ตอนที่แล้วตอนที่ 11-10 เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11-12 นาคราชตื่น?

ตอนที่ 11-11 สิ่งมีชีวิตแบบพืช


“อย่าส่งเสียงดังไป”  ลินลี่ย์ระวังตัวเป็นอย่างมาก  “เห็นซากงูยักษ์ข้างล่างนั่นไหม?”

บาร์เกอร์มองลงมาจากนั้นพยักหน้า  ลินลี่ย์พูดเสียงจริงจัง  “งูเขียวใหญ่ขนาดนี้มันย่อขนาดจนเหลือเท่านิ้วมือและซ่อนตัวเองอยู่บนใบไม้  จู่ๆ มันลอบทำร้ายข้า ถ้าข้าย่ามใจเกินไปและไม่ได้แปลงร่างมังกรแล้ว แค่ชีพจรป้องกันในร่างมนุษย์คงไม่สามารถรับมือมันได้  และบางทีข้าอาจจะตายไปแล้ว”

“แย่ขนาดนั้นเชียวหรือ?”  บาร์เกอร์อดพูดด้วยความตกใจไม่ได้

หน้าของลินลี่ย์จริงจังมากขณะจ้องมองไปรอบๆ  เขาพูดลดเสียง  “ตามที่เดลี่บอก  อุโมงค์ทั้งสามในทวีปยูลานจะนำเข้าสู่สุสานเทพเจ้าในตำแหน่งต่างกัน  และนี่คืออุโมงค์ที่อันตรายที่สุด ในอดีตเดลี่และคนอื่นต้องไปซ่อนตัวอยู่ชั้นที่ห้าและรออยู่ที่นั่นจนผ่านไปสิบปี”

บาร์เกอร์ค่อนข้างตกใจอย่างเห็นได้ชัด  “และเมื่อคิดดูแล้วข้าเองต้องการไปให้ถึงชั้นที่สิบเอ็ด”

“ชั้นที่สิบเอ็ด?  เดลี่ยังไม่กล้าไปต่อที่ชั้นหก  และเจ้าเต้องการจะไปชั้นที่สิบเอ็ด?”  ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์อย่างจริงจัง  “บาร์เกอร์, อย่างคิดแค่เพียงว่าเพราะพลังป้องกันของเจ้าสูงส่งจนเจ้าบุ่มบ่ามใจร้อน  สถานที่น่าสยดสยองนี้สัตว์ประหลาดทั้งหมดมาจากดินแดนอื่น อาจจะมีบางตัวที่เข้ากันได้กับการโจมตีใส่เจ้าได้อย่างลงตัว  ถ้าเจ้าไม่ระวัง ชีวิตของเจ้าอาจดับสูญเป็นได้”

“เจ้าจำที่เดลี่กล่าวถึงได้ไหม?  ถ้าเราโลภสักเล็กน้อย เราคงจะโชคดีได้เห็นพวกเรารอดมาได้สักสิบคน  จากทั้งหมดแปดสิบคน”  ลินลี่ย์มองบาร์เกอร์  “ถ้ามีเพียงสิบคนที่จะรอดข้าคาดว่าห้าคนจะต้องเป็นห้าสุดยอดเซียน ขณะที่คนอื่นผู้มาถึงที่นี่ สำหรับข้า ถ้าข้าไม่ระมัดระวัง ข้าอาจตายที่นี่ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์  บาร์เกอร์ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นทันที

ที่สำคัญในแง่ผู้ที่สามารถเอาตัวรอดได้พวกที่เคยมาก่อนมีโอกาสสูงที่จะรอดได้เป็นธรรมดา นอกจากนี้ในบรรดานักสู้ทั้งแปดสิบ ยังมีราชสีห์ทองหกตาและอสูรแห่งไพรทมิฬที่น่ากลัว  เมื่อรวมกับยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ด้วยเช่นกัน ก็ย่อมมีโอกาสมากที่สิบคนนี้จะแข็งแกร่งมากกว่าบาร์เกอร์แน่นอน

“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กระซิบ

“ได้เลย” บาร์เกอร์ติดตามลินลี่ย์ทันที ทั้งสองเดินทางอย่างระมัดระวังมาก กระบี่เลือดม่วงและขวานยักษ์ยังคงอยู่ในมือพวกเขา เตรียมพร้อมกับการต่อสู้ตลอดเวลา

การกระทำเช่นนี้อาจทำให้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งในป่าตัดสินใจไม่โจมตีพวกเขา

“ท่านลอร์ดลินลี่ย์  ในสถานที่นี้มีไม้หนามหนาแน่นมากเกินไป เราบอกตำแหน่งได้ไม่ค่อยแน่นอนเลยว่าเรากำลังจะไปไหน”  หลังจากบินไปเป็นเวลานาน  ทั้งสองก็เริ่มร้อนใจ  จากด้านนอก สุสานเทพเจ้าดูเหมือนจะมีขนาดเพียงหมื่นเมตร  แต่ภายในพื้นที่กลับยืดขยายออกไปมาก

ลินลี่ย์และคนอื่นได้แต่จ้องมองเรื่องนี้ด้วยความประหลาดใจ

“ไม่ต้องกังวล ใจเย็นไว้  ค้นหาอย่างใจเย็น”  ลินลี่ย์กระซิบ

ทันใดนั้น...“อ๊าคคค!!!” เสียงร้องโหยหวนกราดเกรี้ยวและเจ็บปวดสามารถได้ยินจากที่ไกลและเศษใบไม้ก็ระเบิดกระจายจากที่ไกลด้วยเช่นกัน

ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ได้แต่มองหน้ากัน  จากนั้นเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆไปยังตำแหน่งที่มีการต่อสู้  ในไม่ช้าทั้งสองก็พบภาพที่น่าประหลาด  ดอกไม้ขนาดมหึมาห่อตัวเองและกัดเซียนคนหนึ่งเหมือนกับว่ามีปากขนาดใหญ่พยายามกลืนกินบางอย่าง ภายในดอกไม้กำลังสั่น เห็นได้ชัดว่าเซียนที่อยู่ภายในพยายามจะสู้ตอบโต้

แต่เพียงไม่กี่วินาที  ภายในดอกไม้ก็กลับคืนสู่ความสงบเหมือนตามปกติ

เซียนคนนั้นตายแล้ว

“กินคน?” ลินลี่ย์อดโกรธไม่ได้

ในไพรทมิฬเมื่อได้เห็นปราสาทโลหะมีชีวิต ลินลี่ย์พอเข้าใจ..นั่นไม่ใช่แค่มนุษย์และอสูรเวทซึ่งมีพลังชีวิต  แม้แต่โลหะหรือต้นไม้ก็มีปัญญา  และบางครั้งยังน่ากลัวมากกว่ามนุษย์

“ท่านลอร์ด?” บาร์เกอร์พูดเบาๆ

ลินลี่ย์ทำท่าส่งสายตาเขาขณะนี้ลินลี่ย์ก็เช่นกัน สังเกตเห็นแล้วว่ามีเถาหนามบางส่วนกำลังเคลื่อนไหวช้าๆ

“เถาวัลย์พวกนี้มีชีวิต เป็นไปได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตประเภทพืชที่ต้องการฆ่าเรา”  ลินลี่ย์ยิ้มมุมปาก  กับสัตว์ประหลาดประเภทพืช การใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมบางทีอาจไม่มีผลมาก  ที่สำคัญ แม้ว่าจะฟันต้นไม้ขาดครึ่ง  แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ยังจะมีชีวิตอยู่

แต่ถ้าใช้ความเฉียบแหลมใช้อาวุธอย่างกระบี่เลือดม่วง จะใช้ได้ผลมากกว่า

“ครึ่กๆ....” ทันใดนั้นเถาวัลย์จากที่ไกลยาวหลายสิบเมตรพุ่งตรงมาที่ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ทันที  ขณะเดียวกันเถาวัลย์ที่พันรอบต้นไม้ก็ทิ้งตัวลงจากต้นไม้และเคลื่อนมาล้อมลินลี่ย์ไว้

เถาที่อยู่ในพงหญ้าก็พุ่งออกมาเช่นกัน

ในทันใดนั้น..เถาวัลย์เป็นร้อยๆ ไม่ว่าทั้งหนาทั้งบางคลุมเต็มท้องฟ้าจู่โจมจากด้านบนด้านล่างและจากรอบๆ ตัวพวกเขา แม้แต่เถาวัลย์ที่หมกอยู่ในโคลนก็ลอบโจมตีเหมือนกัน  ลินลี่ย์และบาร์เกอร์พบว่าพวกเขาเองติดอยู่ในกรงขังเถาวัลย์นับไม่ถ้วน

เถาวัลย์นับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นลูกกลมขนาดใหญ่สีเขียวกว้างสิบเมตร

ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ถูกกักอยู่ในลูกกลมยักษ์นั้น

“นี่ชักจะยุ่งยากแล้ว” ลินลี่ย์พยายามใช้แขนผลักเถาวัลย์ที่พยายามรัดรอบตัวเขา  แต่เถาวัลย์อ่อนและยืดหยุ่นมาก มันแค่ยืดขยายออกเล็กน้อยเท่านั้น  แรงล้วนๆอย่างเดียวไม่สามารถทำลายผ่านกรงเถาวัลย์นี้ได้ นอกจากนี้ ลินลี่ย์รู้สึกว่าเข็มแหลมนับไม่ถ้วนจากเถาวัลย์แทงใส่ทั่วตัวเขา

แม้ว่าด้วยพลังชีพจรคุ้มกันของเขาจะสามารถป้องกันได้  แต่ปราณยุทธของเขาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว

“ท่านลอร์ด, ข้าไม่สามารถหลุดออกไปได้”  บาร์เกอร์ตื่นตระหนก  เขาต้องการจะกวัดแกว่งขวานยักษ์  แต่จำนวนเถาวัลย์ที่พันอยู่รอบแขนเขามีมากทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะควงขวานได้ ความยืดหยุ่นและความเหนียวของเถาวัลย์นี้น่ากลัวมาก  “ท่านลอร์ด, เราจะทำยังไงกันดี?”

บาร์เกอร์เริ่มคลั่ง

แม้ว่าเขาจะทรงพลัง  แต่พลังชีวิตของเถาวัลย์เหล่านี้ก็ยิ่งใหญ่มาก

ทันใดนั้น...

“ฮ่าฮ่า,พวกเจ้าทั้งสองยอมรับความตายเสียแต่โดยดี หลังจากฆ่าพวกเจ้าทั้งสองแล้ว ข้าจะฆ่าเพิ่มอีกสาม และจากนั้นข้าจะสะสมศพได้เพียงพอ  เมื่อข้าเสนอศพให้กับใต้เท้าของข้า  ข้าจะกลายเป็นเทพ  อย่าต่อต้านดิ้นรนดีกว่า  เจ้าไม่มีทางต่อต้านได้ พลังของมนุษย์อย่างเจ้าไม่มีเทียบกับข้าได้แน่”  เสียงแหลม แผ่วก้องมาจากภายในกรงเถาวัลย์

“ศพที่เพียงพอ?”  ลินลี่ย์ตกใจ

เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมตัวประหลาดในสุสานเทพเจ้าถึงต้องการฆ่าพวกเขา

“ตาย” เสียงแหลมแผ่วดังขึ้นอีกครั้ง

ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวกำลังมาที่เขาผ่านทางเถาวัลย์  เถาวัลย์แต่ละเส้นมีความแข็งแรงมากและในตอนนี้เถาวัลทั้งร้อยเส้น หรืออาจพันเส้นเพิ่มพลังขึ้นพร้อมกัน แม้แต่ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ก็ยังรู้สึกได้ว่าพวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงบีบเค้น

เถาวัลย์จำนวนมากขดรอบตัวลินลี่ย์ทำให้แขนขาและหางมังกรของเขาถูกพันธนาการไว้ แม้เมื่อจะใช้พลังล้วนๆ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้เพียงเล็กน้อย

“เจ้าต้องการฆ่าเราทั้งสองงั้นหรือ?”  ลินลี่ย์หัวเราะเย็นชา  และจากนั้นพลิกข้อมือ...

แสงสีม่วงฉายวาบภายใต้การโจมตีของวิชาจังหวะแห่งสายลม ที่ใดก็ตามที่กระบี่เลือดม่วงผ่านไปเถาวัลย์จะขาดจากกันทันที กระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์เปลี่ยนสภาพเป็นภาพพร่าเลือนอย่างรวดเร็ว  และเถาวัลย์ขาดมีนับไม่ถ้วน  เสียงร้องแหบแห้งทรมานได้ยินชัด

เถาวัลย์ที่ยังเหลือหนีไปด้วยความเร็วสูงทันที

ในไม่ช้าเถาวัลย์ที่ไม่เสียหายก็หายไปขณะที่มีเถาวัลย์กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่ยังคงบิดตัวไปมาเหมือนกับว่าพวกมันเป็นกล้ามเนื้อมีชีวิต

“หืม..” ลินลี่ย์จ้องมองดูรอบๆ ตัวเขา

ลินลี่ย์มองหาแก่นของสิ่งมีชีวิตประเภทต้นไม้  และในไม่ช้า ลินลี่ย์พบกับร่องรอยเลือนราง  แต่ขณะที่เขาทำเช่นนั้น  ลินลี่ย์ได้แต่ส่ายศีรษะถอนหายใจ  “ร่างหลักของเจ้าผู้นี้ซ่อนอยู่ใต้ดิน  การฆ่าเขาเป็นเรื่องที่ยาก”

บาร์เกอร์ยังรู้สึกกลัวอยู่บ้าง“ท่านลอร์ดลินลี่ย์, ถ้าตัวข้าเองต้องมาเผชิญหน้ากับเจ้าตัวเถาวัลย์นั่น  ข้าจะทำไงดี? กระบี่เลือดม่วงเล็กและใช้ง่ายเพียงพลิกข้อมือ  แต่ขวานยักษ์ของข้านั้นแตกต่างออกไป  ถ้าข้าต้องกวัดแกว่งมันด้วยมือข้าพลังโจมตีก็จะอ่อนด้อยและข้าคงไม่สามารถทำลายเถาวัลย์นั่นได้แน่”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

บาร์เกอร์มีพลังมากและการป้องกันที่แข็งแกร่ง  แต่ขวานยักษ์ของเขาใช้สำหรับการสับที่ทรงพลัง  แต่เพียงแค่นั้นพอตลอดทั้งร่างของเขาถูกเถาวัลย์รัดพันธนาการก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาในการทำลายเถาวัลย์

“กับการต่อต้านสัตว์ประหลาดประเภทต้นไม้  แค่พลังอย่างเดียวสู้อาวุธมีคมไม่ได้”  ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์

“ปัญหาหลักก็คือความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเจ้ายังไม่สูงเท่าใดนัก แม้จะมีเพียงมือเปล่าข้าก็สามารถใช้วิชาจังหวะแห่งสายลมได้และใช้สันมือของข้าตัดเถาวัลย์ให้ขาดได้ การใช้ ‘สัจธรรมแห่งแห่งธาตุดิน’ ก็เพียงพอจะทำให้เถาวัลย์พวกนั้นสลายออกไปได้”  ลินลี่ย์เตือนบาร์เกอร์  “ในทวีปยูลานเป็นเรื่องดีที่เจ้ายังอาศัยพลังที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าและพลังป้องกันของเจ้าได้  แต่ถ้าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับตัวประหลาดที่มีพลังประหลาด  เจ้าจะตกที่นั่งลำบากจริงๆ”

“ถูกแล้ว” บาร์เกอร์ได้แต่รับบทเรียนนี้ไว้ในใจ

“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กล่าว

แต่หลังจากที่ทั้งสองคนบินไปได้เพียงไม่กี่สิบเมตร ลินลี่ย์พลันหมุนตัวและพุ่งเข้าหาพื้นรวดเร็วราวสายฟ้า เขาใช้มือขวาทุบไปบนพื้นอย่างรุนแรงเหมือนใช้กระบองฟ้า  พื้นที่ทั้งสิ้นดูเหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย

สัจธรรมแห่งธาตุดิน– ชีพจรโลก คลื่น 128 ชั้น

นี่คือขีดจำกัดปัจจุบันของลินลี่ย์  และทรงพลังยิ่งกว่าพลังคลื่น 256 ชั้นครั้งก่อน

“อ๊า..” เสียงร้องโหยหวนได้ยินจากใต้ดิน

“หืม..เจ้าโชคดีที่ไม่ตาย”  ลินลี่ย์บินขึ้นไปอีกครั้ง  “บาร์เกอร์!  ไปกันเถอะ”

เมื่อเถาวัลย์หนีไปแล้วลินลี่ย์สามารถคำนวณตำแหน่งทั่วไปของเถาวัลย์ใต้ดินได้  แต่นี่เป็นแค่พื้นที่ทั่วไป  ขณะที่ลินลี่ย์เห็นมัน...ร่างหลักของสิ่งมีชีวิตของเถาวัลย์นี้ใหญ่โตอย่างมิต้องสงสัย

ลินลี่ย์คาดการว่ามันน่าจะเป็นที่ใดสักแห่งจากนั้นจึงส่งพลังสัจธรรมแห่งธาตุดินเข้าไปในใจกลางพื้นที่

“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถโจมตีหัวใจของเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้ แต่ข้าก็ยังสามารถโจมตีตำแหน่งทั่วไปในร่างของมันได้”  ลินลี่ย์คิดในใจ  แน่นอนเนื่องจากเป็นการคาดการณ์  แม้ว่าเขาจะโจมตีไม่ถูกแก่นพลังของสัตว์ประหลาดนี้และเจ้าสิ่งมีชีวิตร่างเถาวัลย์นี้โชคดีที่รอดได้  ลินลี่ย์ยังคงทำอันตรายพวกมันอย่างหนัก

หลังจากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเถาวัลย์ไม่นาน  ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ก็พบกับประตูลับที่ชั้นสองเป็นชุดบันไดที่ล้อมรอบด้วยพืชมากมาย ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ไต่ขึ้นบันไดโดยตรง ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าชั้นที่สาม

“ระวังให้ดี ทุกๆชั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีนาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นก็ได้  เจ้าต้องไม่ใจร้อน”  ลินลี่ย์เตือนบาร์เกอร์

“ข้ารู้ ถ้าเราพบกับนาคราช ข้าจะไม่พูดอะไรสักคำ” บาร์เกอร์พยักหน้า

จากนั้นลินลี่ย์และบาร์เกอร์ตรงเข้าไปในชั้นที่สาม เมื่อเข้าไปแล้วลินลี่ย์และบาร์เกอร์อดหนาวสะท้านไม่ได้ทั้งคู่  มันหนาวเหลือเกิน  ความหนาวแบบนี้ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

นี่คือโลกน้ำแข็ง

ภูเขาน้ำแข็งจำลองทอดตัวเป็นแนวและขนาดที่ใหญ่มีพลังงานสีขาวไหลเวียนอยู่ทุกที่ เมื่อพลังงานสีขาวเข้ามาใกล้พวกเขา ลินลี่ย์กับบาร์เกอร์อดสะท้านไม่ได้อีกครั้ง

“มันหนาวมากขนาดนั้นได้ยังไง?”  ลินลี่ย์ลอบตกใจ  “ข้ามีทั้งชีพจรป้องกันและเกล็ดมังกร  แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี  ประหลาดมากจริงๆ”

แต่แม้ว่าลินลี่ย์และบาร์เกอร์ทั้งคู่จะคิดอย่างนี้  พวกเขาไม่กล้าส่งเสียง  ก่อนที่จะแน่ใจเต็มที่ว่าในชั้นนี้มีนาคราชอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่ ทั้งสองไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ลินลี่ย์และบาร์เกอร์บินอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้น...

“เป็นเอดินส์นั่นเอง”  ลินลี่ย์เห็นเซียนคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลมาก  ตอนนี้บินอย่างระมัดระวังพร้อมกับเซียนอีกสองคน

เมื่อลินลี่ย์และบาร์เกอร์บินเข้ามาใกล้พวกเขา เอดินส์ดูเหมือนจะสังเกตเห็นลินลี่ย์ได้เหมือนกัน  และเขารีบปรายตาบอกใบ้ลินลี่ย์

“มีอะไร?” ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ

เห็นได้ชัดว่าสายตาของเอดินส์กังวล  ขณะเดียวกันเขาชี้ไปตำแหน่งหนึ่ง

ลินลี่ย์มองดูตามตำแหน่งที่เอดินส์ชี้ทันทีและเขาเห็นสัตว์ประหลาดที่ดูคล้ายกับอสรพิษปกคลุมไปด้วยเกล็ดเขียวมีขนาดหนาเกินสิบเมตร และว่ากันเรื่องความยาว... ลินลี่ย์เห็นได้แต่เพียงความยาวระยะไม่กี่สิบเมตร  ส่วนที่เหลือของมันมีภูเขาน้ำแข็งบดบังเอาไว้

“หรือว่านั่นคือนาคราช?”  ลินลี่ย์ใจสั่น

บาร์เกอร์ก็ประหลาดใจเช่นกัน  เขาผลัดกันมองดูกับลินลี่ย์  และพวกเขาทั้งสองบินด้วยความระมัดระวังอย่างเงียบเชียบ  ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น  เอดินส์และเซียนอื่นๆอีกสองคนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยกลัวว่าพวกเขาอาจปลุกอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวอย่างนาคราชได้

หลังจากบินไปชั่วขณะแล้วลินลี่ย์จึงสามารถเห็นร่างส่วนใหญ่ของนาคราชได้

ร่างของนาคราชพันขนดรอบภูเขาที่เหมือนภูเขาน้ำแข็งและไม่มีใครเห็นส่วนท้ายของตัวมัน แต่เฉพาะส่วนที่ขดรอบภูเขาน้ำแข็งก็ยาวเกินพันเมตรแล้ว นี่คืออสูรเวทที่มีร่างใหญ่ที่สุดเท่าที่ลินลี่ย์เคยเห็นมาในชีวิต  อสูรเวทปกติจะมีขนาดยาวเกือบร้อยเมตร

แต่ตำแหน่งที่มองไม่เห็นของนาคราชก็น่าจะยาวเกินพันเมตร

“เป็นไปได้ไหมว่ามันมีขนาดยาวเกินหมื่นเมตร?”  ลินลี่ย์ บาร์เกอร์และคนอื่นยังคงบินต่อเพื่อหาทางไปต่อ  ลินลี่ย์เห็นว่าที่ด้านหลังมียอดฝีมือเข้ามาในชั้นสามด้วยเช่นกัน “ข้าหวังว่าคนเหล่านี้ คงจะไม่ปลุกนาคราช ถ้าเราต้องถูกลากไปด้วย นั่นจะเป็นภัยพิบัติใหญ่

ตอนนี้มียอดฝีมือน้อยคนในชั้นสามถ้ามีคนใดคนหนึ่งส่งเสียงขึ้นมา ทั้งหมดคงจบสิ้นกัน

“หัวของนาคราช” ลินลี่ย์เห็นหัวอสรพิษขนาดมหึมาจากที่ไกล อย่างน้อยก็สูงยี่สิบเมตร ตาของนาคราชหลับอยู่ ลมหายใจของมันไม่ดังมาก แต่บรรยากาศบนชั้นสามเงียบงัน ลินลี่ย์และคนอื่นเข้าใจได้ชัดเจนมาก

เมื่อนาคราชอยู่ในระหว่างหลับใหลมันจะปล่อยควันดำออกมาจากปากต่อเนื่อง ควันดำกระจายไปรอบพื้นที่เหมือนกับลม และเมื่อใดก็ตามที่ควันดำกระทบภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ ภูเขาน้ำแข็งนะสลายกลายเป็นฝุ่นน้ำแข็ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด