ตอนที่แล้วตอนที่ 45 เมื่อฝุ่นจางหาย ความวุ่นวายสงบลง (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47 แม่แม็กนัส (อ่านฟรี)

ตอนที่ 46 โต๊ะกลม (อ่านฟรี)


แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร

ตอนที่ 46 โต๊ะกลม

ต่อมาแม็กนัสกลับไปที่ฮอกวอตส์พร้อมกับดัมเบิลดอร์ เขาบอกลาอาจารย์ใหญ่กลับไปที่คุกใต้ดินหอพักสลิธีริน

ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น ทุกคนก็หยุดพูดและมองมาที่เขา ลูเซียสกลับมาแล้วแต่มีพลาสเตอร์ติดอยู่ที่แขนข้างหนึ่ง

แม็กนัสมองเข้าไปในดวงตาของลูเซียสเป็นพิเศษ เขาสังเกตเห็นความประหลาดใจในตัวพวกเขา ~งี้นี่เองเขาน่ารู้เรื่องการโจมตี~

แม็กนัสเดินไปที่หอพัก ระหว่างทาง เขาทักทายนาร์ซิสซาด้วยรอยยิ้มที่ใจดีเช่นเคย "สายัณห์สวัสดิ์พี่สาว..."

เขาเดินไปที่ห้องของเขาโดยไม่สนใจลูเซียส ข้างในเขาพบสเนปกับรักนาร์อยู่ที่โต๊ะเรียน

"โห อย่างที่คิดเลย ห้องหนอนหนังสือ" แม็กนัสกล่าวว่า

ทั้งรักนาร์และสเนปปิดหนังสือแล้ววิ่งไปหาเขา รักนาร์มีสีหน้าตื่นเต้น “แล้วเกิดอะไรขึ้น?”

*เห้อ*

“มีเยอะมาก ฉันจะเล่าให้นายฟังตั้งแต่เริ่มต้น ใช่ มรดกของฉันได้รับการยืนยันแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น ฉันมีความเกี่ยวข้องเล็กน้อยกับดัมเบิลดอร์ทางสายเลือด เรื่องต่อไปฉันคนอภิมหารวย เรื่องที่สาม เราถูกโจมตีโดยผู้เสพความตาย มันเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและนองเลือด มือปราบมู้ดดี้สูญเสียขาของเขาแล้วมือปราบมารอีก 4 คนเสียชีวิต” แม็กนัสเผย

“พวกเขาคงตัดสินใจทำหลังจากเรื่องเมื่อวาน มัลฟอยต้องได้ข่าวว่านายมาจากครอบครัวมักเกิ้ล” สเนปเดาได้

“ฉันก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเขา แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพิสูจน์ อ้อ ฉันลืมไป ฉันเอาช็อคโกแลตมาฝากพวกนายสองคนด้วย ตอนนี้ฉันต้องไปเขียนจดหมายถึงครอบครัวของฉันแล้ว” เขาเดินไปที่โต๊ะเรียนและนั่งลง ในขณะที่เพื่อนสองคนของเขากินช็อคโกแลต

สเนปยังคงเป็นตัวเกรียนสำหรับกับคนส่วนใหญ่ แต่เขาก็เป็นมิตรกับแม็กนัสและรักนาร์อยู่บ้าง

เมื่อแม็กนัสนั่งข้างโต๊ะเรียน เสียงของเมอร์ลินดังมาจากภาพวาดที่มองไม่เห็น "มีใครตายหรือเปล่า?"

แม็กนัสพยักหน้าขณะที่เขากำลังเขียนจดหมาย

“พวกนั้นตายด้วยน้ำมือเจ้าหรือไม่?” อาเธอร์ถาม

แม็กนัสพยักหน้าอีกครั้งและตอบด้วยเสียงกระซิบ “พวกนั้นพยายามจะฆ่าผมก่อน”

อาเธอร์รู้สึกแย่แทนเขา “อืม มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะปล่อยวางเมื่อเจ้าพรากชีวิตใครบางคนไป ข้าอยากกอดปลอบเจ้า แต่เจ้าก็รู้ดี... ข้าสิ้นไปนานแล้วตอนนี้เป็นแค่ภาพวาด”

“ผมรู้ ผมก็แค่พยายามที่จะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้” แม็กนัสตอบ

เมอร์ลินพบจุดบกพร่องในความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว “ผิดแล้ว แม็กนัส อย่าเก็บกดความคิด นั่นจะทำให้เจ้ากลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น จงยอมรับความจริงที่ว่ามีคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเจ้า และพยายามเข้าใจด้วยว่าอะไรนำไปสู่สถานการณ์เช่นนี้ แม็กนัส…คนที่ตายไม่ใช่ประเด็น แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาไปถึงจุดนั้นได้ในคราวนี้ต่างหากที่สำคัญ จำไว้ว่ายิ่งเจ้าเข้าใจพวกเขามากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งรู้ว่าพ่อมดแม่มดพวกนี้ขาดอะไรไป

ตอนนี้ข้าแนะนำให้เจ้าคุยกับสหายของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหนูรักนาร์คนนั้นก็มีอดีตที่น่าเศร้าเช่นกัน บางครั้งเขาร้องไห้เงียบๆ บนเตียงตอนกลางคืน และเจ้าเด็กคนนั้น เซเวอรัสร้องเรียกหาแม่และถูกพ่อข่มเหงในยามหลับใหล”

อาเธอร์กล่าวเสริม “พวกเขาก็กำลังมีปัญหาทางจิตไม่ต่างจากเจ้า ลูกชายเอ๋ย แต่เจ้ามีสติปัญญาที่เหนือกว่า ดังนั้นเจ้าจึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยพวกเขาได้”

แม็กนัสพยักหน้า "ผมเข้าใจแล้วว่าผมต้องทำอะไร ขอบคุณฮะ คุณสองคน... อย่างไรก็ตาม โฮปกับดิสเพียร์เป็นดาบที่ดี"

"ฮ่าฮ่าขอบใจ" อาเธอร์หัวเราะ

เมอร์ลินหยุดเขา "ข้าเป็นคนลงอาคม ดังนั้นข้าควรได้รับเครดิต"

"หึ… ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ" อาเธอร์เดือดดาล

“เจ้าตายไปแล้ว” เมอร์ลินตอบ

แม็กนัสไม่สนใจพวกเขาแล้วเขียนจดหมายของเขา เขายังคาดหวังจดหมายจากพ่อแม่ของเขา เมื่อทำเสร็จแล้ว เขาก็ปิดผนึกมันด้วยซองเพื่อเอาไปหย่อนใกล้กับสถานีนกฮูกในภายหลัง

เขาไปที่เตียงของสเนปและร่วมกินช็อกโกแลตกับทั้งสอง

“ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับพวกนาย” แม็กนัสเกริ่น ทั้งสองตั้งสติ เห็นว่าเขาไม่ได้มีสีหน้าสนุกสนานตามปกติ

“วันนี้ฉันฆ่าคนไป 2 คน ฉันกำลังคิดถึงพวกเขา รู้สึกแปลกที่ฉันจบชีวิตสองคนที่อยู่มานานหลายปี คนที่รู้จักพวกเขาจะไม่ได้เห็นพวกเขาอีก ฉันไม่รู้ว่าการฆ่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ฉันรู้สึก... แปลกๆ” แม็กนัสเปิดเผย

สเนปกับรักนาร์ผงะ แต่รักนาร์ก็ตบไหล่แม็กนัสดวงตาของเขาเศร้าหมอง "นายทำถูกต้อง ให้ฉันเล่าเรื่องหนึ่งให้นายฟังนะแม็กนัส ครั้งหนึ่ง มีครอบครัวหนึ่ง พวกเขาเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ แต่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามทฤษฎีลัทธิคลั่งเลือดบริสุทธิ์ พวกเขามีความสุขและร่ำรวย พวกเขามองว่ามักเกิ้ลก็เป็นแค่คนไม่มีเวทมนตร์ไม่ได้เหยียดหยามอะไร

“แล้ววันหนึ่งมีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านเพื่อขอคุยกับหัวหน้าครอบครัว เขาดูเป็นมิตรและไม่เป็นอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้เขาเข้ามา แต่เขามีอีกสองคนอยู่กับเขา

“พวกเขาเรียกตัวเองว่าแก๊งค์สลิธีริน ครอบครัวนั้นคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่โรงเรียนหรืออะไรสักอย่าง แต่กลางดึกเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั้งบ้าน

"เด็กชายวัย 5 ขวบถูกแม่จ๋าของเขาซ่อนไว้ในตู้อย่างรวดเร็ว

เธอบอกให้เขาสัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

"เด็กชายทำตามที่ขอ เขาอยู่ในตู้ เขายังคงมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกได้ลางๆ แม่ของเขาถือไม้กายสิทธิ์ของเธอและเตรียมพร้อมที่จะโจมตีฆาตรกรโฉด

“จากนั้น ประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงระเบิดและคำสาปสามคำก็ตามมาด้วย ปลดอาวุธผู้หญิงทันทีและมัดเธอไว้

“สำหรับเด็กน้อย เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะร้องไห้ออกมา แต่เขาจำคำพูดของแม่ได้เขาไม่ได้ส่งเสียง เขาไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย ขณะที่ชายทั้งสามกำลังทรมานเธอ ทำร่างกายของเธอเกร็งแน่นจากความเจ็บปวดแต่ไม่สามารถร้องออกมาดังๆ ได้

แต่เธอกล้าหาญ เธอไม่ได้กรีดร้องเพื่อไม่ให้เด็กซ่อนไว้อย่างลับๆ รู้สึกกลัว พวกเขาทำตามใจชอบในขณะที่ตะโกน

"นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกผู้ทรยศต่อเลือด... นี่คือผลลัพธ์ของการต่อต้านเรา"

ตัวตนของพวกเขาถูกค้นพบโดยเด็กชายเมื่อพวกเขาเรียกตัวเองว่าผู้เสพความตาย ซึ่งเป็นคำที่ไม่มีใครคุ้นเคยในสมัยนั้น

แต่เมื่อเห็นว่าการทรมานของพวกเขาไม่สิ้นสุด ผู้หญิงคนนั้นแอบมองไปที่ตู้เป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ ราวกับว่าดวงตาของทั้งสองสบกัน แม้ว่าจะมีประตูไม้กั้นระหว่างพวกเขาก็ตาม จากนั้นเธอก็หยิบมีดขนาดเล็กออกมาจากใต้เตียงและเชือดคอของเธอเอง

ชายทั้งสามหัวเราะขณะที่เธอสำลักเลือดของเธอจากไปหลังจากนั้น ในที่สุดเด็กชายก็ออกมาจากตู้และพยายามปลุกแม่ของเขา

แต่ตาเธอไม่ยอมขยับ คืนนั้นเขาร้องไห้ เขาหลับไปในกองเลือดของแม่กอดร่างกายที่เย็นชาของเธอ

เช้าวันต่อมา เขาตื่นขึ้นและมองหาสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวของเขา แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนตายอย่างเจ็บปวด บ้างก็โดนตอกกับกำแพงบ้าน บ้างก็ถลกหนัง บ้างก็ถูกตัดศีรษะ ในทุกห้องมีการเขียนคำว่า "พวกทรยศต่อเลือด" ด้วยหมึกที่ทำจากเลือดของสมาชิกในครอบครัวนั้น

กลัว เศร้า และสับสน เด็กชายกลับไปหาร่างของแม่ ขดตัวเป็นลูกบอลและอยู่อย่างเงียบๆ ข้างร่างของเธอ จินตนาการว่าเธอกำลังกอดเขาอยู่" ตอนนี้เสียงของรักนาร์กำลังสำลัก แม็กนัสและสเนปไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้เป็นใครในเรื่อง พวกเขารู้สึกแย่กับเขามาก

รักนาร์พูดต่อทันที “2 วันต่อมา เมื่อไม่มีใครสังเกตเห็นว่าไม่มีกิจกรรมใดๆ ในบ้าน พวกเขาจึงแจ้งให้กระทรวงทราบ พวกเขาส่งมือปราบมารไปที่บ้าน พวกเขาอาเจียนเมื่อเห็นสถานการณ์ มันเป็นหนึ่งในอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลกเวทมนตร์อังกฤษ ถูกฆ่าตายทั้งตระกูลทุกคนเหลือเพียงแค่คนเดียว พวกเขาพบเด็กที่ผอมโซและอ่อนแอ

เด็กคนนี้มีบาดแผลลึกในใจจนพูดไม่ได้เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม เขาเพียงแค่อ่านหนังสืออย่างเงียบๆ โดยไม่มีสีหน้า คดีฆาตกรรมไม่เคยถูกสอบสวน ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชน ไม่มีการสืบความใดๆ ในความพยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์ของกระทรวงให้สะอาด พวกนั้นได้ซ่อนคดีไว้ใต้พรม เพราะความน่ากลัวของมัน

ความยุติธรรมจึงไม่เคยเกิดขึ้น และเด็กถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในบ้านที่ได้รับการคุ้มครองของกระทรวง

เด็กคนนี้คงใจสลายถ้าไม่ใช่เพราะชายชราผมขาวตัวสูงหัวเราะคิกคักซึ่งมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ตามที่กระทรวงแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง

ชายชราต้องการเพียงให้เขาเรียกว่าคุณปู่ จากนั้น เขาก็คอยดูรักษาเด็กคนนั้น เขาเชื่อต่อสายชีวิตที่ขาดวิ่นในจิตใจของเขา และสอนศิลปะการปรุงยาให้เขา แต่ก่อนที่เด็กชายจะอายุครบ 11 ปี ชายชราก็จากไปอย่างเงียบๆ ยิ้มอยู่บนเก้าอี้โยก แต่คืนก่อนนั้น เขาบอกเด็กน้อยว่างานของเขาเสร็จแล้ว และเขาต้องกลับไปทำหน้าที่ของเขา

เด็กคนนั้นไม่ได้ว่าอะไรและก็ขอบคุณเขาอย่างสุภาพเพราะแม้แต่เขาก็รู้ว่าคุณปู่คนนี้ไม่ได้มาจากกระทรวง แต่ก่อนที่ชายชราจะจากไป เขาได้มอบสิ่งที่ไม่อาจลืมได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความสามารถพิเศษในการปรุงยาที่ไม่มีในโลก ความสามารถในการคาดเดาว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรในขณะที่ทำการปรุงยา

นับตั้งแต่วันที่เด็กชายคนนั้นเข้าร่วมฮอกวอตส์ เขาเริ่มมองหาชายสามคนที่มาหาครอบครัวของเขาในคืนนั้น ปีศาจใต้ผิวหนังมนุษย์ เขาต้องการที่จะล้างแค้นให้ครอบครัวของเขา ทำให้พวกมันเสียใจที่เคยคิดที่จะก่ออาชญากรรมเหล่านั้น ทำให้พวกมันร้องขอความเมตตาแต่เขาจะไม่ให้อภัย

พวกมันชื่อ โรโดลฟัส เลสแตรงจ์, ราบาสแตน เลสแตรงจ์และ ทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล สองคนแรกได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้เสพความตาย ซึ่งเป็นคนที่เจ้าแห่งศาสตร์มืดไว้วางใจมากที่สุด

แต่ชื่อที่สามยังคงเป็นปริศนา”

แม็กนัสหลั่งน้ำตาให้เพื่อนใหม่ของเขาจริงๆ แม้ว่าสเนปจะมึนงงไปหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของเขายังคงเป็นปริศนา

รักนาร์มองแม็กนัสด้วยสายตาดุดัน “นายไม่ได้ทำอะไรผิด!

สัตว์นรกพวกนั้นฆ่าคนเพียงเพื่อความบันเทิงหรือเลือด พวกมันไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่"

แม็กนัสพยักหน้า "จริงสิ คนพวกนี้มาจากส่วนลึกของนรก"

“แต่ยกโทษให้ฉันด้วย แม็กนัส” รักนาร์ขอโทษกะทันหัน

"เพื่อ?" แม็กนัสถามกลับ เขารู้สึกสับสน

รักนาร์ไม่สามารถมองตาเขาได้ "ฉะ-ฉัน... ตั้งแต่วินาทีที่นายถูกประกาศชื่อ ฉันก็รู้ว่านายเป็นใคร จะทรงพลังขนาดไหน ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะเป็นเพื่อนกับนาย ฉันจงใจทำตัวอ่อนแอและน่าสมเพช เพราะนายน่าจะรับฉันไว้ใต้ปีกแล้วนายก็ทำ…

*เฮ้อ*

“แต่ฉันทำไม่ได้ นายดีเกินไป แม็กนัส นายช่วยเหลือผู้คนโดยไม่มีเหตุผล ตรงข้ามกับปีศาจพวกนั้นโดยสิ้นเชิง และคุณทำให้ฉันนึกถึงคุณปู่คนชอบหัวเราะที่ช่วยฉัน ฉันหลอกคนอย่างนายไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะไปพบหน้าแม่จ๋าบนสวรรค์ได้ยังไง ดังนั้น ไม่เป็นไรเลยถ้านายอยากจะจบความสัมพันธ์นี้ ฉันมันไม่คู่ควร พรุ่งนี้ฉันจะออกจากห้องนี้” รักนาร์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย แมกนัสเป็นเพื่อนคนแรกของเขาจริงๆ แต่ตอนนี้เขารู้สึกแย่ที่หลอกใช้เพื่อนของเขา

แต่แม็กนัสก็หัวเราะทันที "ฮ่าฮ่า มานี่สิ..."

เขากอดรักนาร์อย่างพี่น้อง "ใช้ฉันไปเถอะเท่าที่นายอยากเหอะ ฉันไม่รังเกียจ...อา...ฉันไม่ได้พูดไรแปลกๆ ใช่ป่ะ?"

"ฮ่าๆๆๆ...."

"ฮิฮิ..."

สิ่งนี้ทำให้รักนาร์และสเนปหัวเราะออกมาดังๆ

จากนั้นแม็กนัสก็มองไปทางสเนปแล้วลากเขาให้เข้าร่วมกับเขากับรักนาร์เกาะไหล่ราวกับว่าพวกเขากำลังวางแผนสำหรับการแข่งขันฟุตบอล

แม็กนัสพูดขึ้น "แรกนาร์ นายคือเพื่อนฉัน ฉันไม่สนใจอดีตหรืออนาคตของนาย แม้ว่าคุณจะแกล้งทำเป็นเพื่อนกัน นายก็สามารถแกล้งหัวเราะได้ ฉันได้แต่หวังว่านายจะแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นกับฉัน นายก็ด้วยนะ เซเวอรัส

ฉันจะแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งขึ้นในอนาคต คุณสองคนก็ด้วย วันนี้เราควรสัญญาว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไปดุจครอบครัวเพื่อ

ความพินาศของโวลเดอมอร์และผู้เสพความตายทั้งมวล ไม่ต้องห่วง รักนาร์ เราจะตามล่าทอม ริดเดิ้ลคนนี้ด้วย สเนป ฉันพอรู้เกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของนายกับครอบครัว ฉันสามารถช่วยนายพาแม่ของนายกลับเข้าสู่ตระกูลปริ๊นซ์ได้ สักวันนายต้องได้บอกเธอ”

สเนปรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาตระหนักดีว่าการมีเพื่อนที่ดีนั้นดีเพียงใด จนถึงตอนนี้ มีเพียงลิลลี่เท่านั้นที่เป็นเพื่อนของเขา แต่แม้แต่กับเธอ เขาก็ไม่สามารถแบ่งปันทุกเรื่องได้ นอกจากนี้เขายังต้องหลบเธอเนื่องจากผู้คนเรียกชื่อเขาแล้วการเดินกับเธอจะทำให้เธอรู้สึกแย่

หัวใจที่เย็นชาของเขาเป็นเพราะครอบครัวโดยเฉพาะพ่อเขา ถ้าแม่ของเขาสามารถกลับไปหาตระกูลของเธอได้จริงๆ มันคงจะสงบมาก เขาเป็นห่วงเธอ

“ขอบคุณ...” สเนปพูดด้วยรอยยิ้มที่หายาก

"เอ๋~~~... ดูรอยยิ้มนั่นบนหน้าของสเนปสิหน้าแดงแจ๋" แม็กนัสพูดติดตลก

รักนาร์หัวเราะเบาๆ “นั่นสิ แต่ก็ยังดีกว่านาย.. ดูหน้าตัวเองสิ สกปรกไปหมด เราก็พอรู้ว่ามีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นที่นั่นแต่ก็ไม่ได้ถาม”

แม็กนัสโอบไหล่รอบคอของทั้งสอง “ก็..ขอโทษด้วย ฉันรู้สึกหดหู่เกินไปหน่อย เอาล่ะ พี่น้อง จากนี้ไป เราจะเป็นนักเรียนอันดับต้นๆ ของโรงเรียนนี้ ยกเว้นบางวิชา ฉันขอเรียกกลุ่มนี้ว่า อืมม…ความลับบางอย่างสำหรับเราสามคน...และไม่ว่ายังไง เราจะไม่หักหลังกัน จะดูแลกันและกันเสมอ

"ใช่... ฉันรู้แล้ว เรียกมันว่า... โต๊ะกลมไง!" แม็กนัสประกาศ

“อะไรนะ? เหมือนที่กษัตริย์อาเธอร์มีอ่ะนะ?” สเนปถามด้วยความสนใจ

แม็กนัสพยักหน้า “แหงเด้ ฉันเป็นทายาทของทั้งคู่ อาเธอร์กับเมอร์ลินทั้งคู่ ดังนั้นมันต้องเจ๋งมาก ฉันจะเป็นราชาแล้วจะให้นายสองคนเป็นอัศวิน”

รักนาร์มีประกายในดวงตาของเขา "ว้าว... แล้วเราจะขยายมันในภายหลังแล้วทำให้เป็นเหมือนอัศวินโต๊ะกลมใช่เปล่า?"

แม็กนัสชอบความคิดนี้ “ทำไมจะไม่ล่ะ แต่พวกเราจะต้องเก็บเป็นความลับและระมัดระวังเป็นพิเศษในขณะที่รับสมาชิก มีเพื่อนของฉันอีกหนึ่งคน เพื่อน/น้องชายที่ดีที่สุดของฉัน บ๊อบบี้ ขอเพิ่มเขาด้วย”

“เขาไว้ใจได้เหรอ?” สเนปถาม

“ด้วยชีวิตของฉัน...” แม็กนัสตอบอย่างหนักแน่น

"มาทำกันเถอะ!" รักนาร์ส่งเสียงเชียร์เสียงดังลั่น พวกเขาทั้งหมดหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งชนกันแทนเครื่องดื่ม

...

บนกำแพง อาเธอร์กับเมอร์ลินมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง

อาเธอร์พูดอย่างเพ้อฝัน "เรากำลังเป็นพยานถึงการเริ่มต้นของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ใช่ไหม?"

เมอร์ลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่กว้างพอๆ กัน "ข้าเชื่อว่าเราเป็นเช่นนั้น สหายข้า นี่จะเป็น... ตำนาน"

_____________________________

[T/L : คุณปู่ชอบยิ้มนี้เป็นตัวหลักจากอีกเรื่องของผู้แต่งนะครับ ประมาณว่าปู่แกโคตรเทพไปป่วนเขาได้ทุกโลก ไม่ว่าจะจาก ภาพยนต์ นิยาย การ์ตูน อนิเมะ ฯลฯ อันที่จริงมีบทแกโผล่มาขำๆ ในตอนพิเศษของนิยายฟิคเรื่องนี้ด้วยครับ]

เพจแปลถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด