ตอนที่แล้วตอนที่ 11-8 ทางเข้าสามทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11-10 เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ

ตอนที่ 11-9 ประติมากรรมของสุสาน


“ครืนนน ครืนนนน” ทะเลม้วนเป็นวงระลอกและทางเดินสี่สายในทะเลปรากฏขึ้น  มหานักพรต เทพสงครามและคนอื่นๆ ก็พุ่งลงไปในทะเลกันหมด

ยอดฝีมือทั้งฝ่ายมนุษย์และอสูรเวทไม่มีการลังเลใจเข้าไปในน้ำทันที

“ทะเลลึกนี้น่าสนใจมากเอาการ”  ปราณยุทธของลินลี่ย์โคจรรอบตัวเขา  ด้วยพลังชีพจรป้องกัน  เขาสามารถป้องกันแรงกดดันของน้ำได้อย่างง่ายดาย  สำหรับตัวลินลี่ย์เองเขาจ้องมองภาพที่นี่ลึกลงไปในมหาสมุทรด้วยความสงสัยใคร่รู้  นี่เป็นการเดินทางในทะเลครั้งแรกของลินลี่ย์

ในส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร  มีแต่ความเงียบและมืดสนิท  มีเพียงสองสามอย่างที่สามารถเห็นได้  สิ่งมีชีวิตไม่กี่อย่างเปล่งแสงตามธรรมชาติได้

เฟนและลินลี่ย์บินลงมาด้วยกัน  เฟนมองดูลินลี่ย์  จากนั้นเสียงของเขาดังขึ้นในใจของลินลี่ย์  “ลินลี่ย์! ในแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลในดินแดนทะเลใต้นี้  มีอสูรเวทที่ยิ่งใหญ่มากมาย อย่างเช่นมังกรทะเล  เต่ามังกร  อสรพิษเก้าหัว ปลาหมึกยักษ์...ทั้งหมดนี้เป็นอสูรเวทระดับเซียนทั้งนั้น” เฟนมีความสามารถในการใช้พลังสื่อสารทางจิตได้

ลินลี่ย์ลอบพยักหน้า

ทะเลใต้ใหญ่โตกว้างขวางมากกว่าของทวีปยูลาน คงเป็นเรื่องผิดปกติถ้าไม่มีอสูรเวทขนาดมหึมาอาศัยอยู่

“แต่แม้ว่าอสูรเวททะเลลึกซึ่งใกล้ๆ นี้เมื่อพวกมันเห็นเราก็จะตกใจกลัวหนีไปทันที” เฟนพูดอย่างใจเย็นขณะที่เขาพูดคุยกับลินลี่ย์ทางใจ

ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน

กลุ่มนักสู้ยังคงดิ่งลึกลงไปในทะเลลึกที่มืดและสงัด  ขณะเดียวกันพวกเขาเพลิดเพลินกับฉากภาพที่ปรากฏให้เห็นได้ยาก  บางครั้งก็เห็นอสูรเวทขนาดใหญ่ปรากฏตัว  แต่เมื่อพบว่ามียอดฝีมือลงมามากมายมันจะตกใจหวาดกลัวไม่กล้าเคลื่อนไหว

ยิ่งพวกเขาดำลึกลงไปก็ยิ่งมีแรงกดดันมากมาย

ในที่สุดแรงกดก็สูงมาก เหมือนกับว่ามีภูเขาน้อยกำลังกดทับพวกเขา โชคดีที่คนเหล่านี้ทุกคนเป็นเซียนที่แข็งแกร่งทรงพลังในโลก  ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทนได้  พวกเขาจะร่ายเวทหรือใช้ม่านพลังปราณป้องกันก็ได้  แสงสีรุ้งรายรอบพวกเขา ค่อนข้างรุ่งเรือง

“เรามาถึงพื้นทะเลกันแล้ว”  ยอดฝีมือทุกคนหยุดอยู่ที่พื้นทะเล

มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างเช่นปะการังอยู่ที่นี่มันเรืองแสงเล็กน้อย ก้นทะเลปกคลุมไปด้วยแนวแถวปะการัง ขณะที่พื้นไม่มีระดับสม่ำเสมอ บางที่นูน บางที่ก็เว้าอาจจะสูงขึ้นเป็นร้อยเมตรและดิ่งลึกลงไปจนมองไม่เห็นพื้นทะเล

“เกือบถึงแล้ว” เฟนพูดทางใจกับลินลี่ย์

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ทุกคนยังคงตามผู้นำลงไปที่ก้นทะเล  หลังจากเดินทางหลายกิโลเมตร  พวกเขาก็มาถึงโขดหินดำที่ใหญ่โตมหึมา  หินดำสนิทนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบเขา  และในน้ำเหนือโขดหินนี้ มี ‘ประตู’ โปร่งใสบานหนึ่งเปล่งระลอกพลังประหลาด

“ที่นี่แหละ” เสียงแหลมดังขึ้นเข้าหูทุกคน

ทุกคนหยุดอยู่ต่อหน้าหินที่ดำสนิทนี้

“หืม? ‘ประตู’ นี้ดูเหมือนจะคล้ายกับ ‘ประตู’ เข้าห้องมิติของเรา เพียงแต่มีขนาดใหญ่สองเท่า” ลินลี่ย์ทึ่ง

เสียงของลอร์ดเบรุตดังขึ้นและแต่ละคนสามารถได้ยินได้ “ประตูมิตินี้คืออุโมงค์ซึ่งจะนำเข้าไปยังสุสานเทพเจ้า ปกติประตูมิตินี้จะถูกปิดและถูกบังไว้ด้วยชั้นพลังงานที่มองไม่เห็น”  ขณะที่เขากล่าวร่างของเบรุตเปล่งรัศมีสีดำทันที

รัศมีสีดำนี้กระทบกับประตูมิติโดยตรง

“ครืนน...” พื้นทะเลที่เงียบพลันสั่นสะเทือนทันที และประตูโปร่งแสงก่อนหน้านี้พลันแผ่แสงเจิดจ้าออกมาเหมือนกับเป็นเยื่อพังผืดคลุมรอบพื้นที่ไว้ทันที

แต่สองสามวินาทีต่อมามันก็แตกกระจายออกไปเหมือนกับฟองน้ำแตก

“ป๊อบ!”  ด้วยเสียงที่ดังนุ่มนวลเยื่อที่คลุมอยู่ก็แตกสลายไป

“ตามข้ามา ทุกคนต้องมาพร้อมกัน”  เบรุตบินเข้าไปในประตูมิติ  และเพียงก้าวเดียวก็ข้าผ่านไปอีกด้านหนึ่ง  ขณะที่เขาทำเช่นนี้เบรุตหายลับไปจากสายตาของคนในที่นั้น

มหาพรตเทพสงคราม ไดลินและซีซาร์ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยพวกเขาเข้าไปในประตูมิติและหายลับสายตาทันที

“อย่างงั้นสุสานเทพเจ้าก็คืออีกพิภพหนึ่งสินะ”  ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว  “เพียงแต่ว่าพิภพของสุสานเทพเจ้าโยงเข้ากับพิภพแห่งทวีปยูลาน”

นี่คล้ายกับห้องมิติของเขามากพื้นที่ลับของสุสานเทพเจ้าเชื่อมต่อกับทวีปยูลาน

ยอดฝีมือในที่นั้นทุกคนเข้าไปในประตูมิติพร้อมกัน  และลินลี่ย์กับเฟนเข้าไปด้วยเช่นกัน

“พลังสั่นสะเทือนที่แปลกประหลาด” ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดเจนว่าทันทีที่เขาข้ามประตูมิติเข้ามา  เขาเริ่มมีความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับว่าเขาคือคนที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำแล้วก้าวขึ้นมาอยู่ในพื้นดินแห้งทันที  เหมือนกับว่าสภาพแวดล้อมทั้งหมดเปลี่ยนไป”

ยอดฝีมือหลายคนมาถึงอีกดินแดนพิภพที่แตกต่างแห่งหนึ่ง

พวกเขาทุกคนยังคงอยู่ที่ก้นทะเล  เพียงแต่เป็นก้นทะเลของอีกพิภพหนึ่ง

“รู้สึกแปลกประหลาด” ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเข้ามาในมิติใหม่แห่งนี้

เฟนเข้ามาอยู่ใกล้ลินลี่ย์และพูดทางจิตกับเขา  “ลินลี่ย์!  ในพิภพแห่งนี้แม้แต่ด้วยพลังจิตของข้าก็คลุมรอบได้เพียงสิบเมตรเท่านั้น  นอกจากนี้ พิภพนี้เต็มไปด้วยยอดฝีมือนับไม่ถ้วนเราไม่อาจล้าหลังคนอื่นได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะถูกอสูรเวทนับไม่ถ้วนรุมล้อมกินโต๊ะและเราจะตายอย่างแน่นอน”

ลินลี่ย์ลอบตกใจ

กลุ่มคนติดตามเบรุตไปข้างหน้า  เบรุตไม่กังวลแม้แต่น้อยนำพวกเขาบินไปได้สิบกว่ากิโลเมตร

“อาคารขนาดเท่าภูเขานั่นก็คือสุสานเทพเจ้า” เฟนเข้ามาใกล้ลินลี่ย์อีกครั้งและพูดทางใจกับเขา ลินลี่ย์จ้องมองสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ห่างไกลออกไป  เขาอดใจสั่นสะท้านไม่ได้  “สุสานเทพเจ้านี้ใหญ่โตน่าประหลาดเหลือเกนิ”

ลินลี่ย์แน่ใจว่าสุสานเทพเจ้านี้อยู่ห่างจากเขาไปเกินร้อยกิโลเมตรแน่นอน  แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดเจน

“สุสานเทพเจ้าสูงสองหมื่นเมตรและแต่ละด้านจะยาวเกินหมื่นเมตร” เฟนพูดกับลินลี่ย์ทางใจ เขาคุ้นเคยกับสุสานเทพเจ้านี้มาก

“อาคารใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้ก่อสร้างขึ้นมาได้ยังไง?”  ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชยไม่หยุด

เนื่องจากพวกเขาบินด้วยความเร็ว  ระยะทางร้อยกิโลเมตรก็สุดระยะโดยเร็ว  เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้  ลินลี่ย์เริ่มถอนหายใจอย่างทึ่งอีกครั้ง  เหตุผลที่เขาถอนหายใจอย่างอัศจรรย์..เป็นเพราะแม้สุสานเทพเจ้าจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า  แต่ยอดปลายจะเรียวแคบลงบรรจบกันเป็นสัน

สุสานเทพเจ้ามีสี่ด้านและด้านที่ลินลี่ย์เผชิญอยู่มีรูปแกะสลักขนาดมหึมาอยู่

“มังกร?”

เมื่อจ้องดูรูปสลักสูงหมื่นเมตรของสิ่งก่อสร้างขนาดสองหมื่นเมตร  ลินลี่ย์เห็นว่าเป็นมังกรขนาดใหญ่มหึมามังกรนี้จะแตกต่างจากมังกรของพิภพยูลาน เพราะมังกรตัวนี้ไม่มีปีก แต่รูปแกะสลักมังกรนี้มีราศีที่สง่างามทำให้คนอื่นต้องเคารพมัน

“ทั้งสี่ด้านของสุสานเทพเจ้าจะมีประติมากรรมสลักที่แตกต่างกัน”  เสียงของเบรุตดังขึ้นในหูของทุกคน  “ด้านนี้จะเป็นมังกรขนาดใหญ่  ความจริงมันคือรูปสลักของมังกรด้านตรงกันข้ามจะสลักเป็นรูปพยัคฆ์ขาว อีกสองด้านจะเป็นรูปสลักขนาดมหึมานั่นคือนกฟีนิกซ์และเต่ามังกร”

มังกร...พยัคฆ์ขาว... ฟีนิกซ์....และเต่ามังกรขนาดยักษ์?

“ทำไมสุสานเทพเจ้านี้จึงมีรูปสลักขนาดใหญ่โตอยู่ที่นี่?”  ลินลี่ย์สงสัย

เบรุตลูบบีบีที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา เวลานี้เองบีบีกระโดดขึ้นไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของลินลี่ย์  จากนั้นเบรุตหัวเราะและกล่าวอย่างใจเย็น  “ประติมากรรมทั้งสี่นี้แสดงถึงเส้นทางที่แตกต่างกันสี่สายของสุสานเทพเจ้า  สำหรับทางด้านมังกรยักษ์ที่ข้างใต้จะมีจะมีประติมากรรมขนาดเล็กกว่าอยู่จำนวนมาก”

ลินลี่ย์และคนอื่นก็มองเห็นเช่นกัน

ประติมากรรมมังกรยักษ์กินพื้นที่ราว70-80% ของทั้งพื้นที่ ขณะที่ประติมากรรมอื่นๆ รวมกันหมดกินพื้นที่ 10%  ที่เหลือเป็นพื้นที่ว่าง

“ประติมากรรมเหล่านี้...”ลินลี่ย์ตรวจสอบประติมากรรมที่เล็กกว่าซึ่งอยู่ด้านล่างของมังกรยักษ์ ทั้งหมดล้วนน่าอัศจรรย์ทั้งนั้นอยู่ในรูปมังกรหรือไม่ก็อสูรเวทประเภทงู  มีจังหวะและลำดับเฉพาะเจาะจงสำหรับพวกมันทั้งหมด

“ตัดสินจากรประติมากรรมเล็กๆ เหล่านี้....”  เบรุตมองดูประติมากรรมรูปสลักขนาดเล็กด้วยเช่นกัน  “ตอนนี้ ดูเหมือนว่าอสูรพิทักษ์สุสานเทพเจ้าสิบเอ็ดชั้นแรกจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราช”

“นาคราช อสูรศักดิ์สิทธิ์?”

ยอดฝีมือกว่าแปดสิบคนจากดินแดนทวีปยูลานพากันสับสนกันหมด  แต่พวกเขารู้อยู่อย่างหนึ่ง...นาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้เห็นได้ชัดว่าถึงระดับเทพแล้วทำยังไงพวกระดับเซียนที่นี่จะผ่านมันไปได้?

“นาคราช? ลอร์ดเบรุต, แต่.. แล้วพวกเขาจะมีโอกาสยืนหยัดได้ยังไง?”  ไดลินกล่าว

ลอร์ดเบรุตมองดูเขาจากนั้นหัวเราะอย่างใจเย็น “อสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราชนี้ โตเต็มวัยเมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว  จากสิ่งที่ข้าเข้าใจ มันน่าจะถึงระดับเทพชั้นกลางไปแล้ว  ตอนนี้อย่าว่าแต่ชั้นเซียนเลย  ต่อให้เป็นพวกเจ้าทั้งสี่เข้ามาเมื่อเจ้าต้องสู้กับนาคราช พวกเจ้ามีแต่ต้องตายสถานเดียว”

หน้าของยอดฝีมือทั้งแปดสิบเปลี่ยนไป

“ครั้งก่อนนั้น ผู้นำสิบเอ็ดชั้นเป็นเพียงมังกรโฉดสองหัวจากแดนนรก ข้าไม่คาดเลยว่าครั้งนี้จะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์นาคราชไปได้  และยังเป็นอสูรระดับเทพอีกด้วย”  หน้าของเฟนหม่นหมอง

ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ดีเช่นกัน

สุสานเทพเจ้านี้เป็นเพราะมีกลุ่มเซียนเข้ามา  แม้ว่าเทพจะเข้ามาด้วยพวกเขาก็จะไม่เข้าไปพร้อมกับพวกเขา เนื่องจากพลังของเซียนเมื่อเผชิญหน้ากับเทพระดับกลาง  พวกเขามีแต่ตายสถานเดียว   เรื่องนี้ไม่มีข้อข้องใจแต่อย่างใด

ลอร์ดเบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น  “ไม่ต้องห่วง เส้นทางที่อยู่ต่อหน้าเจ้าไม่ใช่เส้นทางมรณะแน่นอน ก่อนอื่นข้าจะอธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับสุสานเทพเจ้าให้พวกเจ้าฟัง  สุสานเทพเจ้ามีทั้งหมดสิบแปดชั้นสิบชั้นแรกจะไม่มีประกายศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ชั้นสิบเอ็ดเป็นต้นไป จึงจะมีศพของพวกเทพและจะมีประกายศักดิ์สิทธิ์ให้พบเห็นเช่นกัน”

ยอดฝีมือหลายคนที่ไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนดูมีสีหน้ายินดีทันที

เมื่อได้ยินว่ามีประกายศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ชั้นที่สิบเอ็ดหลายคนตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องบุกฝ่าไปให้ถึงชั้นที่สิบเอ็ด  เมื่อพวกเขาพบประกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพได้ แน่นอนว่าเรื่องที่ต้องทำให้ได้ก่อนก็คือพวกเขาต้องหาประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพชั้นต้น

“ส่วนของเส้นทางสุสานเทพเจ้าซึ่งพวกเจ้าเตรียมจะเข้าไปจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนาคราชและมันคือหัวหน้าของสิบเอ็ดชั้นแรกสุด  สำหรับชั้นสิบสองขึ้นไป  แม้แต่ระดับเทพที่เข้าไปได้ก็ยังมีโอกาสสูงที่จะตายได้” ลอร์ดเบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น และคนที่กำลังคิดไตร่ตรองถึงชั้นที่สิบสอง ถึงกับยกเลิกความคิดที่จะลองดีทันที

เบรุตมองดูทุกคน  “สำหรับนาคราชนั้น เขาอาจจะอยู่ที่ชั้นแรกก็ได้หรืออาจจะอยู่ที่ชั้นสิบเอ็ดก็ได้   แต่เขาจะอยู่ในหนึ่งในสิบเอ็ดชั้นเป็นแน่”

ลินลี่ย์คิด

“สิบเอ็ดชั้น”

ลินลี่ย์อดกระวนกระวายไม่ได้

“ถ้าเราวิ่งไปเจอกับนาคราชก็หมายความว่าเราถูกตัดสินชะตาใช่ไหม?” ลินลี่ย์กังวล

เบรุตดูเหมือนจะรู้สิ่งที่ลินลี่ย์คิด  เขาอธิบาย “เกี่ยวกับนาคราช.. ปกตินาคราชจะชอบหลับ และเมื่อหลับลึกแล้วนาคราชโดยทั่วไปจะไม่ตื่น เว้นแต่จะมีเหตุวุ่นวายมากมาย ถ้าเจ้าเผชิญกับนาคราชที่กำลังหลับบนชั้นของเจ้า  ดีที่สุดก็คืออย่าทำให้เขาตื่น  มิฉะนั้นพวกเจ้าตายแน่”

ทุกคนแอบสบถอยู่ในใจ

ใครจะโง่พอไปปลุกนาคราชกันเล่า? แต่ทุกคนรู้ดีว่าถ้าผู้นำของสิบเอ็ดชั้นแรกเป็นนาคราช  อย่างนั้นอาจจะมีม่านพลังอื่นด้วยเช่นกัน

“นาคราชมีปกติชอบหลับ แต่ถ้านาคราชเกิดตื่นขึ้นมาเมื่อกลุ่มพวกเจ้าเข้าไป..พวกเจ้าทุกคนได้แต่โทษตัวเองที่โชคร้าย” ลอร์ดเบรุตอธิบาย

หน้าของยอดฝีมือทุกคนเปลี่ยนไป

ถ้าพวกเขาเผชิญกับอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนาคราชขณะที่มันตื่น  คงไม่มีใครหลบหนีได้สักคนเดียว

“ฮ่าฮ่า...” ลอร์ดเบรุตหัวเราะลั่น “ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คืออวยพรให้พวกเจ้าโชคดี  จำไว้ ในสิบเอ็ดชั้นแรกยังมีอย่างอื่นที่มากกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนาคราช มีทั้งสัตว์ประหลาดอื่นและผีดิบหรือปรากฏการณ์จากพิภพอื่น มีสัตว์ประหลาดน้อยมากภายในนั้นที่มีพลังมากกว่าคนที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเจ้า”

หน้าของเฟนและเดลี่เคร่งขรึมมาก

พวกเขารู้เรื่องนี้ดี  เพราะครั้งสุดท้ายพวกเขายังต้องทนทุกข์กับผลที่ออกมา

“จำเอาไว้ให้ดี ระมัดระวังและอย่าประมาท  อย่าโลภ” ลอร์ดเบรุตกล่าว “ถ้าพวกเจ้าตายอยู่ข้างใน ข้าไม่สามารถช่วยพวกเจ้าจากด้านนอกได้”

ขณะที่เขาพูดมือของเบรุตมีแสงดำสองสายกระทบกับผนังด้านล่าง ทางเดินสองทางปรากฏอยู่ที่ด้านล่างผนังขนาดยักษ์  “เซียนฝ่ายมนุษย์จะไปทางซ้าย  ขณะที่เซียนอสูรเวทจะไปทางขวา  ถ้าพวกเจ้ารอดผ่านสี่ชั้นแรกไปได้  อย่างนั้น.. พวกเจ้าจะได้พบกันที่ชั้นห้าอีก”

ลินลี่ย์เข้าใจทันที

ภายในสุสานเทพเจ้ามีความซับซ้อนมาก  และอุโมงค์สองสายนี้นำไปสู่เส้นทางต่างๆโดยผ่านสี่ชั้นแรก ต่อเมื่อถึงชั้นที่ห้าเส้นทางทั้งหมดจะบรรจบกันอีกครั้ง

“ตอนนี้ พวกเจ้าทุกคนเข้าไปได้แล้ว”  เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น  “จำเอาไว้ ถ้าพวกเจ้ากลัว ก็ขอให้ซ่อนตัวอยู่แต่ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งมีอันตรายน้อยที่สุดและรออีกสิบปี  ในช่วงเวลาสิบปี ทุกๆชั้นจะมีประตูเทเลพอร์ตออกไปนอกโลกปรากฏ จุดที่พวกเจ้าอยู่จะสามารถนำออกไปได้”

สิบปี!

ไม่มีใครลังเลใจ  เซียนมนุษย์และเซียนอสูรเวททั้งหมดแยกกลุ่มกัน

“บีบี, ระวังตัวด้วย”  ลินลี่ย์พูดทางใจ

“พี่ใหญ่ ท่านต้องระวังตัวด้วย”  บีบีไม่อาจหักใจแยกจากลินลี่ย์เช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด