ตอนที่แล้วตอนที่ 341 – ตอนที่ 322 อสูรทองระดับ 8 ฆ่าทันที
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 343 – ตอนที่ 324 กุญแจ มุกมังกรขาว ปีศาจค้ำเจดีย์

ตอนที่ 342 – ตอนที่ 323 ภารกิจสำเร็จ สู่เป้าหมายใหม่


เย่ว์หยางเก็บผลึกเวทของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดไว้ เขาสนใจศึกษาหนามพิษที่เหมือนหลาว, เขาที่ดูแปลกแม้แต่เนื้อและหนังของมันที่มีพลังฟื้นฟูอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดเก็บไว้ในแหวนลิช

แรงอัดน้ำจากกระแสน้ำตกค่อยๆ ทำลายผิวชั้นน้ำแข็งจนหลุด

ทะเลสาบน้ำแข็งค่อยๆ แตกเป็นชิ้นๆ

ไม่มีพลังหยินหนุนเสริม น้ำแข็งก็ค่อยๆ ละลายลงในน้ำ

ฉลามเสือทองมีความสุขที่สุด มีอสูรทองระดับ 8 อีกตัวให้มันได้ฉลอง ยิ่งกว่านั้นขนาดไม่เล็กเหมือนกับแมงมุมหว่านแห แม้ว่าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดนี้จะระเบิดเป็นชิ้นๆ ก็ตาม แต่ก็มีเนื้อเพียงพอให้ฉลาดเสือทองได้กินจนพุงแทบระเบิด ไม่แต่เพียงเท่านั้น อสูรของเฟิงเสี่ยวหวิน, เหยียนเชียนจ้งและของนักรบอื่นๆ ทั้งหมดก็ยังได้ฉลองกับเนื้อของสัตว์ประหลาดนั้นด้วย และเพื่อให้พลังของบุตรชายของตนรุดหน้าเหยียนเชียนจ้งและเฟิงเสี่ยวหวินได้เก็บเขาแข็งซึ่งเดิมทีอยู่บนศีรษะสัตว์ประหลาดไว้ให้บุตรชายของพวกเขา พวกเขาต้องการสร้างอาวุธจากมันเพื่อให้บุตรชาย

เขาเหล่านี้ต้านทานดาบ ไฟและน้ำแข็งได้และมันแข็งมาก ถ้าพวกเขาสามารถสร้างเป็นอาวุธได้ ก็จะเป็นสมบัติให้เฟิงชิซาและเหยียนพั่วจวิน

เย่ว์หยางยังคงเก็บเขา 2-3 ชิ้นไว้ให้เย่คงและเจ้าอ้วนไห่

แม้ว่าเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ยังไม่เคยใช้อาวุธที่สร้างจากเขาเหล่านี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาจะได้มีทางเลือกในการใช้มัน

บางทีพวกเขาจำเป็นต้องใช้มันระหว่างต่อสู้

ไม่ใช่เรื่องผิดในการเตรียมตัวให้พร้อม

สำหรับหนามพิษเหล่านั้น เย่ว์หยางจะเก็บเอาไว้เอง เขาสามารถใช้หนามเหล่านั้นต่างหอกพิษ เอาไว้ซัดจู่โจมระยะไกลในอนาคต

เขาอาจไม่จำเป็นต้องบุกวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ เพราะมีแต่เพียงวิญญาณอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตามการบุกหอทงเทียนชั้น 6 ด้วยธนูเพลิงศรน้ำแข็งก็ยังไม่เพียงพอ เขายังมีลูกศรน้ำแข็งไม่พอ เย่ว์หยางได้ยินมาจากนางเซียนหงส์ฟ้ามาก่อนว่า สัตว์ประหลาดที่มาหาพวกเขาจะเหมือนกับคลื่นยักษ์ที่หอทงเทียนระดับ 6 หรือสูงกว่านั้น พวกมันจะมีไม่สิ้นสุด แม้ว่าพวกเขาจะยังฆ่าสัตว์ประหลาดต่อไป

หนามพิษเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นหลาวเอาไว้พุ่งโจมตีในระยะไกล บางทีมันอาจเป็นประโยชน์ใช้ต่อต้านศัตรูให้ถอยกลับไป

“เขยเรา! ธิดารักของข้าอยู่ไหนหรือ? ลูกโล่วฮัวของข้าล่ะ?” ราชันย์ฟ้าบูรพาถามเขาทันทีที่เขาเดินกลับมา

“ข้าปล่อยให้นางอยู่ในโลกภายในคัมภีร์ของข้า ที่นี่อันตรายเกินไป มีแต่น้ำเต็มไปหมด จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางเปียกแล้วเป็นหวัดขึ้นมา? ถ้าท่านต้องการพบนาง ข้าจะเรียกนางออกมา!” เย่ว์หยางทำตัวเป็นสามีที่ดี เหมือนกับว่าเขามากน้ำใจต่อเจ้าเมืองโล่วฮัว

“ไม่, ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น, ปล่อยให้นางพักก็ดีอยู่แล้ว ข้าออกมาจากสถานที่ของเผ่าปีศาจบูรพานั่นได้แล้วค่อยพบนางเมื่อใดก็ได้ หนีออกไปจากที่นี่ได้แล้วค่อยพบนางก็ยังไม่สาย ข้าต้องมีชีวิตรอดออกไปให้ได้ก่อน ยามนี้เมื่อข้ากลับไป ข้าจะเลือกวันดีๆ จัดงานแต่งงานให้พวกเจ้าเสียที ข้าไม่ต้องการจะเสียใจใดๆ อีกแล้ว” ราชันย์ฟ้าบูรพาเป็นบิดาที่ทุ่มเทให้ธิดาอย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะพลาดพบกับธิดารัก แต่เขาก็ยิ้มเป็นสุขเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง เขารู้สึกว่าเขาได้พบเขยที่ดี แม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะเจ้าชู้ไปนิด แต่ก็มีน้ำใจล้นเหลือและปกป้องธิดาของเขาเป็นอย่างดี

“….” จุนอู๋โหย่วรู้สึกระคายหู เขาคิดว่าการลอบฟังเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ถ้าราชันย์ฟ้าบูรพาจัดงานแต่งงานธิดาตนเองใหญ่โต ทุกคนในทวีปมังกรทะยานก็จะรู้เรื่องนี้

ถ้าโล่วฮัวน้อยกลายเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการคนแรก อย่างนั้นธิดาของเขาก็จะต้องเป็นภรรยารองอย่างนั้นหรือ?

ครอบครัวที่มีภรรยาหลายคนนี้ธิดาของเขาอาจจะไม่ได้เป็นภรรยาหลวง อาจไม่ใช่โล่วฮัวน้อย ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเสวี่ยอู๋เสียคู่หมั้นเดิมของเย่ว์หยาง มีโล่วฮัวและอี้หนานเป็นคู่แข่งสำหรับภรรยารอง ถ้าเขาช้าเกินไป เชี่ยนเชี่ยนองค์หญิงผู้งดงามของอาณาจักรต้าเซี่ยที่ได้รับความเคารพนับอย่างสูงและจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในอนาคตจะลงเอยด้วยการเป็นนางสนมของคุณชายสามตระกูลเย่ว์

แม้ว่าจุนอู๋โหย่วจะมีสัมพันธ์ฉันญาติและสหายกับราชันย์ฟ้าบูรพา แต่เขาจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน เขาก็เป็นบิดาคนหนึ่งเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีอำนาจห้ามความต้องการเร่งด่วนที่จะให้ธิดาของเขาแต่งงาน

จุนอู๋โหย่วชักกังวลมากขึ้น

แน่นอน ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เข้าใจความคิดของจุนอู๋โหย่ว เขาหัวเราะ “เราจะจัดพิธีแต่งงานแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรายังไม่พ้นจากอันตราย ทำไมเราถึงไม่ปรึกษาเรื่องนี้กันหลังจากออกไปจากที่นี่ เพื่อที่ว่าทุกอย่างจะได้คลี่คลายด้วยดีเล่า?”

จุนอู๋โหย่วเข้าใจว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ต้องการช่วยเขา การเลื่อนเรื่องนี้ออกไปนับว่าเป็นเรื่องดี

เขาต้องไม่ปล่อยให้เย่ว์หยางรับปากข้อเสนอของราชันย์ฟ้าบูรพาทันที มิฉะนั้นธิดาของเขาก็จะกลายเป็นภรรยารองๆ แน่นอน

นอกจากนี้เขารู้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ยอมปล่อยธิดาของเขาให้ตกต่ำ อู๋เสีย, โล่วฮัวและอี้หนานคงไม่ก่อเรื่องยุ่งยากให้ธิดาของเขา แต่ในสายตาคนทั่วไปคุณค่าของธิดาของเขาจะด้อยค่าลง

ที่สำคัญคือเชี่ยนเชี่ยนเป็นเจ้าหญิง

เจ้าหญิงแห่งต้าเซี่ยผู้ได้รับการยอมรับนับถืออย่างสูง ต่อให้นางเป็นภรรยาหลวงไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ระดับนางบำเรอแน่ๆ

เมื่อจุนอู๋โหย่วคิดเรื่องนี้แล้ว เขาตัดสินใจทันที เมื่อพวกเขาออกไปจากที่นี้ได้แล้ว เขาต้องคุยเรื่องนี้กับเย่ว์หยาง เขาต้องไม่คิดเล็กคิดน้อยอีกต่อไป มิฉะนั้นธิดาของเขาจะสูญเสียสถานะสำคัญได้

นักรบจากทั้งสองอาณาจักรล้อมวงเข้ามา เฟิงขวง, อาจารย์ตาเหยี่ยว, เจ้าเมืองไป๋ฉือ, จอมยุทธดาบทองและคนอื่นๆ ทุกคนเตรียมถามเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่พวกเขาไปจากทวีปมังกรทะยาน เมื่อพวกเขาได้ฟังว่าเย่ว์ชิวตัวปลอมร่วมมือกับเผ่าปีศาจตะวันออก, แดนอเวจี, นิกายพันปีศาจ, นิกายบรรพตขจี, อาณาจักรสือจิน, พันธมิตรปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาว, ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและกลุ่มพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่อื่นเพื่อควบคุมปราสาทตระกูลเย่ว์ โค่นล้มต้าเซี่ยและทำลายทวีปมังกรทะยานให้ราบ พวกเขาถึงกับตกตะลึงไปหมด เมื่อเย่ว์หยางเล่าให้พวกเขาฟังถึงวิธีที่เขาสังหารตวนมู่หลงเฉิงประมุขนิกายบรรพตขจีและว่านฉีซิ่วหลิงรองประมุขนิกายบรรพตขจี และวิธีที่เย่ว์ชิวตัวปลอมและฉือเหลียวนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวปีศาจถูกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ ฆ่า ทุกคนได้แต่ตะลึงค้าง

“เจ้าสามารถฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดพันธมิตรเจ็ดดาวในท่าเดียวหรือนี่?” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เบิกบานใจ เจ้าเด็กนี่ทรงพลังร้ายกาจจริงๆ

“นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม พวกเขายกระดับด้วยวิธีเร่งรัด ดังนั้นจึงมีพลังไม่มาก อู๋เสียกับเชี่ยนเลี่ยนในตอนนี้ก็ยังสามารถฆ่าพวกนั้นได้ด้วยซ้ำ” เย่ว์หยางพยักหน้า

“…..” เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้า, เหยียนเชียนจ้งและคนอื่นๆ รู้สึกละอาย ในฐานะที่เป็นรุ่นอาวุโส พวกเขารู้สึกมีแรงกดดันจากรุ่นผู้เยาว์ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกพันธมิตรเจ็ดดาวแน่ แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่จะร่วมมือกันสู้กับเหยากวง พวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเย่ว์หยางจะสามารถฆ่าเขาได้ทันที

“ตงหลิวอยู่ไหน? ทำไมเขาไม่มาที่นี่ด้วย?” จอมยุทธดาบทอง, เจ้าเมืองไป๋ฉือ, ราชันย์ฟ้าบูรพา, ราชันย์ฟ้าปัจจิมถามถึงอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า สหายเก่าของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่ไม่พบเขาผู้เชี่ยวชาญในการจัดการมิติ

“นักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่นี้ เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้ามาได้” เมื่อเย่ว์หยางอธิบาย ราชันฟ้าบูรพาและคนอื่นๆ เริ่มพ่นน้ำลายแตกฟองและไอไม่หยุด

เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางได้ยินชื่อของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ กลับกลายเป็นว่าชื่อของเขาคือ “สุ่ยตงหลิว”

สุ่ยตงหลิว?

เป็นไปได้ไหมชื่อนี้มาจากแม่น้ำที่ไหลมาจากดินแดนตะวันออก?

เกี่ยวกับเรื่องชื่อของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เย่ว์หยางเดาเล่นๆ ว่านั่นเป็นเหตุผลที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่เคยบอกชื่อของเขาเพราะชื่อเขาฟังดูน่าสงสารและลามก

วิธีที่เย่ว์หยางทั้งที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดสามารถผ่านเข้ามาในพื้นที่ได้ ราชันย์ฟ้าบูรพาและคนอื่นไม่คลางแคลงใจแม้แต่น้อย เพราะเย่ว์หยางเริ่มต้นมาอย่างไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม ราชันย์ฟ้าบูรพาและคนอื่นๆ อยากรู้จริงๆ ว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่เผชิญสภาวะคอขวดของการฝึกฝนมานานเป็นสิบๆ ปีไม่สามารถจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ แล้วจู่ๆ มากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร

เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกพวกท่านว่าเป็นเพราะยาเม็ดพลังยุทธ พวกเขาถึงได้เข้าใจทันที

มิน่าเล่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ถึงได้กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด กลับกลายเป็นว่าเย่ว์หยางปรุงยาเม็ดพลังยุทธได้

“ข้าไม่เกี่ยงว่าจะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือไม่ แต่เจ้าต้องให้ยาเม็ดพลังยุทธกับข้าสักเม็ดหนึ่ง! ราชันย์ฟ้าบูรพาตบไหล่เย่ว์หยาง”เขยเรา! ถือว่าเป็นค่าสินสอดของเจ้าก็แล้วกัน!”

“ตอนนี้ข้ายังไม่มีวัตถุดิบ เมื่อข้ามีวัตถุดิบ ข้าจะปรุงให้ท่านหนึ่งเม็ด..” ความจริงเย่ว์หยางนึกขึ้นได้ว่าบุคคลสำคัญ 2-3 คนนี้ ต้องยอมรับว่าพวกเขามีสมุนไพรดีๆอยู่ในคลังสมบัติของพวกเขา พวกเขาสามารถมอบสมุนไพรเหล่านั้นให้เขาปรุงยาแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาตามเก็บเอง

สำหรับเย่ว์หยาง ยาเม็ดพลังยุทธปรุงได้ไม่ยาก ยาที่ปรุงยากก็คือยาเม็ดเทพยุทธและยาเม็ดคืนชีวิต

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีสาวกิเลนแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่ายาเหล่านั้นคงจะไม่มีปัญหา

สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการรวบรวมวัตถุดิบ

คำพูดของเย่ว์หยางจุดไฟทะเยอทะยานในหัวใจของยอดฝีมือรุ่นอาวุโส

พรสวรรค์ของทุกคนถูกจำกัดไว้ ในสี่ตระกูลใหญ่และสองราชตระกูล เช่น เฟิงเสี่ยวหวิน, ราชันย์ฟ้าบูรพาและคนอื่นๆ ไม่สามารถบรรลุขึ้นสู่ขอบเขตนักสู้ระดับ 7 ได้ ติดค้างอยู่ที่ขอบเขตนักสู้ระดับ 6 ชั้นสูง เพียงผู้เดียวที่สามารถยกระดับได้ก็คือจุนอู๋โหย่ว ส่วนคนอื่นๆ ได้แต่เก็บกักพลังและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับ 6 ขั้นสูง บางคนก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้แม้ฝึกฝนมานานเป็นสิบๆ ปี พวกเขาเกือบยกเลิกปณิธานเสียแล้ว พวกเขาเกือบทั้งหมดหันไปฝึกฝนยกระดับรุ่นผู้เยาว์ของพวกเขาและจัดการเรื่องของตระกูลของพวกเขาแทน กวดขันอย่างหนักเพื่อยกระดับรุ่นผู้เยาว์ ตัวอย่างเช่น เหยียนเชียนจ้งและเฟิงเสี่ยวหวินก็ถอดใจที่จะยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตระดับ 7 ไปแล้ว พวกเขากลับไปตั้งความหวังไว้ที่เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซาแทน

ตอนนี้ ถ้าพวกเขาสามารถกินยาเม็ดพลังยุทธสักเม็ดหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ตาม แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะยกระดับกลายเป็นนักสู้ระดับ 7 (เหนือมนุษย์) หรือระดับ 8 (จักรพรรดิ)

พวกเขามีพลังแข็งแกร่งเพียงพอ เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสบรรลุขอบเขตชั้นสูง

ยาเม็ดพลังยุทธคือกุญแจทำลายสภาวะคอขวด ตราบใดที่ไม่ใช่การเป็นนักผจญภัยหรือไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์เลย เขาคงสามารถยกระดับได้บ้าง

“เราจะคิดหาทางรวบรวมวัตถุดิบกัน แต่ยังไงก็ช่วยปรุงยาเม็ดพลังยุทธด้วยก็แล้วกัน!” ในฐานะจักรพรรดิ จุนอู๋โหย่วถูกเผ่าปีศาจบูรพาลักพาตัวไป แม้ว่าเขาจะกลับมาได้โดยปลอดภัย แต่เขาก็ยังรู้สึกอับอาย

เขารู้ว่าช่วงเวลาสำคัญที่เขาจะก้าวหน้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาอาจไม่มีโอกาสเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่เขาก็ยังต้องการกินยาเม็ดพลังยุทธ

เขาจะยังไม่พอใจในความเป็นนักสู้ระดับ 7 แน่นอน เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น

ในทวีปมังกรทะยานที่ซึ่งผู้แข็งแกร่งล่าผู้อ่อนแอ จักรพรรดิยิ่งแข็งแกร่งยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้ราษฎร ยิ่งกว่านั้น ประเทศอื่นๆ จะต้องยั้งคิดหากจะบุกโจมตีพวกเขา

หลังจากพักรวมตัวกันเล็กน้อยแล้ว พวกเขาตัดสินใจว่ายน้ำข้ามแม่น้ำในถ้ำและมองหาทางออก

มีเย่ว์หยางผู้ผิดธรรมดาคอยช่วยคุ้มครอง ไม่ว่าพวกเขาจะพบสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งขนาดไหนในระหว่างทาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัว อย่าว่าแต่ราชันย์ฟ้าบูรพาที่ชอบต่อสู้เลย แม้แต่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ก็ถือโอกาสซ้อมฝีมือไปด้วย พวกที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงเป็นเฟิงขวงและอาจารย์ตาเหยี่ยว ทั้งคู่อายุมากกว่าเย่ว์หยางหนึ่งรุ่น ดังนั้นความต่างของอายุจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขายังมีศักยภาพในหน้าที่ประจำของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงหวังว่าจะฝึกฝนตัวเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ฉะนั้นพวกเขาจึงฝึกอย่างหนัก และใช้การต่อสู้เหล่านี้เหมือนเป็นสนามฝึกฝนของพวกเขา

เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซาที่หมดสติเนื่องจากบาดเจ็บหนัก ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่บิดาของพวกเขารักษาพยาบาล

พวกเขาไม่สามารถสู้กับอสูรชั้นทองได้ แม้แต่สู้กับอสูรชั้นเงินก็ยังยากลำบาก

ในแม่น้ำใต้ดินในทางผ่านโบราณนี้ มีแต่สัตว์ประหลาดระดับสูง ไม่ใช่แค่เพียงอสูรทองระดับ 6 เท่านั้น ยังมีอสูรเงินระดับ 7, อสูรทองแดงระดับ 8 สัตว์ประหลาดระดับต่ำกว่าชั้นทองแดงระดับ 6 แทบจะไม่เจอเลย

กลุ่มของมนุษย์ยังคงว่ายน้ำลงไปตามแม่น้ำ

พวกเขาจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ถ้าทำได้และจะสู้ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังหารอสูรทุกตัวที่ขวางทางพวกเขา

สามวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็พบประตูเทเลพอร์ตทางออก

ถ้าเย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียไม่อยู่ที่นั่น ด้วยความสามารถของพวกเขาตามลำพังพวกเขาคงไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

“นี่ยังเป็นชายขอบแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ข้าคิดว่าตอนนี้ เราอยู่ในก้นหุบเขามรณะ มีอสูรน่ากลัวถูกผนึกอยู่ในนั้นมากมาย ข้าไม่อาจนึกตามได้เลยจริงๆ ว่าอสูรที่อยู่ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพจะแข็งแกร่งขนาดไหน ระดับความยากของพื้นที่ภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพบางทีอาจจะยากพอๆ กับแดนสวรรค์!” จุนอู๋โหย่วถอนหายใจยาวเมื่อพวกเขาพบทางออกจนได้

เย่ว์หยางพบจุดเทเลพอร์ตที่แตกต่างกันมากอยู่ที่น่าประตูเทเลพอร์ต

เขาคิดว่านอกจากทางออก ถ้ำใต้ดินแห่งนี้ บางทีนำออกไปสู่พื้นที่ต่างๆ

ตัวอย่างเช่น ถ้ำใต้ดินนี้เต็มไปด้วยน้ำ ดังนั้นต้องมีทางผ่านอื่นที่เต็มไปด้วยไฟ, ดิน, ลมและอื่นๆ

ยิ่งกว่านั้น เขายังสำรวจถ้ำน้ำใต้ดินไม่เสร็จ เขาเพียงแต่เข้ามาจากทางเข้า และล่องมาตามสายน้ำจนพบทางออก

ถ้ำน้ำใต้ดินใหญ่มากขนาดไหนกันแน่ มีความลับใดอยู่ในนี้?

เย่ว์หยางและคนอื่นๆ ยังไม่ได้เงื่อนงำ ยิ่งกว่านั้น สัตว์ประหลาดที่พวกเขาพบตลอดทางไม่ใช่จ้าวอสูร

มีจ้าวอสูรอยู่ที่นี่ตัวหนึ่งแน่นอน

ก็แค่ว่าเย่ว์หยางอยู่ในช่วงรีบช่วยเหลือจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ออกไป ดังนั้นเขาไม่มีเวลาสำรวจถ้ำน้ำใต้ดินและมองหาจ้าอสูรทอง เขาไม่มีเวลาตามหาเจ้าถิ่นในพื้นที่นี้

ภายในถ้ำน้ำใต้ดินจะมีสมบัติลับหรือไม่?

เย่ว์หยางคิดว่าสมบัติคงมีอยู่ที่นี่จริงๆ แต่เขาไม่มีเวลาค้นหาอย่างระมัดระวัง หลังจากเสร็จเรื่องที่วิหารเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว เป้าหมายใหม่ของเขาก็คือเข้าหุบเขามรณะเพื่อค้นหาแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่ลึกลับให้พบให้ได้ เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ มีความสามารถปกป้องตนเองได้แล้ว เย่ว์หยางต้องการไปที่หอทงเทียนชั้นที่ 6 และดูที่ใกล้เคียง ส่วนเป้าหมายเข้าแดนสวรรค์นั้น เขาควรจะลองสู้ในแนวหน้าของหอทงเทียนชั้นที่ 6 เสียก่อน

เมื่อพวกเขาออกจากถ้ำน้ำใต้ดิน เย่ว์หยางจำได้ว่าพวกเขาไม่ได้ออกประตูเทเลพอร์ตที่เซียนนักพรตและคนอื่นๆ กำลังคุ้มครอง

แน่นอน ในตอนนี้ ไม่ใช่เวลากังวลเรื่องที่พวกเขาจะได้พบกันอีก

เย่ว์หยางกังวลว่านักรบวิบัติและเผ่าปีศาจบูรพาจะซุ่มทำร้ายพวกเขา ดังนั้นเขาตัดสินใจพาจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ไปปราสาทตระกูลเย่ว์ของเขาหลังจากเทเลพอร์ตออกมาจากทางผ่านโบราณ จากนั้นเขาค่อยตามหาอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและเซียนนักพรต บอกข่าวดีพวกเขาถึงวิธีที่จุนอู๋โหย่วและคนอื่นหนีพ้นอันตรายมาได้

นี่คือการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง

เย่ว์หยางคิดช่วยจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ให้หลบหนีพ้นอันตรายอย่างระมัดระวัง

เมื่อเย่ว์หยางกลับมาทางผ่านโบราณตามลำพัง เขาตระหนักว่ากองทัพกบฏปีศาจบูรพาขนาดใหญ่กำลังสู้กับเซียนนักพรตและคนอื่นๆ

พลังของกองทัพกบฏไม่สามารถรับมือองครักษ์พิทักษ์ฟ้า 2-3 คนได้ แต่พวกเขาเหนือกว่าในเรื่องจำนวน เซียนนักพรตและคนอื่นๆ คงไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้จุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ได้ ถ้าพวกเขาอยู่ที่นั่น ทหารเผ่าปีศาจบูรพามีมากเกินไป

“หนีไป!”

เย่ว์หยางปล่อยเพลิงอมฤตในมือข้างหนึ่งและหนึ่งเตรียมวงจักรล้างโลก ยิงใส่กองทัพกบฏเผ่าปีศาจบูรพา

พอมีทักษะที่น่ากลัวของเย่ว์หยางเข้ามาด้วย สามผู้บัญชาการกองทัพกบฏเผ่าปีศาจบูรพาเริ่มกังวลแทน

เมื่อพวกเขาเห็นว่าเย่ว์หยางช่วยเหลือจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ อย่างไร ทำให้พวกเขาไม่สามารถดำเนินตามแผนได้ พวกเขาตัดสินใจยกเลิกการโอบล้อม และถอนกำลังทั้งหมด พวกเขาตัดสินใจยกเลิกแผนลักพาตัวนักรบทวีปมังกรทะยาน เดิมทีพวกเขาคิดว่าเพียงแค่นักรบชาวมนุษย์อยู่ในเงื้อมมือพวกเขาแล้ว พวกเขาจะสามารถห้ามไม่ให้มนุษย์เข้าร่วมกำลังกับจักรพรรดิมังกรได้ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่พวกเขาจะทำเช่นนั้นหายไปแล้ว ไม่คุ้มค่าจะสู้ตายกับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้น ยังมีศัตรูผู้แข็งแกร่งผู้นั้น เย่ว์หยาง…

สามผู้บัญชาการกองทัพกบฏมองดูเย่ว์หยางใกล้ๆ ก่อนที่พวกเขาจะจากไป เหมือนกับว่าพวกเขาพยายามจดจำลักษณะของเขาเอาไว้ ในที่สุดพวกเขาก็นำกองกำลังจากไปตามทางผ่านโบราณและกลับไปดินแดนรอบนอก

คนเดียวที่ยังรั้งอยู่ข้างหลังก็คือขุนพลปีศาจผีผาที่เย่ว์หยางเคยพบมาก่อน

นางยิ้มให้เย่ว์หยางและพูดว่า “ฝีมือเจ้ารุดหน้าอีกครั้งแล้ว แค่เพียงไม่กี่เดือนตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน เจ้ารุดหน้าไปมาก ข้าอิจฉาเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์เดินออกไปอย่างสง่างามพลางบรรเลงผีผาด้วยเสียงไพเราะนุ่มนวล

นางค่อยๆ หายลับไปจากสายตาเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

ขุนพลผีผาปีศาจนั้นไม่ใช่จัดการได้ง่ายๆ แน่นอน แม้ว่านางจะไม่มีชื่อเสียงในทวีปมังกรทะยาน แต่นางอาจมีลักษณะที่น่ากลัวคล้ายกับนางเซียนหงส์ฟ้าในดินแดนรอบนอกหรือในเผ่าปีศาจบูรพาในตอนนี้ก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกำจัดนาง เพราะเย่ว์หยางยังจำเป็นต้องบุกวิหารเทพจักรพรรดิอวี้จำในสภาพที่เขาพร้อมสูงสุด เขาต้องท้าทายนักรบแดนสวรรค์ที่ถูกผนึกมาหลายพันปีและอาจจำเป็นต้องสู้นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดสองคน

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่เพียงวิญญาณ แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาเป็นสองนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนสวรรค์

วิญญาณสองดวงนี้ถูกผนึกมาหกพันปีจะเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเย่ว์หยางเคยพบ พวกเขายังคงเป็นเป้าหมายใหม่ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้

*******************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด