ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 129 ลูกสาวเทพอินทรีย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 131 สถานที่ที่มืดมิด

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 130 ทักษะควบคุมสิ่งของ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 130 ทักษะควบคุมสิ่งของ

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานเข้าใจความสามารถของจอมยุทธ์ขั้นหก ทะเลปราณคล้ายกับแก่นปีศาจ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเช่นเดียวกัน

แต่เขายังต้องการข้อมูลในเชิงลึก ดังนั้นเขาจึงเปิดปากถามโจวเหวินปิงโดยตรง “โปรดสอนข้าด้วย!”

โจวเหวินปิงกล่าว “พลังอำนาจของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณหรือความแข็งแกร่งทางกายภาพ พวกมันไม่สามารถแข่งขันกับปีศาจ เจ้าควรตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับแรก”

หลี่ฉิงซานพยักหน้า “จุดแข็งของมนุษย์อยู่ที่เครื่องมือ” เขาจำบทเรียนในชีวิตก่อนหน้าที่ครูของเขากล่าวว่าความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างมนุษย์กับสัตว์คือสิ่งประดิษฐ์และการใช้เครื่องมือ แม้แต่โลกแห่งการบ่มเพาะใบนี้ มันก็ยังเหมือนเดิม

ดวงตาของโจวเหวินปิงส่องประกายขึ้น “พูดได้ดี แต่ตอนนี้เจ้าตระหนักถึงความสำคัญของเครื่องมือแล้วหรือยัง? ตัวอย่างเช่นดาบวายุที่เอวของเจ้า เจ้าคิดว่ามันช่วยเพิ่มพลังอำนาจรูปแบบใดให้เจ้า”

หลี่ฉิงซานถูดาบวายุของเขาตามสัญชาตญาณก่อนจะส่ายศีรษะ ดาบวายุไม่ใช่อาวุธที่เลวร้ายแต่มันไม่จำเป็นสำหรับเขาในปัจจุบัน มันไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาในเชิงคุณภาพ

โจวเหวินปิงกล่าว “นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่ได้เรียนรู้วิธีใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง คมดาบก็เหมือนฟันหรือกรงเล็บของสัตว์ร้าย เจ้าใช้มันตามสัญชาตญาณ ดาบของจอมยุทธ์ในยุทธภพก็เป็นเพียงกรงเล็บของสัตว์ป่าที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเท่านั้น”

หลี่ฉิงซานโน้มตัวไปข้างหน้าและหยิบกาน้ำชาขึ้นมาเติมให้โจวเหวินปิง “เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าวิธีที่ถูกต้องในการใช้เครื่องมือเป็นอย่างไร?”

“เช่นนี้!” ประกายแสงพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขาและบินผ่านอากาศไปราวกับสายฟ้า บางครั้งมันบินลงมา บางครั้งมันก็บินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

ภายใต้แสงแดดยามบ่าย แสงสะท้อนของคมดาบส่องประกายวูบไหวอยู่ต่อหน้าคนทั้งสอง

ลำแสงพุ่งทะลุกิ่งหลิวและทำให้ใบหลิวร่วงลงมาราวกับสายฝน อย่างไรก็ตามก่อนที่ฝนใบไม้จะตกถึงพื้น ลำแสงสายเดิมก็พุ่งเข้าปะทะใบไม้มากกว่าร้อยใบและปักเข้าไปในเปลือกไม้

โจวเหวินปิงยื่นมือออกไป ลำแสงเคลื่อนตัวอีกครั้ง คราวนี้มันตัดผิวน้ำออกเป็นสองส่วนราวกับกรรไกรที่แหลมคม จากนั้นลำแสงก็บินผ่านต้นอ้อที่อยู่ข้างบนและวกกลับเข้าไปในแขนเสื้อของโจวเหวินปิงอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก หากเขาไม่ได้เป็นปีศาจ เขาจะไม่สามารถรับมือการโจมตีเช่นนี้ เขาเคยพบกับความน่าสะพรึงกลัวของการถูกไล่ล่าโดยดาบบินในห้องโถงบรรพชนของนิกายถ้ำมังกรมาแล้ว แต่ครั้งนั้นไม่มีคนควบคุมมัน ดังนั้นการโจมตีของมันจึงดูค่อนข้างบุ่มบ่าม

ตอนนี้เขาได้เรียนรู้ความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงของดาบบินแล้ว

หากเขาล้มเหลวในการหยุดดาบบินที่รวดเร็วปานสายฟ้า มันสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆเหมือนอสรพิษและพุ่งเข้าสู่หัวใจของเขาโดยตรง หากเขาไม่เข้าใจความสามารถของศัตรู มันก็จะเป็นการโยนชีวิตให้ศัตรูเท่านั้น

แต่จะมีกี่คนที่สามารถจัดการกับความเร็วชนิดนี้ ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นวิธีการใช้เครื่องมือที่ถูกต้องของมนุษย์

เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างกระบี่บินของเฒ่ามังกรทะยานและดาบบินของโจวเหวินปิง แต่ด้วยความแตกต่างที่มากเกินไปของการบ่มเพาะ ครั้งนั้นหลี่ฉิงซานจึงไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของกระบี่บิน

ย้อนกลับไปพลังที่น่าสะพรึงกลัวของเฒ่ามังกรทะยานกดทับหัวใจของเขา ด้วยความหวาดกลัวและความตกตะลึง เขาจึงไม่มีเวลาชื่นชมความมหัศจรรย์ที่แท้จริงของมัน

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาเริ่มตระหนักว่าตนเองก็สามารถใช้เครื่องมือเช่นนี้ได้เช่นกัน

โจวเหวินปิงกล่าว “การเรียกพวกมันว่าเครื่องมือฟังดูค่อนข้างธรรมดา หากกล่าวให้ถูกต้อง เราควรเรียกมันว่า การควบคุมสิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์ในการควบคุมประเภทดาบเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ค่อนข้างธรรมดา ยังมีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณอื่นๆอีกมากมายอยู่บนโลกใบนี้ที่สามารถฆ่า ป้องกัน หรือใช้อาคม แน่นอนว่ามีเคล็ดวิชามากมายเช่นกัน ตราบเท่าที่พลังปราณของเจ้าแข็งแกร่งพอ เจ้าก็จะไม่ถูกจำกัดโดยแขนและขา เจ้าจะสามารถควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน การฆ่าคนจะกลายเป็นเรื่องง่ายราวกับการขยิบตา”

“แต่ทั้งหมดนี้เจ้าจำเป็นต้องสร้างทะเลปราณให้ได้เป็นอันดับแรก ในเวลานั้นเจ้าจึงจะถือเป็นจอมยุทธ์พลังปราณที่แท้จริง กล่าวโดยสรุป มันง่ายมากสำหรับจอมยุทธ์ขั้นหกที่จะฆ่าจอมยุทธ์ขั้นห้า”

สิ่งที่เขาพยายามจะกล่าวคือมันยิ่งง่ายกว่ามากที่จอมยุทธ์ขั้นหกจะฆ่าจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเช่นเจ้า แม้เจ้าจะประสบความสำเร็จในฐานะผู้บ่มเพาะร่างกายแต่เจ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวจื่อป๋อ

หลี่ฉิงซานกล่าว “เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ข้าไม่ได้เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพราะข้าไม่รู้ถึงอันตรายที่ข้ากำลังเผชิญหน้าอยู่”

ทั้งสองจ้องตากันอย่างเงียบๆ คนหนึ่งตั้งใจขณะที่อีกคนสงสัย

โจวเหวินปิงกล่าว “เมื่อเจ้ายืนยันที่จะอยู่ ข้าก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ เจ้าสามารถมาที่จวนของข้า อย่างไรก็ตามเจ้ายังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวจื่อป๋อ ดังนั้นดูแลตัวเองให้ดี”

หลี่ฉิงซานยิ้ม “ตกลง”

ทัศนคติที่ผ่อนคลายและเป็นกันเองของหลี่ฉิงซานทำให้โจวเหวินปิงสงสัยว่าเด็กคนนี้อาจมีเบื้องหลังที่ทรงพลังสนับสนุนอยู่จริงๆ

“ข้ามีเรื่องอยากถามท่าน ข้าสามารถเรียนทักษะควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณได้จากที่ใด?” หลี่ฉิงซานรู้สึกประทับใจกับการแสดงของโจวเหวินปิงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเขานึกถึงดาบไร้ด้ามที่อยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติของจ้าวเหลียงฉิง ดูเหมือนจ้าวเหลียงฉิงจะเตรียมมันไว้ใช้หลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นหก แต่ตอนนี้มันตกอยู่ในมือของหลี่ฉิงซานแล้ว เขาต้องการใช้มันอย่างเต็มที่

โจวเหวินปิงจ้องเด็กหนุ่มอย่างลึกซึ้งมากขึ้น “เจ้าคิดว่าจอมยุทธ์ขั้นหกเป็นเรื่องง่ายที่จะทะลวงเข้าไปงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานตอบ “ข้าจะทำให้ดีที่สุด” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ อย่างน้อยการบ่มเพาะบนเส้นทางสายปีศาจของเขาก็ถึงระดับดังกล่าวแล้ว

โจวเหวินปิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ทั้งหมดที่เขาพูดคือ “มีผู้คนมากมายที่รู้วิธีควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าสามารถสอนเจ้าล่วงหน้า”

หลี่ฉิงซานถามด้วยความสับสน “มันไม่ใช่เคล็ดวิชาทั่วไปงั้นหรือ?”

โจวเหวินปิงกล่าว “นิกายหลอมรวมดาบมีทักษะพิเศษที่ใช้ควบคุมดาบ ขณะที่นิกายเงามีทักษะควบคุมผี พวกเขาใช้ผีแทนสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ ผู้บ่มเพาะสายปีศาจบางคนสามารถปรับแต่งและใช้ศพ ซากศพเป็นสิ่งที่พวกเขาควบคุม ไม่มีเคล็ดวิชาของสำนักใดที่เป็นต้นฉบับอย่างแท้จริงและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะรู้จักพวกมันทั้งหมด”

นิกายเงา! ทักษะควบคุมผี! หัวใจของหลี่ฉิงซานเต้นไม่เป็นจังหวะ มันทำให้เขานึกถึงหมอผีของหมู่บ้านกระทิงหมอบขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่นางใช้ไม่ใช่ทักษะควบคุมผีของนิกายเงางั้นหรือ? มันต้องมีความเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองอย่างแน่นอน หากเขาเข้าใจต้นกำเนิดของหมอผีผู้นั้น เขาอาจรู้ต้นกำเนิดของเสี่ยวอัน ดังนั้นเขาจึงรีบถาม “นิกายเงาอยู่ที่ใด?”

สำหรับผู้ฝึกตนในมลฑลชิงโจว โจวเหวินปิงไม่สามารถอธิบายรายละเอียด

หลี่ฉิงซานได้เรียนรู้คำไม่กี่คำ นั่นคือ ทางใต้ และ หุบเขาหมื่นวิญญาณ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินบางสิ่งเกี่ยวกับนิกายเงาแห่งมลฑลชิงโจว แต่เนื่องจากโจวเหวินปิงไม่ได้ลงรายละเอียด เขาจึงไม่ได้ถามเพิ่มเติม

ความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถไปที่นั่น ความทรงจำของเสี่ยวอันยังกลับมาไม่มากนักและร่างกายของเด็กน้อยก็ยังไม่ฟื้นฟู ภายใต้เหตุผลมากมายเหล่านี้ยังมีข้อแก้ตัวที่เห็นแก่ตัวซ่อนอยู่ หลังจากทั้งหมดเขาไม่ต้องการให้เสี่ยวอันจากไป! เขาไม่อยากอยู่คนเดียว!

กล่าวไปแล้วมันค่อนข้างน่าขัน ปีศาจที่มีร่างกายสูงหลายเมตรและสามารถบดขยี้ผู้คนเหมือนมดปลวกกลับกลัวความเหงา

ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นครั้งแรกที่เขาสูญเสียความมุ่งมั่นที่จะสืบหาต้นกำเนิดของเสี่ยวอันไป

แสงแดดลอดผ่านช่องไม้ลงมาปะทะใบหน้าของเด็กหนุ่ม เขาไม่ได้หล่อเหลาเป็นพิเศษแต่ยังมีเศษเสี้ยวของหนุ่มรูปงามอยู่บนใบหน้าสีทองแดงของเขา ในจังหวะนี้ความมุ่งมั่นที่จะรักษาคำมั่นสัญญาของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

โจวเหวินปิงอธิบายวิธีควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณอย่างอดทน ดังคาด หลักการเบื้องหลังของมันไม่ได้ซับซ้อนแต่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดในการฝึกฝน ผู้บ่มเพาะต้องสามารถเชื่อมต่อกับปราณจิตวิญญาณของโลกใบนี้ นั่นจะทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงวัตถุต่างๆที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีปราณจิตวิญญาณแฝงอยู่ สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณก็มีลักษณะคล้ายกัน เมื่อพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงปราณจิตวิญญาณ พวกเขาจะสามารถควบคุมมันได้จากระยะไกล มันเหมือนกับการควบคุมชิ้นส่วนโลหะขณะที่ร่างกายของพวกเขาเป็นแม่เหล็ก

หลี่ฉิงซานแสดงความขอบคุณสำหรับความรู้ที่โจวเหวินปิงมอบให้ นี่ถือเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ ในความเป็นจริงนี่เป็นความรู้พื้นฐาน แต่เนื่องจากเขามาจากบ้านนอกและไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ ดังนั้นเขาจึงพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย

โจวเหวินปิงยิ้ม “ดังนั้นเจ้าก็วางแผนที่จะขอบคุณด้วยวาจาเท่านั้น?”

หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ เขาคิด ‘เจ้าต้องการให้ข้าตบกะโหลกงั้นหรือ?’

โจวเหวินปิงกล่าวเป็นนัยว่า “เมื่อคืนเจ้าคงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ค่อนข้างมาก เช่น เงิน?” หลี่ฉิงซานเก็บกระเป๋าร้อยสมบัติของแม่เล้า เรื่องนี้ไม่สามารถเล็ดรอดไปจากสายตาของโจวเหวินปิง

หลี่ฉิงซานตะลึง “ท่านเป็นเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกที่ปกครองราษฎรหลายแสนคน แต่ท่านยังต้องขอเงินเด็กยากจนเช่นข้างั้นหรือ?”

โจวเหวินปิงกล่าว “เจ้าต้องพูดดังเช่นนั้นเลยงั้นหรือ? มันเป็นเพราะข้าปกครองผู้คนจำนวนมาก ข้าจึงมีเรื่องที่ต้องใช้เงินมากเกินไป เงินไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าไม่มอบเงินให้ข้า ข้าจะแลกมันกับเม็ดยารวบรวมพลังปราณ”

หลี่ฉิงซานกล่าวด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “เป็นเช่นนั้น” เขายินดีที่จะแลกเปลี่ยนเงินกับเม็ดยารวบรวมพลังปราณ หากเขาไม่มีแผนการที่จะซื้อผู้หญิงจริงๆ เงินก็ไม่มีความหมายสำหรับเขา

ในทางตรงข้าม โจวเหวินปิงเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกแต่เขายังต้องการเงิน!