ตอนที่แล้วตอนที่ 39 : บ่มเพาะพลังครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 : สำเร็จพลังที่สอง

ตอนที่ 40 : การค้นพบ


เมื่อได้รับความรู้ในด้านของพลังปาณ หลินมู่ก็เริ่มบรรลุ เขารู้ว่าเขามิอาจใช้ปราณจิตทั้งหมดที่มีมิเช่นนั้นมันจะทำให้เขาอ่อนแอลงอย่างมากในการต่อสู้ เมื่อเขามีปราณจิตในตันเถียนกลับมาบ้างแล้ว หลินมู่ท่องบทพรากดวงใจต่อไปและหมุนเวียนพลังปราณ

หลังจากสองชั่วโมง หลินมู่ฟื้นพลังปราณจนเต็ม เขาลืมตามองเห็นความมืดมิด ท้องนภาไร้แสง เมฆาซุกซ่อนดาราและจันทราเอาไว้

“กลางคืนแล้วรึ? ข้าไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ นี่น่ะรึที่ตำนานบอกว่า ‘เวลามิต่างจากผุยผงของผู้บ่มเพาะพลัง มิอาจรับรู้ได้จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลง’”

หลินมู่ยืนขึ้นพร้อมกับท้องที่ส่งเสียงร้องอย่างหิวโหย เขาใช้พลังชีวิตไปครึ่งส่วนเพื่อฟื้นฟูปราณจิตขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างรู้สึกหิวมาก เขาเรียกชิ้นเนื้อสัตว์ขั้น 9 ที่เหลืออยู่ออกมาหั่นและปรุงด้วยเครื่องเทศกับเครื่องปรุงรส จากนั้นจึงตั้งไว้ที่เตาใหญ่นอกกระท่อม

รอสิบห้านาทีเนื้อก็สุก และหลินมู่ก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาสวาปามราวกับสัตว์ป่าและไม่รู้ตัวเลยในตอนที่เขากินเนื้อทั้งหมดไป เนื้อนั้นเขาเลาะกระดูกออกหมดแล้วจึงง่ายมากที่เขาจะกิน

เมื่อจบมื้ออาหาร เขานั่งดูดซับพลังชีวิตในเนื้อ หลินมู่ได้ยินเสียงใบไม้เสียดสีขณะที่ท่องบทสงบใจจากด้านหลัง เสียงดังมาจากระยะไกลแต่ก็ราวกับดังจากข้างกายเขา ปราณจิตทำให้การได้ยินของเขาดีขึ้นด้วย

หลินมู่หยุดสิ่งที่ทำและลืมตา เขาถอยในพริบตาและจ้องมองต้นเสียง ตอนนี้เขามองเห็นดีขึ้นมากในความมืดด้วยพลังปราณและเห็นว่ามีเขาสัตว์สี่ขาขนาดเล็กยืนอยู่ในพุ่มไม้ เขาพุ่งตรงไปข้างหน้าแต่สัตว์ตัวนั้นก็สังเกตเห็นเขาก่อนจะหันวิ่งหนีไป

‘ถ้ามันวิ่งหนีเพราะข้ามองมัน มันก็น่าจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก’

หลินมู่คิด

ในการขจัดสิ่งรบกวนใจ หลินมู่ท่องบทสงบใจต่อ ความเร็งในการดูดซับพลังชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่มีพลังขั้น 9 เขาดูดซับพลังเสร็จใน 15 นาที

พลังชีวิตทั้งหมดที่ใช้ไปถูกฟื้นกลับมา และการเก็บพลังทั้งหมดของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยด้วย คงใช้เวลาอีกไม่นานที่เขาจะทะลวงพลังเป็นขั้น 10

ในตอนนี้มวลเมฆถูกลมพัดไปแล้ว และหลินมู่ก็เห็นจันทราครึ่งเสี้ยวบนท้องนภานั้น เขามองดูตำแหน่งดวงจันทร์และเดาเวลาว่าน่าจะเป็นเวลาราว 2 ทุ่ม

‘วันนี้ข้าไม่มีโอกาสได้ออกล่าเลย แล้วตอนนี้ก็กินเนื้อสัตว์ขั้น 9 หมดไปแล้ว แต่ยังมีเนื้อหมาป่าหลังเหล็กเหลืออยู่ แต่ข้ายังต้องทดสอบพลังก่อนที่เนื้อจะหมดด้วย’

หลินมู่คิด

หลินมู่อยากจะเข้าใจพลังของเขาอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะเข้าป่า เพราะเขาอยากจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุไม่คาดคิด เขามีความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นมาเล็ก ๆ แล้วตั้งแต่ที่เจอวัวมีดโกนและได้ฆ่าหมาป่าตัวเล็กนั่น เขารู้ว่าเขาไม่เคราะห์ดีทุกครั้งแน่นอน ถ้าเขาได้เจอกับสัตว์อสูรโดยบังเอิญ โอกาสรอดชีวิตของเขาคงเหลือน้อยเต็มที

หลินมู่เรียกดาบสั้นออกมาเริ่มฝึก หลังจากดาบสั้นแล้วเขาก็ฝึกอาวุธชิ้นอื่นที่ซื้อมาเช่นกัน เขาฝึกในทุกวิถีทางจนกระทั่งเที่ยงคืนและนึกบางอย่างขึ้นมาได้

‘รอยแยกมิติ ตอนนี้เกินหนึ่งวันแล้ว ทำไมยังไม่โผล่ออกมาอีกเล่า? ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย’

หลินมู่สงสัย

ตั้งแต่ที่หลินมู่ได้รับแหวนลึกลับมา รอยแยกมิติจะเปิดในทุกวัน แน่นอนว่ามันเปิดในเวลาที่แตกต่างกันแต่มันไม่เคยนานเกินหนึ่งวันต่อครั้ง หลินมู่สับสนและไม่รู้เหตุผลเลย

‘หรือว่าจะเป็น? เพราะปราณจิต เงื่อนไขในการเปิดรอยแยกถึงเปลี่ยน?’

หลินมู่ตั้งคำถาม

ขณะที่หลินมู่คิดถึงรอยแยกมิติ เขาก็ยกมือขวาและสังเกตแหวนที่นิ้วกลาง แต่ขณะทที่เขาสังเกตแหวนนั้นเองก็มีจุดดำเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นตรงหน้า หลินมู่ตกใจและตั้งใจมองมัน

ขณะที่หลินมู่เพ่งสมาธิกับมัน จุดเล็กก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น แต่การขยายของจุดดำนั้นมันก็ได้กลืนกินพลังปราณของหลินมู่ไปด้วย เมื่อห้าเสี้ยวปราณถูกใช้ไป จุดดำก็ได้กลายเป็นรอยแยกมิติ

หลินมู่เบิกตากว้างเพราะเขาคือคนที่สร้างรอยแยกมิติขึ้นมาในรอบนี้ เขาสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้วย เมื่อก่อนมือของเขาจะถูกดูดเข้าไป แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้ถูกดูดไปเช่นนั้น เขาไม่รู้สึกถึงแรงดึงเลย

‘ทำไมครั้งนี้ถึงไม่เหมือนกันล่ะ?’

หลินมู่คิดและเข้าใกล้รอยแยกมิติ

หลินมู่สอดมือเข้าไปในรอยแยกมิติและค้นหาสิ่งของที่ซ่อนอยู่ภายใน เขาหาอยู่เกือบ 10 นาทีจนกระทั่งรอยแยกมิติเริ่มไม่คงที่ จากนั้นรอยแยกมิติก็เริ่มหดลง หลินมู่ดึงมือกลับด้วยความพ่ายแพ้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหาของในรอยแยกมิติไม่เจอ

‘รอยแยกมิติไม่เคยปิดแบบนี้มาก่อน มันปิดในตอนที่ข้าเจอของข้างใน’

หลินมู่คิด

ความล้มเหลวยังคงกัดกินใจ หลินมู่กำลังจะกลับไปฝึกแต่ก็เห็นจุดดำอีกจุดที่ลอยอยู่ไกลออกไป จุดดำนั้นยากที่จะมองเห็นเพราะเปลวไฟที่พริ้วไหวจากเตา หลินมู่หยิบกิ่งไม้ที่ไฟติดอยู่ขึ้นมาใช้เป็นคบเพลิง

เขาเดินไปหาจุดดำที่สั่นไหวด้วยคบเพลิงในมือและอ้าปากค้าง

“หรือว่า?”

หลินมู่กระซิบ เขายื่นมือขวาไปทางจุดดำ

หลินมู่เดาถูก เพราะจุดดำนั้นได้ขยายกลายเป็นรอยแยกมิติ พลังปราณของเขาถูกดึงไปใช้ด้วยห้าเสี้ยว เขาสอดมือเข้าไปในรอยแยกมิติและพยายามหาของข้างในอีกครั้ง ห้านาทีต่อมามือเขาก็ได้สัมผัสกับของบางอย่างที่เล็กและเก็บมันไว้ในแหวน

หลินมู่ดึงมือออกมาและสังเกตรอยแยกมิติ ตามปกติรอยแยกมิตินั้นจะเปิดจนกระทั่งเขาหาของข้างในเจอและปิดตัวลงทันที แต่ในตอนนี้รอยแยกมิติยังคงอยู่อย่างมั่นคงและไม่มีท่าทางว่าจะปิดตัว หลินมู่ตัดสินใจยืนรอว่ามันจะเปิดไปอีกนานเท่าใด

แต่ไม่ถึงห้านาทีรอยแยกมิติก็เริ่มปิดตัวลง

‘ดูเหมือนว่ารอยแยกมิติต่อจากนี้จะเปิดออกสิบนาที ไม่ว่าข้าจะเจอของข้างในหรือไม่’

หลินมู่คาดเดา

หลังจากรอยแยกมิติปิดตัวลงหลินมู่ก็เรียกของที่เจอข้างในรอยแยกมิติออกมา ของที่เขาเจอนั้นเป็นตะปูขนาดเล็กที่ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามันเป็นแค่ของอีกชิ้นที่ไร้ประโยชน์ หลินมู่ก็เก็บมันเข้าสู่แหวน

‘ยิ่งนานเท่าใดก็ยิ่งได้แต่ของไร้ประโยชน์’

หลินมู่คิดและฝึกการใช้อาวุธต่อไป

ขณะที่ฝึก เขาได้เคลื่อนไหวไปไกลจากจุดเดิมที่เริ่มฝงึกเล็กน้อย หลินมู่แทงหอกเมื่อเห็นจุดดำอีกแห่งตรงหน้า เขาตกใจและเข้าไปใกล้ขึ้น ในตอนนี้หลินมู่เริ่มมีความคิดถึงการเปิดรอยแยกมิติแล้วหลังจากเจอมาสองครั้ง

แต่เขาไม่ได้เปิดรอยแยกมิติเพราะความสนใจเขาถูกดึงไปหาจุดดำอีกจุดที่ลอยอยู่ทางด้านขวา ความคิดแล่นเข้ามาในหัวทันที เขาดึงกิ่งไม้ออกมาจาแหวนและจุดไฟ เขาใช้ไฟจากกิ่งไม้ที่ลุกไหม้ค้นหาจุดดำโดยรอบ

หลินมู่ค้นหาในระยะ 100 เมตรซึ่งเขาเจอจุดดำที่ลอยอยู่เจ็ดจุดด้วยกัน ซึ่งที่จริงเขาเห็นมันมากกว่านี้แต่ไม่ได้เดินไปดูเพราะเขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว

‘แสดงว่าแหวนในตอนนี้ยอมให้ข้ามองเห็นจุดที่จะเปิดรอยแยกมิติได้แล้ว ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่มีของอะไรซ่อนอยู่ทุกรอยแยกมิติก็ตาม’

หลินมู่สรุป

หลินมู่มีความคิดที่จะเปิดทุกรอยแยกมิติที่หาเจอ แต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนั้นเพราะมันต้องใช้พลังปราณในการเปิด ถ้าจะทำเช่นนั้น หลินมู่ต้องมีพลังปราณที่มากพอ

ขณะที่หลินมู่ค้นพบอีกหนึ่งพลังของแหวน ศิษย์จากยอดจับดาราแห่งนิกายกฎนภาก็ตกตะลึงอีกครั้ง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด