ตอนที่แล้วตอนที่ 10-40 เครื่องบดเนื้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10-42 ภัยพิบัติครั้งใหญ่

ตอนที่ 10-41 ไม้เด็ด


“ปัง ปัง ปัง!”......

ปืนใหญ่พลังเวทเหล่านั้นยังยิงโจมตีต่อไปราวกับว่าแท้จริงแล้วเงินไม่ใช่อุปสรรคเลย ใต้เมืองค็อดกลายเป็นทะเลเพลิง และท้องฟ้ายามราตรีมีประกายแสงงดงามหลากสีนับไม่ถ้วนชัดเจน

จากในที่ไกลผู้บัญชาการของกองกำลังร่วมเวส พอร์ตเตอร์และกิลเยโมมีเงาพาดผ่านใบหน้าพวกเขา

“ไม้เด็ด?”

เวสพอร์ตเตอร์มองดูกิลเยโม  เขากล่าว“ท่านคาร์ดินัลกิลเยโมข้าคิดว่าทหารเมืองค็อดอ่อนเพลียเต็มที่แล้วง่ายต่อการพ่ายแพ้จากการโจมตีของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัสได้  ไม่มีความจำเป็นต้องให้ฝ่ายข้าเข้าไปร่วมด้วย”

ไม้เด็ดของศาสนจักรเจิดจรัส– กองกำลังศักดิ์สิทธิ์!

กองกำลังศักดิ์สิทธิ์!

ในพื้นที่ของแดนอนารยชนนี้ศาสนจักรเจิดจรัสใช้ความพยายามและวัตถุทรัพยากรมหาศาลเพื่อฝึกสร้างกองกำลังที่ทรงพลังนี้ขึ้นมา

กองกำลังศักดิ์สิทธิ์  มีกำลังพลรวมสามหมื่นคน

ห้าพันคนของทหารในกองกำลังศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นนักรบระดับเจ็ด  ขณะที่อีกสองหมื่นห้าพันคนมีพลังอย่างน้อยระดับห้า  ในกองพลอื่นนักรบระดับห้าคนหนึ่งอาจนับได้ว่าเป็นทหารฝีมือระดับสูงได้แล้ว  แต่ในกองกำลังนี้พวกเขาเป็นเพียงทหารที่อ่อนแอที่สุด

ต้องเข้าใจไว้ว่าลำพังความสามารถในการกระโดดของนักรบระดับเจ็ดก็ทำให้พวกเขาพลิกตัวผ่านกำแพงเมืองสูงสามสิบเมตรได้

ไม้เด็ดของกองกำลังนี้เมื่อเข้าสู่การรบจะทำให้กองทัพเสียสมดุล อย่างไรก็ตามการฝึกกองกำลังเช่นนั้นขึ้นมาได้ยากมาก  ราคาของการฝึกฝนพวกเขามากยิ่งกว่าการฝึกทหารเป็นล้านคน

“ถ้าเซียนของลินลี่ย์ทำลายข้อตกลงและกำจัดกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของเรา  นั่นคงจะน่ากลัว”  กิลเยโมลอบยินดี  เวส พอร์ตเตอร์ก็คิดอย่างเดียวกันนี้ พวกเขาทั้งสองกลัวว่าพวกเซียนจะทำลายข้อตกลงและเข้าร่วมในการสู้รบ

ตัวอย่างเช่นมังกรระดับเซียน ลินลี่ย์ และนักรบอมตะ

ถ้าทหารธรรมดาสองสามแสนคนถูกฆ่า ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาคงเกณฑ์ทหารเพิ่มสองสามแสนคนได้ง่าย  ทั้งหมดต้องการแค่เวลาฝึกฝนสักปีหรือสองปี  แต่กองกำลังศักดิ์สิทธิ์..ทหารแต่ละคนคือตัวแทนของการฝึกฝนและค่าใช้จ่ายมากมายในหลายปี  การสูญเสียทหารแต่ละคนลำพังแค่เงินอย่างเดียวไม่สามารถเติมเต็มได้

“เวส พอร์ตเตอร์เจ้ากำลังล้อเล่นหรือเปล่า?” กิลเยโมหน้าตึง

เวสพอร์ตเตอร์หัวเราะทันที  “กิลเยโม,อย่าโกรธไปเลยน่า กองกำลังเงาของลัททธิเงาก็จะร่วมโจมตีพร้อมกัน”

กองกำลังเงาเป็นกองทัพที่ลัทธิเงาสร้างขึ้นเพื่อไว้ตอบโต้กองกำลังศักดิ์สิทธิ์  พลังของพวกเขาพอๆ กัน

นี่คือสองกองกำลังที่แข็งแกร่งน่ากลัว

แม้ว่าแต่ละกองกำลังจะมีกำลังพลสามหมื่นนายและพอรวมกันพวกเขาก็มีกำลังพลหกหมื่นนาย สำหรับทั้งสองฝ่ายกองกำลังไม้เด็ดของพวกเขามิได้ด้อยไปกว่ามีกองทัพเป็นล้าน

ที่ด้านบนกำแพงเมือง ลินลี่ย์และบาร์เกอร์มองดูการสู้รบราวกับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา

ทหารป้องกันเมืองในพื้นที่นั้นถูกไล่ออกไป

“ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น” ทหารฝ่ายศัตรูมองเห็นชัดเจนว่าตรงพื้นที่นั้นมีคนยืนอยู่เพียงสองคน

“เร็วเข้า โจมตีตรงนั้น”

การสู้รบรุนแรงมากจนไม่มีทหารคนใดไตร่ตรองให้ชัดเจน  เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ว่างตรงกำแพง  พวกเขาบุกเข้าโจมตีทันที แต่ขณะที่พวกเขาปีนขึ้นบันไดและบุกเข้าหาลินลี่ย์และบาร์เกอร์ขณะชูอาวุธ...

“ฉัวะ”

จู่ๆมีดสายลมนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นกำแพง นักรบสามคนที่บุกเข้ามากลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนทันที และแม้แต่นักรบที่ใกล้จะขึ้นถึงด้านบนสุดบันไดก็ถูกฟันร่วงลงพื้นไปด้วยภาพเช่นนี้.. เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในการสู้รบไม่มีใครสามารถเข้าไปใกล้คนทั้งสองนี้ได้

“แม่มันเอ๊ย.. ข้ารู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้า”  บาร์เกอร์สบถเบาๆ

บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์ ลินลี่ย์ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย  บาร์เกอร์อดพูดไม่ได้  “ท่านลอร์ดลินลี่ย์,ท่านเอาแต่ดูอย่างเดียวได้ยังไง?”

“ทำไมจะไม่ได้เล่า”  ลินลี่ย์จ้องมองข้างล่าง

“โอว?” บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์อย่างสงสัย

ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าเทพสงครามรู้สึกยังไง  ปล่อยให้โลกเป็นไปตามธรรมชาติ  ผู้คนมักจะตายในสงคราม  ถ้าข้าไม่สร้างอาณาจักรบาลุค  บางทีผู้คนมากมายอาจจะต้องตายในสงครามวุ่นวายไม่สิ้นสุดเหล่านั้น”

ลินลี่ย์มองลงมาข้างล่าง  “โลกมีกฎเกณฑ์ของโลก  และเรามีกฎเกณฑ์ของเราเช่นกัน!”

“ข้าจะยึดถือข้อตกลงของเรา ต่อให้พวกเขาทำลายและผ่านเข้าไปถึงเหมืองอัญมณีเวทได้  ข้าจะไม่ขัดขวาง”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น

บาร์เกอร์เริ่มคลั่ง  “แต่ห้องมิติที่เราเพิ่งค้นพบจะเป็นยังไงเล่า?”

“เจ้าต้องกลัวอะไรด้วย?”

ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น  “เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้ไม่ใช่เซียนจะเข้าไปในห้องลับได้ แต่เซียนคนไหนเล่าจะกล้าเฉียดผ่านเข้ามาในดินแดนของข้า” ลินลี่ย์มองดูการสู้รบด้วยสายตาและจิตใจที่ว่างเปล่า  ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะชนะหรือแพ้...

และนอกจากนี้ห้องมิติไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้

“ท่านพูดถูก, ท่านลอร์ด”  บาร์เกอร์เริ่มเข้าใจ

เมื่อเข้าถึงระดับเซียน  พวกเขามีพลังอายุขัยอมตะ  พวกเขาอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดา  ความจริงการสู้รบกันและเรื่องราวต่างๆทางโลกไม่ได้เป็นของพวกเขาต่อไป  และพวกเซียนก็ไม่ได้เป็นของพวกเขาเช่นกัน  แต่แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจเรื่องนี้  แต่ทั้งบาร์เกอร์และลินลี่ย์ก็ยังมีความคาดหวัง....

คาดหวังว่าฝ่ายของพวกเขาจะได้รับชัยชนะ

“แย่แล้ว” หน้าของบาร์เกอร์เปลี่ยนไปทันที

ที่ด้านล่างของเมืองนักรบฝีมือดีจำนวนมากกำลังบุกผ่านกำแพงเมืองเข้ามาด้วยความเร็วสูง  พวกเขารวมกลุ่มหนาแน่นมีจำนวนเป็นหมื่นๆ  กลุ่มนักรบฝีมือดีกลุ่มใหญ่นี้วิ่งด้วยลักษณะก้าวเท้าที่ประหลาดในแต่ละครั้งที่ร่างของพวกเขากระพริบ จะเคลื่อนที่ไปไกลถึงยี่สิบหรือสามสิบเมตรไม่ถึงนาทีพวกเขาก็มาถึงกำแพงเมือง

“ยิง!”

ปืนใหญ่พลังเวทจากประตูตะวันออกเข้ามาผลัดเปลี่ยนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ปืนใหญ่พลังเวทมากกว่ายี่สิบกระบอกยิงลงมาอย่างต่อเนื่อง  กระสุนแสงระเบิดใส่ทหารข้างล่าง

“ฟิ้ว!”  “ฟิ้ว!’

ทหารฝีมือดีหลายคนหลบหลีกด้วยความเร็วสูงทันที แต่ปืนใหญ่พลังเวทโจมตีใส่ด้วยความเร็วเช่นกัน อย่างไรก็ตามทหารฝีมือดีสามารถหลบจากศูนย์กลางแรงระเบิดได้มีทหารโชคไม่ดีสองสามคนที่ตาย  ขณะที่คนอื่นๆที่หลบออกมาจากรัศมีระเบิดก็ยังได้รับบาดเจ็บบ้างเช่นกัน

แต่ก็มีเวลาพอได้ยิงเพียงครั้งเดียว!

ปืนใหญ่พลังเวทมีเวลาพอยิงได้ครั้งเดียวก่อนที่ทหารฝีมือดีจะเข้าประชิดกำแพงเมือง

“มีหลายคนมากเกินไป  ทหารหลายหมื่นคน  นักรบที่แข็งแกร่งทรงพลังทั้งหมดนี้มาจากที่ไหนกันแน่?  มีนักรบระดับเจ็ดตั้งมากมายหลายคน”  บาร์เกอร์รู้สึกทึ่งอัศจรรย์ใจ

ลินลี่ย์สังเกตเห็นว่าทหารฝีมือดีกลุ่มใหญ่ปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นกัน เนื่องจากระดับพลังในปัจจุบันของลินลี่ย์และบาร์เกอร์ พวกเขาสามารถประเมินพลังของทหารเหล่านี้ได้ทันที  “นักรบระดับเจ็ดมากมายนักหรือ? พวกเขาก็เหมือนกองอัศวินของศาสนจักรเจิดจรัสที่ข้าเคยพบที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์”

“นี่ต้องเป็นกองกำลังฝีมือดีที่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาสร้างขึ้นมา  คล้ายๆ กับกองพลที่แปด  นี่คือกองกำลังฝีมือสูงส่งที่แท้จริงของพวกเขาในแดนอนารยชนแห่งนี้”  ลินลี่ย์คาด

และก็เป็นเช่นนั้นแน่นอน

“ควั่บ!”  “ควั่บ!” “ควั่บ!” “ควั่บ!”

นักรบจำนวนมากเข้าประชิดกำแพงเมืองและกระโจนขึ้นมาทันที พวกเขากระโดดขึ้นกำแพงระยะความสูงสามสิบเมตรได้อย่างง่ายดาย กลุ่มนักรบหนาแน่นมาถึงด้านบนกำแพงและพวกเขามีพลังนักรบระดับเจ็ด

“ปัง!”  ดาบและกระบี่กระพริบฉายประกายไปทุกที่และปราณยุทธระเบิดผ่านไปตามพื้นที่

ทหารรักษาเมืองสองหมื่นถึงสามหมื่นตายทันที กองกำลังรักษาเมืองมีพลังนักรบระดับสองหรือสามเท่านั้น้  นักรบระดับห้าก็ยังถูกมองว่าเป็นนักรบระดับสูง แต่นักรบที่เพิ่งโดดขึ้นมาบนกำแพงนี้เป็นนักรบระดับเจ็ดทั้งหมดและมีจำนวนเกือบหมื่นคน

เป็นการสังหารอย่างเดียว

พวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย!  และขณะเดียวกัน...

นักรบที่เป็นเพียงระดับห้าและหกจำนวนมากเริ่มจะปีนขึ้นมาตามบันไดด้วยความเร็วสูง

แม้ว่าจะมีทหารหลายแสนที่ประตูทิศใต้แต่มีเพียงทหารสองถึงสามหมื่นเท่านั้นที่สามารถสู้กับนักระดับเจ็ดได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อทหารระดับห้าและระดับหกจำนวนห้าหมื่นบุกเข้ามา...

“เราแพ้แล้ว”

บาร์เกอร์ถอนหายใจ

หลังจากทหารฝีมือดีจำนวนหกหมื่นของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังเงาบุกเข้ามาทหารธรรมดาหลายแสนขึ้นบันไดตามหลัง  แนวกำแพงด้านใต้ของกำแพงเมืองตกอยู่ในความครอบครองของศัตรูทะลักเข้ามาเหมือนกับมดเข้าโจมตีเมืองค็อด

แต่ที่ซึ่งลินลี่ย์และบาร์เกอร์ยืนอยู่  ไม่ว่าจะมีนักรบบุกเข้ามามากเพียงใด พวกเขาล้วนเปลี่ยนสภาพเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนเพราะดาบสายลมกันหมด

“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์เหาะออกจากกำแพงเมืองทันที

“จะปล่อยให้พวกเขาได้ปืนใหญ่พลังเวทไปไม่ได้”  บาร์เกอร์กล่าว  ร่างของบาร์เกอร์กระพริบวาบไปตามแนวกำแพงเมืองและปืนใหญ่พลังเวทถูกเก็บเข้าในแหวนมิติเก็บสมบัติทีละกระบอกเป็นไปได้ยังไงที่ทหารฝ่ายศัตรูจะขัดขวางยอดฝีมือระดับเซียนอย่างบาร์เกอร์?

“โธ่เอ๊ย..บาร์เกอร์...”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ

“เรียบร้อย” บาร์เกอร์เหาะกลับมาอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์

บาร์เกอร์และลินลี่ย์เหาะขึ้นไปอยู่เหนือเมืองค็อด พวกเขาสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเมืองได้ชัดเจน  ว็อทส์เตรียมทิ้งที่มั่นนี้ขณะที่ทหารถอยออกไปทางประตูตะวันตกและทิศเหนือ

ในขณะเดียวกันทหารหลายคนในเมืองค็อดเตรียมตัวรบและต่อต้านกองกำลังที่ไล่ตาม

กองกำลังจำนวนมากหนีไปทางทิศเหนือของเมืองค็อด

ว็อทส์จ้องมองเมืองค็อดแต่ไกลและถอนหายใจเบาๆ  ในที่สุดเขาก็แพ้อยู่ดี  เมื่อสองกองกำลังที่น่ากลัวปรากฏ ว็อทส์รู้ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะป้องกันได้ ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงารวมกำลังทหารฝีมือระดับสูงที่เป็นนักรบระดับเจ็ดถึงหมื่นคน

สำหรับนักรบระดับเจ็ดกำแพงยังไม่อาจต้านทานได้

การป้องกันกองกำลังที่ทรงพลังมากมายขนาดนั้นจะเป็นไปได้ยังไง?

“ว็อทส์, ท่านจะเศร้าไปทำไม?”  เกทส์อยู่ข้างเขา  “ถ้าเราแพ้, ก็ปล่อยให้แพ้ไป  เมื่อตอนข้าอยู่ในแปดแคว้นอิสระเหนือการพ่ายแพ้สงครามเป็นเหตุการณ์ธรรมดา  แต่แน่นอน..ข้าก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี”

เกทส์ถอนหายใจเช่นกัน

เมื่อกลุ่มทหารฝีมือดีบุกโจมตีพวกเขาจะเหลือคนสักกี่คน เกทส์จะฆ่าเองได้สักกี่คน? ที่สำคัญ พวกเขาไม่ใช่แค่วิ่งมาหาเขาแล้วรอให้เขาฆ่า

“ถ้าข้าเป็นจอมเวทระดับเซียนก็คงจะดีมากมายเพียงไหน ข้าจะร่ายเวทต้องห้ามและกวาดล้างพวกมันไปให้หมด”  เกทส์พึมพำกับตนเอง

ในเวลานี้ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ก็บินมาสมทบ  พวกเขาเห็นเกทส์ บูน อังเก้และเฮเซอร์แล้วพวกเขาค่อยบินลงมา  ขณะนั้นลินลี่ย์ถามว็อทส์  “ว็อทส์ท่านมีคนอยู่เท่าใดที่เหลือไว้ยับยั้งศัตรู?”

“แสนคน”

ว็อทส์ตอบ  “เรามีทหารเหลือรวมแสนกับห้าหมื่นเมื่อถอนกำลังในส่วนนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ทหารอีกแสนหนึ่ง มีอยู่ครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บอีกครึ่งยังมีกำลังเหลือ พวกเขาจะอาศัยกับดักและอุโมงค์ลับที่เราขุดไว้ก่อนนั้นก็น่าจะสามารถต้านกองกำลังของศัตรูได้หนึ่งชั่วโมง”

“หนึ่งชั่วโมง?”  ลินลี่ย์ถาม

“ถูกแล้ว, หนึ่งชั่วโมง  หลังจากหนึ่งชั่วโมงคนของข้าจะส่งสัญญาณธนูให้ทหารทุกคนยอมแพ้ทันที”  ว็อทส์ถอนหายใจ  “ไม่มีอะไรที่จะทำต่อไปได้แล้ว  ถ้าพวกเขาสู้จนถึงที่สุด  พวกเขาจะตายกันหมด”

ลินลี่ย์พยักหน้าเข้าใจ

ในแดนอนารยชนสำหรับทหารพ่ายแพ้และยอมจำนน เป็นเรื่องธรรมดา

“หนึ่งชั่วโมงมากพอให้เรายืดระยะหนีห่างจากพวกเขา”  ว็อทส์กล่าว

มีทหารอยู่สองแสนคนประจำการอยู่ที่เหมืองอัญมณีเวท และการป้องกันที่นั่นมีการเตรียมการไว้นานแล้ว  ว็อทส์และคนของเขาหนีไปในตอนเช้าขณะที่ในตอนบ่ายทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นที่รอดชีวิตก็มาถึงเหมืองอัญมณี  ทันทีที่พวกเขามาถึง  พวกเขาถูกส่งไปพักผ่อนและกินทันที

ตกกลางคืนภายในกระโจม

ลินลี่ย์บาร์เกอร์และพวกนั่งรวมกันกินมื้อเย็นด้วยกัน ขณะนั้นเองมีบางคนมาถึง ผู้มาคือเดเลีย เมื่อนางมาถึงทุกคนหยุดกินทันที แม้แต่บาร์เกอร์เกทส์และบูนทุกคนออกมาทักทายนาง

“ลินลี่ย์, พวกท่านยังจะกินอยู่ได้ยังไง?”  เดเลียค่อนข้างโมโห

“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์มองดูเดเลีย

เดเลียกล่าว “กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจวนจะมาถึงอยู่แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”

“เราจะทำยังไงกันดี?  เราจะทำอะไรได้?”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะอย่างจนใจ  “เดเลีย, ตอนนี้คนจำนวนมากต่างทำเหมืองอย่างสุดความสามารถเราทำเหมือนเสร็จไปเกินกว่าหนึ่งในสี่ของเหมืองอัญมณีแล้ว” นี่คือวิธีหนึ่งเช่นกัน

ทำเหมืองให้มากที่สุด

แต่ทันใดนั้น...

“พี่ใหญ่” ทันใดนั้นบีบีปรากฏตัวอยู่เหนือโต๊ะอาหารทันที  เขาจ้องมองลินลี่ย์ด้วยดวงตาเท่าลูกปัด  “ศัตรูส่งคนเข้ามามากมายเกินไป  พี่ใหญ่, ข้าพาซาสเลอร์มาแล้วให้ซาสเลอร์ร่ายเวทต้องห้าม”ผีดิบหายนะ“และเรียกทหารผีดิบออกมากำจัดพวกเขาเถอะ”

ขณะนี้เองกระโจมถูกเปิดขึ้น

ชายชราคนหนึ่งสวมชุดยาวสีดำเดินเข้ามา  เขาผอมเหมือนโครงกระดูกเดินได้  นั่นคือพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์

“ท่านลอร์ดลินลี่ย์  ข้าพร้อมจะฟังคำสั่งท่านได้ทุกเมื่อ  ถ้าท่านออกคำสั่งทหารเป็นล้านที่อยู่ข้างนอกจะไม่มีใครรอดชีวิต” ตาของซาสเลอร์เป็นประกายสีเขียว ทหารผีดิบของซาสเลอร์ ไม่ใช่แค่ผีดิบธรรมดาแต่ยังรวมผีดิบระดับเก้าและยังมีสองสามตนเป็นผีดิบระดับเซียน

ทำลายกองทัพเป็นล้านง่ายพอๆกับการยกมือ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด