ตอนที่แล้วตอนที่ 331 ข้าต้องการชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 333 หวงฝู่หง

ตอนที่ 332 อาเฮ่อคาดไม่ถึง


แสงเงินแพรวพราวเหมือนกับทะเลดวงดาวคลี่กระจายอยู่ในท้องฟ้า  ดวงตาของหย่งเซียนจงแทบถลน

นั่นทำให้หย่งเซียนจงตะลึง มีคนที่สามารถสร้างรังสีหอกแพรวพราวขนาดนั้นได้ด้วยหรือ!

กว่างอู๋ที่ไม่ได้ป้องกันตัวมองดูขณะที่แสงเงินครอบคลุมเต็มสายตาเขา  แต่เขาเป็นคนที่ห้าวหาญมาก  ไม่เพียงแต่ไม่กลัวเท่านั้น  แต่กลับกระตุ้นนิสัยดุร้ายของเขาและด้วยเสียงคำราม รังสีดาบสีแดงโลหิตกลายเป็นเข้มข้นกว่าเดิม

ปัง!

กวางอู๋รู้สึกว่าพลังที่น่าทึ่งพุ่งผ่านมาตามตัวดาบของเขา  มือของเขารู้สึกร้อนลวกทันทีและเขาแทบจะโยนดาบทิ้ง  เขาครางและจับดาบแน่นขึ้น  ตัวของเขาลอยสูงขึ้นไปตามแรงเฉื่อยปะทะของพลัง

หลิงซิ่วไม่ได้อยู่ในสภาพดีเช่นกัน พลังโจมตีของศัตรูใช้พลังแรงโน้มถ่วงและร่างของเขาก็รับพลังนั้นด้วยเช่นกัน

เขาและนกฟลามิงโกเป็นเหมือนลูกตุ้มที่ถูกค้อนหนักหวดใส่  พวกเขาถูกกระแทกตรงเข้าไปในเนินทรายและภายใต้พลังโจมตีที่แข็งแกร่งกร้าวเนินทรายครึ่งหนึ่งถูกเป่ากระจายทันทีทำให้อากาศโดยรอบฟุ้งไปด้วยฝุ่นทราย

กว่างอู๋ประคองร่างและลอยตัวลงมา แม้ว่าเขาจะใช้แรงโน้มถ่วงช่วยเพิ่มพลังโจมตีของเขา  แต่มันเป็นวิธีโจมตีที่อ่อนและใช้ไม่ได้ผลเมื่อเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวกลางอากาศ ไม่มีการยืมพลังโน้มถ่วงช่วยโจมตีและเพียงสลับการโจมตี ก็เกิดประกายไฟขึ้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาหรี่ตา  ขณะที่เขามองดูหลิงซิ่ว  เขาแค่นเสียง “เด็กน้อย, ประกาศนามมา!  เราผู้เฒ่าไม่ฆ่านักสู้นิรนาม!”

บุรุษหนุ่มผู้มีหอกเงินต่อหน้าเขาทำให้เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย

ม่านตาสีแดงเพลิงของหลิงซิ่วถูกพลังโจมตีของกว่างอู๋กระตุ้นและความอยากสู้ในอกของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงที่สุด ทำให้เขาคร้านจะตอบคำถาม  เขาคำราม... “ข้าจะฆ่าเจ้า”

พร้อมกันนั้นฟลามิงโกพุ่งออกไปเหมือนกับลูกธนูหลุดจากแล่งตรงเข้าหากว่างอู๋

กว่างอู๋สะดุ้งกับคำพูดของหลิงซิ่วที่ว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า”และโกรธจัดจนไฟแทบไหม้ เจ้าบัดซบนี่หมายความว่าเขาเองเป็นนักสู้นิรนามหรือ?  กว่างอู๋มีชื่อเสียงมานานสามสิบปีและผ่านการต่อสู้มาเกินร้อยศึกในกลุ่มดาวนับไม่ถ้วน  และเลือดคนที่พ่ายแพ้เขารวมกันแล้วแทบเป็นแม่น้ำโลหิต  ผู้คนมีแต่จะกลัวเขา ไม่ว่าจะเป็นทั้งที่ชอบหรือต้องการฆ่าเขาก็มี  แต่ไม่เคยมีใครเห็นว่าเขาเป็นนักสู้นิรนาม

นักสู้นิรนาม!

กว่างอู๋โกรธ เขากัดฟันและด่าทออย่างกราดเกรี้ยว “เด็กน้อย  วันนี้เจ้าตายแน่,  ข้าจะหั่นเจ้าให้เป็นแปดท่อนเลย คอยดู”

หลิงซิ่วกำลังวิ่งตรงเข้าหากว่างอู๋โน้มตัวทันทีท่ามกลางเสียงลมแหวกอากาศ เขาพูดอย่างเย็นชา “งี่เง่าชะมัด”

เพียงแค่นั้น ฟลามิงโกเพิ่มน้ำหนักฝีเท้าของมันทันทีและความเร็วของมันเพิ่มขึ้นทันใด

ในเปลวบอลเพลิง ชุดขาวลายขลิบทองลอยล่องผมสีเงินสะบัดพัดตามสายลม

ปลายหอกเข้ามาใกล้กว่างอู๋ทุกที

กว่างอู๋โกรธเกรี้ยวหัวเราะและตวาด “ตาย!”

ดาบใหญ่ในมือของเขาตวัดฟันจากด้านล่างทันที

ดาบของเขาดูเหมือนช้ามาก แต่ความจริงน้ำหนักเป็นหมื่นชั่งและรังสีแดงรอบดาบก็สีเข้มข้นจนดูเหมือนจริง  รังสีดาบแดงหมุนวนเหมือนเลือดมีชีวิตมีกลิ่นอายชั่วร้ายแปลกประหลาด  กลิ่นของมันทำให้คนแทบสำลัก

รังสีเงินแตกระเบิดกว้างอีกครั้ง

แสงรังสีเงินและแดงปะทะกันทำให้เกิดประกายนับไม่ถ้วนหลากสีสันดูสวยงาม

ทั้งสองฝ่ายส่งเสียงครางพร้อมกัน

กว่างอู๋มีประสบการณ์ต่อสู้มากมายและเมื่อพลังเก่าของคู่ต่อสู้กำลังจะขาดตอนและเตรียมจะปล่อยพลังท่าครั้งต่อไป  เขารู้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเขา  นั่นเป็นตรรกะที่ทุกคนรู้  แต่น้อยคนนักที่จะใช้ได้เพราะทั้งสองฝีมือพอกันและมุ่งหน้าปะทะกัน ฝ่ายตรงข้ามก็อยู่ในอาการเดียวกับเขา อย่างไรก็ตาม กว่างอู๋เป็นนักสู้ที่สามารถเก็บฉวยโอกาสที่เขาเห็นเนื่องจากเขามีความลับในการฝึกฝนพลังทางจิตของเขา “พลังชะตาร้าย”

การปะทะกันอย่างรุนแรงทำให้ปราณแท้ที่แต่เดิมเคลื่อนที่ได้เร็วต้องเกิดอาการชะงักงันกว่างอู๋ฝึกพลังจิต “ชะตาร้าย”มาทำให้เขาถอยได้ขณะที่เขาไม่สามารถรุกหน้าได้ด้วยพลังโจมตีของเขา

วิชา “ชะตาร้าย” ได้แต่เพียงรักษาขอบเขตไว้น้อยที่สุดดังนั้นจึงสิ้นเปลืองน้อยมาก แต่ในชั่วขณะนั้นก็นับว่าเพียงพอ

นั่นคือเหตุผลที่กว่างอู๋ดีใจเมื่อปะทะกัน

แต่เมื่อร่างของกว่างอู๋ชะงักทันที  หน้าของเขาเหมือนมีรอยเลือดทันที และร่างที่แข็งของเขากลับกลายเป็นคล่องแคล่วทันทีดาบโลหิตในมือของเขาเบาเหมือนกระดาษฟันใส่คอของหลิงซิ่ว

หลิงซิ่วสีหน้าเปลี่ยน เขาคำรามและถอยอย่างบ้าคลั่ง

ปลายดาบเย็นกวาดผ่านเข้ามาใกล้คอของเขาทำให้ผมของหลิงซิ่วตั้งชัน

ดาบของกว่างอู๋ที่เขาคิดว่าจะฟันผ่านไปได้พลันล้มเหลวทำให้เขาผงะถอยออกมา  แต่เขายังคงตื่นตัว  เมื่อเขาโจมตีล้มเหลว  เขาดึงตัวถอยออกมาโดยไม่ลังเลใจรอยเลือดบนหน้าของเขาหายไป และเขากลับคืนสู่สภาพปกติ

เมื่อเขาเห็นฟลามิงโกด้านล่างของหลิงซิ่ว  เขาก็เข้าใจ เหตุผลที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบได้เป็นเพราะอสูรจักรกล

เขาสงบใจลง ไม่ว่าอสูรจักรกลจะคล่องแคล่วมากเพียงไหน มันก็ไม่อาจเทียบกับนักสู้ได้

“ครั้งต่อไปเจ้าจะไม่โชคดีอย่างนั้นอีก” กว่างอู๋คำราม

*********************

อาเฮ่อและหย่งเซียนจงกลับเป็นภาพที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

“ข้าคืออาเฮ่อจากกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า”

หย่งเซียนจงจ้องดูอาเฮ่อและมีท่าทางชื่นชม  บุรุษหนุ่มชุดดำที่อยู่ต่อหน้าเขา  แม้ว่าเขาจะสวมชุดที่ขาดรุ่งริ่ง  แต่บุคลิกและมารยาทของเขาดูเหมือนจะมาจากตระกูลครอบครัวชนชั้นสูง

หย่งเซียนจงชะงักเล็กน้อย เขาเคยได้ยินชื่อกลุ่มดาวกระเรียนฟ้ามาก่อน  แต่นั่นเป็นกลุ่มดาวเล็ก หนึ่งในกลุ่มดาวที่อ่อนแอในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้

แต่หน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกอะไรและตอบกลับตามมารยาท  “ข้าหย่งเซียนจงจากกลุ่มดาวสุนัขเล็ก”

“กลุ่มดาวสุนัขเล็กจากสิบตำหนักระนาบกลางน่ะหรือ?”  อาเฮ่อประหลาดใจ  จากนั้นเขาคิด “ข้าสงสัยจริงว่า ท่านรู้จักอาจารย์เปียนหรือไม่?”

“อาจารย์เปียนเป็นอาจารย์ของข้า”  หย่งเซียนจงบอกตามตรง  ความเป็นมิตรและบรรยากาศรอบตัวของฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

อาเฮ่อมีสีหน้าแปลก

หัวใจของหย่งเซียนจงเต้นแรง  จากนั้นเขาถามทันที  “อาเฮ่อ, ท่านรู้จักอาจารย์เปียนด้วยหรือ?”

อาเฮ่อตอบตามตรงเช่นกัน “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อตอนข้ายังเด็ก  อาจารย์เปียนเคยอุ้มข้ามาก่อน แต่ข้าจำไม่ได้”

หย่งเซียนจงตกใจอย่างหนัก “อาจารย์เคยอุ้มเจ้ามาก่อนหรือ?”

“ข้าได้ยินมาอย่างนั้น  แต่ข้ายังเด็ก และไม่มีความทรงจำอยู่เลย”  อาเฮ่อส่ายศีรษะ

หย่งเซียนจงรู้สึกว่าตนเองโกรธขึ้นมาทันที  อาจารย์ไม่ชอบยุ่งกับเด็กน้อย  ดังนั้นทำไมเขาถึงอุ้มเด็กด้วย?  หรือว่าเขากำลังยั่วเรา?  แต่เขาไม่กล้ายืนยันจะเป็นยังไงถ้าเป็นเรื่องจริง? อะไรจะเกิดขึ้น?

คงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

เขาปาดเหงื่อและถาม “ขอถามได้ไหมว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อใด?”

อาเฮ่อเอียงศีรษะครุ่นคิด “ข้าว่าเมื่อตอนข้าอายุสามขวบนะ”

“และตอนนี้เจ้า...”

“โอว,ปีนี้ข้าอายุสิบแปด”

หย่งเซียนจงคำนวณในใจ นั่นก็คือสิบห้าปีที่แล้วเดี๋ยวก่อนสิบห้าปีที่แล้ว!  ราวกับถูกสายฟ้าฟาดความคิดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในใจของเขา

ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาถึงกับหลั่งเหงื่อโชก

เขาระล่ำระลักถาม“เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับราชินีแห่งกลุ่มดาวคนยิงธนู?”

“โอว, นางคือท่านป้าของข้า”  อาเฮ่อยอมรับตรงๆ

เหมือนกับว่าหย่งเซียนจงจะสะดุ้งในใจ  เขาควรจะคาดเดาได้เร็วกว่านี้ ทำไมจู่ๆราชินีถึงได้มีคำสั่งออกมากะทันหัน? เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว  อาจารย์ได้ออกเดินทางไปภายนอกครั้งหนึ่งและนั่นเป็นเพราะเขาได้รับเชิญให้มางานฉลองวันเกิดของราชินีโหวอี้เทียน

อาจารย์และราชินีมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง  และอาจารย์บอกเขาอยู่หลายครั้งหลายคราว่าถ้าเขาพบกับบริวารคนใดของราชินีตกอยู่ในความยุ่งยาก  เขาจะต้องยื่นมือช่วยพวกเขาแน่นอน

ถ้าอาจารย์รู้ว่าตัวเขาเองกำลังจะไปสังหารหลานชายของราชินีของดาวคนยิงธนูก็อาจทำให้ท่านสูญเสียความคิดที่จะมีชีวิตอยู่

ตลอดทั้งตัวเขามีเหงื่อโชก และกล้ามเนื้อทุกส่วนในตัวเขาแข็งชะงัก  เขากลัวจริงๆ

เขากำลังตื่นกลัว ถ้าเรื่องไปถึงหูอาจารย์ของเขา เขาคงถูกขังอยู่ใต้ภูเขาเป็นสิบปีแน่

หรือว่าข้าประเมินเวลาถูกลงโทษต่ำไป?

อาเฮ่อกระแอมเบาๆ “อากาศดีมาก และยังมีนักสู้ผู้กล้าต่อสู้กันทำไมไม่มีเหล้าเพิ่มบรรยากาศเล่า?”

หย่งเซียนจงมองรอยยิ้มไร้เดียงสาอย่างว่างเปล่า  เขาสั่นและมีปฏิกิริยาทันที “ใช่ ใช่ ใช่!เหล้า, จริงสิ  เหล้าก็ดีเหมือนกัน!”

คำพูดของเขาสะดุดไปสักพัก แต่เขาค่อยๆ สงบลง  “นั่นสินะข้าไม่ได้ทำอะไร” เขาโยนความคิดเรื่องพ่อตาและน้องภรรยาไว้เบื้องหลังยิ้มและดึงตู้ไม้ออกมาจากตู้ไม้ที่เก็บไว้ในตู้มิติอควาเรียส จากนั้นเขาเอาเหล้าอย่างดีออกมาและรินให้อาเฮ่ออย่างระมัดระวัง

“มีภาพที่งดงามอย่างนี้ได้พบกับอาเฮ่อเจ้า ข้าไม่เสียใจเลย...”

หย่งเซียนจงยกแก้วเหล้า ในใจเขาคิดว่านี่เป็นข้อแก้ตัวที่ดี

จู่ๆอาเฮ่อก็โพล่งออกมาขณะมองดูหย่งเซียนจงอย่างไม่มีท่าทีอันตราย  “พี่หย่ง, ท่านมีอะไรกินบ้างไหม?”

อาหาร...

หย่งเซียนจงยังคงยกแก้วเหล้าค้าง  และเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  แต่สายตาของอาเฮ่อดูเหมือนมีแววคาดหวัง ดังนั้นหย่งเซียนจงได้แต่อดกลั้นและหัวเราะ  “พี่ผู้โง่เขลาจะไม่เอาอาหารมาได้ยังไงในเมื่อพกเหล้ามาด้วย? ข้ามีอาหารอยู่บางส่วน...”

เขาเอาโต๊ะออกมาจากตู้เงินอควาเรียสและตั้งไว้ต่อหน้าอาเฮ่อ  และเพียงในพริบตาอาหารทั้งหมดถูกวางอยู่ต่อหน้าเขา สีหน้าอาเฮ่อมุ่งเน้นอยู่ที่น้ำผลไม้ต่อหน้าเขา  และเขาล้วงเอาตะเกียบออกมา

หย่งเซียนจงอึ้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้  และเขาอึ้งตะลึงทำอะไรไม่ถูก

อาเฮ่อหิวจัด เนื่องจากอดอยากมาเป็นเวลาห้าวัน เขาดิ้นรนอยู่ในหุบเขาสำเนียงทรายเผชิญหน้ากับอันตรายนับไม่ถ้วน  และอาหารแห้งของเขาหมดไปนานแล้ว

แม้ว่าด้วยความเจ็บปวดและหิว  อาเฮ่อก็ยังรักษาท่าทางสง่างามไว้  เขาสังเกตท่าทีที่อึดอัดของหย่งเซียนจงและอธิบาย  “ข้าขอโทษจริงๆ  ผู้น้องไม่ได้กินอะไรมาห้าวันแล้ว”

หย่งเซียนจงแทบหลั่งน้ำตาในทันใด เวรแล้ว...ถ้าอาจารย์รู้ว่าข้าเกือบฆ่าอาเฮ่อที่ไม่ได้กินอะไรมาห้าวัน......

ผลที่น่าสะพรึงกลัวที่ให้จิตวิญญาณนักสู้ของหย่งเซียนจงสั่นสะท้าน

หย่งเซียนจงเพิ่งหายตกใจถึงกับหน้าซีด  เขาระล่ำระลักพูดทันที  “ไม่ต้องห่วง, น้องเรา, ข้ายังมีอาหารอีกมากและยังปรุงให้เจ้าได้อีก”

“ข้าคงต้องรบกวนพี่หย่งแล้ว”  อาเฮ่อทำหน้าซาบซึ้ง และกล่าว  “เรามานั่งตรงนี้เถอะดูการต่อสู้ข้างหน้าสิ  น่าสนใจมากนะ”

ทันใดนั้น เขาถามขึ้นอย่างนึกได้“พี่หย่งกับผู้อาวุโสท่านนั้น ท่านทั้งสองมาด้วยกันหรือเปล่า?”

หย่งเซียนจงไอกระแอมอยู่ชั่วครู่ เขาตกใจจนรู้สึกเจ็บปวดและส่ายศีรษะรัว “ไม่, ไม่เลย, พี่ผู้โง่เขลาพบกับเขาโดยบังเอิญ  อาใช่แล้ว มันเป็นเรื่องบังเอิญ! น้องเราเห็นว่าเขาขัดหูขัดตาหรือ? น้องเราต้องการให้ข้าฟันใส่เขาหรือไม่?”

หย่งเซียนจงไม่หยุดหักหลังกว่างอู๋

“ข้าแค่ถามดู”  อาเฮ่อยิ้มไม่มีอันตราย  “โชคดีที่ข้าพบพี่หย่ง, ถ้าไม่อย่างนั้น,ข้าคงต้องหิวแน่  พี่หย่งช่วยผู้น้องไม่ให้เดือดร้อนแท้ๆ”

หย่งเซียนจงถอนหายใจโล่งอกและตอบทันที  “สามารถพบเจ้าได้, น้องเรา นี่ถือเป็นโชคดีของพี่ผู้โง่เขลาแล้ว”

เขาเกือบจะร้องไห้

ถ้าเขารู้ว่าเขาจะต้องมาพบอาเฮ่อ  เขาคงไม่ย่างเท้าเข้ากลุ่มดาวหมาป่าเป็นแน่  ต่อให้ทุบตีเขาจนตายก็ตาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด