ตอนที่แล้วตอนที่ 12-4 เหตุการณ์สำคัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12-6 เข่นฆ่าถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 12-5 สงครามล้างโลกหมื่นปีที่แล้ว


“จะเลือกอะไรเจ้าเป็นคนตัดสินใจเอง” ไดลินพูดอย่างจริงจัง

คนผู้เลือกทำตามเมื่อพวกเขากลายเป็นเทพด้วยพลังตนเองจะกำหนดความสำเร็จและการพัฒนาในอนาคตของพวกเขา

ลินลี่ย์ไม่ต้องคิดอะไรอื่น หัวใจของเขาโน้มเอียงไปที่ทางเลือกที่สองโดยอัตโนมัติ  เขาเดินตามเส้นทางที่ความรู้เข้าใจสายธาตุลมและดินที่แตกต่างกันสองธาตุ  ตลอดเวลามานี้ เขาคงไม่ยินดีจะเลิกฝึกธาตุทั้งสองอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่

“ท่านไดลิน  ถ้าเลือกข้อที่สองตัวอย่างเช่น ถ้าข้ากลายเป็นเทพสายธาตุลม อย่างนั้นทันทีที่ข้ากลายเป็นเทพ ถ้าข้าเอาประกายศักดิ์สิทธิ์ไว้นอกตัวข้า อย่างนั้นจักรวาลจะสร้างกายศักดิ์สิทธิ์รอบประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นใช่ไหม?  และวิญญาณของข้าจะถูกแบ่งเช่นกัน  กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่มีความแตกต่างระหว่างร่างเดิมและร่างแยกใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว”ไดลินพยักหน้า

“อย่างนั้นข้าอยากถาม ถ้าร่างแยกกลายเป็นเทพ ร่างแรกจะเป็นยังไง?  จะมีพลังก้าวหน้าหรือไม่?”  ลินลี่ย์ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก

ถ้าร่างแยกของเขากลายเป็นเทพ  แต่ร่างเดิมยังคงเป็นระดับเซียนนั่นจะกลายเป็นจุดอ่อนใหญ่หรือเปล่า?

“จะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกมาก และร่างต้นแบบของเจ้าจะสามารถยืมพลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างแยกได้”ไดลินส่ายหน้าขณะพูด  “แต่น่าเสียดายนั่นเป็นแค่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยืมมาใช้ แม้ว่าเจ้าจะสามารถยืมพลังศักดิ์สิทธิ์มาใช้ได้มากมาย แต่เนื่องจากร่างเดิมของเจ้าไม่มีประกายศักดิ์สิทธิ์ก็ยังจะอ่อนแอมากกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง เนื่องจากความจริงที่ว่าไม่มีประกายศักดิ์สิทธิ์หลอมรวมอยู่ในพลังศักดิ์สิทธิ์นั้น”

ซีซาร์ที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะ  “ลินลี่ย์,เจ้าควรจะรู้ว่ามีเซียนบางคนในภูมิภาคต่างๆสามารถยืมพลังศักดิ์สิทธิ์มาใช้ได้บ้าง”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ซีซาร์พูดต่อ “เจ้าจะเหมือนกับพวกเขา คาดว่าเจ้าจะทำได้เพียงยืมพลังศักดิ์สิทธิ์มาจากร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า  แต่แน่นอนว่า..ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องเสนอตัวเองเป็นบรรณาการก่อนที่เจ้าจะยืมพลังมหาศาลมาใช้  อย่างไรก็ตามหากปราศจากประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ากันได้  พลังก็จะค่อนข้างอ่อนแอ”

“เข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า

ความสำคัญของประกายศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ลินลี่ย์เข้าใจได้ชัดเจนดี  ถ้าร่างเดิมไม่มีประกายศักดิ์สิทธิ์และได้พลังศักดิ์สิทธิ์มา...ก็ไม่สามารถสร้างพลังบางอย่าง เช่น ‘สนามพลังเทพ’ ได้

“แม้ว่าร่างต้นเดิมจะอ่อนแอเนื่องจากไม่มีประกายศักดิ์สิทธิ์  แต่ก็ยังมีทางป้องกันได้เพราะร่างแยกที่สองและร่างต้นเดิมความจริงก็มีคุณสมบัติเดียวกัน  แน่นอน.. เจ้าสามารถกลืนร่างแยกกลับไปที่ร่างต้นเดิมของเจ้าได้เช่นกัน”  ไดลินหัวเราะและพูดต่อ “ดังนั้นเจ้าก็ยังสามารถใช้งานพลังของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ได้”

ลินลี่ย์ลอบส่ายหัว

หลอมรวมกับร่างแยกศักดิ์สิทธิ์กับร่างต้นเดิมเข้าด้วยกัน?ใช้พลังของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ได้?

ความจริง นั่นไม่ใช่การเพิ่มพลังเลย

“ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น แม้ว่าพลังของเจ้าจะไม่เพิ่มขึ้น แต่ร่างต้นเดิมของเจ้าจะได้รับการปกป้องดีกว่า ความจริงประโยชน์ที่แท้จริงของทางเลือกที่สองนี้ก็คือ...จะทำให้เจ้าได้ฝึกกฎธาตุอื่น ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือ..วิญญาณเจ้าจะถูกแบ่งเป็นสอง!”

ไดลินมองดูลินลี่ย์และพูดอย่างจริงจัง  “ลินลี่ย์, วิญญาณเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตเป็นเรื่องที่ยากมากกับการเสริมสร้างและเปลี่ยนแปลงวิญญาณ การแบ่งครึ่งวิญญาณอย่างฉับพลันนี้ก็หมายความว่าวิญญาณของเจ้าจะอ่อนแอลงอีกครึ่งหนึ่ง  ไม่ว่าในแง่ความเร็วในการฝึกฝนความสามารถในการต้านทานศัตรู วิญญาณของเจ้าจะได้รับผลตามไปด้วย”

“ข้าเข้าใจ ท่านจะได้รับบางอย่าง  แต่เสียบางอย่างไปเป็นไปได้ยังไงที่จะมีแต่ได้โดยไม่มีเสีย?” ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้

“เจ้ารู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว”  ไดลินพยักหน้า

หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยคำถาม  “เกิดอะไรขึ้นกับไดลิน?  ทำไมเขาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นเทพให้เรามากมายขนาดนี้...ไม่เหมือนกับเป็นไดลินเลยไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์รู้สึกว่าวันนี้ ไดลินค่อนข้างจะทำตัวแตกต่างไปจากเดิม

เทพสงครามพูดเสียงกึกก้อง “ลินลี่ย์,จำสิ่งที่เราได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านั้นข้าจะปล่อยหน้าที่รับมือกับเกาะศักดิ์สิทธิ์และศาสนจักรเจิดจรัสให้กับเจ้า”

“ไม่ต้องห่วง” ดวงตาลินลี่ย์ทอประกายวูบ

ทำลายศาสนจักรเจิดจรัส?

ข้ารอมานานกี่ปีแล้ว?

“ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเจ้าไปได้”  เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น

ลินลี่ย์ เดลี่  เฟนและถูลี่ลุกขึ้นทันทีและทำความเคารพ พวกเขาออกจากที่พักสันโดษของเทพสงครามอย่างเงียบๆ

บนยอดเขาเทพสงครามที่เงียบสงบ

“ลินลี่ย์, ขอแสดงความยินดีด้วย  วันนี้อาจารย์และเทพคนอื่นๆปฏิบัติกับเจ้าฉันท์มิตรสหายระดับเดียวกับพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด”  เฟนพูดขึ้นทันที

ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ายอดฝีมือทั้งสามขมขื่นในใจมากขนาดไหนการฝึกฝนหลายพันปี แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถบรรลุผ่านไปได้

“เฟน, ข้าเชื่อว่าพวกท่านทั้งสามก็จะบรรลุระดับใหม่เช่นกัน”

เดลี่หัวเราะและพยักหน้าทันที  “ถูกแล้ว เราจะบรรลุระดับใหม่ในอีกไม่ช้า เฟน ถูลี่... พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าลอร์ดเบรุตพูดไว้ว่ายังไง?  เราทั้งสามสามารถบรรลุได้อาจจะในวันเดียวก็ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องศรัทธาในตัวเราเอง”

“ใช่แล้ว เราจะบรรลุไปได้” ถูลี่และเฟนตาเป็นประกาย ขณะพยักหน้า

ถ้าพวกเขาสามารถบรรลุได้ด้วยตัวเอง  พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้ประกายศักดิ์สิทธิ์เลย

แต่การบรรลุระดับใหม่ด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

“ลินลี่ย์เราจะบุกไปทำลายเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัสเมื่อใด?”  เดลี่ถาม

ลินลี่ย์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าว  “เอาอย่างนี้เป็นยังไง  เรื่องนี้ยิ่งเร็วยิ่งดี” แค่คิดเรื่องทำลายศาสนจักรเจิดจรัสก็ทำให้ลินลี่ย์เลือดลมพลุกพล่านและทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา  “วันนี้เรากลับไปบ้านก่อน  พรุ่งนี้ระดมพลเตรียมตัวกัน  หลังจากนั้นเช้าวันที่แปด..เช้าวันที่แปดมารวมกันที่ปราสาทเลือดมังกรของข้าและเราจะร่วมสังหารเบิกทางไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์กัน”

“ก็ได้ เราจะไปด้วยกันในวันที่แปด”  ถูลี่และเดลี่พยักหน้า

เฟนเริ่มหัวเราะ “ลินลี่ย์ เจ้าเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ดูเหมือนทางด้านของข้าคงต้องก้าวออกไปบ้างเพื่อกำจัดลัทธิเงาให้เร็วยิ่งกว่า”

“ฮ่าฮ่า เฟน, งั้นเราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย”  ลินลี่ย์กล่าว

ลินลี่ย์ เดลี่และถูลี่บินขึ้นไปในอากาศทันทีมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก

ปราสาทเลือดมังกรอยู่ทางภาคเหนือของจักรวรรดิบาลุค  ขณะที่เดลี่มุ่งไปทางใต้ของจักรวรรดิบาลุค  สำหรับถูลี่เขาอยู่ในทุ่งราบใหญ่ตะวันออกไกล  ทั้งสามบินร่วมทางในระยะสั้นก่อนจะแยกย้ายกัน

“ควั่บ” สายลมรุนแรงกระโชกผ่าน ชุดยาวของเขาสะบัดตามสายลม

ขณะเคลื่อนที่ผ่านไปในท้องฟ้า เมฆหมอกผ่านตัวเขาไปด้วยความเร็วสูง  เขาบินตรงมุ่งสู่ปราสาทเลือดมังกร

“ลินลี่ย์ รอเดี๋ยว” จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นและร่างเลือนรางปรากฏอยู่ใกล้ตัวลินลี่ย์

บุรุษหนุ่มน่ากลัวสวมชุดทองสีเข้มยืนอยู่ข้างหน้าลินลี่ย์ที่หน้าผากของเขามีรอยคล้ายแผลมีด เป็นยอดฝีมือระดับเทพ ไดลินนั่นเอง

“ลอร์ดไดลิน” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

ไดลินเปล่งรัศมีน่ากลัวแต่ตอนนี้ใบหน้าเขามีรอยยิ้มที่ค่อนข้างจริงใจ “ลินลี่ย์, เจ้าบินได้เร็วมากจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นความก้าวหน้าระหว่างที่เจ้าใช้เวลาในสุสานเทพเจ้า”

ลินลี่ย์รู้สึกสับสนมาก

บินเร็ว?

บนเส้นทางขากลับปราสาทเลือดมังกรเขาเพียงแต่บินด้วยความเร็วตามปกติ และไม่ได้บินเต็มความเร็ว ทำไมไดลินถึงพูดว่าเขากำลังบินเร็วมาก?

“ไดลินผู้นี้..ทำไมเขาถึงได้ยกยอเราอย่างไม่มีเหตุผล?”  ลินลี่ย์คาดเดาว่าไดลินอาจมีเรื่องปรึกษากับเขาได้

“ท่านไดลิน ท่านมีอะไรจะคุยด้วยหรือเปล่า?”  ลินลี่ย์เสนอให้พูดตรงๆ

ไดลินสูดหายใจลึก “ลินลี่ย์, บอกตามตรง..ข้า, ไดลินเกิดมาหลายหมื่นปีแล้วและได้พบเจอกับสงครามล้างโลกที่น่ากลัวเมื่อหมื่นปีที่แล้ว  สงครามของเหล่าเทพเมื่อห้าพันปีที่แล้ว  ข้าพยายามปกป้องลูกของข้ามาโดยตลอดแต่โชคร้ายห้าพันปีที่แล้ว ข้ากับลูกๆ ถูกจองจำอยู่ในคุกเกบาโดส...”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์รู้สึกตะลึงทันที

“ห้าพันปีที่แล้ว ยอดฝีมือจากพิภพอื่นลงมาเยือน  ข้าทราบเรื่องนี้เช่นกัน แต่เรื่องสงครามล้างโลกหมื่นปีที่แล้วคืออะไร?”  ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินว่าหมื่นปีที่แล้วมีสงครามล้างโลก  จากสิ่งที่ไดลินพูดดูเหมือนว่าสงครามหมื่นปีที่แล้วน่ากลัวยิ่งกว่าสงครามเมื่อห้าพันปีที่แล้ว

ไดลินเห็นหน้าท่าทางของลินลี่ย์ก็เข้าใจ

“เจ้าคงสงสัยเรื่องสงครามล้างโลกสินะ?”  ไดลินหัวเราะ

เขาใจดีเมื่อถูกถามและจะมีความสุขมากที่มีโอกาสเล่าความลับเหล่านี้ให้ลินลี่ย์

ลินลี่ย์พยักหน้า

“สงครามล้างโลกเป็นสงครามที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าสงครามเมื่อห้าพันปีที่แล้ว  ความจริงในอดีต พิภพแห่งนี้มีอยู่ห้าทวีป”  ไดลินอธิบายรายละเอียด

“ห้าทวีป?” ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

นอกจากนี้หนังสือประวัติศาสตร์ไม่เคยพูดถึงความคงอยู่ของทวีปอื่น

ไดลินอธิบายรายละเอียด มีพื้นที่กว้างใหญ่คั่นระหว่างแต่ละทวีป และทวีปยูลานเป็นทวีปที่อยู่เกือบเหนือสุดของห้าทวีป  อีกสี่ทวีปอยู่ในทะเลใต้ทั้งหมด เพราะมีระยะเกือบหมื่นกิโลเมตรในระยะหว่างทวีป ตอนนี้คนธรรมดาไม่รู้เรื่องว่ายังมีทวีปอื่นคงอยู่”

“ระหว่างสงครามล้างโลกนั้น...”

ไดลินถอนหายใจ “นั่นเป็นความจริง สงครามขนาดใหญ่ มีพลังทำลายล้างสูงสุด ในสงครามล้างโลก  คลื่นมหาสมุทรสูงท่วมสวรรค์และพื้นที่ของทวีปเองถูกฉีกกระจาย แม้แต่แรงคลื่นระเบิดจากการสู้รบกันก็ส่งผลต่อทวีปอื่น  สี่ทวีปด้านใต้ทั้งหมดถูกฉีกกระจายทำลาย  และเทพตนแล้วตนเล่าล้มตาย..ขนาดของสงครามครั้งนี้ส่งผลไกลกว้างไกลยิ่งกว่าสงครามเมื่อห้าพันปีที่แล้ว”

ลินลี่ย์สะท้านใจ

การสู้รบนั้นร้ายแรงจนสี่ทวีปล่มสลายเชียวหรือ?  ยอดฝีมือระดับไหนกันถึงเข้าต่อสู้ในสงครามนี้?

“และเนื่องจากการสู้รบนั้นลอร์ดเบรุตตั้งตัวอย่างเป็นทางการควบคุมทวีปยูลานไว้”  ไดลินถอนหายใจ “ลินลี่ย์ในเวลานั้น แม้ว่าข้าจะเป็นเทพชั้นต้นแล้ว ข้าทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ที่ทวีปยูลานไม่กล้ามีส่วนร่วมในการสู้รบเลย

ลินลี่ย์พอจะนึกภาพเช่นนั้นออก

“ข้าได้ยินมาว่าประกายศักดิ์สิทธิ์และศพเทพของสุสานเทพเจ้ามาจากสงครามล้างโลกครั้งนั้น”  ไดลินถอนหายใจ “แต่แน่นอน นั่นเป็นแค่เท่าที่ข้าได้ยินมา ข้าไม่มีข้อพิสูจน์อะไร”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย ไดลินซ่อนตัวอยู่ ที่สำคัญเขาไม่ได้มีส่วนร่วมรบ

“ห้าพันปีที่แล้ว ลูกๆของข้าถูกคุมขังในคุกพิภพเกบาโดส สถานที่นั้น.. คือฝันร้ายที่สุด” ไดลินพูดเสียงเบา “ลูกทั้งห้าของข้า.. ตายอยู่ที่นั่นสอง โชคดี เราหนีกลับมาทวีปยูลานได้หลังจากนั้น”

จนถึงวันนี้ไดลินก็ยังไม่บอกลินลี่ย์ว่าลินลี่ย์เป็นผู้ปล่อยเขาหนีออกมา

“แต่ครั้งนี้ ลูกของข้ายังต้องตายไปอีกหนึ่ง”

ตาของไดลินมีแววเศร้าโศกมิอาจระงับได้ “ความจริงการกลายเป็นระดับเทพเป็นเรื่องที่ยากมากที่สำคัญลูกของข้าราชสีห์หกตา เป็นการยากที่พวกเขาจะบรรลุขีดจำกัดโดยธรรมชาติของพวกเขากลายเป็นเทพได้  บางทีเดลี่และเฟนอาจบรรลุได้รับการรู้แจ้งได้  แต่อสูรวิเศษ..การบรรลุของพวกเขายากยิ่งกว่ามนุษย์มากมายนัก”

“ดังนั้น..ข้า..ไดลินอยากจะขอร้องเจ้า ลินลี่ย์ขอประกายศักดิ์ของเจ้าให้ข้าสักชิ้นหนึ่งเถิด” ไดลินมองลินลี่ย์อย่างจริงใจ

ลินลี่ย์เข้าใจสิ่งที่ไดลินกำลังพูด

“แน่นอนว่า ข้าจะไม่ยอมเจ้าต้องรู้สึกสูญเสียมากเกินไป  เพียงแต่ข้าไม่มีสมบัติที่ล้ำค่าเท่ากับประกายศักดิ์สิทธิ์  แต่ข้าก็มีสมบัติเทพอยู่หลายชิ้นข้าอาจแลกสมบัติเทพเหล่านั้นกับประกายศักดิ์สิทธิ์  สมบัติเทพสักสามชิ้นเป็นยังไง? หรือบางทีข้าอาจะให้ถุงมือสมบัติเทพส่วนตัวของข้าก็ได้” ไดลินรีบกล่าว

ไดลินรักลูกของเขามาก เห็นได้ชัดจากการที่เขาพยายามเข้าไปในคุกพิภพเกบาโดสเพื่อปกป้องพวกเขา

เดิมทีเขาสั่งห้ามพวกเขาไม่ให้เข้าสุสานเทพเจ้า  แต่คลีโอและน้องๆ ต้องการจะกลายเป็นเทพ  ในที่สุดไดลินก็ไม่สามารถห้ามพวกเขาได้..ในการเดินทางสู่สุสานเทพเจ้านี้ หนึ่งในพวกเขาต้องตายไป ตอนนี้ลินลี่ย์มีประกายศักดิ์สิทธิ์สามชิ้น  ไดลินตัดสินใจบากหน้ามาขอกับเขาหนึ่งชิ้น

ประกายเทพมีความสำคัญมากกว่าสมบัติเทพเจ้ามากมายนัก

สมบัติเทพเจ้าสี่ชิ้นแลกประกายเทพหนึ่งชิ้น...ลินลี่ย์ก็ยังถือว่าเป็นการค้าที่ขาดทุน  อะไรกันเล่าเป็นโอกาสให้เหล่าเซียนผ่านชั้นที่สิบเอ็ดทำได้สำเร็จ?  มันนับว่าต่ำเหลือเชื่อ  ความสำเร็จของลินลี่ย์ทำให้เขาได้รับประกายเทพสามชิ้น  แต่ในอนาคตลินลี่ย์จะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก

“ก็ได้, ข้าตกลง”  ลินลี่ย์พยักหน้า

ไดลินอดรู้สึกกระตือรือร้นไม่ได้ ไดลินดึงสมบัติเทพออกมาสามชิ้นเพียงแค่พลิกมือ  ก็ปรากฏสมบัติเทพทั้งหมดเป็นอาวุธประเภทมีคม ขณะเดียวกันในมือของไดลินยังมีถุงมือทองระดับเทพ   ในแง่ความล้ำค่าถุงมือเทพมีความล้ำค่ามากที่สุด

“นี่คือประกายเทพ” เพียงพลิกมือลินลี่ย์ดึงประกายเภทสายทำลายล้างออกมา ลินลี่ย์ตัดสินใจครั้งนี้ในนามของราชสีห์ทองหกตา  ที่สำคัญคือพวกเขาฝึกฝนมาในสายทำลายล้าง

เมื่อเห็นประกายเทพ ไดลินอดรู้สึกใจสั่นสะท้านไม่ได้

นี่คือประกายเทพ!

ถ้าเขาเองต้องการจะเข้าไปในสุสานเทพเจ้า  เขาจะต้องเริ่มที่ชั้นที่สิบสอง  คงยากที่จะได้ประกายเทพมา  แม้ว่าจะเป็นเขาเองก็ตาม

“ขอบคุณ, ขอบคุณ” แม้ว่าตามปกติ ไดลินจะมีนิสัยที่น่ากลัวแต่ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นจนพูดขอบคุณซ้ำกันถึงสองครั้ง  “รอเดี๋ยวก่อน ข้าจะถอนสัญญาผูกพันที่ข้าทำกับถุงมือทองก่อน”

“ท่านลอร์ดไดลิน ข้าไม่ต้องการอาวุธเทพเหล่านี้” ลินลี่ย์กล่าว

เขาไม่ได้ขาดแคลนอาวุธเทพประเภทดาบ  จะมีสองสามชิ้นก็ไม่ต่างกัน  ขณะที่ถุงมือเทพนั้น ตัวลินลี่ย์เองเป็นนักดาบดังนั้นถุงมือจึงไม่มีประโยชน์กับเขา

“ว่าไงนะ? เจ้าไม่ต้องการของพวกนี้หรือ?” ไดลินตะลึง

“ข้าไม่ต้องการ” ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า “ลอร์ดไดลิน ข้าเพียงแต่หวังว่าถ้าในอนาคต ข้าต้องการความช่วยเหลือของพวกท่าน ท่านลอร์ดไดลินจะสามารถช่วยข้าได้  นั่นจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแล้ว”

ในใจของไดลินความจริงก็ไม่อยากจะแยกจากถุงมือทองระดับเทพนี้  แต่ไดลินมีความหยิ่งผยอง ถ้าเขาได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์จากลินลี่ย์โดยไม่ได้ทำอะไรเลยเขาเองจะรู้สึกไม่สบายใจ ไดลินอดรู้สึกลนลานไม่ได้ “แบบนี้จะได้ยังไงกัน?  ทำไม่ได้..”

เมื่อเห็นลินลี่ย์ ไดลินอดรู้สึกผิดไม่ได้  เหมือนกับว่าเขาเป็นหนี้ครั้งใหญ่!

เขาจะทำอะไรเพื่อตอบแทนลินลี่ย์?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด