ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 26 ขอบเขตจริงแท้ เสกสร้างสรรพสิ่งให้เป็นจริง
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 26 ขอบเขตจริงแท้ เสกสร้างสรรพสิ่งให้เป็นจริง
“สิ่งนี้ถูกท่านพ่อทิ้งไว้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แค่ชาธรรมดาทั่วไป”
ฉู่เซวียนลืมตาแล้วกล่าวเรื่องไร้สาระออกมา
ตราบใดที่เขาบอกว่าบิดาของเขาทิ้งไว้ก็ไม่มีใครสงสัยเขา
บิดาของเขาเป็นบุคคลที่ข่มเหงคนรอบข้างของเขาจริง ๆ
“มันถูกลุงสามทิ้งไว้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจ!”
ฉู่อวิ๋นตกตะลึง
ฉู่ชิวหลัวเป็นบุคคลในตำนาน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อคนส่วนใหญ่เห็นฉู่เซวียนความคิดแรกของพวกเขาคือบิดาเป็นเสือกลับให้กำเนิดบุตรชายเป็นสุนัข!
ในขณะที่ตระกูลฉู่สงบสุขอย่างมาก
ดูเหมือนว่าลัทธิมารจะหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ และขุมอำนาจส่วนใหญ่ของพวกเขาในเมืองฉู่ก็ล่าถอยไป
ยังไม่มีข่าวคราวของจางขุย
ดูเหมือนว่าเขาจะตายไปแล้วจริงๆ
มีเพียงว่านฉางเท่านั้นที่รู้ว่าจางขุยเคยปรากฏตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ
ยอดฝีมือของหอจันทร์ทมิฬไม่สามารถฆ่าเขาได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น
เขาหนีไปได้
ยิ่งกว่านั้น ว่านฉางได้สูญเสียการติดตามของจางขุยไปอีกครั้ง
โชคดีที่เขาไม่ได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าจางขุยตายแล้ว!
เขาเคยบอกกับฉู่เทียนหมิงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ดังนั้น แม้ว่าจางขุยจะปรากฏตัวอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครสงสัยว่าข่าวกรองของหอจันทร์ทมิฬนั้นผิดพลาด
เนื่องจากหอจันทร์ทมิฬไม่เคยบอกอย่างเป็นทางการว่าจางขุยตายแล้ว
สำหรับฉู่เทียนหมิง เขาได้เสนอที่จะใช้คำร้องขอของเขาสำหรับเครือข่ายข่าวกรองของหอจันทร์ทมิฬ เพื่อสืบหาที่อยู่ของฉู่ชิวหลัว ดังนั้น ฉู่เทียนหมิงจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นอันตรายต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
“โฮสต์เก็บตัวอยู่บ้านสิบเดือนแล้ว โฮสต์ได้รับรางวัลระฆังเพลิงทมิฬ”
ระฆังเพลิงทมิฬเป็นอาวุธจักรพรรดิระดับต่ำ มันมีเพลิงทมิฬที่สามารถเผาผลาญท้องฟ้าและทำให้พื้นปฐพีให้เดือดพล่าน พลังของมันไร้ต้านอย่างแท้จริง
ฉู่เซวียนได้รับอาวุธจักรพรรดิอีกชิ้นหนึ่ง ยิ่งเขาเก็บตัวอยู่ในบ้านนานเพียงใด รางวัลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ระดับของรางวัลก็สูงขึ้นเช่นกัน
รางวัลที่ต่ำที่สุดที่เขาน่าจะได้จากเก็บตัวอยู่ในบ้านหนึ่งปีคือเคล็ดวิชาสวรรค์!
บางทีเขาอาจได้รับเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์หรือบางทีอาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ?
ฉู่เซวียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในช่วงเวลานี้ ฉู่อวิ๋นมักจะมาที่ลานบ้าน ทุกครั้งที่นางพลิกดูหนังสือ นางจะได้รับความเข้าใจที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวคิดภายใน
ทุกครั้งที่นางถอนหายใจ “ลุงสามช่างเป็นอัจฉริยะเสียจริง ๆ !”
ฉู่เซวียนยิ้ม แต่ไม่ได้กล่าวอะไร
นางดื่มชาโพธิทุกวัน โดยปกติแล้วมันจะไม่มีอุปสรรคใดๆ เมื่อฉู่อวิ๋นพยายามที่จะทะลวงไปสู่ขอบเขตจริงแท้
นางมีพรสวรรค์โดยกำเนิดที่โดดเด่นและเข้าใจความนัยที่แท้จริงของฟ้าดินล่วงหน้า มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่นางจะก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตจริงแท้
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านไป ตอนนี้ฉู่อวิ๋นก็อยู่ไม่ไกลจากขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่สี่
ในทางกลับกัน ฉู่เสวียนก็ได้มาแตะระดับของขอบเขตจริงแท้แล้ว เขาจะทะลวงไปสู่ขอบเขตจริงแท้ภายในไม่เกินครึ่งเดือนอย่างแน่นอน
มีกระถางต้นไม้อีกสองสามต้นในลานบ้าน สิ่งเหล่านี้ถูกฉู่อวิ๋นนำมาทั้งหมด
นางรู้สึกว่าลานบ้านที่กว้างขว้างนั้นดูน่าเบื่อเกินไป มีเพียงแมวและต้นไม้เล็กๆ ที่ดูแปลกประหลาด ดังนั้นนางจึงปลูกดอกไม้วิญญาณไว้ในกระถางที่นี่
“พี่สิบสาม ทำไมข้าไม่เคยเห็นท่านออกจากบ้านมาก่อนรึ?”
ฉู่อวิ๋นถามด้วยความสงสัย
แม้นางจะมาเยี่ยมเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน แต่ฉู่เซวียนก็ไม่เคยออกจากเรือนสี่ประสานเลยสักครั้ง
ฉู่เทียนหมิงไล่เขาออกจากจวนบรรพชนเท่านั้น เขาไม่ได้ห้ามฉู่เซวียนไหนสักหน่อย ดังนั้นฉู่เซวียนจึงออกจากบ้านไปไหนก็ได้
“ข้ากำลังฝึกอยู่”
“หือ?”
ฉู่อวิ๋นกล่าวด้วยความสับสนว่า “พี่สิบสาม ข้าไม่เห็นพี่จะฝึกตรงไหนเลย ความแข็งแกร่งของพี่ไม่เพิ่มขึ้นสักนิด”
“เจ้าไม่เข้าใจ ข้ากำลังฝึกจิตใจอยู่”
ฉู่เซวียนตอบด้วยสีหน้าที่หยั่งไม่ถึง “ยิ่งสภาพจิตใจสูงเพียงใด พลังยุทธ์ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น”
“อย่างนี้นี่เองพี่สิบสาม พี่กำลังบอกว่าเพราะสภาพจิตใจของพี่ไม่สูงนัก ความแข็งแกร่งของพี่จึงอ่อนแอเช่นนั้นใช่หรือ?”
ฉู่อวิ๋นครุ่นคิด
“นี่เป็นวิชายุทธ์ที่ลุงสามถ่ายทอดมางั้นหรือ? แปลกจริง!”
มุมปากของฉู่เซวียนกระตุก เพื่อป้องกันไม่ให้นางบังคับให้เขาฝึก เขาทำได้เพียงโกหกและกล่าวไป “ใช่ ท่านพ่อของข้าส่งต่อมันเป็นความลับ ในตอนแรกพละกำลังของเขาก็ดูอ่อนแอเช่นกัน แต่เมื่อเขาเข้าใจมันแล้ว เขาก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า”
“ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฝึกฝนวิธีนี้ได้ มันรุนแรงมาก นี่เป็นเหตุผลที่ข้าไม่กลับไปที่จวนบรรพชน!”
ด้วยข้ออ้างนี้ ฉู่อวิ๋นก็จะไม่รบกวนเพื่อพาเขากลับไปยังจวนบรรพชนพร้อมกับนางอีกต่อไป
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ฉู่อวิ๋นพยักหน้าและกล่าวด้วยใบหน้าที่จริง “ข้าจะไม่บังคับพี่สิบสามให้กลับไปที่จวนบรรพชนอีกต่อไปแล้ว และข้าจะไม่ยอมให้ใครมารบกวนพี่ด้วย!”
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่เซวียนได้ก้าวหนึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตจริงแท้แล้ว
เขาจะทะลวงภายในหนึ่งหรือสองวันนี้
ฉู่อวิ๋นดื่มชาโพธิและพลิกดูบันทึกการฝึกฝน ความเข้าใจของนางเกี่ยวกับวิชาจักรพรรดิต้าหลัวยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ และนางก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่สี่ได้ครึ่งฉื่อแล้ว
ในวันนี้ฉู่อวิ๋นมาเพื่ออำลา นางกำลังจะกลับไปยังจวนบรรพชนเพื่อทะลวงไปสู่ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่สี่
ฉู่เทียนหมิงมีความสุขมาก เขารักและเอ็นดูฉู่อวิ๋นหลานสาวของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้แต่ฉู่ชิงที่เขามองว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของเขา ก็ไม่สามารถเทียบได้กับฉู่อวิ๋นได้ในแง่ของความรักและความเอ็นดูที่เขาแสดงออกมา
หัวใจของฉู่เทียนหมิงเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่มีความตั้งใจที่จะจัดการเกี่ยวกับการแต่งงานของฉู่อวิ๋นอีกต่อไป เขาเพิกเฉยต่อความตั้งใจของราชวงศ์ฉินโดยตรงที่จะมาสู่ขอนางแต่งงาน
ฉู่เซวียนรู้ดีว่าตระกูลฉู่ ตระกูลจ้าว ตระกูลเหอ และราชวงศ์ฉินผูกสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงานมาโดยตลอด เหล่าทายาทสายตรงของทั้งสี่ตระกูลต่างก็แต่งงานกันเอง
ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสี่ตระกูลจึงแยกกันไม่ออก
ฉู่เซวียนเขาไม่มีคู่หมั้นเพราะฉู่ชิวหลัวบิดาของเขาเคยผิดสัญญาการแต่งงาน นอกจากนี้ พรสวรรค์ของเขาเองก็ยังย่ำแย่ ดังนั้นอีกสามตระกูลจึงไม่ถือว่าเขาเป็นผู้มีโอกาสที่จะเป็นผู้สมัครแต่งงาน
นอกจากเขาแล้ว ทายาทสายตรงคนอื่น ๆ โดยพื้นฐานแล้วล้วนมีคู่แต่งงาน
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ผู้อาวุโสทุกคนก็มีความตั้งใจเดียวกันและจะมองหาโอกาสสำหรับผูกสัมพันธ์เหล่านี้ในการรักษาความรู้สึกที่มีต่อกัน
ตัวอย่างเช่น คู่หมั้นของพี่เจ็ดคือเหอเว่ยเว่ย
คู่นี้เรียกได้ว่าชอบพอกันอยู่แล้วและความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้
ฉู่อวิ๋นยังเด็ก ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว การแต่งงานของนางจึงยังไม่ได้รับการตัดสิน นอกจากนี้ ฉู่เทียนหมิงยังรักนางมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีแผนที่จะให้นางแต่งงานในตอนนี้
สิ่งที่ฉู่เซวียนต้องการทำคือให้ฉู่อวิ๋นได้รับพลังมากพอที่จะควบคุมอนาคตของนางเอง
หลังจากที่เก็บตัวอยู่บ้านเป็นเวลาสิบเดือนกับอีกสิบห้าวัน ในที่สุดโอกาสที่จะทะลวงไปสู่ขอบเขตจริงแท้ก็มาถึง
ฉู่เซวียนนั่งไขว่ห้างบนเตียง การก่อค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อมในลานบ้านได้เปิดใช้งานแล้ว
แม้ว่าความเร็วในการทะลวงของเขาจะเร็วมาก และเขาสามารถทำให้การฝึกฝนของเขามั่นคงได้ภายในวันเดียวกับที่วันที่เขาทะลวง แต่เขาก็ต้องเปิดใช้งานค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อมเพื่อป้องกันเหตุในกรณีที่เลวร้าย
พลังวิญญาณในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นและเริ่มได้รับการเปลี่ยนแปลง
เจตจำนงวิญญาณและพลังวิญญาณ เช่นเดียวกับความเข้าใจในขอบเขตจริงแท้ ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
ความเร็วของการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ช้า สองชั่วยามต่อมา ฉู่เสวียนได้บุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจริงแท้แล้ว
พลังวิญญาณของเขาได้ยกระดับขึ้นทั้งหมด และแต่ละเสี้ยวของพลังวิญญาณก็มีเจตจำนงวิญญาณอยู่
หลังจากการพัฒนาจิตใจเสร็จแล้ว ฉู่เซวียนก็เคลื่อนไหว พลังวิญญาณก็ปรากฏขึ้น
กระต่ายน้อยที่เกิดจากพลังวิญญาณปรากฏขึ้นข้างๆ เขา
กระต่ายน้อยดูไม่ต่างจากกระต่ายจริง ๆ และไม่มีร่องรอยของพลังวิญญาณที่ถูกควบแน่น
ดวงตาของมันสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มันอ้าปากส่งเสียงร้องเหมือนกระต่ายน้อยน่ารัก
ขนทุกเส้นบนร่างกายเหมือนกันทุกประการ
เมื่อสัมผัสมัน มันให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีชีวิตชีวา
เมื่อขาของกระต่ายน้อยถูกตัด มันก็ร้องด้วยความเจ็บปวด มันกระโดดไปมาอย่างดิ้นรน เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลของมัน
การสร้างพลังให้เป็นจริง!
นี่คือเครื่องหมายของยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้!
สำหรับผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตจริงแท้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังเกตเห็นว่ากระต่ายตัวนี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณ
ฉู่เซวียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบันทึกที่เขาอ่านในหนังสือทั่วไป
ยอดฝีมือจริงแท้คนหนึ่งได้สร้างโอสถนับพันเม็ดจากพลังวิญญาณและขายให้กับสำนักหนึ่ง จ้าวสำนักไม่ทราบว่าพวกมันเป็นของปลอม
จนกระทั่งพวกเขาพบว่าเม็ดโอสถสามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่มีผลพิเศษใดๆ พวกเขาจึงพบว่าพวกเขาถูกโกง
แน่นอนว่าหากโอสถที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณของยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ไม่ถูกดัดแปลง ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ใต้ขอบเขตจริงแท้สามารถกินมันเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณของพวกเขาหรือแม้แต่ทะลวงผ่านขอบเขตเล็กๆ ได้
ด้วยความคิดจากฉู่เซวียน กระต่ายน้อยและลูกแมวน่ารักปรากฏขึ้นที่ลานบ้านทีละตัว
พวกมันกระโดดไปมา มีชีวิตชีวา และดูน่ารักน่าชัง!
