ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0123
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0125

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0124


บทที่ 38 เอลเดอร์ลิช พ่อพระของคนตาย (6)

* * *

เราเดินทางขึ้นเหนือ ฉันยังไม่ลืมเส้นทางที่เรามาเมื่อสี่วันก่อน

“เส้นทางลงใต้ลำบากเหมือนกันนะ”

“ใช่ หลังจากผ่านหมู่บ้าน เส้นทางส่วนใหญ่ยังเป็นป่า”

ลิลี่พูด

ฉันหันไปมองลิลี่

ไม่เคยสังเกตมาก่อน เพราะฉันมักเป็นคนขี่เรลิกซิน่า

เพิ่งรู้ว่าลิลี่ขี่ม้าเก่งมากทีเดียว

“เธอขี่เก่งกว่าฉันอีกนะ”

“เพราะข้าเรียนมา”

ลิลี่หันมามอง

“แต่เจ้าไม่ได้เรียน”

“ก็ทำนองนั้น”

“แล้วเจ้าขี่เป็นได้ยังไง? เรื่องนั้นน่าสนใจกว่าอีก”

“เมื่อมานานแล้ว ฉันคิดว่าถ้าขี่ม้าเป็นก็คงจะดี ก็เลยจับม้าป่ามาลองขี่มั่วๆ”

“หลังจากนั้นก็ขี่เป็น?”

“เปล่า… ฉันเกือบตายเพราะถูกถีบขาคู่”

“…ไม่น่ารอดมาเลย”

“ก่อนมาเจอเธอ คงเรียกว่าขี่เป็นไม่ได้ ยังดีได้เธอช่วยขัดเกลา”

อันที่จริง ไม่ว่าจะยิงธนูหรือขี่ม้า ฉันแค่ ‘พอทำเป็น’ โดยไม่มีพื้นฐาน และทำแบบนั้นมาตลอดชีวิต จนกระทั่งลิลี่ช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง

“ลิลี่ เธออายุเท่าไร”

“ยี่สิบเอ็ด”

กล่าวกันว่า หนึ่งปีของที่นี่ไม่ต่างจากโลกมากนัก ด้วยวัยดังกล่าว ทั้งการขี่ม้า ยิงธนู และศิลปะการต่อสู้…

ไม่ว่าแวมไพร์จะมีสมรรถภาพร่างกายดีแค่ไหน แต่มองยังไงลิลี่ก็ไม่ปกติ

นอกจากนั้น ฉันยังทราบว่าแวมไพร์มีพลังพิเศษที่คล้ายเวทมนตร์ในสายตามนุษย์

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมลิลี่ถึงไม่เคยใช้ให้เห็น แต่ฉันไม่ถามเพราะคิดว่าไม่จำเป็น

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อเทียบกับอายุ ฉันมองว่าเธอมีความสามารถหลากเกินไป

หรือจะเป็นเพราะชะตากรรมของตระกูลผู้นำทาง?

“…ฉันคงใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้”

“เจ้าคิดอะไรอยู่คนเดียว”

“เธอเก่งมากเลยนะ”

“…จู่ๆ ก็พูดอะไร”

ฉันส่ายหน้าพลางนำเข็มชี้ทองคำออกจากเสื้อ

อัญมณีห้าเม็ดถูกวางเรียงในตำแหน่ง

“ห้าเม็ดแล้ว”

ลิลี่ขยับเข้ามาใกล้ในระยะที่มองเห็น

“เกือบครึ่งทางแล้วสินะ”

ฉันพยักหน้ารับ

การสะสมบางสิ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่ ตรงกันข้าม ฉันค่อนข้างตื่นเต้น

แต่ดูเหมือนว่าทุกเม็ดที่สะสมเพิ่ม ลิลี่จะมีความสุขยิ่งกว่าฉันเสียอีก

กริ๊ก!

ฉันเปิดฝาหน้าปัด

เสียงเข็มสั่นดังแว่ว แต่ก็สงบลงหลังจากฉันวางทำมุมฉากกับพื้น

ปลายทางยังคงอยู่ด้านบน

ฉันแหงนมองฟ้า ผืนนภาที่นี่สีออกเขียวกว่าบนโลก เป็นทิวทัศน์ที่ไม่ต่างจากปกติ สายลมค่อนข้างแห้งและเย็น

“…พวกเราคงไม่ได้หูฝาดใช่ไหม”

หงึก

ต่างโลกเต็มไปด้วยความพิสดารจนฉันไม่แน่ใจกับทุกสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน แต่เสียงร้องเมื่อครู่เป็นของเหยี่ยวแน่นอน

เสียงร้องของเหยี่ยวที่กังวานไปทั่วโลก… หนึ่งในเก้าเทวราชา… ความมืดมิดไร้สิ้นสุด

“เอ่อ… มันชื่ออะไรแล้วนะ?”

“เหยี่ยวจากความมืดมิดไร้สิ้นสุดที่มาเยือนทุกพันปี เจ้าเป็นพวกจำชื่อไม่เก่งสินะ”

อา ชื่อนั้นแหละ

เข็มชี้อาจกำลังเล็งไปทางเหยี่ยว อีกฝ่ายส่งสัญญาณบอกให้รู้แล้วว่ามาเยือน

ว่าแต่ ทำไมชื่อถึงเรียกยากแบบนี้

“นั่นคือชื่อของมัน?”

“หือ?”

“ไร้สิ้นสุดอะไรสักอย่าง… นึกว่าเป็นฉายาซะอีก ไม่มีชื่อจริงๆ บ้างหรือ? เหมือนอุนเดราหรือลาชีมา”

“นั่นแหละชื่อ”

“…นับแต่นี้ไป ชื่อของมันคือคอสมิก·แอนโดรเมด้า·ฮอว์ก” (Cosmic Andromeda Hawk)

“เจ้ากำลังหมิ่นเทพ”

ลิลี่พูดพลางพ่นลมหายใจ

“ถ้าเจ้าพูดแบบนั้นต่อหน้าศาสนจักรเทวราชา ได้เกิดจลาจลแน่”

“ไม่ต้องห่วง ฉันอ่านบรรยากาศเก่ง”

“เลิกโม้ได้แล้ว หมู่บ้านอยู่ข้างหน้า”

รู้ตัวอีกที พวกเราผ่านเส้นทางป่า ไต่เส้นทางแปลกๆ บนเขาที่ดูเหมือนเกิดจากฝีมือคน จนมาถึงหมู่บ้านที่มีเอลฟ์อาศัยเป็นส่วนใหญ่

หมู่บ้านที่นับถือฉันในฐานะผู้หยั่งรู้

หมู่บ้านที่เคยถูกสปริกแกนโจมตี

กำแพงและรั้วยังคงชำรุด แต่บรรยากาศสงบลงมากแล้ว

เนื่องจากใกล้พลบค่ำ เราตัดสินใจพักกันที่นี่

“…?”

แต่บรรยากาศดูแปลกๆ

“ลิลี่”

“อื้อ”

ทันทีที่ให้สัญญาณ ลิลี่ลงจากม้า

ฉันจูงม้าลิลี่ไปด้านหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ และผูกเชือกไว้

จากนั้นก็ลงจากม้าตัวเอง

“เรลิกซิน่า ไปซ่อนตัว”

สิ้นเสียงคำสั่ง เรลิกซิน่าก้าวถอยหลังและวิ่งออกไป

เสียงกีบเท้าม้าเบาลงเรื่อยๆ ขณะพวกเราซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้

“ลิลี่ ฉันว่ามันแปลก”

ลิลี่พยักหน้า

“ไม่มีใครอยู่บนหอสังเกตการณ์”

ไม่มีเวรยามเฝ้าประตูหน้า ไม่มีใครคอยสอดส่องจากหอสังเกตการณ์

ไม่ว่ากำแพงและรั้วจะเสียหายหนักแค่ไหน แต่แปลกเกินไปที่ไม่มีใครคอยเฝ้ายาม โดยเฉพาะยามวิกาลแบบนี้

คงมีเหตุไม่ปกติเกิดขึ้น เราจึงลงม้าและค่อยๆ ขยับเข้าใกล้

ฉันได้ยินเสียงลิลี่ด้านหลังชักมีด

เราเข้าใกล้กำแพงอย่างระมัดระวัง

“คิ…คิ…คิ…คิ”

เสียงหัวเราะแปลกๆ ดังขึ้น

แต่ฟังดูคุ้นเคยสำหรับฉัน

“…เฮ้อ”

ฉันหงุดหงิดจนเผลอถอนหายใจเสียงดัง

ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกแล้ว

“ท่านผู้หยั่งรู้…! โอ้—!”

ใครบางคนส่งเสียงขณะมองมาจากหน้าต่างบ้าน

อีกฝ่ายพยายามกดเสียงให้เบาที่สุด แค่เห็นก็รู้ทันทีว่ากำลังหวาดกลัวบางสิ่ง

“คิ…คิ…คิ…คิ…”

เสียงหัวเราะนี้ไม่มีความหมายกับฉัน

ใจกลางหมู่บ้าน ผืนผ้ากลุ่มใหญ่กำลังบินว่อน

ผ้าใสส่องแสงสีเขียวซีด

…ผี

「คิคิก! เจ้าปุถุชน! มอบร่างให้ข้าเสียเถิด! แล้วเจ้าจะได้เป็นอมตะเหมือนข้า!」

“…”

ลิลี่ผ่อนคลายไม่ต่างกัน

เธอเดินตามหลังฉันด้วยฝีก้าวปราศจากความกลัว

ฉันเหวี่ยงดาบนักพิพากษาส่งเดชโดยไม่คิดเยอะ

สายตากวาดมองไข่มุกสีซีดที่ร่วงกราวลงพื้น

“…โอ้—!”

ชาวบ้านที่คุ้นตาทยอยออกจากบ้านทีละคน

“โฮ่!”

“โอ้!”

“โอ้—!”

ได้โปรด…

“ฟันผีได้ด้วย… ท่าน…”

“ท่านคนบ้า!”

“เจ้าจะไปไหน?”

ขณะฉันใช้สองมือปิดหู ลิลี่ยืนกอดอกอยู่ข้างหลัง

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยกันไว้ให้ฝั่งหนึ่ง”

“…ขอบคุณ”

ทำไมถึงไม่ชินสักทีนะ? ฉันอยากหนีทุกครั้งที่เจอสถานการณ์แบบนี้

ถอนหายใจยาว ฉันพยายามเมินเสียงเชียร์และก้มเก็บไข่มุก

ไข่มุกสีฟ้าบรรจุพลังบางอย่างไว้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร

สรรพคุณเดียวที่รู้คือการเปิดประตูเข้าไปในมิติแห่งความตาย

“ถ้ามันมีอำนาจเปิดประตู… แปลว่าต้องบรรจุพลังบางชนิด…”

แต่ไม่ใช่รูน ไม่ใช่เวทมนตร์ ชัดเจนว่าเป็นพลังประเภทที่สามที่ฉันไม่รู้จัก

“หืม…”

เดี๋ยวนะ…

หรือจะเป็นพลังที่เกี่ยวกับโลกวิญญาณ?

ชุดรูนทัลทยอยถูกวาดในหัว ขณะเดียวกันคำนวณองค์ประกอบและความสัมพันธ์ทั้งหมด

หรือว่า…

นักบวชจ้องหน้าฉันสักพักก่อนจะเปิดปาก

“ท่านคนบ้า เหตุใดถึงกลับมาเร็วนัก?”

“ก็ดีแล้วนี่… หมู่บ้านไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

น่ายินดีที่ไม่มีใครเจ็บหรือตาย

นักบวชเอลฟ์ที่ก้มหัวอยู่ตรงหน้า เงยศีรษะขึ้น

“ใช่ขอรับ หลังจากท่านช่วยพวกเราไว้คราวนั้น ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก ผีพวกนี้เพิ่งปรากฏตัวเมื่อสองชั่วโมงก่อน…”

“สองชั่วโมงก่อน?”

นักบวชพยักหน้า

“ทางทิศใต้ เราเห็นเสาลำแสงยักษ์แหวกทะลวงท้องฟ้า ราวกับพุ่งมาจากอีกฟากของจักรวาล หรือนั่นจะเป็นฝีมือท่านคนบ้า…?”

ก็เป็นฝีมือของฉันจริงๆ ล่ะนะ

หงึก

“…พลังของท่านคนบ้า จะพัฒนาไปไกลขนาดไหนกันแน่?”

ไม่ใช่พลังของฉัน ของมังกรต่างหาก

แต่ถ้าเล่าเรื่องมังกรก็คงจะยาว ปล่อยให้เข้าใจแบบนั้นไปดีกว่า

“ทำไมผีถึงโผล่ออกมา? พวกนายจัดงานศพกันตามปกติไม่ใช่หรือ”

“เอ่อ… หลังจากเสาลำแสงสว่างขึ้นจากทางใต้ สายลมที่หอบความชั่วร้ายก็พัดผ่านมาทันที ไม่นานก็ตามด้วยเสียงเหยี่ยวร้อง…”

“…แบบนี้นี่เอง”

คงเป็นผลข้างเคียงจากความตายของกาลอส

โชคดีที่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราจึงรบกวนห้องพักหนึ่งห้อง

นักบวชจัดหาห้องดีๆ อาหาร น้ำดื่ม และเหล้าให้เราด้วยความยินดี

ฉันยกเหล้าให้ลิลี่ ส่วนตัวเองกินเนื้อตากแห้ง สตูเนื้อกวางใส่รากผักสูตรพิเศษของหมู่บ้าน และขนมปังเห็ด

“…ขนมปังเห็ด?”

“อร่อยดีนะ”

ลิลี่พูดขณะนั่งกินอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ มืออีกข้างถือเพมมิแคนเลือด

ทั้งที่เป็นแวมไพร์ แต่ดูเหมือนเธอจะกินอย่างอื่นมากกว่าเลือดเสียอีก

เมื่อกินเสร็จ ฉันเดินไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานโทรมๆ

อัญมณีสีคราม ชอล์ก แหวนนักบันทึก และไข่มุกผีถูกวางเรียงตรงหน้า

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

“พอดีคิดเรื่องสนุกๆ ได้”

พูดจบ ฉันนำรูปถ่ายออกจากเสื้อ

ในรูปถ่าย จอห์นสันจ้องฉันพลางแลบลิ้น คล้ายกับเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

* * *

“เฮ้อ… นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก?”

“ครั้งที่เท่าไรแล้ว?”

“สี่”

“สาเหตุคืออะไร?”

จองจีฮุนปิดปากสนิทขณะมองเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังส่ายหน้า

การถอนหายใจในเวลาแบบนี้อาจทำลายขวัญกำลังใจ และยังสร้างความกังวลแก่ชาวบ้านที่กำลังแอบมอง

“…พวกเขาคงไม่คิดจะสั่งลี้ภัยใช่ไหม”

“ถ้าอย่างนั้นธุรกิจได้เจ๊งแน่!”

คนที่ทำธุรกิจในต่างโลกเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่เริ่มชินชากับความไม่ปลอดภัย พวกเขามองว่าปัญหาด้านธุรกิจเริ่มสำคัญมากกว่าชีวิต

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนกำลังประสบวิกฤติทางการเงิน และถ้าคนเหล่านี้ล้มลง เศรษฐกิจก็จะพังจนเบสแคมป์อยู่ไม่ได้

ครุ่นคิดสักพัก จองจีฮุนเดินไปหาหัวหน้าทีมป้องกัน

“ผมทำเรื่องขออนุญาตใช้อาวุธกึ่งอัตโนมัติให้พวกคุณแล้ว”

“สักที…”

“หน่วยแพทย์จะถูกส่งมาตอนเช้า ได้โปรดเคลื่อนย้ายคนเจ็บโดยด่วน”

“ครับ”

ตอนนี้สามารถระบุรังของฝูงแมลงที่โจมตีเบสแคมป์ได้แล้ว

รังมดที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นจากดิน ใหญ่จนสามารถเรียกภูเขาหินลูกเล็ก

จากที่นั่น ฝูงแมลงคล้ายมดหน้าตาประหลาดทยอยบุกโจมตีเบสแคมป์เป็นระยะ

ตอนแรกก็ไม่ได้โจมตีหนักหน่วงอะไร แต่ยังไม่ทันจะออกมาตรการตอบโต้ การโจมตีของฝูงมดเริ่มเพิ่มความหลากหลายจนคาดไม่ถึง มีแม้กระทั่งการพ่นกรดจากระยะไกล

กว่าจะรู้ว่าแมลงสามตัวแรกเป็นแค่หน่วยลาดตระเวนก็สายไปแล้ว

“เฮ้อ…”

ยุนมินจีเดินเข้ามาหาจองจีฮุนที่กำลังถอนหายใจ จากนั้นก็ยื่นแก้วให้

“กาแฟไหมคะ”

“…คุณใจเย็นได้ทุกสถานการณ์เลยนะ”

“เพราะฉันรู้ว่าเดี๋ยวพวกคุณก็จัดการได้”

“มินจีคงไม่ชอบหน้าบริษัทเราเท่าไร”

“ก็แล้วแต่สถานการณ์… ตกลงรับกาแฟไหมคะ”

“…ขอบคุณครับ”

ทันทีที่รับกาแฟจากยุนมินจี

“ถูกโจมตี! สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์!! เปิดกล่องดับเพลิง!!”

การจู่โจมกะทันหันเปิดฉากขึ้น

จองจีฮุนรีบออกไปข้างนอก และเห็นแมลงตัวหนึ่งที่ดูน่าสะพรึงที่สุดในชีวิต กำลังพุ่งเข้ามาใกล้

“……?”

แต่จองจีฮุนไม่ได้เห็นแค่แมลงตัวนั้น

ม้าสองตัวกำลังควบมาจากระยะทางไม่ไกล

แต่ละตัวมีหนึ่งคนขี่

“…คุณซอนฮู”

ทุกคนเห็นชัดเจนว่านั่นคือคังซอนฮู

แม้บางคนจะตะโกนว่าอันตราย แต่ส่วนใหญ่เอาแต่ยืนมอง

เพราะพวกเขาทราบดีว่าชายคนนี้เป็นใคร

คังซอนฮูกำลังถือคทาประหลาดที่ไม่มีใครเคยเห็น ด้ามจับดูคล้ายรากไม้สีทอง หัวคทาเลี่ยมคริสตัลสีฟ้า

ของเล่มใหม่?

ขณะจองจีฮุนครุ่นคิด

“ได้หนูทดลองพอดี”

เสียงคังซอนฮูดังขึ้น

ชายหนุ่มเหยียดคทาเล็งไปทางสัตว์ประหลาด

“กิกิกิ๊!”

สัตว์ประหลาดไม่แยแสคังซอนฮู ยังคงพุ่งตรงไปยังหมู่บ้าน

ทันใดนั้น กรดรุนแรงพุ่งออกจากหว่างเขี้ยวสัตว์ประหลาด ผู้คนในหมู่บ้านรีบยกกำบังขึ้น

ขณะกรดของสัตว์ประหลาดใกล้กระทบกำบัง คทาของคังซอนฮูส่องแสงสีครามซีด

และ

“จอห์นสัน!”

ชื่อที่ไม่มีใครรู้จัก

“กัด!”

คำสั่งที่ไม่มีใครเข้าใจ

เวลาเดียวกัน สายลมสีเขียวอ่อนพัดมาจากตำแหน่งไกลๆ ด้านหลังคังซอนฮู

สายลมแยกเป็นสามแฉก จากนั้นก็ก่อตัวเป็นวังวน

“โฮ่ง—!”

ไม่นานวังวนก็กลายเป็นหมาป่าโปร่งแสง

มันกระโจนใส่สัตว์ประหลาดและขย้ำท้ายทอยอย่างแม่นยำ

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด