ตอนที่แล้วตอนที่ 12-3 แบ่งสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12-5 สงครามล้างโลกหมื่นปีที่แล้ว

ตอนที่ 12-4 เหตุการณ์สำคัญ


ยามรุ่งอรุณแสงตะวันฉายผ่านอุทยานด้านหลังปราสาทเลือดมังกร เป็นครั้งแรกในเวลายาวนานที่ลินลี่ย์ต้องการไปอุทยานหลังปราสาทและเพื่ออุทิศตนเองกับงานแกะสลักหิน  ขณะที่แกะสลักลินลี่ย์อดนึกย้อนถึงฉากที่มีภาพเขากับปู่เดลินไม่ได้

“ลักษณะ, คุณภาพ,เนื้อและสีสันของหินไม่เพียงส่งผลต่อลักษณะของมันเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงศักยภาพโดยรวมและรูปแบบที่แท้จริงด้วยเราใช้สิ่วสกัดตรงเพื่อสกัดส่วนเกินออกและปล่อยให้ความงดงามตามธรรมชาติเปิดเผยตัวออกมา นี่คืองานสลักหิน”

“วิถีของงานแกะสลักหินก็คือวิถีการควบคุมพื้นที่และรูปลักษณ์อย่างแท้จริง  เมื่อจะแกะสลักหิน, หนึ่ง..ต้อง...”

ภาพของปู่เดลินสอนการแกะสลักหินเขายังคงสดชัดเจนอยู่ในใจของลินลี่ย์

หลังจากเข้าใจ ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ สิ่วตรงของลินลี่ย์เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วสง่างาม  บางครั้งกลายเป็นภาพเลือนรางนับไม่ถ้วนขณะที่บางครั้งก็เคลื่อนไหวได้ช้า ทว่านุ่มนวลอ่อนโยน  ร่างหินสลักรูปมนุษย์ค่อยปรากฏอยู่ต่อหน้าเขางานแกะสลักของลินลี่ย์ดึงดูดความสนใจของฮิลแมน, เทย์เลอร์และหลายคนที่มองดูอยู่แต่ไกล

“งานแกะสลักของท่านพ่อแปลกประหลาดมาก”  เทย์เลอร์พูดอย่างประหลาดใจ

ฮิลแมนถอนหายใจอย่างประหลาดใจเช่นกัน  “ถูกแล้ว, งานสลักหินของบิดาเจ้าทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกับว่ารูปสลักนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว  ทั้งหมดที่เขาทำก็คือขจัดหินส่วนเกินและฝุ่นที่คลุมปิดบังมันอยู่ออกไป”

สิ่วสกัดตรงเป็นประกาย เศษศิลาปลิวกระเด็นอย่างต่อเนื่อง

ความจริงก็เหมือนกับที่ฮิลแมนกล่าวลินลี่ย์แค่ขจัดชั้นหินที่ไร้ประโยชน์ด้านบนรูปแกะสลัก  และขณะที่สะเก็ดหินปลิวออกไป รูปสลักค่อยๆเริ่มเผยโฉมที่แท้จริงออกมา

“แกะเปลือกออก นี่คือความรู้สึกอย่างที่รู้กันว่า ‘แกะเปลือกออก’ ซึ่งช่างแกะสลักหินพูดถึง”  เจนนี่ถอนหายใจอย่างอัศจรรย์ใจ  เพียงแต่, ข้าไม่เคยรู้เลยว่าคนเราจะสามารถแกะสลักหินได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น”  เจนนี่เองเรียนรู้งานแกะสลักหินมาบ้าง แต่สิ่งที่นางเรียนเป็นงานแกะสลักรูปแบบธรรมดาจำเป็นต้องใช้เครื่องมือหลายอย่างช่วย

“หืม...”

สำหรับลินลี่ย์ สิ่วสกัดตรงอย่างเดียวก็พอแล้ว

เขาเริ่มแกะสลักตั้งแต่เช้าตรู่ต่อเนื่องไปจนกระทั่งค่ำ  หลังจากลินลี่ย์ปรับแต่งสุดท้ายเขาวางสิ่วลงเอื้อมมือไปลูบรูปสลักอย่างอ่อนโยน

“ปู่เดลิน” ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง “เมื่อก่อนนั้น ข้าได้สาบานไว้ว่าเมื่อถึงเวลาข้าจะทำลายศาสนจักรเจิดจรัสแบบขุดรากถอนโคนพวกมัน อีกไม่นาน  อีกไม่นาน.. ข้าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”

รูปสลักข้างหน้าเขาก็คือ เดลิน โคเวิร์ท  ใบหน้าของเดลินโคเวิร์ทยังคงมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตาเหมือนอย่างเคย

“ลินลี่ย์” ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเขา

ลินลี่ย์หันหน้าและเห็นว่าผู้พูดก็คือเฟน  ฮิลแมนที่อยู่ข้างๆ เขาพูดขึ้นทันที  “ลินลี่ย์ ท่านเฟนรออยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเจ้ากำลังแกะสลัก เขาไม่ต้องการรบกวนเจ้า”

“ดูกระฉับกระเฉงและเหมือนกับมีวิญญาณจริงๆ”  เฟนถอนหายใจทึ่งขณะมองดูรูปสลัก

รูปสลักเหมือนกับมีชีวิต และชั่วขณะหนึ่งเหมือนกับเป็นคนจริงๆที่ยืนอยู่กับที่

“ลินลี่ย์, คนที่เจ้าแกะสลักนี้คือใครกัน?”เฟนถามด้วยความสงสัย

ลินลี่ย์ไม่ตอบ “เฟน, ท่านมาที่นี่เพราะ...?”

เฟนรีบกล่าว “โอว, ครั้งนี้ข้ามาเชิญเจ้าเดินทางไปภูเขาเทพสงคราม พรุ่งนี้ กล่าวกันว่าวันที่ 6 เมษายนเทพต่างๆ จะมาชุมนุมกันที่ภูเขาเทพสงครามขณะที่เซียนสองสามคนก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน”

“โอว?” ลินลี่ย์แปลกใจทันที  ชุมนุมเทพ มีเพียงเซียนสองสามคนที่ได้รับเชิญ?เห็นได้ชัดว่าเป็นการชุมนุมครั้งสำคัญ

“ขอถามได้ไหม เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร?”  ลินลี่ย์ถาม

เฟนส่ายหน้า “ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน และอาจารย์ไม่ได้บอกข้า  แต่ถ้าเจ้าไป เจ้าจะรู้แน่นอน”

“ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปแน่นอน”  ลินลี่ย์พยักหน้าขณะกล่าว

วันที่ 6 เมษายน ศักราชยูลานที่ 10034 จักรวรรดิโอเบรียนที่นอกเมืองหลวงของจักรวรรดิ ภูเขาเทพสงคราม

ภายในสวนสันโดษของเทพสงครามโอเบรียน  สี่เทพรวมทั้งเทพสงคราม, มหาพรต,ไดลินและซีซาร์ กับเซียนอีกสี่คนมี เฟน ลินลี่ย์ เดลี่และถูลี่ทุกคนนั่งตามปกติ

“มีเราเพียงสี่คนที่มาครั้งนี้”  เดลี่รู้สึกค่อนข้างสงสัย  “ลินลี่ย์! เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”  ลินลี่ย์กับเดลี่สนทนาทางใจ

“ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน  พวกเขาทั้งหมดเป็นระดับเทพทั้งนั้น เราคงทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับกิจกรรมของพวกเขา”  ลินลี่ย์ก็งงเหมือนกัน

ขณะนี้เซียนทั้งสี่ยังคงอยู่ในความเงียบ

เทพสงครามและมหาพรตมองหน้ากันอย่างมีความหมาย  และจากนั้นเทพสงครามเพ่งสายตาที่แหลมคมมาที่ลินลี่ย์และเซียนอีกสามคน  เขาพูดเสียงก้องกังวาน  “วันนี้เหตุผลแรกเลยที่พวกเจ้าทั้งสี่ถูกเรียกมาเพราะมหาพรตกับข้ามีความเห็นร่วมกันว่าในทวีปยูลานมีประเทศหลากหลายเกินไปได้เวลาที่จะลดจำนวนลงแล้ว”

ลินลี่ย์และเซียนอีกสามคนตกใจ

“เทพสงครามเตรียมจะก่อสงครามใหญ่หรือ?”  ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจกับตนเอง

เสียงนุ่มนวลลอดออกมาจากหน้ากากของมหาพรต  “เทพสงครามกับข้ามาเพื่อตกลงกันควรมีเพียงสามจักรวรรดิใหญ่ที่คงเหลืออยู่ในทวีปยูลาน นั่นคือ จักรวรรดิโอเบรียนจักรวรรดิยูลาน และจักรวรรดิบาลุค  พูดอีกอย่าง..ได้เวลาทำสงครามควบรวมทวีปยูลานทั้งหมดแล้ว”

ลินลี่ย์ เฟน เดลี่และถูลี่ แม้จะตกใจอยู่ภายในแต่ภายนอกยังคงแสดงความสงบ

“ลินลี่ย์ เจ้ามีความคิดว่าไงบ้าง?  เจ้าถือว่าเป็นตัวแทนของจักรวรรดิบาลุค”

ลินลี่ย์นิ่งเล็กน้อย

“นี่เป็นข่าวดี ข้าไม่คัดค้านเป็นธรรมดา”

ลินลี่ย์พูดต่อทันที “ถ้าเราสามจักรวรรดิใหญ่ร่วมกำลังกัน ก็ไม่ยากจะทำลายประเทศอื่น เพียงแต่ข้าเชื่อว่าพวกท่านเทพสงครามและท่านมหาพรตร่วมกำลังกันก็สามารถทำงานเช่นนี้ให้สำเร็จได้ ทำไมท่านต้องเชิญเราเหล่าเซียนมาด้วยเล่า? ข้าไม่เข้าใจตรงนี้”

เทพสงครามและมหาพรตอาจจะเห็นแก่หน้าเขาจึงได้เชิญเขามาด้วย  แต่ทำไมถึงได้เชิญเดลี่ ถูลี่และเฟนมาด้วยเล่า?

“เป็นเรื่องง่ายๆ” ซีซาร์ที่อยู่ใกล้ๆ อารมณ์ร่าเริงมีแววกระตือรือร้นในตาของเขา  “เทพสงครามและมหาพรตไม่ต้องการลงมือ  พวกเขาต้องการให้พวกเจ้าลงมือ”

เทพสงครามอดปรายตาไปที่ซีซาร์ไม่ได้  แต่ซีซาร์เพียงแต่หัวเราะคิกคัก

“เราไม่ต้องการพัวพันในสงคราม”  เทพสงครามยืนยัน เสียงที่ทรงอำนาจดังขึ้น  “เราต้องบอกเจ้าบางอย่าง ลอร์ดเบรุตมีคำสั่งมาว่าในช่วงเวลาสามวัน เราสี่เทพจะไปยังสุสานเทพเจ้ากันหมด”

“ไปสุสานเทพเจ้า?” ลินลี่ย์ เดลี่และยอดฝีมืออื่นทุกคนรู้ว่าครั้งล่าสุดมีแต่เพียงเซียนที่เข้าสุสานเทพเจ้า ขณะที่ระดับเทพไม่ได้เข้าไปด้วย

เซียนต้องการได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น  ขณะที่เทพสงครามต้องการได้ประกายเทพชั้นกลาง

“อีกสามวัน?  ทำไมลอร์ดเบรุตถึงไม่ให้พวกท่านเข้าสุสานเทพเจ้าพร้อมกับเรา?มีเหตุผลพิเศษอะไรไหม?”  ลินลี่ย์ถาม

ไดลินที่อยู่ใกล้ๆ แค่นเสียง  “ไม่มีอะไรพิเศษ  เหตุผลเพียงเพราะลอร์ดเบรุตสั่งก็เท่านั้น”

ลินลี่ย์งง

แค่เพราะลอร์ดเบรุตสั่ง?

“พอแค่นั้นเถอะ” เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น “การยุบประเทศอื่นเป็นแค่เพียงเรื่องเล็ก ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสี่สามารถรับมือได้ เอาอย่างนี้เป็นไง... ลินลี่ย์ ถูลี่ เดลี่ พวกเจ้านำกองกำลังไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัสและทำลายเสีย”

“ขณะที่ศิษย์สายตรงของวิทยาลัยเทพสงครามของข้าและศิษย์สายตรงของมหาพรต พวกเขาจะร่วมมือกันทำลายสำนักงานใหญ่ของลัทธิเงา”

เทพสงครามชำเลืองมาลินลี่ย์ที่ด้านข้าง  “อย่าบอกข้านะว่า เจ้าทำไม่ได้”

“ข้าจะยินดีมากที่ได้จัดการกับศาสนจักรเจิดจรัส”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะพูด  “แต่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัสมีวงเวททรงพลังขนาดใหญ่นามว่า”ศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัส“คุ้มกันอยู่ ข้าคิดว่าแค่อาศัยพลังเซียนอย่างเดียวเราพบว่ามันทำลายได้ยากลำบาก”

ไดลินที่อยู่ใกล้ๆ พูดอย่างดูแคลน  “ศิริมหาเทพเจิดจรัสน่ะหรือ? ใช่เลย,พลังของวงเวทใหญ่นั่นนับว่าไม่เลว ตอนนั้นมันสามารถป้องกันพลังโจมตีของข้าได้  เซียนคนเดียวไม่สามารถทำลายมันได้แน่  แต่ลินลี่ย์, ถ้าพวกเจ้าเหล่าเซียนสักสิบคนโจมตีอย่างเต็มกำลังพร้อมกัน..บางทีอาจไม่ใช่ครั้งเดียว อาจไม่ใช่สองครั้งแต่ในที่สุดพวกเจ้าจะสามารถทำลายศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัสได้”

ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน

ก่อนหน้านั้นศาสนจักรเจิดจรัสกลัวว่าลินลี่ย์จะนำสี่เซียนโจมตีเกาะศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นพวกเขาจึงให้ลินลี่ย์ลงชื่อตกลงว่าถ้าเขาจะไปเกาะศักดิ์สิทธิ์  ก็จะต้องไปตามลำพัง

แต่ข้อตกลงเก่านั้น ลินลี่ย์ ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาได้ล้มเลิกไปแล้ว

มหาพรตแคทเธอรีนพูด “ความจริงถ้าเซียนจอมเวทสายธาตุลมสามคนร่ายเวทคมมีดมิติพร้อมกันและโจมตีตำแหน่งเดียวกันก็เพียงพอจะทำลายศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัสได้แล้ว”

“ถ้าเจ้าสามารถทำลายนักสู้ระดับเซียนของคู่ต่อสู้  ผลการสู้รบจะได้ผลสรุปล่วงหน้าตั้งแต่การต่อสู้จะเริ่มเสียอีก” เทพสงครามพูดอย่างเย็นชา “ในผลสงครามจำกัดจำนวนประเทศ เมื่อเวลามาถึงการใช้งานกองกำลังระดับเซียนของเจ้าและการคุกคามคู่ต่อสู้  ข้าเชื่อว่าการรบครั้งนี้จะได้ผลสรุปอย่างรวดเร็ว”

ลินลี่ย์ เดลี่ เฟน และถูลี่ได้แต่หัวเราะในใจ

สำหรับพวกเขาการสู้รบในทวีปยูลานไม่มีอะไรมากไปกว่าการละเล่นของพวกเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทพสงครามและมหาพรตเข้าร่วมในกองกำลัง

และความจริงเมื่อยอดฝีมือระดับสูงสุดของศาสนจักรเจิดจรัสและของลัทธิเงาถูกทำลายผลของสงครามจะชัดเจนสำหรับทุกคน

“ท่านเทพสงคราม ข้ามีข้อสับสนเล็กน้อย”  ลินลี่ย์พูดขึ้น “ทำไมท่านถึงลากเวลาจนยาวนานขนาดนี้แทนที่จะเริ่มต้นมานานแล้ว?  ข้าคิดว่าถ้าท่านและท่านมหาพรตร่วมกองกำลังท่านสามารถแบ่งออกเป็นสองจักรวรรดิไปนานแล้วทั้งที่การแบ่งโลกขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง”

เทพสงครามและมหาพรตชำเลืองมองกัน

ไดลินหัวเราะอย่างน่ากลัว “นั่นง่ายมาก เวลานั้น ข้ายังไม่มาถึงทวีปยูลานและซีซาร์ยังไม่บรรลุระดับสูง ในสังคมมนุษย์ทวีปยูลาน มีเทพอยู่เพียงสอง สองเทพมักจะเป็นฝ่ายตรงกันข้าม แล้วพวกเขาจะร่วมกองกำลังได้ยังไง?”

“สำหรับเหตุผลที่พวกเขาร่วมกำลังกันตอนนี้เหตุผลแรกเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองในตอนนี้รู้สึกว่าการรวมทวีปยูลานภายใต้กฎเกณฑ์ของพวกเขาเป็นเรื่องสิ้นหวังแล้วดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งโลกออกเป็นสามส่วนแทน เหตุผลที่สองเป็นเพราะตอนนี้พวกเขารู้สึกกดดัน สำหรับเหตุผลที่พวกเขากดดันเจ้าไปค้นหาเอาเอง”  ไดลินกล่าว

ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความคิดหนึ่ง “เทพสงครามและมหาพรต..รู้สึกว่าการรวบทวีปเป็นเรื่องสิ้นหวังในตอนนี้?เป็นเพราะข้า?”

ลินลี่ย์เข้าใจทันที

ประการแรกทั้งหมดเกี่ยวกับการเป็นเทพ  เทพสงครามและมหาพรตควรจะรู้เรื่องนี้ดี  ประการที่สอง เขาได้ประกายศักดิ์สิทธิ์จากในสุสานเทพเจ้าและสามารถสร้างกลุ่มเทพชั้นต้นได้..และส่วนที่สำคัญที่สุดในประการที่สาม  ความสัมพันธ์ระหว่างบีบีกับเบรุตสามจุดนี้เป็นไปไม่ได้ที่เทพสงครามหรือมหาพรตจะทำเหมือนกับลินลี่ย์เป็นศัตรู

“สิบแปดแคว้นอิสระตอนเหนือและสหภาพศักดิ์สิทธิ์จะเป็นของจักรวรรดิโอเบรียนข้า”เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น

เทพสงครามมองดูลินลี่ย์ “จักรวรรดิโรฮอลท์และทุ่งราบตะวันออกไกลจะเป็นของจักรวรรดิบาลุคของเจ้า”

“ขณะที่ส่วนที่เหลือ พันธมิตรมืดและจักรวรรดิไรน์จะเป็นของจักรวรรดิยูลานทั้งหมด” มหาพรตที่อยู่ใกล้ๆ พยักหน้าเล็กน้อย

“ลินลี่ย์, เจ้ามีอะไรจะคัดค้านไหม?”  เทพสงครามและมหาพรตมองดูลินลี่ย์

ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะในใจอย่างช่วยไม่ได้

จากคำพูดและทัศนคติของเทพสงครามและมหาพรต  เขารู้สึกได้..ว่าเทพสงครามและมหาพรตไม่ได้ปฏิบัติต่อสงครามที่จะมีมาเหมือนเป็นกิจการใหญ่และความจริง นี่ไม่ใช่สงครามที่จะมีผลเป็นอื่นไปได้ยอดฝีมือระดับพวกเขาไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนั้น

“ไม่คัดค้าน, แน่นอน ข้าไม่มีอะไรจะคัดค้าน” ลินลี่ย์จะพูดอะไรอื่นได้อีกเล่า?

ถ้าอย่างนั้นก็ว่าตามข้อตกลงนี้  ทวีปยูลานจะแบ่งออกเป็นสามส่วน

“ตกลงตามนี้” เทพสงครามพยักหน้าพอใจ  “ลินลี่ย์เจ้าก็ควรจะรู้นะว่าความจริงเรื่องอำนาจโลกๆ ไม่มีความหมายสำหรับพวกเรา  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือระดับการฝึกฝนของเจ้าเอง  ลินลี่ย์,  ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะกลายเป็นระดับเทพอีกในราวสิบปี”

ลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่าทัศนคติที่เทพสงครามมีต่อเขาตอนนี้ให้ความสำคัญกับเขาเหมือนเป็นคนในระดับเดียวกัน

ที่สำคัญ ในช่วงสั้นๆ สิบปี เมื่อเวลาที่เทพสงครามกลับมาลินลี่ย์อาจจะกลายเป็นระดับเทพไปแล้ว

ไดลินที่อยู่ใกล้ๆ พูดอย่างเคร่งขรึม  “แต่ก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น  ข้าต้องเตือนเจ้าสักสองสามเรื่อง  มิฉะนั้น ถ้าเจ้าทำผิดพลาดไปอย่างโง่ๆ  จะเกิดเรื่องน่ากลัวกับเจ้า”

ลินลี่ย์ตั้งใจฟันอย่างระมัดระวังทันที และแม้แต่เดลี่และคนอื่นที่อยู่ใกล้ล้วนให้ความสนใจทันที

“การอาศัยพลังของเจ้าเองเพื่อกลายเป็นเทพและหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์เพื่อกลายเป็นเทพต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อระดับความเข้าใจกฎธรรมชาติของเจ้าไปถึงระดับที่แน่นอน  จักรวาลจะสร้างประกายศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับธรรมชาติวิญญาณเจ้าและประกายนี้จะเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าอย่างสมบูรณ์”

“เมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าถูกสร้าง  เจ้าจะเผชิญกับตัวเลือกอย่างหนึ่ง”  ไดลินมองลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม  “หลังจากประกายศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างเจ้าจะมีเงื่อนไขให้เลือกสองอย่างคือหนึ่งหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์เข้าในใจเจ้าและทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณเจ้าเวลานั้นร่างของเจ้าจะเปลี่ยนไปเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์

“การหลอมรวมวิญญาณกับประกายศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ร่างของเจ้าเปลี่ยนเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์  ถ้าประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นสายธาตุดิน  อย่างนั้นในอนาคตเจ้าจะฝึกได้แต่เพียงกฎธรรมชาติธาติดิน ไม่สามารถฝึกอย่างอื่นได้”

“แต่ว่าแน่นอน หลังจากกำเนิดประกายศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังคงมีเงื่อนไขตัวเลือกที่สอง!”

“เงื่อนไขนั้นก็คือไม่หลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์เข้าในร่างของเจ้าปล่อยมันไว้ด้านนอกแทน ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น  อย่างนั้นจักรวาลจะสร้างร่างที่สองตามธรรมชาติของประกายศักดิ์สิทธิ์  ร่างเดิมของเจ้าจะไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย  กล่าวอีกอย่างหนึ่ง..เจ้าจะมีร่างจำลองของตนเอง ร่างจำลองของตัวเจ้าจะเป็นเทพชั้นต้น  ขณะที่ร่างเดิมของเจ้ายังสามารถฝึกฝนกฎธาตุอื่นได้อีกต่อไป!”

ไดลินกล่าวอย่างจริงจัง “อย่างไรก็ตาม ยังมีคุณค่าราคาสำหรับทางเลือกที่สองด้วยเช่นกัน  วิญญาณของเจ้าจะถูกแบ่งออกเป็นสองระหว่างกระบวนการกลายเป็นเทพพลังงานแปลกประหลาดของจักรวาลจะปกป้องเจ้าในระหว่างนั้น ดังนั้นวิญญาณของเจ้าจะถูกแบ่งครึ่งและถูกควบคุมตามกระบวนการ  และเจ้าจะไม่ตายจากนั้น  อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างจะเป็นอันตรายต่อวิญญาณเจ้า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด