ตอนที่ 50 : ชำระสัมผัสจิต
ชูคงประทับใจกับพลังที่หลินมู่ได้มาจากแหวน เพียงแค่สองพลัง ‘พริ้วไหว’ และ ‘ก้าวพริบตา’ นี้ก็มากพอแล้วที่คนจะแข็งแกร่งได้ด้วยตัวเอง
แม้ว่าสองพลังนี้จะเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย สองพลังนี้ต้องใช้แนวคิดระดับสูงจากกฎมิติ ผู้บ่มเพาะทำได้แค่เข้าใจกฎเบื้องต้นเมื่อถึงขอบเขตย่างวิถีและสร้างตัวอ่อนวิถีขึ้นมาได้เท่านั้น
แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บ่มเพาะพลังจะเข้าใจกฎมิติแม้เพียงเล็กน้อย เพราะมันเป็นหนึ่งในวิถีระดับสูงที่ซับซ้อนที่สุด
ในตอนนี้ชูคงคิดว่าแหวนลึกลับวงนี้ทำงานเช่นใด แหวนทำงานโดยการถ่ายทอดและเร่งให้หลินมู่ควบคุมกฎมิติได้ เขายังรู้สึกด้วยว่าแหวนนั้นจะส่งมอบพลังมาให้ตามความสามารถของหลินมู่
ส่วนพลังในการเปิดรอยแยกมิติ ชูคงเข้าใจในตอนที่เขาเริ่มดูดซับพลังมิติบริสุทธิ์จากแหวน กับของที่ผลิตพลังมิติบริสุทธิ์เช่นนี้ออกมาได้ การเปิดจุดที่อ่อนแอของมิตินั้นไม่ต่างจากของเด็กเล่น มันยิ่งง่ายสำหรับแหวนที่จะย้ายไปยังที่ใดและยึดพื้นที่ใด
เมื่อหลินมู่เล่าเรื่องรอยแยกมิติที่แตกต่างจากรอยแยกอื่นให้ชูคง เขาก็อธิบายว่าเพราะเหตุใด
รอยแยกมิติที่รู้สึกเหมือนวารีนั้นคือประตูสู่มิติที่ต่ำกว่า ส่วนที่รู้สึกเหมือนแม่น้ำไหลนั้นคือช่องทางเคลื่อนย้ายที่ถูกสร้างโดยค่ายกลเคลื่อนย้าย
ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกใช้เพื่อการเดินทางระยะไกลและการขนส่ง สิ่งของและผู้คนสามารถเดินทางระยะไกลได้ในระยะเวลาอันสั้นด้วยค่ายกลประเภทนี้
และค่ายกลที่หลินมู่ได้เจอจนถึงตอนนี้ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็กที่ใช้ขนย้ายสิ่งของ และหลินมู่ก็เข้าถึงมันมาสองครั้งในตอนที่เขาได้ขโมยโอสถฟื้นฟูสี่สายโลหิตและศิลาจิตมาจากคนที่เขาไม่รู้
เรื่องดีก็คือคนที่ใช้ค่ายกลนั้นส่งของไม่รู้ว่าผู้ใดขโมยไป
“คนที่เป็นเจ้าของของพวกนั้นจะตามล่าข้ารึเปล่า?”
หลินมู่ถามด้วยความกังวล
“เป็นไปไม่ได้ การส่งของพวกนั้นผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นับว่าปลอดภัย แต่มันก็มิได้ไร้ที่ติ หากเกิดอุบัติเหตุหรือความปั่นป่วนในช่องทางมิติ มันย่อมทำให้ของนั้นหายไปในมิติ”
ชูคงตอบ
หลินมู่รู้สึกโล่งใจเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องคอยระแวงว่าเจ้าของสิ่งของเหล่านั้นจะมาเอาคืนเขา
“ลองใช้สองพลังที่เจ้าได้จากแหวนให้ข้าดูหน่อย ข้าอยากจะเห็นความชำนาญของเจ้า”
ชูคงสั่ง
หลินมู่พยักหน้าตอบและสาธิตการใช้ ‘พริ้วไหว’ ก่อน เขาใช้มันขณะที่ยืนอยู่กับที่และจากนั้นก็แสดงความสามารถในการทำให้ร่างกายของเขาทะลุผ่านได้ เขาถือดาบสั้นและลองควบคุมวิชาให้ดู
“ต่อไป”
ชูคงพูด
หลินมู่สูดหายใจเข้าลึกและใช้ ‘ก้าวพริบตา’ เขาหายตัวจากจุดที่ยืนอยู่และปรากฏตัวในอีกตำแหน่งที่ห่างออกไป 10 เมตร
“พอแล้ว”
ชูคงพูด
“ได้เลยท่าน”
หลินมู่ตอบ
ชูคงเงียบไปหนึ่งนาทีขณะที่เขาใช้ความคิดและพูดออกมาอีกครั้ง
“เจ้าต้องเพิ่มความแม่นยำในตอนที่ใช้พริ้วไหว ถ้าเจ้าใช้มันเพื่อหลบการโจมตี เจ้าจะต้องรู้จังหวะที่พอดีในการใช้มิเช่นนั้นเจ้าจะเจ็บตัว”
ชูคงพูดและหยุดพัก
“ส่วนก้าวพริบตา เจ้าใช้มันได้ไม่ดีนัก เจ้าต้องเข้าใจพลังที่แท้จริงของมันและจากที่ข้าเห็น เจ้าทำได้แค่เคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งที่เจ้าเห็น นี่คือข้อผิดพลาดแรกที่เจ้าต้องแก้ไข”
ชูคงตำหนิ
หลินมู่รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องฝึกการใช้พริ้วไหวให้ถูกจังหวะ แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะใช้ก้าวพริบตาได้เลวร้ายถึงเพียงนี้
“เช่นนั้นข้าจะแก้ไขมันได้อย่างไรรึ?”
หลินมู่ถาม
“เหตุผลที่เจ้าเคลื่อนย้ายไปข้างหลังตัวเจ้าไม่ได้ก็เพราะเจ้ายังไม่ได้เรียนรู้ความสามารถพื้นฐานที่สุดของผู้บ่มเพาะพลัง เจ้ายังไม่ได้ชำระล้างสัมผัสจิตเลย”
ชูคงตอบ
หลินมู่เคยได้ยินเรื่องสัมผัสจิตมาก่อนที่ชูคงจะพูดถึง จากนั้นชูคงก็พูดถึงการมองไม่เห็นที่เป็นเพราะไร้สัมผัสจิต
“เจ้าคิดว่าสัมผัสจิตเป็นอวัยวะเพิ่มของเจ้าก็ได้ เจ้าจะใช้มันสัมผัสและรู้สึกถึงสภาพแวดล้อม เจ้าจะได้ ‘เห็น’ โดยที่ไม่ต้องใช้ดวงตาจากสัมผัสจิต ข้าไม่โทษที่เจ้าไม่รู้วิธีใช้มัน เพราะเจ้าคงเข้าใจถ้าเจ้าใช้วิชาบ่มเพาะอื่น แต่สถานการณ์พิเศษของเจ้าได้เปลี่ยนแปลงเรื่องสามัญไป”
ชูคงพูด
ชูคงรอจนกระทั่งหลินมู่เข้าใจคำพูดของเขาและพูดต่อ
“ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้าฟังคำพูดข้าด้วยความตั้งใจเต็มที่”
“อย่างแรก หลับตาและเพ่งสมาธิและพลังปราณในตันเถียนของเจ้า”
“จากนั้นนำทางเสี้ยวพลังปราณออกจากร่างกายและให้มันลอยรอบกายเจ้า”
หลังจากพูดถึงตรงนี้ ชูคงหยุดและปล่อยให้หลินมู่ฝึก
หลินมู่ต้องลองหลายครั้งก่อนที่จะจับทางได้และควบคุมพลังปราณให้ลอยรอบตัว จากนั้นไม่กี่นาทีหลินมู่ก็พบว่าเป็นเรื่องง่ายดายนั่งกระดิกนิ้ว ขณะที่ฝึกนั้น ชูคงคอยสังเกตหลินมู่อย่างใกล้ชิด และเมื่อหลินมู่เรียนรู้ได้แล้ว เขาก็อธิบายต่อ
“ค่อย ๆ ขยายอาณาเขตเสี้ยวปราณไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าทำได้ จากนั้นก็หยุดและยื้อเอาไว้ในตอนที่เจ้าดันมันออกไปไม่ได้อีก จากนั้นก็ให้เสี้ยวปราณรอบตัวเจ้าหมุนเป็นวงกลม”
ชูคงพูด
หลินมู่ขยายเสี้ยวพลังปราณและหยุดเมื่อทำได้ระยะหนึ่งเมตร จากนั้นเขาก็ปล่อยให้เสี้ยวพลังหมุนรอบตัว หลินมู่ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าที่การเชื่อมโยงของเขากับเสี้ยวปราณจะคงที่และไม่ใช้ความพยายามมากมายในการควบคุม
ชูคงพยักหน้าในใจเมื่อได้เห็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของหลินมู่
‘ตอนนี้เขาได้เปรียบในเรื่องของการชำระสัมผัสจิตแล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะคิดถูกที่ไม่บอกให้รอจนกว่าปราณจะกลายเป็นวารี’
ชูคงคิด
‘ต่อให้ข้าทำ เขาก็ต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะเมื่อันเถียนใหญ่กว่าคนทั่วไปมาสองเท่าแล้ว และข้าไม่คิดว่ามันจะหยุดขยายต่อไปด้วย’
ชูคงครุ่นคิด
จากนั้นชูคงจึงสอนหลินมู่ในขั้นต่อไปของการชำระล้างสัมผัสจิต
“เอาล่ะ รักษาความเชื่อมโยงของเสี้ยวพลังปราณและนำทางพลังปราณออกมาจากตันเถียนอีก ถ้ามันออกมาวนรอบตัวเจ้าเมื่อใด เจ้าก็ทำซ้ำขั้นตอนเดิม แต่สุดท้ายข้าอยากให้เจ้าเชื่อมต่อสองเสี้ยวพลังจิตเข้าด้วยกัน”
ชูคงพูด
หลินมู่ทำขั้นตอนเดิมซ้ำ แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาจะเชื่อมต่อสองปราณเข้าด้วยกัน เขาก็ตระหนกและสูญเสียการควบคุม พลังปราณทั้งสองสลายไปในอากาศ หลินมู่หายใจหอบแรง
“พักซักหน่อยแล้วค่อยลองอีก‘
ชูคงปลอบ
ทันใดนั้นเอง หลินมู่รู้สึกว่าท้องร้องและเพิ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้กินอะไรมานานมาก ซึ่งเป็นเวลาตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่มหามิติและเขามิอาจบอกได้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด เมื่อเขามองดูพระอาทิตย์ก็เห็นว่ามันต่ำลงกว่าตอนที่เขาจากไป เขาคิดว่าเขาน่าจะใช้เวลาทั้งวันในมหามิติ
หลินมู่เรียกเนื้อสัตว์ออกมาจากแหวนและทำอาหารบนเตา ชูคงเห็นปริมาณเนื้อที่เขาทำแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนกระทั่งชูคงได้เห็นว่าหลินมู่กินเนื้อทั้งหมดจนหมด
‘ดูเหมือนว่าความหิวโหยประหลาดนั่นจะเกี่ยวของกับการเติบโตของตันเถียน เขารู้เรื่องนี้รึเปล่านะ’
ชูคงคิด
“หลินมู่ เจ้ากินอาหารปริมาณเท่านี้ทุกครั้งเลยรึ?”
ชูคงถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่นะ ข้ากินตามปกติในตอนที่ข้ามีร่างกายขั้น 2 แต่ตั้งแต่ที่เจอแหวนและพลังเพิ่มขึ้น ข้าก็ยิ่งหิวโหยมากขึ้นไปเรื่อย ๆ‘
หลินมู่อธิบาย
‘อืม ข้าคิดถูกสินะ แหวนกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงสถานะของร่างกายเขาไปด้วย’
ชูคงยืนยันความคิดตัวเอง
หลังจากที่หลินมู่กินอาหารจนหมด เขาก็ดูดซับพลังชีวิตและกลับมาฝึกตนใหม่ ครั้งนี้เขาสามารถเชื่อมพลังปราณทั้งสองให้อยู่ด้วยกันได้แล้ว จากนั้นสองปราณก็ได้กลายเป็นเส้นพลังปราณเล็ก ๆ
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจขั้นตอนแล้ว ที่ต้องทำต่อไปคือการเพิ่มเสี้ยวพลังปราณไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันเป็นเส้นยาวที่เชื่อมต่อจากร่างกายเจ้า”
ชูคงพูด
หลินมู่ตกใจกับสิ่งที่ชูคงบอกให้ทำ แต่เขาก็เสริมจิตใจตัวเองด้วยความแน่วแน่ ความมุ่งมั่นฉายผ่านแววตาหลินมู่ขณะที่เขาฝึกฝนขั้นตอนเหล่านั้น
ท้องนภามืดมิด จันทราโผล่เล็กน้อยจากเมฆา หลินมู่ผู้เหนื่อยล้ามีเหงื่อเต็มกาย แต่แทนที่จะดูเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าเขากลับมีความยินดีอยู่ หลังจากความพยายามนับครั้งไม่ถ้วนในสิบชั่วโมง หลินมู่ก็สามารถเชื่อมต่อพลังปราณทุกเสี้ยวได้สำเร็จ
พลังปราณในตอนนี้ไม่ดูเหมือนกับเส้นบางอีกแล้ว มันดูเหมือนกับเส้นเอ็นหนา หลินมู่เพิ่งจะทำอีกเรื่องที่ทำให้นิกายใหญ่ต้องตกตะลึง!