ตอนที่แล้วตอนที่ 309 เพลิงดำและกองทัพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 311 ขุนพลวิญญาณทหารผู้แข็งแกร่ง

ตอนที่ 310 ทุกคน, ข้าอยู่นี่


ข้อกำหนดสำหรับระดับจ่าสิบเอกในกองทัพดาวกางเขนใต้ คือสามารถสั่งการทหารได้ห้าสิบคน พลังของทหารทุกคนต้องโดดเด่น ต้องมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในกลยุทธ์พื้นฐาน  สามารถเข้าใจและปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาได้อย่างดีเยี่ยม  สามารถตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลในสมรภูมิ

ถังอี้คือจ่าสิบตรีระดับทองและเขาสามารถตอบสนองข้อกำหนดทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างงดงาม  แต่ใครจะคิดกันว่าในยุคของกองทัพดาวกางเขนใต้มีจ่าตรีระดับทองอยู่ในกองทัพนับไม่ถ้วน

รังสีดาบที่สมบูรณ์แบบพุ่งออกมาทันที

ติดตามมาด้วยรังสีดาบอีกห้าสิบสายซึ่งปล่อยออกมาพร้อมกัน  เหมือนกับแถวฝูงปลาพุ่งไปยังคนทั้งสาม

หมั่นจู้คำรามลั่นจับโล่ขนาดใหญ่สามเมตรเกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างเหมือนกับโคถึก เขาถือโล่พุ่งสวนเข้าไป จื่อจิงและผู้เฒ่าฟงติดตามด้านหลังเขาอย่างกระชั้น  ทั้งสองมีสีหน้ากังวล  พวกเขาไม่เคยพบกับภาพเช่นนี้มาก่อน

รังสีดาบของถังอี้ปะทะใส่โล่ยักษ์ก่อน  หมั่นจู้ที่กำลังเดินหน้าหยุดชะงักทันทีหลังจากนั้นก็มีเสียงดัง ป้าบๆๆ รังสีดาบที่ตามมาระดมปะทะใส่โล่ราวกับห่าฝน

เขารู้สึกสะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างของหมั่นจู้สั่นและถอยกลับไปสองสามก้าว

จื่อจิงและผู้เฒ่าฟงสีหน้าเปลี่ยน  พลังของหมั่นจู้แทบจะไม่ด้อยกว่าเหมิงเว่ยมีเพียงความเร็วและความคล่องแคล่วของเขาเท่านั้นที่ด้อยกว่าช่วงหนึ่ง  แต่ถ้าแข่งในการวิ่งตะลุยใส่ เขาไม่เคยแพ้มาก่อน

ทั้งสามคนประสานงานกันเป็นอย่างดี  ขณะที่จื่อจิงและผู้เฒ่าฟงเคลื่อนไหวพร้อมกัน

แส้ยาวในมือของจื่อจิงสั่น ตัวแส้สีม่วงเหมือนกับงูสีม่วงพุ่งเข้าหาถังอี้  มือของผู้เฒ่าฟงมีธนูสั้นมือขวามีธนูขนนกสั้นอยู่สี่ดอก เขายิงออกไปโดยไม่คิด ในทันใดธนูทั้งสี่ดอกแยกกันกลางอากาศพุ่งเข้าหากลุ่มคน

หมั่นจู้คำรามทันที ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาวิ่งปรี่ไปข้างหน้า

มันใช้ตรึงเขาอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่เพียงแต่ถังอี้จะยืดระยะระหว่างเขาและศัตรูได้เท่านั้นแต่เขายังฉวยโอกาสก้าวไปข้างหน้าเพิ่มอีกสองก้าวเมื่อหมั่นจู้ถอย  ถังอี้นำกองกำลังของเขา นอกจากนักสู้เผ่าหมาป่าอื่น  เขาวิ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมกับกองทัพของเขา

เงาแส้และธนูพุ่งเข้ามาในกองกำลังของเขา และมีเสียงครางดังขึ้นจากคนสามคน  ทหารได้รับบาดเจ็บสามคนแต่ที่เหลือปลอดภัย  หนึ่งในนั้นถูกแส้และทั้งร่างถูกเหวี่ยงกระเด็น อีกสองคนถูกกระแทกเกิดบาดแผลสองรูบนร่างพวกเขา  แต่โชคดีที่อาการไม่สาหัส  ธนูอีกสองดอกตกลงในพื้นที่ว่างระหว่างกองกำลัง

น่าเสียดาย...

ถ้าพวกเขาฝึกฝนเพียงพอ พวกเขาจะสามารถหลบการโจมตีของศัตรูได้อย่างง่ายดาย  ความตายและการบาดเจ็บไม่ทำให้ใจของถังอี้หวั่นไหว  เนื่องจากเขายังฟันดาบฟันขาม้าต่อเนื่อง

โล่ยักษ์บดบังทัศนวิสัยของหมั่นจู้และอีกสองคน  ขณะที่รังสีดาบห้าสิบเล่มพุ่งเข้ามาเหมือนกับฝูงนกและผสานเข้ากับรังสีดาบของถังอี้

รังสีดาบเพิ่มพลังขึ้นและฟันใส่โล่ยักษ์อย่างดุเดือด

ปัง!

พลังที่น่าทึ่งทำให้หมั่นจู้รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังถูกตอกด้วยตะปูที่ทรงพลัง  โล่ยักษ์ในมือของเขาแตกหักเป็นสองท่อน  มือของเขาเป็นสีแดงด้วยเลือดของเขาเอง

หน้าของจื่อจิงและผู้เฒ่าฟงเปลี่ยนพวกเขามั่นใจมากในพลังโจมตีซึ่งหน้าของหมั่นจู้ การจู่โจมของหมั่นจู้มักจะเป็นอาวุธหลักในการโจมตีของกลุ่มเพื่อให้บรรลุผลการต่อสู้ที่รวดเร็วและเด็ดขาด พวกเขาใช้แผนการทำลายล้างที่เรียบง่ายนี้มาแล้วหลายครั้ง

แต่พวกเขาไม่คาดว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้เลย

“แยกย้าย”

ผู้เฒ่าฟงตะโกนและร่างทั้งสามแยกออกจากกันทันที่  เมื่อเห็นว่าการจู่โจมซึ่งหน้าใช้ไม่ได้ผล  พวกเขาจึงได้แต่แยกกัน และทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจรับมือพวกเขาได้ในคราวเดียว  ผู้เฒ่าในตอนนี้รู้สึกเสียใจ  การจู่โจมของพวกเขามีข้อผิดพลาดทำให้สถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาไม่เป็นไปตามต้องการ

แต่เมื่อทั้งสามแยกกันและเตรียมปลดปล่อยคลื่นการโจมตีระลอกต่อไป ทหารของถังอี้ก็หันขวับทันทีและลนลานออกจากสนามต่อสู้

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้ทั้งสามคนตะลึง  แต่พวกเขาก็ลอบยินดีเพราะนั่นหมายความว่ากองกำลังของศัตรูเปิดช่องว่างต่อหน้าพวกเขา

แต่เมื่อพวกเขามองดูหน่วยกล้าตายให้ดี  พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาก็คือขุนพลวิญญาณผู้กำลังยืนอยู่หน้ากองทัพ

เดี๋ยวก่อน เขามาปรากฏอยู่ด้านหลังได้อย่างไร?

แต่เมื่อพวกเขามองดูอีกครั้ง พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ากำลังคนทั้งร้อยห้าสิบคนยังคงตั้งรูปขบวนประหลาด  แต่หน้าของพวกเขาแสดงอาการเหลือเชื่อ

ในช่วงเวลาสั้นขนาดนั้นขบวนของศัตรูปรับเปลี่ยนได้เสร็จสิ้นจริงๆ

นั่นเป็นไปได้ยังไง?

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น  ผู้นำนับไม่ถ้วนและหัวหน้าทหารก็มองผ่านจอเหมือนกัน  พวกเขามองเห็นฉากที่แปลกประหลาด  เมื่อการป้องกันของทั้งสามรั้งกลับไปรูปขบวนวงกลมก็มีการเปลี่ยนแปร

เริ่มต้นจากศูนย์กลางแล้วคลี่ออกเหมือนพัดจีบ ปิงอยู่ตรงศูนย์กลางของพัดหันหน้าเดินเข้าหาถังอี้ขณะเดียวกันทั้งสองก็แยกกองกำลังออกและตรงไปยังตำแหน่งตรงกันข้าม  เมื่อปิงยืนในตำแหน่งใหม่กองทัพก็ปรับขบวนเป็นรูปพัดอีกครั้ง

ตลอดทั้งกระบวนการไม่มีสะดุดติดขัดแม้แต่น้อยและราบรื่นเหมือนสายน้ำไหล

“ช่างเป็นขุนพลวิญญาณทหารที่ทรงพลังจริงๆ”  สายตาของเจ้าเมืองหลี่เบิกกว้าง  ริมปากมีน้ำลายไหล  “พระเจ้า! โลกนี้มีขุนพลวิญญาณที่นำทัพได้ทรงพลังขนาดนั้นจริงๆ นี่ราคาเท่าไหร่?”

เขาไม่ใช่เป็นเพียงคนเดียวที่ตกตะลึงทุกคนที่จดจ่อมองดูหน่วยทะลวงฟันของกองทัพก็ประหลาดใจ

เหมือนกับว่าทั้งสามคนกำลังเผชิญกับกองทัพที่มีกระบวนการเคลื่อนไหวไม่ตกลยสักนิด  แต่พวกเขารู้อย่างแน่นอนว่าองครักษ์ตระกูลถูไม่สามารถประสานกันสู้กับกองทหารได้  นั่นมีความเป็นไปได้ประการเดียวรูปแบบการโจมตีของทั้งสามจะถูกคู่ต่อสู้กำหนดและตัดสิน

การตัดสินแบบนี้ ทำให้คนดูนับไม่ถ้วนสูดหายใจหนาวเหน็บ

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว

นั่นต้องใช้ปัญญามากมายเพียงไหน?

สถานการณ์ต่อสู้เปลี่ยนแปลงไปเร็ว

เมื่อผู้เฒ่าฟงและอีกสองคนเห็นปิงปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง  พวกเขาก็เข้าใจ  พวกเขาอยู่ในสภาพเสียเปรียบแล้ว  พวกเขาทั้งสามคนลงมือโดยไม่ลังเลใจพร้อมกัน

หมั่นจู้ตวาดก้อง ขนสีดำนับไม่ถ้วนปรากฏบนร่างกายเขา  ความสูงของเขาแต่เดิมก็เพิ่มออกไปอีก  ปราณที่ดุดันและอำมหิตพุ่งขึ้นไปในอากาศ  อกของเขามีแผลเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีขาวพลังสายเลือดเงินของกลุ่มดาวขั้วขอบฟ้า สายเลือดหมีม่วงอำมหิตจากกลุ่มดาวหมีใหญ่

สีหน้าของผู้เฒ่าฟงกลายเป็นเย็นชา  ผิวบนร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นดำสนิท  รอบแขนและตัวของเขามีไอหมอกปรากฏคล้ายพังผืด  ตาเป็นประกายเจิดจ้า  สายเลือดเผ่าค้างคาวโบราณธนูสั้นในมือของเขาเป็นประกายเงิน สมบัติเงินระดับดินแดนขั้วขอบฟ้า ธนูสั้นมังกรแห่งกลุ่มดาวมังกร

ผลึกสีม่วงบนหน้าผากของจื่อจิงพลันระเบิดออกและผิวของนางกลายเป็นโปร่งใสทันที  ขณะที่ตลอดทั้งร่างของนางเหมือนทำจากพลอยม่วง  พลังสายเลือดของนางยิ่งแปลกประหลาดพลังสายเลือดเผ่ามนุษย์ผลึกที่สาบสูญไปแล้ว มันคือเผ่าพันธุ์ที่ไม่ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์นักรบ ความคงอยู่ของพวกเขาต้องสาวกันไปถึงยุคก่อนโบราณเสียอีก แส้ยาวในมือของนางก็คือสมบัติชั้นคุณภาพระดับตำหนักระนาบกลาง  แส้งูแห่งกลุ่มดาวงู

หมั่นจู้ตบอกตัวเองอย่างดุร้าย และคำรามกึกก้องท้องฟ้า  จากนั้นเริ่มวิ่งตรงเข้าหาปิง  ด้วยขนาดที่เหมือนกับภูเขาเล็ก  ทุกย่างก้าวที่เท้ากระทบพื้นสามารถสั่นสะเทือนพสุธาและบรรพตได้  ปราณของเขาประหลาด  พลังป้องกันของเขาในตอนนี้เพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าดาบและกระบี่ยากจะทำร้ายเขาได้

สีหน้าของผู้เฒ่าฟงเคร่งขรึม  ธนูสั้นมังกรในมือของเขาเปล่งสีเงิน  หมอกดำในมือของเขาเปลี่ยนลูกศรดอกหนึ่งเขาเล็งปิงและเหนี่ยวธนูและยิงทันที หมอกดำหายไปนั่นคือสุดยอดวิชาของเขาธนูมังกรค้างคาวดำ

ร่างผลึกจื่อจิงเปล่งประกายแสงโปร่งใส  แส้งูในมือนางถูกสะบัดออกไป แส้งูในมือซ้ายนางและรังสีโปร่งแสงกลายเป็นงูใหญ่ยาวเกินกว่าสิบเมตรอ้าปากใหญ่ของมันพุ่งเข้าหาปิง

ทั้งสามคนปลดปล่อยพลังของตน  ภายใต้แสงสว่างและปราณที่น่ากลัวผู้ชมต่างมองดูด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว

สีหน้าปิงยังคงสงบเขานั่งอยู่บนหลังม้าโดยไม่ขยับสักนิ้วเพียงแต่ขยับแขนขวาเล็กน้อย เหมือนกำลังโบกมือทักทายคนทั่วไป

พวกนักสู้ที่อยู่ด้านหลังของเขาซึ่งตั้งขบวนรูปพัดถูกดึงดูดเหมือนกับว่าพวกเขาถูกควบคุมด้วยมือที่มองไม่เห็น   พวกเขาทุกคนตะโกนลั่น  “ฆ่า”

ขบวนทั้งหมดปลดปล่อยพลังดาบ

ความเคลื่อนไหวของพวกเขาแม่นยำราวกับใช้ไม้บรรทัดวัด  นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของปิงในการใช้ยาปลุกพลังสายเลือด กระตุ้นสายเลือดหมาป่าโบราณของพวกเขาเพื่อให้พวกเขามีการสนองตอบร่วมกัน แต่การสนองตอบไม่เป็นระเบียบและได้ผลดีไม่เกินสามคน  ดังนั้นปิงเลือกใช้กระบวนพยุหะร่ม  นักสู้ทุกคน โดยมีนักสู้แต่ละคนอยู่หน้าและมีคนอยู่ด้านหลัง พวกเขาก็มีการตอบสนองร่วมกันเหมือนกัน การตอบสนองเช่นนี้ช่วยเพิ่มความสามัคคีพวกเขาให้ดีขึ้น

เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถปลดปล่อยรังสีดาบได้พร้อมกัน

กลยุทธพยุหะร่มต้องใช้ความเปลี่ยนแปลงประสานกันระหว่างทหาร  แต่ข้อเสียก็คือผู้นำทหารต้องเปลืองความพยายามมาก  ตำแหน่งส่วนใหญ่มุ่งไปข้างหน้า  การโจมตีทั้งหมดจะแปรสภาพเข้าหาเขา นอกจากนี้รังสีดาบชั้นแล้วชั้นเล่าจะทวีความรุนแรง เมื่อพลังนั้นพุ่งมาถึงผู้นำทหาร จะมีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้นปิงจึงต้องควบคุมรังสีดาบทั้งหมดให้ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก

ความคิดของปิงล่องลอยทันที

ในที่สุดเขาก็ได้นำทัพ และเข้าสู่สมรภูมิ ครั้งสุดท้ายที่เขาได้นำทัพนั้น ยาวนานเท่าใดกันแน่?  ความทรงจำของเขาเลือนราง  เขาหัวเราะให้ตนเองและเขาคิดว่าเขาพูดกับตนเองเสมอ สมรภูมิคือบ้านที่แท้จริงของเขา

แต่ ความรู้สึกที่ได้ต่อสู้อีก ความจริงมันดีมาก...

ใบหน้าไพ่ของปิงมีรอยยิ้มเศร้า

เขายกมือขวาและผลักไปข้างหน้าทันที

รังสีดาบกล้าแข็งสว่างเจิดจ้า แปรสภาพผ่านฝ่ามือเขากลายเป็นบอลแสงแพรวพราวขนาดมหึมา

ปัง

ปราณไร้ลักษณ์ที่แปลกประหลาดก่อตัวอยู่ในแกนกลางบอลแสงและระเบิดออก

ไม่ว่าจะเป็นธนูหมอกดำ งูยักษ์ยาวสิบเมตรหรือร่างใหญ่มหึมาของหมั่นจู้ล้วนหยุดชะงักเหมือนปะทะกำแพงไร้สภาพไม่อาจเดินหน้าได้สักนิ้ว

เหมือนกับว่าเวลาหยุดกระทันหัน

ตาของปิงมีประกายแรงกล้าขึ้นทุกทีเหมือนดาวส่องแสง อารมณ์ความรู้สึกห้าวหาญพลุ่งขึ้นมาเต็มอกเขา คงมีสักวันที่ข้าจะสามารถนำกองทัพดาวกางเขนใต้ใหม่ตบเท้าเข้าต่อกรกับขุนศึกที่มีชื่อเสียงของคนรุ่นนี้

“เฮ้, ทุกคน,ข้าอยู่นี่แล้ว

เสียงอ่อนโยนดังและหายไปกับสายลมอย่างรวดเร็ว

บอลแสงในฝ่ามือของเขาขยายออกไป

ปัง

เสียงระเบิดดังเข้าหูของคนทั้งสามซึ่งดังไม่น้อยกว่าสายฟ้ากรอกหูเสียอีก

รังสีสายหนึ่งที่บรรจุรังสีดาบทั้งร้อยห้าสิบเล่มถูกปิงบีบอัดไว้สั่นสะเทือนตลอดเวลาจนกลายเป็นรังสีดาบขนาดเล็กนับไม่ถ้วนแต่แรงกดดันสูง  ทันทีที่บอลแสงระเบิดออกก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้อีก

เม็ดแสงแพรวพราวพุ่งออกจากมือของปิง

ทั้งสามคนไม่มีเวลาได้สนองตอบ จึงถูกคลื่นแสงกลืนหายเข้าไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด