ตอนที่แล้วตอนที่ 36 : ใช้ผลไม้จิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 : ทดสอบพลังใหม่

ตอนที่ 37 : เหตุการณ์หลายหลาก


ขั้นตอนอันทุกข์ทรมานนั้นเสร็จสิ้นในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งจากนั้นหลินมู่ก็มิอาจรั้งสติได้อีกต่อไปและถูกดึงเข้าสู่ห้วงหลับใหล

เมื่อเข้าสู่ห้วงหลับใหล เขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้าและเป็นอิสระ แต่ในทันทีที่เข้าสู่ห้วงหลับใหลนั้นก็เหมือนกับว่าเขาได้เจอกับพายุกระหน่ำอีกลูก ในตอนนี้ห้วงหลับใหลกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

แท่นบูชาในแหวนลึกลับยังคงกระเพื่อมคลื่นพลังออกมา ครั้งนี้พลังได้เพิ่มขึ้นมาจากแหวนและมาถึงห้วงหลับใหล ห้วงหลับใหลมิได้มืดอีกต่อไปอีกแล้ว มันกลายเป็นท้องนภาสีครามเปล่งประกายแทนที่ท้องนภามืดสนิทและมีหญ้างอกบนพื้น

หลินมู่อ้าปากค้างเมื่อได้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ผืนหญ้าแผ่ไปรอบตัวที่หลินมู่ยืนอยู่เช่นเดียวกับท้องนภาคราม หลินมู่เริ่มเดินไปข้างหน้าและเห็นหล่อต้นไม้เติบโตเป็นต้นไม้ภายในเวลาพริบตาเดียว

ยิ่งเข้าไปใกล้เพื่อดูก็ยิ่งพบว่ามันคุ้นตา แต่จากนั้นเองเขาก็รู้แล้วว่าเพราะเหตุใด นี่คือต้นแอปเปิ้ลต้นเดียวกับที่เขาเคยเล่นเมื่อครั้งยังเด็กและหลับใหลเมื่อถูกไล่ออกจากเมืองและได้เจอกับแหวนลึกลับวงนี้

ต้นไม้ต้นเดิมได้เติบโตในห้วงหลับใหล เขาเดินไปจับลำต้นของมัน เปลือกไม้แข็งของต้นไม้ให้ความรู้สึกเหมือนของจริง เช่นเดียวกับเสียงเสียดสีกันของใบไม้ หลินมู่เดินรอบต้นไม้และพยายามจะทดสอบสถานที่แห่งนี้

เขาแตะใบหญ้าและดึงมันออกมา ใบหญ้าถูกดึงออกมาและหายไปจากมือในเวลาไม่นาน แม้กระทั่งต้นหญ้าที่ถูกเด็ดใบขาดก็กลับมาเป็นเช่นเดิม

“อืม ข้าเปลี่ยนแปลงสภาพของที่นี่ไม่ได้สินะ”

หลินมู่พูด

ขณะที่เขาเดินสำรวจอยู่นั้นเอง เขาก็รับรู้ถึงลักษณะของห้วงหลับใหล รัศมีของห้วงหลับใหลนั้นกว้างราว 200 เมตร ถ้าเขาเดินต่อไปเขาจะมาหยุดอยู่ที่หน้าต้นแอปเปิ้ล เขาใช้ต้นแอปเปิ้ลเป็นจุดกึ่งกลางและลองเดินไปในหลายทิศทางแต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม

‘ถ้าเดินตรงไปเรื่อย ๆ ข้าจะกลับมาอยู่ที่เดิม ที่นี่น่าจะเป็นวงกลม ไม่สิ ต้องเป็นทรงกลมมากกว่า’

หลินมู่สรุป

หลังจากสำรวจจนทั่วแล้ว เขาก็ได้รู้ถึงความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างห้วงหลับใหลกับโลกความจริง เขาเงยหน้าและพบว่าดวงอาทิตย์ได้หายไป ไม่มีเมฆบนท้องนภาเช่นกัน แต่ท้องนภาก็ยังเป็นสีครามได้

‘ที่นี่ตกกลางคืนได้ไหมนะ?’

หลินมู่คิดกับตัวเอง

ทางเดียวที่เขาจะรู้ก็คือต้องรอดู หลินมู่รอแล้วรอเล่าแต่ก็ไม่เห็นว่ากลางวันจะเปลี่ยนเป็นกลางคืนได้ สุดท้ายสติของเขาก็หายไปจากห้วงหลับใหลกลับสู่ร่างกาย

หลินมู่ตื่นขึ้นด้วยความงุนงงและมองรอบตัว เขายังอยู่ที่เดิมกับที่เขาหมดสติจากความเหนื่อยล้า เขามองจันทราครึ่งดวงที่สาดแสงส่องเขาและหัวเราะเบา ๆ

“นี่มันน่าตื่นเต้นขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วไม่ใช่รึ?”

หลินมู่พูดกับตัวเอง

เขาพยายามยืนขึ้นและพบว่าเขาปวดไปทั้งตัว หลินมู่ตัวชุ่มเหงื่อมาก่อนและตอนนี้เหนียวจนอยากจะอาบน้ำ เขาลากตัวเองไปยังลำธารและการอาบน้ำรู้สึกสบายตัวสำหรับเขาแม้ว่าน้ำจะเย็นยะเยือกส่งสัญญาณฤดูหนาว ขณะที่อาบนั้นเขาก็ส่งสายตาไปที่ต้นแอปเปิ้ล

‘มันยังอยู่ที่เดิมตรงนี้ ต้นในห้วงหลับใหลเป็นแค่ของเลียนแบบสินะ’

หลินมู่คิด

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาเดินไปที่ต้นแอปเปิ้ลเพื่อที่จะยืนยันความคิดของตัวเอง เขาแตะต้นแอปเปิ้ลและเด็ดผลแอปเปิ้ลกับใบของมันออกมา พวกมันไม่ได้หายไป มันอยู่กับมือเขาไม่เหมือนกับที่ห้วงหลับใหล

หลังจากยืนยันความคิดตัวเองได้แล้ว หลินมู่เดินกลับกระท่อม เขาไม่ต้องพยายามเดินด้วยความล้าอีกแล้วแม้ว่าร่างกายจะยังรู้สึกเจ็บปวด หลังจากมาถึงกระท่อมเขาก็เตรียมเนื้อทำอาหารบนเตาเพราะเขากำลังหิวอย่างมาก

ขณะที่รอ หลินมู่พยายามนึกถึงความรู้สึกที่เขาได้เจอหลังจากกินผลไม้จิตสีม่วง เขาจำเส้นทางที่แตกต่างกันที่ปราณจิตไหลไป ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจเส้นทางของเส้นปราณของตัวเอง

เขาเพ่งสมาธิไปที่ท้องและสัมผัสได้ถึงปราณจิตอ่อน ๆ ลอยอยู่ในตันเถียน หลินมู่พยายามลองควบคุมมัน ในการพยายามแรก ๆ เขาทำให้เสี้ยวปราณจิตขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเขาก็สั่งให้มันเคลื่อนไหวในตันเถียนได้

เป็นตอนนี้เองที่เขาได้รู้ขนาดของตันเถียนตัวเอง ถ้าหากเสี้ยวปราณจิตของเขาเป็นกระจุกผม ตันเถียนของเขาก็น่าจะเทียบได้กับขนาดกระท่อมหลังนี้ หลินมู่ไม่รู้ว่ามันใหญ่หรือเล็กเพราะเขาไม่มีใครให้มาเปรียบเทียบด้วย และเขาก็ไม่มีข้อมูลที่ดีพอให้ตัวเขาจำแนกได้

มื้ดค่ำของเขาพร้อมขณะที่เขากำลังเล่นกับปราณจิต หลินมู่ที่รู้สึกหิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกินมื้อค่ำด้วยความหิวโหยและกินเนื้อทั้งหมดที่เตรียมไว้ เมื่อจบมื้อค่ำแล้วเขาก็ทำตามขั้นตอนเดิมและเริ่มท่องบทสงบใจเพื่อดูดซับพลังชีวิต

และมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่หลินมู่ที่ได้เรื่องน่าตกใจอีกครั้งของวัน พลังชีวิตที่ดูดซับจากกระเพาะของเขาได้ดูดซับไปทั้งหมดในเวลาเพียงแค่สิบนาที ขั้นตอนที่เคยใช้เวลา 45 นาทีในตอนนี้เหลือเพียง 10 เท่านั้น และเมื่อพลังชีวิตถูกดูดซับไปหมดเขาก็ได้เข้าใจเหตุผล

เส้นเลือดของหลินมู่ขยายขึ้นมาเล็กน้อยและแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก เขาตรวจสอบความหนาแน่นของพลังชีวิตในร่างและพบว่ามันมากกว่าเดิมเกือบสองเท่า

“ขะ…ขะ…ข้าทะลวงพลังเป็นขั้น 9 แล้ว! แล้วก็อยู่ในขั้นสูงสุดด้วย!”

หลินมู่อุทานเสียงดัง

พลังชีวิตในเส้นเลือดอิ่มจนถึงขีดจำกัด ส่งสัญญาณว่าเขาจะไปถึงขั้น 10 ในอีกไม่นาน เขาไม่รู้เลยว่าการเป็นขั้น 10 ต้องใช้เวลานานเพียงใด แต่เขามั่นใจว่าเขากำลังจะเป็นขั้น 10 อย่างแน่นอน

ก่อนที่หลินมู่จะกินผลไม้จิต เขาแค่คาดหวังว่าเขาจะได้มีร่างกายขั้น 9 และไม่สูงไปกว่านั้นซึ่งหลังจากนั้นจะใช้เวลาไปกับการหาตำราบ่มเพาะ แต่ตอนนี้เขามีพลังขั้น 9 และกำลังจะเป็นขั้น 10 แล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลย

หลังจากหนึ่งชั่วโมงหลินมู่ก็ใจเย็นลงและกลับมาคิดอ่านได้ปกติอีกครั้ง

‘ถ้าต้องลองดูว่าบทสงบใจจะช่วยข้าควบคุมเสี้ยวปราณจิตได้หรือไม่’

เขาทำตามที่คิด เขานั่งสมาธิลงท่องบทสงบใจและเพ่งสมาธิกับตันเถียน บทสงบใจช่วยเขาเพิ่มสมาธิและความรับรู้ที่ชัดแจ้ง หลังจากความล้มเหลวไม่กี่ครั้ง หลินมู่ก็ดึงเสี้ยวปราณจิตเดียวออกจากตันเถียนได้

แต่ทันทีที่หลินมู่ดึงเสี้ยวปราณจิตออกมา เขาก็เสียการควบคุมและเสี้ยวปราณก็ไหลไปสูงแขนขวาและถูกแหวนดูดเข้าไป แหวนประหลาดส่งเสียงเล็กน้อยก่อนที่หลินมู่จะคิดอะไรได้ เขาก็หายตัวไปจากกระท่อมแล้ว

เมื่อสายตาของเขากลับมาใช้ได้อีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในท้องนภามืดมิดที่เต็มไปด้วยเส้นสายสีเงินและสีเทา เขาเห็นแสงประกายที่คุ้นตาอยู่ไกลออกไป

‘ข้ากลับมาในแหวนรึ?’

หลินมู่ถามตัวเอง

เขาเดินไปทางแสงสว่างและไปถึงแท่นบูชาที่เกิดจากอักษรโบราณ แท่นบูชานั้นเคลื่อนตัวเล็กน้อยเพราะพลังราวกับว่ามันกวักมือเรียกหลินมู่ให้เขาไปสัมผัส หลินมู่ตอบรับคำเชิญของแท่นบูชาและเดินเข้าไปใกล้ขึ้น ในทุกย่างก้าวเดินนั้นหลินมู่จะเห็นว่าแสงจากแท่นบูชาสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับตอบรับตัวตนของหลินมู่

เมื่อหลินมู่อยู่หน้าสุดของแท่นบูชา ซึ่งมันราวกับจับต้องได้เพราะแสงสว่างสุดยอดที่ปล่อยออกมา แต่ทันทีที่หลินมู่แตะแท่นบูชา มันก็หยุดการเคลื่อนไหวและนิ่งเงียบไป และต่อมามันก็ส่องแสงที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเสียงสวดที่ดังก้องในใจหลินมู่

“ลับคมจิตใจเจ้าดั่งคมดาบ ปลงพันธะทางโลกและจงไม่จำยอมต่อหน้าวิบัติทั้งปวง ดูเถิด พระสูตรพรากดวงใจ”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด