ตอนที่แล้วตอนที่ 288 การตัดสินของถังเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 290 ผู้เฒ่าเฟ่ย

ตอนที่ 289 ซือหม่าเซี่ยว


“ทหาร?ล้อเล่นหรือเปล่า? กลุ่มดาวหมาป่าจะมีกองทหารได้ยังไง?”บุรุษหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลลูบคางเยาะเย้ยขณะมองดูบริวารของเขาที่บันไดชั้นล่าง  ปากของเขายิ้มเยาะถากถาง  “อย่าหาข้ออ้างโง่ๆ เหล่านี้ดีกว่า!ข้าสงสัยพลังของเจ้ามากกว่า หลังจากผ่านไปนานแล้วเจ้าก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ข้าขอให้เจ้าไปเอามา  ตอนนี้องค์การวิญญาณมืดลงมาผสมโรงด้วยแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น?  เพราะตลอดยุคนี้คุณชายผู้นี้จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้”

บุรุษที่สวมหน้ากากที่บันไดชั้นล่างคำนับ  เขายังคงเงียบด้วยความกลัว  หลังของเขาเปียกเหงื่อชุ่ม

“ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกเดือนหนึ่ง  ถ้าเรื่องนี้ไม่จบ  อย่างนั้นเจ้ากลับไปรอที่บ้านคุณชายผู้นี้ไม่ต้องการสวะเช่นนั้น”

บนหัวเขามีผ้าคาดศีรษะใบหน้าของเขาดูเผินๆ ไม่น่ามีอันตราย แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย

หัวใจบุรุษที่สวมหน้ากากสั่น เขารู้ว่าคุณชายอาจพูดเหมือนล้อเล่น  แต่ใจของเขาอำมหิตและเย็นชามาก

เขาไม่กล้าปกป้องตัวเองหรืออ้อนวอนขอผ่อนผัน  ดังนั้นเขาจึงแข็งใจตอบ “ขอรับ”

“ไปซะ ไปเถอะ” คุณชายส่ายหัวและยิ้ม “เจ้าก็สู้ได้ดีเช่นกัน”

เมื่อออกมาจากห้องใหญ่ ลมเย็นกระโชกพัดมาทำให้รู้สึกถึงเหงื่อเย็น  เขารู้สึกได้ว่าตลอดทั้งร่างมีเหงื่อเปียกโชก

“เขาไม่ได้โกหก”

จากด้านหลังของเขาชายหนุ่มหน้าซีดคนหนึ่งเดินออกมา เขาดูอ่อนแอสวมชุดขาวดูปกติ ผมยาวดำสนิท แต่ตาของเขามีแววเศร้าหมองเลือนราง

ชิวจื่อจวินแม้แต่ในสมาคมรวมตระกูล ทุกคนรู้จักเขาได้ยาก

“ข้ารู้” บุรุษผมสั้นหัวเราะและหยิบของขบเคี้ยวบนโต๊ะใส่ปาก พึมพำ“ข้าเพิ่งใช้เขาไปทดสอบฝีมือพวกวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธ  ลุงรองกังวลมากเกินไปและตัดสินใจเก็บเขาไว้  แม้ว่าเขาตายนั่นก็ช่วยประหยัดพลังงานของลุงรอง ผู้อาวุโสรุ่นก่อนกังวลมากทำให้ตายก่อนเวลาอันสมควร”

สมาคมรวมตระกูลเป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยตระกูลต่างๆ ขณะที่ตระกูลซือหม่าคือหนึ่งในเจ็ดตระกูลชั้นสูง

ซือหม่าเซี่ยวคือบุตรของซือหม่าเทาแห่งสายตระกูลที่สาม  ซือหม่าเทาตายตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นซือหม่าเซี่ยวและมารดาของเขาจึงสนับสนุนคนอื่น  ภายในสามสายตระกูลนับว่ามีพลังอ่อนด้อยที่สุด  ด้วยการที่มีบุพการีเหลืออยู่คนเดียวเขาจึงถูกรังแกเป็นปกติ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเขามักจะหัวเราะได้เสมอ

จนกระทั่งซือหม่าเซี่ยวอายุได้สิบสี่ปีได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ซือหม่าเซี่ยวที่ไม่โดดเด่น โผล่ขึ้นมาในฐานะคนที่สามของการแข่งขันในตระกูล

จากนั้นซือหม่าเซี่ยวถูกดึงไปและแยกไปดาวเหยากวง  ไม่มีใครคิดว่าในสามปีจู่ๆดาวเหยากวงก็มีอำนาจเพิ่มพูน ภาษีและการเงินของพวกเขาได้รับผลกำไรสามเท่าไม่เพียงแต่แค่นั้น ยิ่งกว่านั้นเขายังค้นพบสายแร่เจ็ดสาย ดังนั้นผู้อาวุโสของตระกูลของสมาคมรวมตระกูลจึงประทับใจเขาทุกคน

การโดดเด่นขึ้นมาอย่างฉับพลับของเขาทำให้สายตระกูลที่หนึ่งและที่สองอิจฉาและหลังจากไตร่ตรองหาทางมากมายสมาคมรวมตระกูลส่งคนไปสืบสวนเขาที่หมู่ดาวกิ้งก่า กลุ่มดาวกิ้งก่าเป็นหนึ่งในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนืออำนาจของพวกเขาที่นั่นยุ่งเหยิงซับซ้อนก่อให้เกิดสถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อน  ซึ่งสมาคมรวมตระกูลไม่มีอำนาจเลย

ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่าซือหม่าเซี่ยวจะพลิกสถานการณ์ทั่วทั้งดาวได้หลังจากดึงดันต่อสู้ในช่วงเวลาสั้นๆ สามปีแล้ว สมาคมรวมตระกูลไม่เพียงแต่ยึดครองและอยู่ในกลุ่มดาวกิ้งก่าได้เท่านั้น  แต่ยังยึดครองดินแดนสามในสี่ของกลุ่มดาวกิ้งก่าได้อย่างเหนียวแน่น

ผลงานที่โดดเด่นของซือหม่าเซี่ยวทำให้เบื้องบนของสมาคมรวมตระกูลจับตาดูเขา  แต่ก็เหมือนครั้งก่อนกลับสร้างความแตกตื่นและเกียจคร้านให้กับสายตระกูลอื่น

เขาเตรียมจะโจมตีทั้งกลุ่มดาวกิ้งก่าแต่กลับถูกเรียกกลับบ้านอย่างเร่งด่วนเพื่อมอบเกียรติยศชื่อเสียงและความรับผิดชอบอย่างหนักให้เขา แต่กลับเป็นสายตระกูลที่หนึ่งและที่สองคิดจะฉวยโอกาสชิงความดีความชอบของเขาไป

เมื่อกลับมาสมาคมซือหม่าเซี่ยวมีแผนการของเขาเองนอกจากออกไปเยี่ยมผู้อาวุโสตระกูลที่ไม่มีอำนาจแล้ว  เขาจะอยู่แต่ในบ้าน และยากจะออกไปข้างนอก  แต่ไม่มีใครรู้ว่าในท่ามกลางความเงียบ เขากำลังวางแผน

ชิวจื่อจวินเป็นศิษย์พี่ของเขา

“แต่ด้านถังเทียนก็มีอัจฉริยะที่มีกลยุทธแข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่คนหนึ่งทำให้ข้ารู้สึกอิจฉา! ข้อมูลภายในสมาพันธ์ชาวยุทธก็มีมากกว่าของเรา”  ซือหม่าเซี่ยวกินขนมเต็มคำทำให้พูดไม่ชัด

ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะและพูดเฉื่อยชา  “มันไม่ใช่คนของสมาพันธ์ชาวยุทธ  คนของถังเทียนผู้นี้  นิสัยของเขาเยือกเย็นกว่าน่าจะเป็นคนส่วนตัวของเขาเอง  ถ้าสิ่งที่ลือไว้เป็นจริง อย่างนั้นเรื่องเกี่ยวกับกองทัพดาวกางเขนใต้ปล่อยของบางอย่าง ก็อาจจะจริง”

“มีเหตุผล”ซือหม่าเซียวเลียขนมจากนิ้วของเขาไม่สนใจภาพพจน์ตนเอง  “ถ้าเรามีกองทัพของเราเอง  อย่างนั้นหลายอย่างอาจจะง่ายขึ้น”

“เจ้าก็สร้างเองได้ในตอนนี้ไม่ใช่หรือ?”  ชิวจื่อจวินมีสีหน้าเฉื่อยชาขณะพูด

“เฮ้ เฮ้!”ซือหม่าเซียวไม่มีความอายแม้แต่น้อยเมื่อถูกจับไต๋ได้  เขายังคงยิ้มต่อไป “ดีจริงศิษย์พี่ท่านร่างกายอ่อนแอมาก กังวลมากจะทำให้ตายได้นะ ถ้าเกิดท่านตายขึ้นมาจริงๆ ใครจะมาช่วยข้าดูแลเรื่องเหล่านี้”

ชิวจื่อจวินทำเหมือนไม่ได้ยินเขา  “สองสายตระกูลพ่ายแพ้หนักที่กลุ่มดาวกิ้งก่า ซือหม่าหงตายและซือหม่าอี่กวงบาดเจ็บหนัก”

ซือหม่าเซี่ยวดูเศร้าขณะหัวเราะ  “อัจฉริยะโดดเด่นตายเร็วขนาดนั้นนั่นคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซือหม่าของเรา! ส่งของขวัญสองชิ้นไปให้สองสายตระกูลภายหลัง  หวังว่าลุงทั้งสองจะไม่เศร้าเกินไป”

“พวกเขาเกลียดท่านเข้ากระดูกดำ” ชิวจื่อจวินคร้านเกินกว่าจะสนใจท่าทางของซือหม่าเซี่ยว

ซือหม่าเซี่ยวจงใจทิ้งพื้นที่หนึ่งในสี่ของกลุ่มดาวกิ้งก่าไว้ทำให้เขารู้ว่าสองสายตระกูลต้องการจะมาแย่งความดีความชอบ  ในช่วงสามปี เขาไม่ได้ฆ่ายอดฝีมือที่ทรงพลังของกลุ่มดาวกิ้งก่า  เพียงบีบต้อนพวกเขาเข้ามุม แต่ไม่โจมตี เขาให้โอกาสพวกเขาได้หายใจแม้จะต้องการรู้ว่ามีประตูดวงดาวมากเท่าใดในพื้นที่ซึ่งเชื่อมต่อกับกลุ่มดาวเฮอคิวลิส

เป็นไปได้ยังไงที่กลุ่มดาวเฮอคิวลิสจะพ้นไปจากเงื้อมมือของสมาคมรวมตระกูล?

ยอดนักสู้ที่ทรงพลังของกลุ่มดาวกิ้งก่ารวมตัวกันบวกกับการสนับสนุนลับๆ จากกลุ่มดาวเฮอคิวลิสเป็นกองทัพที่ทรงพลังแน่นอน  เมื่อโจมตีสายตระกูลที่หนึ่งและที่สองจึงได้รับบาดเจ็บหนักเป็นธรรมดา

“มันจะสำคัญยังไงต่อข้าเล่า?”  ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ  หน้าของเขาหยิ่งยโส  “พวกเขาเรียกข้ากลับ  ดังนั้นข้าก็มาอยู่ที่นี่  ปล่อยให้พวกเขาโจมตี  ข้าก็ยอมตกลงด้วย  ข้าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แล้วอย่ามาทำให้ข้าเสียชื่อเลย”

“ครั้งนี้สองสายตระกูลได้รับความเสียหายมาก”  ชิวจื่อจวินวิเคราะห์อำนาจอย่างใจเย็น“ท่านวางแผนจะใช้ผู้อาวุโสของตระกูลยังไง?”

“ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ”  ซือหม่าเซี่ยวสั่นศีรษะเหมือนกลองป๋องแป๋ง“ชื่อเสียงบารมีข้ายังไม่มากพอ”

ชิวจื่อจวินรู้ซึ้งการเตรียมการของซือหม่าเซี่ยวหลังจากคิดชั่วขณะเขาก็เข้าใจ  “เป้าหมายของท่านคือองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธใช่ไหม?”

“รุ่นพี่ช่างฉลาด,  ชื่อเสียงของกลุ่มดาวกิ้งก่าจะได้มากเพียงไหนกัน?”  ซือหม่าเซี่ยวเผยยิ้มที่ไม่ธรรมดา  น้ำเสียงของเขาผ่อนคลาย  “สมาคมรวมตระกูลของเรามีผู้เยาว์ไม่มากนัก  แต่มักจะให้ความสำคัญกับคนรวยเทียบกับองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธแล้วเรายังคงด้อยกว่าและนั่นคือปัญหาของระดับสูง แต่พวกเขากลับกลัวทั้งสององค์กรมาก และในความเป็นจริง พวกเขาไม่มีความมั่นใจพอ เวลานี้ใครก็ตามที่สามารถเป็นฝ่ายตรงข้ามองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธได้  ตราบใดที่ยังเอาชนะไม่ได้  ทางเบื้องบนจะไม่สนใจเขาเลย”

“ท่านไม่กลัวแพ้หรือ?”  ชิวจื่อจวินตกใจกับแผนของรุ่นน้องเขานัก เพราะความคิดของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ตระกูลซือหม่า

“ข้าจะแพ้ได้ยังไง?” บุรุษผมสั้นหัวเราะ  “มันจะเกี่ยวข้องกับข้าได้อย่างไร?  ชี่จื่อคือคนของลุงรองเป้าหมายของวิญญาณมืดก็คือถังเทียน สมาพันธ์ชาวยุทธต้องการปกป้องถังเทียน สายตานับพันคู่จับตามองอยู่ คนแพ้จะเสียหน้าและสมาพันธ์ชาวยุทธหรือองค์การวิญญาณมืดจะกลืนกินของชิ้นเดียวกันได้อย่างไร?  สบายใจได้ เราเป็นแค่พวกเสียงเล็กเสียงน้อยไม่มีใครจับตามองดูเราแน่นอน”

“เจ้าวางกับดักให้เราสู้กับใครกันแน่?”  ชิวจื่อจวินพยายามข่มความตกใจและถาม

“เฮ้, รุ่นพี่ อย่าใช้คำว่ากับดักมันน่าเกลียดเกินไป” ซือหม่าเซี่ยวมีท่าทีเจ้าเล่ห์ “ดังนั้นผู้อาวุโสมากมายใครก็ตามที่ยินดีจะสนับสนุนผู้เยาว์อย่างข้าก็จะถูกมองว่ามีคุณธรรม  ผู้อาวุโสคนใดก็ตามมีความเมตตาเพียงพอ  เวลาจะเป็นตัวบอก”

ชิวจื่อจวินมองดูศิษย์น้องของเขาที่กำลังยิ้ม  ใจของเขาค่อยๆ คิดล่วงหน้าทันที

แผนของศิษย์น้องอาจจะสำเร็จได้จริงๆ

เมื่อพิจารณาดูแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งซือหม่าเซี่ยวมุ่งไปที่จุดวิกฤติทำให้วิญญาณมืดกับสมาพันธ์ชาวยุทธหันมาสู้กันอย่างรวดเร็ว  ถึงเวลานั้นสภาพคงยุ่งเหยิงวุ่นวาย  ความตั้งใจของศิษย์น้องของเขาชัดเจนอยู่แล้ว  คว้าโอกาสจากวิกฤติ

“ถังเทียนก็มีกองกำลังและนั่นคือตัวแปรที่ไม่แน่นอน”  ชิวจื่อจวินระบุ

ซือหม่าเซี่ยวเย้ยหยัน“จะตั้งกองกำลังจะทำง่ายๆ ได้อย่างไร? ก็แค่อาศัยชนเผ่าเล็กๆ พวกเขาจะสร้างสิ่งที่เรียกว่ากองทัพได้หรือ?  นอกจากนี้ ต่อให้พวกเขามีกองทัพ อย่างนั้นฝ่ายที่ควรกังวลก็คือพวกวิญญาณมืด”

เขาลอบสร้างกองกำลังของเขาและนั่นไม่ง่ายจะหาได้พบ  ดังนั้นเขาไม่สนใจกองทัพของถังเทียนเท่าใดนัก

ในอีกด้านหนึ่งอันไป่ตาย เหมาจวินแขนหัก ผลเช่นนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้ชม

ทหาร!

กลุ่มดาวหมาป่ามีทหารจริงๆ

อันไป่และเหมาจวินเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทั้งคู่  เพราะคนหนึ่งตายและอีกคนบาดเจ็บจึงไม่ใช่งานง่าย แต่ข่าวที่ถังเทียนมีกองกำลังมาจากเหมาจวินแพร่กระจายออกไป  ไม่มีใครสงสัยเหมาจวิน

ชายชราร่างผอมส่งเสียงดัง  “เจ้าไปเจออะไรมา?”

ชายชราผู้นี้มีนามว่าทู่และเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งขององค์การวิญญาณมืด ในองค์การวิญญาณมืดตำแหน่งผู้อาวุโสตระกูลได้รับการนับถือสูง  เมื่อข่าวของกองทัพดาวกางเขนใต้มาถึงเขา  เขาจึงตื่นเต้น

เขารู้มากกว่าคนธรรมดา

“พวกเขาไม่ควรกลัวกองกำลัง”  ต่อหน้าเขาเป็นสตรีนักสู้ที่สวมเกราะ  “ถ้าเป็นกองทัพจริงๆเหมาจวินคงหลบหนีไม่ได้ ข้าคิดว่าคงก่อตั้งได้ไม่นาน ดังนั้นพลังของเขาจะสูงหรือไม่ยังน่าสงสัยอยู่”

ในสถานะของพวกเขากองทัพสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว ไม่ว่ากองทัพจะแข็งแกร่งเพียงไหน สำหรับยอดฝีมือแล้ว ถือว่าไม่มีอะไร

แข่งกันในเรื่องความแข็งแกร่งไม่มีอะไรแน่นอนในเรื่องความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ

“ถ้าข้ามอบเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการเจ้าจะรับมือได้ไหม?”  ผู้เฒ่าทู่เอ่ยขึ้น

“ข้าต้องการกำลังองครักษ์หกคน”  นักสู้สตรีกล่าว

ผู้เฒ่าทู่ประหลาดใจ“เจ้ารู้สึกว่าต้องการองครักษ์หกคนหรือ?”

องครักษ์หกคนเป็นนักสู้ที่โดดเด่นที่สุดของเขา  นางเป็นผู้นำพวกเขา  และพวกเขามีพลังสายเลือดพิเศษทุกคนและแข็งแกร่งมาก  ผู้เฒ่าทู่ไม่คิดเลยว่านางจะต้องการใช้กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทันที

“ใช้สิงโตไปไล่จับกระต่ายเราจะใช้กำลังของเราทั้งหมด” นักสู้สตรีตอบ

หลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ  ผู้เฒ่าทู่จึงเงยหน้าตอบ  “ก็ได้, เจ้านำพวกเขาไปด้วยและเอาตัวถังเทียนมาให้ข้า” “รับทราบ!”  สตรีนักสู้ตอบและหมุนตัวจากไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด