ตอนที่แล้วตอนที่ 317 ได้เวลาเก็บเกี่ยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 319 ปันผลสงคราม

ตอนที่ 318 ตัดสินใจ


เมื่อถังเทียนกลับมาที่เผ่า  เขาตระหนักได้ว่าบรรยากาศค่อนข้างกดดัน  อาเฮ่อ, หลิงซิ่ว, อาโมรี่และพวกพ้องนั่งล้อมวงกันทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดี

เขารู้สึกประหลาดใจรีบเข้ามาถาม  “เฮ้ เฮ้ เฮ้,เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทุกคน? ผู้คนคิดว่าเราแพ้ใช่ไหม?”

ทุกคนยังคงเงียบ

อาโมรี่ลังเลอยู่ชั่วขณะจากนั้นกล่าว “ถังพื้นฐาน, เราต้องเล่าเรื่องให้เจ้าฟังก่อน”

“อะไรกัน?” ถังเทียนสงสัย “เฮ้, เจ้าวัวแมงวัน เจ้าพิรี้พิไรอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”

แววโกรธแฝงอยู่ในดวงตาของอาโมรี่เขาพูดอย่างยากลำบาก “ผู้อาวุโสต้องการให้เจ้ามอบกระบี่ปลอดสำเนียงให้สมาพันธ์ฯ”

“ทำไมล่ะ?” ถังเทียนตะลึง

เหลียงชิวลุกขึ้นยืนกระแอมเบาๆ  เขาตอบ“กลุ่มดาววาฬมากดดันเรา พวกเขาคิดว่าการกระทำต่อต้านกลุ่มดาววาฬของเรานั้นไม่ถูกต้อง  พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะได้รับกระบี่ปลอดสำเนียงเพื่อเอามันไปทำลาย ผู้อาวุโสบอกว่าถ้าเจ้ายินยอมทางสมาพันธ์จะชดเชยให้เจ้า”

สีหน้าของถังเทียนเย็นชาทันที  “เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาด้วย”

อาโมรี่โกรธ  “ฮึ่ม, ผู้อาวุโสอ่อนแอเกินไป! ถ้าศิษย์พี่จิ่งหาวอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”

เหลียงชิวเข้าใจนิสัยของถังเทียน  ที่สำคัญคือพวกเขามาจากภูมิภาคเดียวกัน  และนิสัยของถังเทียนจะดื้อและเถื่อนเขาจะทนรับได้อย่างไร  เบื้องบนของสมาพันธ์ชาวยุทธจะใช้แต่วิธีกดดันถังเทียนที่ชอบทำอะไรตามใจตนเอง  สมาพันธ์ชาวยุทธมีระบบจัดลำดับที่เคร่งครัดและคำสั่งจากเบื้องบนที่มีต่อผู้น้อยจะต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด

แม้ว่าถังเทียนผู้ชอบทำตามใจตัวเองเขายังเป็นแค่นักสู้ระดับบรอนซ์ในสมาพันธ์ชาวยุทธและไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสมาพันธ์

แต่สิ่งที่เหลียงชิวผิดหวังมากที่สุดอย่างไม่ลังเลก็คือผู้อาวุโส มิน่าเล่าพวกเขาถึงได้ถูกมองว่าอ่อนแอแม้ในกลุ่มสำนักระดับกลางๆ ผู้อาวุโสของพวกเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างถังเทียนกับจิ่งหาว  และให้คำมั่นว่าจะดูแลพวกเขา  แต่เขาตื่นกลัวได้ง่ายเกินไปทำให้พวกเขาผิดหวังนัก

และพวกเขาพบกับการลอบจู่โจมตอนเข้าสู่กลุ่มดาวหมาป่าซึ่งก็หมายความว่ามีใครบางคนสมคบคิดกับศัตรู

“กลุ่มดาววาฬแจ้งมาว่า ถ้าเราปฏิเสธพวกเขา  พวกเขาจะปิดประตูดวงดาวระหว่างกลุ่มดาวหมาป่าและกลุ่มดาววาฬ”เหลียงชิวแจ้งข่าวร้ายอย่างต่อเนื่อง

สายตาของถังเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา  ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ

กลุ่มดาววาฬอาเฮ่อใช้สายตาเยือกเย็นกวาดมองดูอาการสนองตอบของถังเทียน  เขากล่าว “ถังเทียน,กระบี่เล่มนี้เป็นของเจ้า เจ้าเป็นคนตัดสินใจ”

“ถูกแล้ว!”  หลิงซิ่วแค่นเสียง  “ไอ้พวกปลาโง่,  ข้าจะแทงให้ตายเสียให้หมด!”

หานปิงหนิงกล่าวทันที  “ข้าจะไม่กลับไปที่กลุ่มอีกแล้ว”

อาโมรี่ทะลึ่งลุกพรวด  “เจ๊ปิงหนิงไม่กลับ นั่นยิ่งดีใหญ่  ข้าก็จะไม่กลับไปด้วย  สมาพันธ์ที่ไม่รักษาสัญญาแบบนั้นช่างหงุดหงิดเสียจริง เลิกกันที พอกันที ไม่อยู่กับสมาพันธ์อีกแล้ว”

เหลียงชิวยิ้มอย่างใจดี  “ทุกคนจะอยู่ด้วยกัน”

ซือหม่าเซียงซานพูดเย็นชา “อย่างนั้นเราเตรียมรอให้พวกเขามาไล่ล่าพวกเราได้เลย”

อาโมรี่หน้าแดงทันที  “มาก็มาสิวะ!  ถ้าเป็นลูกผู้ชายต้องมีชีวิตอย่างเบิกบาน  ทำไมจะต้องกลัวตาย  ซือหม่า, ถ้าเจ้ากลัวตายก็พูดมาตรงๆ”

“เออ..ข้ากลัวตาย”  ซือหม่าเซียงซานกล่าวอย่างน่าขนลุก “โชคดีที่ข้าเข้าไปเกี่ยวกับแผนการต่อสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธไปก่อนแล้วไม่อย่างนั้นเราคงไม่โดนเจ้าปัญญานิ่มอย่างเจ้าดึงเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นแน่”

“เจ้าเรียกใครปัญญานิ่ม?”  อาโมรี่เบิกตากว้าง และพูดอย่างโมโห

เหลียงชิวห้ามทั้งสองคนทันที

ถังเทียนตื่นเต้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกคนยังให้ความเชื่อมั่น ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ  เขากล่าว “ข้าไม่เข้าใจเรื่องหลักการสำคัญอะไรนักแต่ข้าจะไม่ยอมส่งมอบกระบี่แน่ ข้าไม่ข้องใจ ไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ของทุกคนทั้งนั้น  ข้ารู้อยู่แต่เพียงอย่างเดียว ตาต่อตาฟันต่อฟัน  ถ้าพวกเขาให้เกียรติข้า  ข้าก็จะให้เกียรติพวกเขา  ถ้าพวกเขากล้ารังแกข้า  ข้าจะใช้หมัดของข้าตอบโต้พวกเขา  เฮ้, เสี่ยวซิ่ว เจ้าไม่กลัวจริงๆ เหรอ?”

หลิงซิ่วตะโกนอย่างโมโห“ลุย(แม่ง)โลด...”

ทุกคนหัวเราะลั่น

“กลุ่มดาววาฬต้องการปิดประตูดวงดาว  เราก็ปิดประตูดวงดาวของเราด้วยเช่นกัน”  ถังเทียนกัดฟัน  “ถูกแล้ว ตอนนี้เราอาจอ่อนแอ  แต่เราจะเดินทางไปตามทุกๆ กลุ่มดาวสักวันเราจะต้องแข็งแกร่งแน่นอน เราอาจพ่ายแพ้หรือถูกฆ่า แต่จะไม่มีทางที่เรากลัวตาย ถ้าเราถอยไปจากที่นี่ อย่างนั้นอันตรายและความยากลำบากอีกมากมายแค่ไหนที่รอให้ข้าถอนถอย?”

“จะต้องมีสักวัน  ข้าจะใช้หมัดของข้าทลายประตูของกลุ่มดาววาฬแน่”

คำพูดของถังเทียนเหมือนกับตะปูที่ถูกตอกย้ำ

“พูดได้ดี!”

“ฆ่ามันให้หมด!”

“พวกเราทุกคนแค่ต้องการสู้  ใครจะกลัวกันเล่า!”

“ข้าจะแทงพวกมันให้หมดด้วยพลังหอกของข้า”

อาเฮ่อมองดูทุกคนถูกปลุกระดม  พวกเขาเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่สามารถรั้งรอชูกำปั้นได้  และนี่จะทำให้เกิดเรื่องปวดหัวตามมาอีกมากมาย พวกเขาเป็นพวกใจร้อนไม่ยั้งคิดวางแผนสักนิด  ดังนั้นเขาจึงถาม“อย่างนั้นพวกเจ้าตั้งใจจะทำยังไงกับสมาพันธ์ชาวยุทธ?”

“ข้าขอลาออกจากสมาพันธ์ชาวยุทธ”  ถังเทียนตอบยืนยัน  “องค์กรแบบนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว”

อาเฮ่อไม่ได้คัดค้านและกล่าวอย่างจริงจัง  “เจ้าเป็นคนที่กระทำการตามอารมณ์ถ้าเจ้าประกาศต่อสาธารณชนว่าเจ้าออกจากสมาพันธ์ชาวยุทธ  พวกเขาคงไม่ยินดีอยู่เฉยแน่เราต้องเตรียมตัวก่อน  ประการแรกเราต้องปิดประตูดวงดาวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬและตัดเส้นทางโจมตีจากกลุ่มดาววาฬ เพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขา  ประการที่สอง ในช่วงเวลาสั้นๆเราต้องกวาดกลุ่มอิทธิพลอื่นของกลุ่มดาวหมาป่าและรักษาเสถียรภาพค่ายของเรา  ประการที่สามเราจำเป็นต้องเตรียมตัวและรอการมาเยือนของสมาพันธ์ชาวยุทธ”

อาเฮ่อจัดลำดับไว้ชัดเจนและทุกคนผงกศีรษะเห็นด้วย

“ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือทอดเวลาออกไป” ดวงตาดำขลับของอาเฮ่อเป็นประกายเยือกเย็น “เรื่องกระบี่ เราต้องทำเป็นลังเล และบอกไปว่าเรากำลังพิจารณาอยู่  หลังจากนั้นเราจะแสร้งทำเหมือนว่าจะไปคุยเงื่อนไขกับสมาพันธ์ชาวยุทธเพื่อให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเรายินดีจะรับข้อตกลง แต่ต้องจัดการเงื่อนไขข้อแรกก่อน ในตอนนั้น เราต้องกวาดอิทธิพลกลุ่มดาวหมาป่าให้เร็วที่สุด”

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นจะทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธกลายเป็นศัตรูใหญ่ อาเฮ่อไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย  แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า

ทันใดนั้นเสียงปิงดังขึ้น  “หัวหม่าเอ๋อกับถังอี้จะนำกองกำลังไปควบคุมประตูดวงดาว   พวกคนในท้องที่ของกลุ่มดาวหมาป่ายอมแพ้และสามารถเกณฑ์เป็นทหารได้  คานท์และคนที่เหลือตายแล้ว  พวกเขาก็น่าจะเชื่อถือได้มากขึ้น  หัวหม่าเอ๋อ ประตูดวงดาวของกลุ่มดาวหมาป่ามีอยู่เท่าไหร่?”

“สี่แห่ง” หัวหม่าเอ๋อตอบ “แห่งหนึ่งเข้าสู่กลุ่มดาววาฬ, กลุ่มดาวอีกา,กลุ่มดาวโลมาและแห่งสุดท้ายเข้าไปยังภูมิภาควิญญาณคือเมืองเจิ้นไห่”

ปิงพยักหน้า “ให้จัดการประโคมแตรชุดใหญ่และเคลื่อนกำลัง  พยายามทำเสียงให้ดังเท่าที่เป็นไปได้  เราเพิ่งเอาชนะองค์การวิญญาณมืด  ฉวยโอกาสตรงนั้นแล้วคนต่อต้านจะมีน้อยลง  หัวหม่าเอ๋อ, ถังอี้พาเชลยศึกไปคนหนึ่งด้วย”

“ขอรับ!”  ถังอี้ตอบรับ

หัวหม่าเอ๋อทำตามเขาทันที

เมื่อเป็นการบังคับบัญชาจะไม่มีคนอื่นพูดขัด ปิงสถาปนาอำนาจของเขาในฐานะผู้บัญชาการทหารเข้าต่อสู้ได้แล้ว

เมื่อปิงพูดจบอาเฮ่อพูดต่อ “เมื่อเราเก็บกวาดได้ทั่วกลุ่มดาวหมาป่า เราจะต้องปิดประตูดวงดาวกลุ่มดาววาฬทันที ถึงเวลานั้นสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาววาฬก็จะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธต้องการรับมือเรา พวกเขาจำเป็นต้องรวบรวมนักสู้จากสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือก่อนจึงจะมาได้  นั่นจำเป็นต้องใช้เวลา  ดังนั้นเราต้องใช้เวลานั้นมุ่งมั่นเสริมเพิ่มพลังให้เรา”

หลิงซิ่วเตือนพวกเขา  “ชุดพลังงานสำหรับฝึกฝนปราณแท้เป็นของดี”

“ไม่มีปัญหาเรื่องนั้น”  ถังเทียนไม่เข้าใจขั้นตอนเตรียมการสู้  แต่เมื่อว่ากันถึงการเพิ่มพลัง  เขามีประสบการณ์มาก “เรามีสมบัติดวงดาวที่มีค่าจากสินสงครามครั้งนี้  ทุกคนไปดูกันว่ามีอะไรที่ดีต่อตัวพวกเจ้าเองบ้างและเลือกมาใช้ หลังจากนั้นทุกคนมาช่วยกันคิดว่าจะช่วยยกระดับพลังได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาสั้นๆการ์ดวิญญาณ, หินดวงดาว, ไม่ว่าของอะไรที่เป็นไปได้  บอกข้าได้ และข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้”

“เด็ดขาดดี ข้าชอบ”  ซือหม่าหัวเราะ

เหลียงชิวกล่าว“สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธน่าจะเป็นสมบัติ”

“ก็ได้” ถังเทียนจดจำไว้

“พวกเจ้าไม่ควรปรากฏตัวสักสองสามวัน”  อาเฮ่อแนะนำ “ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ปรากฏตัว การกระทำของถังอี้ก็จะไม่ดึงดูดความสนใจมาก  กลุ่มดาวหมาป่าเป็นสถานที่เล็ก ให้คนที่เหนือกว่าดูถูกเราไปก่อน”

ถังเทียนพยักหน้า  เขาเข้าใจ

ทุกคนสงบใจได้ทันที พวกเขาตื่นเต้นกันทุกคนและขณะเดียวกันก็หวั่นเกรงเล็กน้อย   เกี่ยวกับหกองครักษ์ตระกูลถู ถูหรูไห่เป็นเพียงระดับผู้อาวุโสขอบฟ้าเหนือ  ขณะที่คู่มือต่อไปก็คือสมาพันธ์ชาวยุทธ  สิ่งที่รอทุกคนอยู่คือการต่อสู้โชคเลือด สมาพันธ์ชาวยุทธจะไม่อดทนต่อคนทรยศและนักสู้ผู้หลีกหนีจากพวกเขา  ถ้าพวกเขาพบ ระดับเบื้องบนของสมาพันธ์ชาวยุทธคงได้โกรธแน่

แต่สหายผู้ปรารถนาให้ทั้งโลกวุ่นวายก็ออกไปและเริ่มฝึกฝน

ถังเทียนและปิงเข้าไปในประตูแสงพร้อมกันและตระหนักว่ามีซอยเล็กๆ สายหนึ่งทอดตัวยาวไกลมาก เขาจำได้ทันทีว่า เวลาของที่นี่แตกต่างจากข้างนอก

หยาหยาและผู้ช่วยทั้งสามช่วยได้มาก  และความเร็วในการขุดอุโมงค์ก็เพิ่มขึ้นมาก  และเดินหน้าไปได้ไกลอีกสิบกิโลเมตร

ถังเทียนมีความคิดบางอย่างทันที  “นี่ลุง ถ้าเราให้เซรีนช่วยสร้างอสูรจักรกลสักอีกสองสามตัวจะช่วยเร่งงานนี้ได้หรือไม่?”

“นั่นเป็นความคิดที่ดี”  ปิงนัยน์ตาเป็นประกาย  “ข้าจะไปบอกนางเอง”

ถังเทียนเงียบชั่วขณะ  จากนั้นเงยหน้า “ลุง”

“ว่าไง?” ปิงชะงัก  และหยุด

“ช่วยยืมเงินให้ข้าได้ไหม?”  ถังเทียนละอายอยู่บ้าง  “เงินของม่อเว่ยเทียน”

“เจ้าเอาจริง?” ปิงประหลาดใจ

ถังเทียนพูดเหมือนกับกล่าวกับตนเอง  “เราต้องชนะศึกนี้ให้ได้แน่นอน!  ข้ารู้, เพราะข้า,ทุกคนจึงถูกลากเข้ามาในสงครามครั้งนี้!  ไม่ว่ายังไง ข้าก็ล้มเหลวไม่ได้”

เมื่อกล่าวถึงที่สุดน้ำเสียงของถังเทียนเข้มข้นขึ้น

“ข้าต้องการใช้สิบหกพันล้านทุ่มให้กับทุกคน ข้าต้องการให้ทุกคนแข็งแกร่งมากขึ้น”

ถังเทียนเงยหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังมองดูปิง

“ลุง, ลุงต้องมีวิธีใช่ไหม?”

ปิงมองดูถังเทียนเงียบๆทันใดนั้น เหมือนกับเขาบินกลับไปในอดีต ปีนั้นเด็กหนุ่มผู้นั้นก็เหมือนกับถังเทียน เต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขามองออกไปด้วยจิตวิญญาณพร้อมต่อสู้ และด้วยความดื้อด้าน เขาถามผู้บังคับบัญชาว่า “ท่านขอรับ,ท่านมีวิธีทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นบ้างไหม?”

“ฮ่าฮ่า เสี่ยวปิงปิง  แน่นอน ข้ามี แต่มันยากลำบากเอาการนะ” ปากของผู้บัญชาการผู้กล้าหาญยิ้มและลูบศีรษะบุรุษหนุ่มและหัวเราะลั่น

“บังเอิญรู้พอดี”  ขณะที่ปิงกล่าว “แน่นอน ข้ารู้แต่มันยากลำบากมากเลยนะ”

“เยี่ยมมาก!  ข้าไม่กลัวความยากลำบาก”  ถังเทียนโลดเต้นอย่างมีความสุข  น้ำเสียงของเขามั่นคง“ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัว”

ปิงสะดุ้งเหมือนกับว่าเขากำลังรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดชีวิต

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด