได้ และใจนางสั่นสะท้าน  แต่สิ่งที่ทำให้นางกลัวก็คือเขารู้ว่านางเป็นศิษย์จากอาณาจักรกระบี่ แต่เขาก็ยังสามารถเปล่งรังสีฆ่าฟันได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่กลัวอาณาจักรกระบี่

เขาคือใครกันแน่?

หมิงเยี่ยหมุนตัวกลางท้องฟ้าทันทีและบินไปในท้องฟ้าเหมือนกับนกสีขาว

“เราคงได้พบกันอีก”

เสียงเย็นชาของหมิงเยี่ยดังอยู่ในท้องฟ้า

ถังเทียนรู้สึกปวดศีรษะทันที  นางรู้สัมพันธ์ระหว่างเขากับแอนเดรียนาและนั่นอาจเป็นอันตรายแน่นอน

เมื่อหันไปมองตำแหน่งที่หมิงเยี่ยหายไปสีหน้าเขาแสดงอารมณ์อยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาเก็บอารมณ์ทั้งหมดลงสู่ความมืดมิดต่อไป

นั่นคือวันที่เจ็ด

เวลาเหลืออยู่ไม่มาก  เขายังมีอยู่สองสามเรื่องที่เหลือต้องเตรียมตัวและเขาไม่มีเวลาจะเสียให้กับสตรีประหลาด เสียงของแอนเดรียนาประกาศสงครามทันทีสร้างความประหลาดใจให้เขา  แต่เมื่อคิดดูแล้ว และสาเหตุของเรื่องนั้นก็ไม่ห่างจากที่เขาวางแผนไว้

เวลาสิบห้าวันช่างสั้นเสียจริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด