ตอนที่แล้วตอนที่ 303 เริ่มสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 305 ดาวสงคราม

ตอนที่ 304 เคลื่อนกำลัง


หลิงซิ่วเช็ดน้ำยาบนร่างกาย และเริ่มพันตัวอย่างระมัดระวัง

เขาตั้งใจและพิถีพิถันมาก

เขาไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงกับศึกใหญ่ที่จะมาถึง แต่เขารู้สึกเต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น  ทุกครั้งที่เขาต่อสู้อย่างห้าวหาญดุดัน  เขามักจะรู้แจ้งที่แตกต่างกัน และรู้สึกถึงการเผาผลาญมากมายของชีวิตเขาทำให้เขามึนเมาหลงใหลลึกๆ

เขาอาจจะตายในการต่อสู้สักวัน

หลิงซิ่วหัวเราะให้กับตัวเอง

แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าต้องทำความปรารถนาของข้าให้สำเร็จเสียก่อน

เขาสวมชุดยาวขาวขลิบทองซึ่งเขาไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร แต่มันแข็งแรงและสะดวกสบาย และไม่ส่งผลใดๆ ต่อการต่อสู้  แม้ว่าเขาจะใส่มานานหลายปีแล้ว  แต่ก็ยังดูดีเหมือนใหม่  เขาใส่หินดวงดาวระดับเจ็ดให้นกฟลามิงโก สำหรับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นหินดวงดาวราคาแพงทั้งหมดจำเป็นต้องใช้

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟลามิงโกใช้หินดวงดาวระดับเจ็ด

หือ?

เปลวเพลิงสีแดงเจิดจ้าเปล่งออกมาจากภายในนกฟลามิงโก  พลังเผาไหม้รุนแรงในช่วงเวลาถัดมา เปลวเพลิงลุกโหมจนบดบังทัศนวิสัยของหลิงซิ่ว  เปลวเพลิงค่อยมอดลงช้าๆและเพลิงสีแดงสว่างค่อยๆ มอดกลายเป็นความเย็น ตาของนกฟลามิงโกเป็นสีแดงเข้ม ปรากฏเป็นเพลิงหนาแน่น

หลิงซิ่วรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นจากฟลามิงโก

ฝ่ามือสีเงินของเขาลูบหลังของฟลามิงโกเบาๆ “ฮะฮะเจ้าก็ตื่นเต้นเหมือนกันหรือ?”

ฟลามิงโกใช้ตาแดงเข้มของมันจ้องดูหลิงซิ่วทันใดนั้นมันหันมาเอาหัวเสียดสีกับแขนหลิงซิ่ว

หลิงซิ่วลูบมันและหัวเราะลั่นด้วยความห้าวหาญ“หลังจากศึกนี้ เจ้าอาจต้องยกเครื่องขนานใหญ่ เป็นยังไง?  เจ้ากลัวไหม?”

ฟลามิงโกมองดูหลิงซิ่วด้วยท่าทีดูถูก

หลิงซิ่วหัวเราะและพลิกตัวนั่งลงบนหลังฟลามิงโกกวัดแกว่งหอกเงินวิ่งออกมานอกประตู

อาเฮ่อนั่งเงียบอยู่ในห้องตนเอง  ไม่มีแสงใดๆ ห้องมืดสนิท  เขาค่อยๆ ลืมตาความสงบใจเย็นอยู่ในดวงตาของเขา เหมือนกับคนโบราณผู้ไม่หวั่นไหว มีความสงบที่ไม่อาจบรรยายได้

อาเฮ่ออยู่ในท่านั้นมาสามวันแล้ว

ทุกๆ รายละเอียดที่ต่อสู้กับอูเถี่ยหวี่ถูกฉายซ้ำในใจของเขาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังแยกแยะหาข้อสรุปแยกย่อย

สำหรับเขาการฆ่าอูเถี่ยหวี่เป็นงานที่เสี่ยงและอันตราย  อูเถี่ยหวี่ประมาทกระบี่กระเรียนในมือเขา เมื่อคลื่นหมีปฐพีถูกปราบโดยกระบี่กระเรียน  หน้าของอูเถี่ยหวี่เต็มไปด้วยความผิดหวัง  ในช่วงการฝึกฝนไม่กี่วันนี้เขายังคงทบทวนทุกฉากภาพการต่อสู้ เขาได้รับประโยชน์มากกว่าที่เขาคิด

ในที่สุดเขาก็เข้าใจ เหตุผลที่คนในวิถีนักสู้ถึงได้หวงแหนทุกลมหายใจที่เสี่ยงอันตรายและยังคงค้นหาการท้าทายและการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีเพียงระหว่างความเป็นความตายเท่านั้นจึงจะทำให้ศักยภาพที่แท้จริงของคนระเบิดออกมา และมีเพียงการตั้งใจสู้ที่แท้จริงสามารถทำให้พวกเขาค้นหาตัวเองว่าพวกเขาแข็งแกร่งพอหรือไม่

ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ ไม่สามารถบรรลุได้จากการฝึกฝนและคิดเอาเองประจำวัน

เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต เขาเป็นเหมือนกบในกะลาอย่างแท้จริง เพียงคิดแต่ว่าเมื่อได้รับพลังงานร่างกระเรียนแล้วเขาจะมีทางอื่นให้เดินสามารถฝึกฝนได้ไม่รู้จบ เขาจะไปถึงจุดสุดยอดเหมือนอย่างบรรพบุรุษของเขา  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความคิดของเขาไร้เดียงสา  ถ้าไม่ใช่เพราะเซ็นสัญญาจิตวิญญาณยุทธกับถึงเทียน  เขาคงไม่มีทางมาถึงระดับวันนี้แน่นอน

การได้ติดตามอยู่ข้างถังเทียน  ถ้าเขาไม่เริ่มอดทนแรงกดดันขนาดใหญ่  ความก้าวหน้าที่น่าทึ่งจนปากอ้าค้าง คงทำให้อัจฉริยะผู้มีความภูมิใจทุกอย่างถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง  เขารู้สึกเหมือนอย่างนั้น  หลิงซิ่วก็รู้สึกเหมือนกันไม่จำเป็นต้องได้กำลังใจของคนอื่น ทั้งสองไม่กล้าเสียเวลายังคงฝึกต่อเนื่องอย่างสุดกำลัง

ถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียน อาเฮ่อรู้ว่าเขาคงไม่มีทางฝึกอย่างหนักหน่วงแน่

เมื่อคิดถึงเวลาเมื่อเขายังอยู่ในสำนัก  เขาเป็นคนที่ฝึกฝนหนักที่สุดแล้ว  ถ้าเขากลับไปสำนักเพื่อเรียนพลังร่างกระเรียนเขาก็คงเป็นกบเหมือนเดิมตลอดไป

การผ่านการต่อสู้ก็เหมือนกับผ่านหินลับมีดต่างๆ  คอยลับกระบี่ของเขาให้คมขึ้น

เมื่อคิดว่าปรมาจารย์ของเขารุ่นก่อนทิ้งตำราไว้ให้  เขาสามารถเข้าใจได้ว่า ทำไมบรรพบุรุษถึงได้เดินทางไม่รู้จบเมื่ออายุยังน้อยจากฟากตะวันออกไกลโพ้นมาจนถึงที่นี่  การเดินทางที่ยาวนานทำให้บรรพบุรุษของเขาเติบโตขึ้นและทิ้งความหวังของท่านไว้ให้คนรุ่นหลัง

เขาอดคิดถึงถังเทียนไม่ได้  และอดยิ้มให้ไม่ได้

เขาเป็นสหายที่งี่เง่าคนหนึ่ง

แต่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาไม่รู้สึกเดียวดายไม่รู้สึกกลัวและหลังจากนั้น... ได้ติดตามเขาทำเรื่องราวงี่เง่า เมื่อคิดดูแล้วอาเฮ่อผู้มีอุปนิสัยใจเย็นอยากจะตบหน้าตัวเองจริงๆ

เอาล่ะ การคิดถึงเรื่องงี่เง่าก่อนหน้านี้ก่อนต่อสู้จะส่งผลต่อกำลังใจได้

ใบหน้าของเขากลับคืนสู่ความสงบตามปกติของเขา

มือของเขายังถือกระบี่กระเรียนซึ่งวางราบอยู่บนเข่าเขา  ฝักกระบี่เป็นไม้เรียบง่ายไม่มีเครื่องหมายใดๆมีแต่เพียงเครื่องหมายของเวลา ไม่มีใครคิดเลยว่าภายในฝักกระบี่ไม้เรียบง่ายความจริงเป็นกระบี่เซียนระดับทอง

สำนักกระเรียนฟ้าตกต่ำมานานมากแล้ว

ดวงตาของเขาแจ่มชัดเป็นประกายเจิดจ้า

ในความมืดปราณรอบตัวเขาระเบิดออกทันทีทำให้ลมกระจายไปทั่วทุกแห่งผมยาวสีดำของเขาพัดพริ้วและกระดานไม้ระเบิดออก

เขาลุกขึ้นยืน

ค่ายฝึกทหารใหม่

ถังเทียนใช้พลังกระโดดไปรอบๆ  เขามีความสุขมาก  “ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้ข้ามีพลังเหลือเฟือเลยทีเดียว!  เราต้องเอาชนะพวกเขาให้หมด!”

ศีรษะฟงโฉ่วยังคงลอยอยู่ตรงนั้น  เขาสงสัย “เสี่ยวถัง, เจ้าไม่ต้องสวมแว่นตาแล้วหรือ?”

“ไม่ต้อง”  ถังเทียนยิ้มและหันศีรษะมา  “ดูสิ, มันจางลงแล้ว!  หึหึ สองสามวันที่ผ่านมานี้ข้าเรียนรู้สำเร็จจนได้และรู้วิธีควบคุมตาเหล่านี้”

“จริงหรือนี่?เอ่, จริงด้วย, มันจางลงแล้ว” ฟงโฉ่วตกใจ ตาแดงตาน้ำเงินของถังเทียนจางลงจริงๆ ถ้าเขาไม่สนใจสังเกตตรงๆ เขาคงบอกไม่ได้

อาการตกใจของฟงโฉ่วทำให้ถังเทียนมีความสุขมากขึ้น  “หึหึ, หนุ่มชาวฟ้าแข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่แล้ว”

จากนั้นเขาทำท่าลึกลับทันที  “นอกจากนี้ ข้ายังมีการค้นพบที่ทรงพลังมากๆ”

“ค้นพบอะไร?”  ฟงโฉ่วตะลึง

“หึหึ,ยังบอกไม่ได้” ถังเทียนส่ายหัวเหมือนกลองป๋องแป๋ง“ข้าตั้งใจจะใช้สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่”

“ยา ย้า ย้า ย้า!”

ถังเทียนก้มหัวลง หยาหยากำลังจับขากางเกงเขาและลืมตากลมโต  เบื้องหลังมันตามมาด้วยแพะภูเขาบรอนซ์เต่าบรอนซ์และกระรอกบรอนซ์

หยาหยามีความเปลี่ยนแปลงไปมาก  เกราะบนตัวของมันมีความสว่างสดใสกับธนูเล็กบนหลังของมัน ที่บั้นท้ายของมันมีธงเล็กที่มีหมอกคลุมเครือมองดูไม่ชัด

อสูรหุ่นกลทั้งสามได้รับบาดเจ็บมาต่างๆกันเมื่อครั้งล่าสุด  และเซรีนจัดการสร้างปรับแต่งใหม่จนแข็งแกร่งกว่าเดิม  เซรีนจอมเฮียบตอนนี้มั่งคั่งขึ้นมากและตัดสินใจสร้างให้อสูรทั้งสามมีความสามารถมากยิ่งขึ้นจึงสร้างมันขึ้นเป็นหุ่นกลระดับสูงล้ำ

เมื่อถึงตอนนี้นางมีวิชาจักรกลก้าวหน้ามากมายและเอามาใช้ในร่างหุ่นกลพวกนี้ เซรีนสร้างอย่างประณีตตามนิสัยของนาง  หลังจากนางสร้างเสร็จแล้ว  นางก็โยนพวกมันไว้ข้างๆไม่มีเวลามายุ่งกับพวกมันอีก  ดังนั้นเจ้าสามตัวนี้จึงติดตามหยาหยา

หยาหยาทำหน้าตาน่าสงสารพลางชี้มือชี้ไม้ของมัน

“เจ้าก็ต้องการสู้ด้วยเหรอ?”  ถังเทียนนั่งยองๆ จ้องมองด้วยความประหลาดใจ

หยาหยาเชิดหัวขนาดเท่าหัวไก่ของมันยืดอกและทำท่าทางดูเข้มแข็งและสหายทั้งสามของมันก็ยืนเข้าแถวด้วยกัน ทั้งหมดเชิดหัวตรง

ถังเทียนส่ายศีรษะ “ครั้งนี้ศัตรูแข็งแกร่งมากเกินไป พวกเจ้าเล่นอยู่ในนี้ดีกว่า”

หยาหยาเริ่มน้ำตาคลอเบ้า

ถังเทียนกระทืบเท้า แต่เมื่อคิดถึงความยากลำบากของการต่อสู้ที่จะมาถึง  เขาไม่มีเวลาดูแลพวกมัน  เขาใจแข็งและสั่นศีรษะยืนยัน  “ไม่มีทาง พวกเจ้าอยู่ในนี้ก็ดีแล้ว”

หยาหยาเริ่มตัวสั่นและร้องไห้น้ำตาร่วง

ถังเทียนไม่ต้องการเห็นมันอีกต่อไป จึงตัดสินใจหลบออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!  เจ้าพวกสวะตัวน้อยต้องการจะร่วมต่อสู้ด้วยอย่าทำให้คนเสียหน้าเลยน่า พวกเจ้ายังอ่อนแอเกินไป พวกเจ้าออกไปก็มีแต่จะถูกฆ่า” ม่านควันเยาะเย้ย

หยาหยาหันควั่บ น้ำตาของมันเหือดแห้งทันที และรังสีฆ่าฟันปรากฏ

สหายทั้งสามที่อยู่ด้านหลังของมันก็หันหัวมาจ้องมองควัน

ม่านควันนั้นไม่สนใจพวกมัน และยิ้มอย่างมีความสุข  “จะจ้องหน้าข้าทำอะไร?  พวกเจ้าอยู่ที่นี่ดีกว่า  จะได้ไม่ขวางมือขวางเท้าคนที่เหลือ  เจ้าพวกของเด็กเล่น  สนามรบไม่ใช่สถานที่ของพวกเจ้า”

ดวงตาของหยาหยากระพริบวูบวาบ  ฮูลา.. มันพาสหายทั้งสามเข้ามาล้อมม่านควัน

“ฮึ่ม,  พวกเจ้าต้องการลงมือกับข้าหรือ?  หลงตัวเองเสียจริงนะ”  ม่านควันคำราม

หยาหยาโกรธจนดวงตาน้อยๆ ของมันเหมือนกับสัตว์ป่า มันคือตัวอ่อนขุนพลวิญญาณที่มีพลังระดับต่ำสุด  หลังจากได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่องมันรู้สึกว่าร่างของมันไม่เหมือนกับในอดีตแต่ในเวลานี้มันลืมทุกอย่าง สัญชาตญาณครอบงำเหนือร่างมัน

มันใช้วิธีที่มันเคยทำในอดีตอ้าปากและเริ่มดูดควันดำอย่างสุดกำลัง

สหายมันอีกตัวตะลึง

ม่านควันนั้นแค่นเสียงสะใจ“อย่าเสียพลังงานของเจ้าเลย ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ ถ้าข้าไม่ถูกผนึกไว้ จะฆ่าเจ้าได้ก็เหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”

หยาหยาไม่สนใจม่านควัน มันยังคงดูดอย่างต่อเนื่อง

แต่ม่านควันดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการดูดของมันไม่มีอาการสนองตอบ นี่ทำให้หยาหยายิ่งโกรธมากขึ้นและวิ่งเข้าหาม่านควัน

“...เจ้า”

เสียงพึมพำด้วยความโกรธดังออกมาจากม่านควันนั้น

ฟงโฉ่วและหุ่นกลอีกสามตะลึงไปหมด

ถังเทียนไม่รู้ว่าการปฏิเสธหยาหยาจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนั้น ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่การศึกที่กำลังจะเริ่มต้น

เขาเดินออกมานอกห้องและก็ต้องตระหนักว่าทุกคนรอเขาอยู่แล้วเขาหัวเราะทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนไวกันดีแท้”

ไม่มีใครหัวเราะ ไม่มีใครพูด ทั่วทั้งเผ่ารู้สึกถึงแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้  ทุกคนในเผ่าออกมาจากบ้าน กล่าวคำอำลาเพื่อสนับสนุนกองทัพ

พวกเขาเข้าใจชัดมาก สงครามที่ถังเทียนและพวกจะเข้าไปเผชิญ

สถานะของหกองครักษ์ตระกูลถูแพร่กระจายอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่านานแล้ว

พวกเขาทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและดูจริงจังในหัวใจของพวกเขา หกองครักษ์ตระกูลถูคือนักสู้ที่ทรงพลังสูงส่ง ต่อให้เป็นกลุ่มอิทธิพลทั้งสามของกลุ่มดาวหมาป่ายังกลายเป็นเด็กน้อยเมื่อเทียบกับหกองครักษ์ตระกูลถู

ในกองทัพ หลายคนเป็นลูกและสามีและในกลุ่มผู้คนก็เริ่มร้องไห้

ทหารบางคนตาแดง เพราะพวกเขารู้ว่าโอกาสชนะของพวกเขาเลือนลางจริงๆ

แต่ในเวลาอันรวดเร็วผู้อาวุโสของเผ่าก็เริ่มตะโกนให้กำลังใจ

บุรุษทุกคนที่มาจากทะเลทราย ล้วนคุ้นเคยกับสงครามและการรบ  ถ้าพวกเขาชนะศึกนี้ก็หมายความว่าพวกเขาชนะทุกอย่าง

กำลังใจของกองทัพไม่ได้ตก แต่เริ่มเพิ่มขึ้น

ปิงประหลาดใจ เขาเริ่มคิด

นั่นคือชาติพันธุ์นักรบที่น่าสนใจ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด