ตอนที่แล้วตอนที่ 330 การจัดการของปิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 332 อาเฮ่อคาดไม่ถึง

ตอนที่ 331 ข้าต้องการชนะ


ถังอี้ยังคงเฉยชา

เขาไม่เคยได้ยินชื่อค่ายหางแฉกและไม่สนใจด้วย  คำสั่งเจ้านายก็คือเขาหวังให้พวกเขาสามารถสู้ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง  แต่ถังอี้สามารถอ่านระหว่างแนวได้

ท่านปิงไม่ได้มองกองทัพหมาป่าในแง่ดีนัก

ถังอี้เห็นได้ชัดว่าท่านปิงไม่เห็นความสำคัญของกองทัพหมาป่ามาโดยตลอดนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก  ถังอี้มาจากกองทัพดาวกางเขนใต้และรู้สถานการณ์ชัดเจน  นอกจากนี้ เมื่อท่านปิงดูแลค่ายทหารใหม่  มาตรฐานของทหารกลุ่มดาวหมาป่ายังห่างจากในอดีตมากมายจนท่านปิงไม่เห็นประโยชน์ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

ตั้งแต่แรกเริ่มถังอี้ดูแลกองทัพหมาป่ามาตลอดอยู่แล้ว

หลังจากคลุกคลีตีโมงกับทหารชาวดาวหมาป่าผู้ขยันอดทน  ถังอี้ค่อยๆ เปลี่ยนวิธีมองดูพวกเขา แม้ว่าทหารชาวดาวหมาป่าจะอ่อนแอและไม่มีความรู้กลยุทธ์ทางทหาร  แต่พวกเขาขยันและอดทน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ถังอี้

ชาวเผ่าหมาป่าทะเลทรายเติบโตและเอาชีวิตรอดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายบังคับให้พวกเขาต้องตื่นตัวและอดทน

สถานะต่ำต้อยแต่ขยันและอดทน

กองทหารนี้มุ่งมั่นจะเป็นหน่วยทะลวงฟัน  ไม่มีใครท้อถอย ไม่มีใครขาดการฝึกซ้อมและพวกเขากล้าหาญกันทุกคน การได้เห็นพวกเขาเติบโตกล้าแกร่ง ได้เห็นพวกเขาสละเลือดหยาดเหงื่อและน้ำตาเสี่ยงชีวิต ทำให้ถังอี้ผู้ให้การฝึกฝนอบรมพวกเขาด้วยตนเองยินดีที่จะเป็นผู้บัญชาการของพวกเขา

เพราะถังอี้รู้สึกว่าเพื่อพวกเขามันทำให้เขารู้สึกถอนตัวไม่ขึ้น

เขาไม่อาจยอมรับได้ว่ากองทัพที่ขยันจริงจังอย่างนี้จะกลายเป็นแค่หน่วยทะลวงฟันกล้าตายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม  เขายังคงเข้าใจชัดว่า ภายในกองทัพนั้นคุณค่าของแต่ละคนจะเกี่ยวข้องความสามารถของเขาตลอดไป  สำหรับการได้รับการยอมรับจากท่านปิงนั้นกองทัพหมาป่าจำเป็นต้องแสดงพลังที่แข็งแกร่งพอ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องชนะ!

สาเหตุที่นักรบฝีมือดีเป็นนักรบชั้นหัวกะทิได้เป็นเพราะทักษะต่อสู้ของเขาน่ากลัว และนั่นคือความสำเร็จทางทหารที่น่าทึ่งของพวกเขา

ท่านปิงขอให้เขาต้านทานให้ได้หนึ่งชั่วโมง  แต่สิ่งที่ถังอี้ต้องการก็คือชัยชนะ!

ค่ายหางแฉกเพิ่งจะสังเกตเห็นกองทัพดาวหมาป่าและพวกเขาหยุดอยู่ห่างจากกองทัพหมาป่าหนึ่งกิโลเมตร

จางเจิ้งอายุราวสี่สิบปีมีลักษณะหยาบกร้าน สีหน้าของเขาจริงจังเมื่อได้เห็นขนาดของกองทัพดาวหมาป่า  แต่เมื่อมองเห็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารข้างหน้า  เขาแค่นเสียง “เราต้องชนะศึกนี้!”

เพื่อโน้มน้าวใจเขาให้ช่วยเหลือ เย่จิ่วถึงกับยื่นข้อเสนอที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้  แม้ว่าเขาจะเป็นคนโลภ  แต่เขาระมัดระวังตัวมากและค้นคว้าศึกษาทุกรายละเอียดของการต่อสู้ของกลุ่มดาวหมาป่า   แม้ว่าโดยส่วนตัวเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก  แต่เขาถนัดในเรื่องกลยุทธ์ในการรบ สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือขุนพลวิญญาณผู้นำทหารผู้ควบคุมมีรังสีที่แข็งแกร่งดูประหลาด

แม้แต่ในกลุ่มดาวนายพรานเขาไม่เคยเห็นผู้บัญชาการทหารที่มีราศีควบคุมที่แกร่งกล้าขนาดนั้น

มันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ

เกี่ยวกับกองทัพเขาไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย  สำหรับเขาถ้าเป็นเพียงกลุ่มมือสมัครเล่นที่ไม่คุ้นเคยและมองว่าเป็นกองทัพ  อย่างนั้นก็คงเป็นแค่เพียงตัวตลก  เทียบกับค่ายหางแฉกของเขา  คู่ต่อสู้อ่อนหัดเกินไป

ขณะที่ขุนพลวิญญาณผู้นำทหารถือดาบฟันขาม้า  จางเจิ้งสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารจากครั้งก่อนนั่นเอง สำหรับขุนพลวิญญาณผู้นำทหารแบบนี้เป็นเหมือนดาบคมกล้า  ก็ดูเหมาะสมแล้ว  แต่จะสั่งการกองทัพได้นั้น  เขายังไม่ใช่

จางเจิ้งระบายลมหายใจ ดูเหมือนแผนของเย่จิ่วทำให้ถังเทียนไม่ทันได้เตรียมพร้อมและทำให้เขาต้องทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง

ความจริงมันเป็นงานที่ง่ายเกินไปสำหรับเขา

ถ้าเขาสามารถเอาชนะกองกำลังหมาป่า อย่างนั้นชื่อเสียงของค่ายหางแฉกของเขาเองก็มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น  และชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ทันใดนั้นกองทัพหมาป่าที่อยู่ต่อหน้าเขาตั้งใจจะโจมตีทันที  และวิ่งเข้ามาหาพวกเขา

“หาที่ตาย” สีหน้าของจางเจิ้งเปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาตะโกนอย่างดุร้าย ตั้งขบวนวงกลม

ทหารจากค่ายหางแฉกเปลี่ยนขบวนทัพทันทีทั้งถอยหลังทั้งขึ้นหน้าและล้อมขบวนเป็นวงกลมทันที

การโจมตีของคู่ต่อสู้เป็นไปอย่างที่จางเจิ้งคิด การรุกของค่ายหางแฉกกระทำโดยผ่านแนวป้องกันของเขา เดิมทีเขากังวลว่าคู่ต่อสู้จะถอยหนีและไม่ตะลุยเข้าหา  แต่เขาไม่คาดเลยว่ากองกำลังฝ่ายตรงข้ามจะฉวยโอกาสบุกก่อนทำให้เขามีความสุขมาก

พวกมันเข้ามาหาที่ตายจริงๆ

ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้เข้ามาทุกที

เพราะความรู้สึกบางอย่าง  จางเจิ้งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที  มีรายละเอียดอะไรที่เขาพลาดไป?

ทันใดนั้นหัวใจเขาเต้นแรง  คำสั่ง

ถูกแล้ว!  คำสั่ง!

กองกำลังหมาป่าที่ตะลุยเข้ามามีจำนวนสองร้อยนาย  รูปแบบไม่มีสับสน  แต่เป็นรูปปลายหอกที่แหลมคม

พลังรุกตะลุยด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นเป็นการทดสอบพลังการสั่งการ  ถ้ามีไม่เพียงพอ,อย่างนั้นขบวนยุทธจะล่มสลาย  แต่..ขบวนพยุหะที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่มีความสับสนแม้แต่เล็กน้อย

แย่แล้ว! ขุนพลวิญญาณผู้นำทหารเก็บงำพลังของเขาไว้สุดท้าย

จางเจิ้งมีนิสัยสงสัยระแวงทุกอย่างเขาเก็บความคิดโจมตีตอบโต้ หน้าของเขาดูน่าเกลียด

เพียงเวลาชั่วขณะนั้นกองกำลังหมาป่าเข้ามาใกล้ในระยะห่างห้าสิบเมตร

“ฆ่า!”

เหมือนกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆสภาพอากาศเปลี่ยนไปทันที

ดาบฟันขาม้าในมือถังอี้สร้างเสียงหวีดหวิวฝ่าอากาศทหารหมาป่าด้านหลังของเขาปลดปล่อยพลังดาบของตนเองทันที

รังสีดาบสองร้อยสายผสานกันเป็นหนึ่งพุ่งออกไปทันที

รังสีฆ่าฟันเยือกเย็นทำให้หัวใจของทหารค่ายหางแฉกสั่นไหว  แต่โชคดีที่ด้วยประสบการณ์ที่มากมายของจางเจิ้งเขาตะโกนทันที “ตั้งรับ”

ทหารโล่กวัดแกว่งโล่ตั้งแนวต้านรับด้านนอกทันที ทุกคนชูโล่พร้อมกันและปล่อยปราณแท้อย่างบ้าคลั่ง

รังสีรูปโล่ห้าสิบสายเรืองแสงทันทีก่อเป็นรูปแนวแสงป้องกันทั่วทั้งกองทัพ

รังสีดาบขนาดมหึมากระแทกใส่แนวแสงป้องกัน

แนวแสงป้องกันแตกทำลายทันที  และทหารโล่ทุกคนใช้โล่ดูดซับความเสียหาย ราวกับว่าพวกเขาถูกค้อนหวดใส่อย่างรุนแรงสะท้อนกลับไปข้างหลัง สหายที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเอื้อมมือออกมาและใช้ปราณแท้ดันเข้าไปในตัวพวกเขา

กองทัพดาวหมาป่าตะลุยเข้าใส่โดยไม่หยุดชะงักพลังโจมตีมหึมาทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนแอมากขึ้น แต่ด้วยจำนวนคนของพวกเขา พวกเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

แต่, ความเร็วของพวกเขาลดลง

สำหรับกองทหารจู่โจมที่สูญเสียความได้เปรียบอำนาจคุกคามของพวกเขาจะลดลงทันที

สิ่งที่วิกฤติก็คือ พวกเขาไม่มีเวลาหันหลังกลับ

รังสีอำมหิตแว่บผ่านในดวงตาของของจางเจิ้ง  “เปิด!”

ขบวนวงกลมเปิดพื้นที่ทันที ทำให้กองทัพหมาที่พุ่งเข้าจู่โจมเข้าไปในใจกลางพยุหะ

ปากของจางเจิ้งทำท่ายิ้มเยาะ เขามั่นใจมากว่าการต่อสู้ตกอยู่ในเงื้อมือของเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องเสียสละทหารโล่ที่แข็งแกร่งไปถึงห้าสิบนายแต่เป็นการแลกที่คุ้มค่าอย่างมิต้องสงสัย

หลังจากนั้นจะเป็นกลยุทธ์ที่เชี่ยวชาญที่สุดของเขา  กระชับวงล้อม

“กระชับวงล้อมเข้าไป!”

ทหารทั้งหมดก่อขบวนกลุ่มเล็กๆ  และทุกคนเริ่มวิ่งวนด้วยความเร็วสูงเหมือนน้ำวน

ค่ายกลดาบหางแฉก!

น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้  ชื่อของมันดูเหมือนไม่มีพิษภัย  แต่มันมีความลึกลับพิเศษ ขบวนท่านี้เป็นกลยุทธ์ที่จางเจิ้งโปรดปรานและชอบใช้  เขาเอาชนะศัตรูมามากมายแล้ว

ทันทีที่ขบวนพยุหะเริ่มการสังหาร  ก็หมายความว่าชัยชนะอยู่ไม่ไกล

เมื่อเห็นว่าทหารของกองทัพหมาป่าชั้นนอกตกอยู่ในอาการสับสน พวกที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวาถูกปิดกั้นจนอยู่ภาวะชะงักงันจางเจิ้งมีความสุขมาก

ทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามีสายตาหนึ่งจับตามองเขา

เขารู้สึกตัวหันไปดูก็เห็นว่าสายตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องมาทางเขา

ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน!

ถังอี้ผู้อยู่บนหลังม้างอร่างของเขาทันที

เดี๋ยวก่อน!  เจ้านั่นกำลังทำอะไร…

ทันใดนั้นวิธีการที่คิดไม่ถึงผุดขึ้นมาในใจของจางเจิ้งทันที

ถังอี้คำรามในอากาศอย่างดุร้าย  ดาบฟันขาม้าสีดำสนิทอยู่เหนือศีรษะเขา ร่างของเขายืดออกโดยที่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนสักนิด

รังสีฆ่าฟันเข้มข้นจับเป้าอยู่ที่ตัวจางเจิ้ง

*****************

ฟลามิงโกวิ่งตะลุยอยู่บนทะเลทรายอย่างบ้าคลั่ง  ความเร็วสูงระเบิดออกมาจากตัวของมันทำให้มันดูเหมือนบอลไฟที่พุ่งเป็นสายเส้นตรง  หลิงซิ่วมีความสุขมากที่ความเร็วของฟลามิงโกมากกว่าแต่ก่อน ที่สำคัญมากขึ้นก็คือจิตวิญญาณยุทธของฟลามิงโกก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

เขาเองก็แข็งแกร่งมากกว่าครั้งก่อนมากมายเช่นกัน

หลิงซิ่วใช้ฝ่ามือลูบฟลามิงโกอย่างอ่อนโยน  และมันก็ใช้ศีรษะของมันเสียดสีตอบ

เจ้าตื่นเต้นเหรอ?  เจ้ารอไม่ได้แล้วใช่ไหม?  ที่ของเราคือสนามต่อสู้แน่นอน

หลิงซิ่วคิดอยู่เงียบๆ  ทันใดนั้น เขาเงยหน้า ขณะที่จุดดำสองจุดปรากฏอยู่ในที่ไกล  สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาเขาพุ่งเข้าหาอย่างไม่ลังเล

อาเฮ่อที่ตามมาอยู่ข้างหลังเห็นหลิงซิ่วเพิ่มความเร็วขึ้นได้แต่ทำสีหน้าจนใจ เจ้าเด็กบ้านี่เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย

เด็กคนเดียวที่ไม่รู้จักทำงานร่วมกันเป็นทีม

หลังจากบ่นเงียบๆ ในใจ  อาเฮ่อกางแขนทั้งสองออกโผบินความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน

หย่งเซียนจงอายุราว 25-26  เขาแต่งตัวเรียบร้อยและสง่างามมากไม่มีฝุ่นละอองสักนิดบนตัวเขา เขาลอยตัวและหัวเราะเบาๆ “ท่านเย่ช่างเป็นคนทะเยอทะยานจริงๆข้าไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสกว่าง  ผู้เยาว์รู้สึกประหลาดใจจริงๆ”

กว่างอู๋ถูกยกย่องว่าเป็นมือกระบี่บ้าเลือดและมีชื่อเสียงมานานกว่าสามสิบปีแล้ว  แต่เพราะความกระหายเลือดและโหดร้ายของเขาทำให้เขายากจะก้าวหน้าได้  อย่างไรก็ตามพลังของเขาแข็งแกร่งมากทำให้เขาอยู่ในอันดับที่ 8315 ของทำเนียบสวรรค์วิถี

กว่างอู๋มีริ้วรอยย่นของผู้มีอายุมากมายอยู่บนใบหน้าผมของเขาขาวโพลนราวหิมะ แต่สายตาของเขาเขม็ง และดาบใหญ่สะพายอยู่ด้านหลังของเขา  เขาหรี่ตามอง “ข้าแก่แล้วไม่ทันได้สังเกตว่าคู่หูของข้าความจริงก็คือหลานหย่งนี่เอง  อาจารย์เปียนเป็นยังไงบ้าง?”

หย่งเซียนจงมาจากตระกูลมีอิทธิพล อาจารย์ของเขาเปียนอู๋เหิงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเมื่อสิบปีที่แล้วทำให้สวรรค์วิถีสั่นสะเทือน

เปียนอู๋เหิงมีศิษย์สามคนหย่งเซียนจงเป็นศิษย์คนเล็กมีพลังอ่อนด้อยที่สุดแต่เป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับที่ 8228

หย่งเซียนจงค้อมกายเล็กน้อยแสดงคารวะ  “อาจารย์ยังแข็งแรงมีสุขภาพดี  เพียงแต่ท่านไม่ชอบถามไถ่เรื่องราวภายนอก  และไม่ชอบออกมาท่องเที่ยว  แม้แต่ผู้เยาว์นี้ก็ยากจะออกมาได้ทุกปี”

กว่างอู๋ตอบ “สำหรับอาจารย์เปียนแล้ว เรื่องราวทางโลกน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ”

ทันใดนั้นทั้งสองคนหยุดพูดทันที  สายตาของพวกเขาเหม่อมองในที่ไกลขณะที่ร่างสีแดงและดำพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

“อย่างน้อยพวกเขาก็ช่วยเราประหยัดเวลาตามหาพวกเขา”  หย่งเซียนจงพูดอย่างมีความสุข

“ฮึ่ม..เราผู้เฒ่าเป็นหนี้เย่จิ่วในช่วงเวลาที่โปรดปราน และด้วยสิ่งนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนแล้ว” กว่างอู๋เลียริมฝีปากปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันทันที  “วันนี้ ข้าจะฆ่าให้สมใจเชียว”

หน้าของหย่งเซียนจงเฉยชา เขาไม่สนุกเลยเนื่องจากเขามาจากสถานะที่สูงส่งและเกี่ยวกับนักสู้ประเภทนี้ปกติเขาไม่ยินดีเช่นกัน

สายตาของเขาให้ความสนใจคู่ต่อสู้ของเขา เขาได้ยินข่าวลือเรื่องถังเทียนที่จุดประกายความสนใจ  หย่งเซียนจงเป็นศิษย์เฝ้าหน้าประตูของเปียนอู๋เหิงซึ่งทุกคนรู้ดี แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาเป็นบุตรเขยของเย่จิ่ว  ธิดาของเย่จิ่วก็คือภรรยาของเขา

เย่จิ่วเป็นพ่อตาของเขา  เย่เฉาเกอเป็นน้องชายของภรรยาเขา  ดังนั้นเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?

แต่ก็ยังค่อนข้างน่าสนใจอยู่ดี

กว่างอู๋ไม่สามารถถอนรังสีฆ่าฟันได้แล้วและเขาพุ่งเข้าหาร่างสีแดงทันที  ในอากาศเขาชักดาบคำรามแล้วพุ่งเข้าหาโฉบลงเหมือนนกอินทรีไล่จับกระต่าย

รังสีดาบของเขาเป็นสีแดงโลหิต

ดาบที่อำมหิตขนาดนั้น

หัวใจของหย่งเซียนจงสั่นสะท้าน เขาไม่เคยคิดว่านักสู้ผู้ขี่นกจะกล้าหาญมากถึงขนาดยืมพลังเฉื่อยต้านรับรังสีดาบที่พุ่งลงมา

รังสีเงินเยือกเย็นเจิดจ้าในสายตาของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด