ตอนที่แล้วตอนที่ 10-3 ขยายอำนาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10-5 ออกดอกออกผล

ตอนที่ 10-4 เครื่องจักรสงคราม


“ครืนนน..”

สายน้ำไหลลงมาจากน้ำตกที่สูงหลายสิบเมตรกระแทกปะทะใส่แอ่งน้ำลึกจนถึงก้นเกิดละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วน้ำในสระลึกนี้ไหลลงลำธารแคบสายหนึ่งคดเคี้ยวไปตามทาง  บาร์เกอร์และซาสเลอร์ไปตามลำธารน้ำน้อยลึกเข้าไปในภูเขาแบล็คคราเวน

ที่สุดลำธารนี้เป็นทะลาบที่สงบ  ตรงกลางทะเลสาบมีกระท่อมไม้ที่ดูสูงสง่า

ข้างหน้ากระท่อมไม้มีบุรุษหนุ่มผมยาวในชุดยาวหลวมกำลังกวัดแกว่งกระบี่ยาวสีม่วงอย่างช้า  แต่ในความเป็นจริง ความช้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาเป็นความเข้าใจผิดของซาสเลอร์และบาร์เกอร์ แม้ว่าดูเหมือนช้า แต่ในความเป็นจริง มันดูรวดเร็วน่ากลัว

ความรับรู้ที่ผิดนี้ทำให้บาร์เกอร์และซาสเลอร์สะดุ้งจนแทบกระอักโลหิต

ในการสะบัดกระบี่แต่ละครั้งดูเหมือนว่าพื้นที่มิติรอบๆ เหมือนกับจะบิดตัว

บาร์เกอร์และซาสเลอร์มองหน้ากันและกัน  ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน แต่ลินลี่ย์ก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง!  พวกเขาไม่เคยเห็นลินลี่ย์ใช้วิชากระบี่แบบนี้มาก่อน  ตอนนี้จากสิ่งที่พวกเขาเห็น พวกเขามั่นใจ...ว่าวิชากระบี่นี้มีพลังอย่างน่าอัศจรรย์แน่นอน

บาร์เกอร์และซาสเลอร์ยืนรอเงียบๆอยู่ที่ฝั่งทะเลสาบ

หลังจากผ่านไปนานลินลี่ย์ก็เก็บกระบี่

“เข้ามาเถอะ” แค่เพียงลินลี่ย์โบกมือก็เกิดลมพัดรุนแรงสร้างเป็นสะพานอากาศระหว่างกระท่อมไม้กับฝั่งทะเลสาบ  “พวกท่านแค่เดินข้ามมาได้เลยไม่ต้องกลัวว่าจะร่วง”

บาร์เกอร์และซาสเลอร์มองหน้ากันเองและจากนั้นพวกเขาจึงก้าวลงบนสะพานอากาศเดินไปยังกระท่อมไม้กลางทะเลสาบที่ลินลี่ย์อาศัยอยู่

ลินลี่ย์นั่งลงที่ม้านั่งหินใกล้ๆ  เพียงแค่พลิกมือเขาดึงขวดเหล้าและแก้วออกมาอีกสามใบ เขาหัวเราะอย่างสบายใจกล่าว “ซาสเลอร์ ถ้าท่านมานี่เมื่อสองสามวันก่อน บางทีข้าคงได้แต่ใช้ลมดึงท่านเข้ามาตรงๆ ข้ายังไม่มีความสามารถอย่างที่ทำได้ตอนนี้เลย”

ซาสเลอร์เป็นพ่อมดจอมเวทระดับเก้า แม้ว่าเขาเกือบจะเข้าถึงระดับเซียนอยู่แล้ว  แต่เขาก็ยังบินไม่ได้  และเพราะร่างกายอ่อนแอเปราะบางจึงไม่มีทางที่เขาจะเดินอยู่บนผิวน้ำได้

“ใต้เท้า เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?”  บาร์เกอร์ยังไม่หายจากอาการตกใจ

ซาสเลอร์มองดูลินลี่ย์เช่นกัน  ลินลี่ย์หัวเราะและอธิบาย  “เป็นแค่หนึ่งในวิธีใช้กฎธรรมชาติธาตุลม  เมื่อยังไม่นานมานี้ ข้าเพิ่งรู้แจ้งในด้านความช้าซึ่งทำให้ข้าสามารถทำสิ่งที่ข้าเพิ่งทำลงไปนี้ แต่ข้ายังค่อนข้างห่างจากระดับล็อคพื้นที่อยู่มาก”

“การล็อคพื้นที่คืออะไร?”  ซาสเลอร์สงสัย

ลินลี่ย์ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ซาสเลอร์และบาร์เกอร์ไม่ได้ฝึกกฎธรรมชาติของธาตุลมเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะเข้าใจคำอธิบายของเขา?  เมื่อลินลี่ย์ซ้อมฝีมือกับมิลเลอร์  ยอดฝีมือผู้นั้นมาจากหมู่บ้านภูเขาลึกลับลินลี่ย์มองเห็นเส้นทางทำความเข้าใจด้านช้าของลมอย่างลึกซึ้งทันที  จึงเป็นธรรมดาที่ทำให้การฝึกฝนก้าวหน้าเร็วเป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามครึ่งหนึ่งเท่านั้น

ถ้ามิลเลอร์ไม่มาเห็นการฝึกฝนของลินลี่ย์  เขาจะตกใจได้ยังไง

ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนลินลี่ย์ก็สามารถก้าวหน้าได้มากมายขนาดนี้ ระดับในความก้าวหน้านี้นับว่าเร็วจนน่ากลัว

เมื่อรินเหล้าให้แต่ละคนแล้ว  ลินลี่ย์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ  เขายิ้มพลางกล่าว“บอกเหตุผลที่พวกท่านมาที่นี่ได้แล้ว”

บาร์เกอร์พูด“ใต้เท้า หลังจากใช้เวลาจัดการในดินแดนปัจจุบันของเราแล้ว  เราจัดตั้งกองทัพของเราได้สำเร็จแล้ว  และเพราะพวกเขาฝึกฝนมาสามเดือนแล้ว  ได้เวลาจะบุกเมืองอื่นอีกสองสามเมือง”  ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้  รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของลินลี่ย์

เขารอวันนี้อย่างกระตือรือร้น

“ครั้งนี้, เราควรจะบุกโจมตีระดับหัวเมืองใช่ไหม?”  ลินลี่ย์กล่าว

ซาสเลอร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆพยักหน้า  “ถูกแล้ว ตามแผนของข้าครั้งนี้เราควรจะโจมตีเมืองน้อยสามเมืองและหัวเมืองโมแอ็ตอีกเมืองหนึ่ง” ฝ่ายลินลี่ย์ปัจจุบันนี้มีอยู่หกเมืองและหกกองพลมีกำลังพลห้าหมื่นนาย  อำนาจของกองทัพขนาดนี้เท่ากับหัวเมืองปกครอง

อย่างไรก็ตาม...

ด้านลินลี่ย์ก็มียอดฝีมืออยู่ด้วย!  นี่คือข้อได้เปรียบแน่นอน

“หลังจากที่เราโค่นหัวเมืองได้ เราจะสามารถประกาศต่อสาธารณะได้ว่าเราจะก่อตั้งแคว้นอิสระ”  บาร์เกอร์หัวเราะ

ลินลี่ย์รอการก่อตั้งแคว้นอิสระอย่างกระตือรือร้น เขายังคงจำได้ถึงคำนัดหมายของเดเลียกับเขาในจดหมายนั้น  วันที่เขาพบว่าเขาก่อตั้งแคว้นปกครองตนเองได้จะเป็นวันที่เดเลียออกจากจักรวรรดิยูลานเพื่อมาตามหาเขา

“ลินลี่ย์” ซาสเลอร์ถาม  “หลังจากเราโค่นหัวเมืองได้  เราจะทำยังไงกันต่อ? ควรจะยึดเมืองน้อยซึ่งไม่ใช่เป็นของศาสนจักรเจิดจรัสและไม่ใช่ทั้งของลิทธิเงาด้วยหรือไม่?  หรือว่าเราจะเปิดฉากโจมตีเมืองซึ่งอยู่ในความคุ้มครองของศาสนจักรเจิดจรัส?”

ตามแผนที่สู้รบของเขา  หลังจากโค่นล้มหัวเมืองใหญ่ได้ ดินแดนด้านใต้ของเขตซึ่งลินลี่ย์ควบคุมไว้ได้อยู่ภายใต้การปกครองของศาสนจักรเจิดจรัส

แน่นอนว่าการควบคุมของศาสนจักรเจิดจรัสเป็นไปอย่างลับ  โดยผิวเผินพวกเขาจะเป็นแคว้นอิสระกันหมด  แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของศาสนจักรเจิดจรัสและอยู่ภายใต้การควบคุมของลัทธิเงา!  วิธีทำเช่นนั้นให้ดูง่ายๆดูที่วิหารในหัวเมืองใหญ่นั้น ถ้าเมืองนั้นมีวิหารเจิดจรัสอยู่อยู่ด้วย อย่างนั้นแคว้นอิสระนั้นศาสนจักรเจิดจรัสก็ควบคุมอยู่อย่างลับๆ

ถ้ามีวิหารเงาอยู่ด้วย  อย่างนั้นหัวเมืองนั้นก็ถูกควบคุมโดยลัทธิเงา

“เริ่มโจมตีแคว้นที่ถูกศาสนจักรเจิดจรัสควบคุม”  ตาของลินลี่ย์หรี่แคบเนื่องจากเขาตัดสินใจ “ในขณะที่กิจการของเราเติบโตขยายเพิ่มขึ้น เครือข่ายข่าวกรองของศาสนจักรเจิดจรัสจะต้องสังเกตห้าพี่น้องบาร์เกอร์ออกแน่นอน  เมื่อรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ก็คงจะเป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาไม่รู้ว่าข้าลินลี่ย์ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”

ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์และซาสเลอร์จากนั้นหัวเราะเบาๆ  “หลังจากโค่นหัวเมืองปกครองได้ เราจะใช้เวลาระยะหนึ่งสร้างเสถียรภาพและปรับโครงสร้างกองทัพของเรา  หลังจากปรับโครงสร้างกองทัพของเราจากนั้นเราค่อยเริ่มโจมตีดินแดนที่ตกอยู่ในความครอบครองของศาสนจักรเจิดจรัส!”

“แต่แน่นอนว่า ให้เพียงแต่โจมตีเล็กๆ น้อยๆ ก่อนและดูว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะตอบสนองอย่างไร” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “มาดูกันว่า ถ้าพวกเขาตอบโต้ทันทีหรือถ้าพวกเขาจะงดเว้นจากการกระทำเช่นนั้นหรือว่าพวกเขาจะส่งยอดฝีมือไปหาข้ากันแน่”

ซาสเลอร์เข้าใจความตั้งใจของลินลี่ย์  เขาหัวเราะและกล่าว  “ใช่แล้วถ้าศาสนจักรเจิดจรัสจะสู้กับเจ้าโดยเปิดเผยนะลินลี่ย์  อย่างนั้น...ชื่อของแคว้นปกครองนี้ก็ตั้งตามชื่อตระกูลของเจ้าเลย  เราเรียกว่าแคว้นบาลุค!”

“แต่ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสอดกลั้น อย่างนั้นเราก็สามารถทำเป็นเหมือนกับว่าเจ้าไม่อยู่ที่นี่  และเราจะสุ่มเลือกชื่อแคว้นอิสระ”

เมื่อได้ยินคำพูดของซาสเลอร์  ลินลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วย

ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องการดูก็คือศาสนจักรเจิดจรัสจะมีปฏิกิริยาเช่นไร ถ้ายอดฝีมือของศาสนจักรเจิดจรัสไม่ปรากฏตัว  อย่างนั้นลินลี่ย์ก็จะไม่ลงมือ  เขาจะปล่อยให้บาร์เกอร์และน้องๆ ก่อกวนหนักโจมตีเมืองน้อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้ายอดฝีมือฝ่ายศัตรูปรากฏ... อย่างนั้นพวกเขาจะตอบสนองในลักษณะนี้

“เราจะเริ่มโจมตีเมืองโมแอ็ตเมื่อใด?”  บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์

“รีบๆ เลย, เริ่มกันได้แล้ว”  ลินลี่ย์ตอบ

คำพูดของลินลี่ย์ทำให้เมืองทั้งหกเริ่มรวมตัวกันทำสงคราม  กองพลหนึ่งมีกำลังพลเก้าพันนาย  นำโดยบูน, อังเก้และเฮเซอร์ออกไปตีเมืองน้อยอีกสามเมือง ขณะที่อีกสี่กองพลอยู่ภายใต้การนำของบาร์เกอร์และเกทส์ออกไปโจมตีหัวเมืองใหญ่โมแอ็ต

ซาสเลอร์ดูแลเมืองแบล็คเดิร์ท

“ฆ่า!”  พื้นใต้กำแพงเมืองโมแอ็ตนองไปด้วยเลือด ตอนแรกหัวเมืองโมแอ็ตส่งกองทัพออกมาสองหมื่นเตรียมเตรียมรบประจัญบานกับศัตรูโดยตรง แต่เมื่อกองทัพศัตรูนำโดยเกทส์และบาร์เกอร์บุกตะลุยใส่พวกเขาจึงเกิดการบาดเจ็บล้มตายขนานใหญ่

เกทส์และบาร์เกอร์คือสองเทพนักรบที่น่ากลัว

ที่ใดก็ตามที่ขวานยักษ์กวัดแกว่งไปถึงจะมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก  แต่ละกองทัพก็มีหน่วยทหารฝีมือดีเป็นของตนเอง  และเกทส์กับบาร์เกอร์มุ่งเน้นที่กลุ่มคนพวกนั้นที่ใดก็ตามที่ยากจะต้านทาน พวกเขาจะเข้าไปสนับสนุน

ในเวลาอันรวดเร็วกำลังพลสองหมื่นนายของหัวเมืองโมแอ็ตก็แตกกระเจิงกำลังใจของพวกเขาหดหาย หลายคนยอมแพ้อยู่กับที่ทันที

ทหารมากกว่าครึ่งหนึ่งตายผู้โชคดีรอดชีวิต..ถูกจับหมด

พวกเขาไม่สามารถหนีได้ต่อให้พวกเขาต้องการก็ตาม ประตูของเมืองโมแอ็ตปิดอย่างแน่นหนา เจ้าเมืองโมแอ็ตไม่กล้าเปิดประตู  พอเขาทำเช่นนั้นสองคนนี้จะต้องบุกเข้ามาและเขาจะตายแน่นอน  ตอนนี้หัวเมืองโมแอ็ตมีทหารเพียงสองหมื่น

ทหารเมืองแบล็คเดิร์ทจัดขบวนเป็นแถวเรียบร้อย  เชลยทั้งหนึ่งหมื่นเสียขวัญและได้รับบาดเจ็บมีเพียงสองหรือสามพันคนที่อยู่ในสนามรบ โลหิตหลั่งนองพื้นและขวัญกำลังใจของทหารรักษาหัวเมืองโมแอ็ตตกต่ำสุดขีด

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงยืนอยู่ไกลนักเล่า?”หน่วยทหารรักษาเมืองยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น แถวของศัตรูอยู่ไกลเกินระยะธนู

ทันใดนั้นผู้นำที่เหมือนเทพสงครามบุกเข้ามาด้วยความเร็วสูงทันทีพร้อมกับขวานยักษ์ในมือ ความเร็วของพวกเขาเร็วมากจนทุกคนได้แต่จ้องมองดู  ทหารรักษาเมืองตะโกนทันที  “พลธนู, เตรียมยิงโจมตีสองคนนี้ ยิง!”

พลธนูฝีมือดีร้อยคนได้รับคัดเลือกจากแผนกทั่วไปติดอาวุธที่มีประสิทธิภาพดีรุนแรงพวกเขาเริ่มยิงใส่บุรุษทั้งสองคน อย่างไรก็ตาม บาร์เกอร์และเกทส์รวดเร็วมากมีธนูไม่กี่ดอกที่ยิงถูกพวกเขา แต่ธนูเหล่านั้นก็ถูกป้องกันไว้อีก

“ฮ่าฮ่า ดูนี่สิ!”เกทส์คำรามอย่างตื่นเต้น เมื่อขวานยักษ์ที่น่ากลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้นเขาฟันใส่ประตูเมืองที่อยู่ห่างออกไป

“บึ้ม!”

ทันใดนั้นเสียงที่น่ากลัวดังมาจากประตูเมือง  ประตูเมืองที่แข็งแรงสั่นและเริ่มแตกร้าวแต่ยังไม่พังทลาย

“ประตูของหัวเมืองจะทนมากกว่าประตูเมืองเล็ก”  เกทส์หัวเราะลั่นเสียงหัวเราะของเขาดังสะเทือนถึงท้องฟ้า ทหารที่กำแพงเมืองโมแอ็ตได้ยินเสียงชัด “พี่ใหญ่!  ท่านไม่ต้องเข้ามาก็ได้  ข้าสามารถจัดการกับประตูได้”

การระเบิดที่ทรงพลังดังมาจากที่ไกลทำให้ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองหน้าซีด

ใครจะสู้ศึกแบบนี้กันเล่า?

กระแทกใส่ประตูหน้าและบุกเข้ามา?

“กลิ้งก้อนหิน, เร็วเข้า, กลิ้งก้อนหิน!” เสียงสั่นจากเจ้าเมืองดังขึ้น กำแพงเมืองหนาเกินกว่าสิบเมตร นอกจากประตูเมืองที่ปิดไว้ตามปติแล้ว ยังมีช่องรางอีกสองสามช่อง จากตรงช่องเหล่านั้น หินขนาดใหญ่เริ่มกลิ้งลงมา

หินก้อนใหญ่หนากลิ้งกระแทกลงมาด้วยพลังที่ต่อให้เป็นนักรบระดับเก้าก็ไม่กล้าเพิกเฉย  ก้อนหินเหล่านี้ใช้จัดการกับยอดฝีมือเป็นพิเศษ

“กลิ้งก้อนหินหรือ?”

เกทส์สีหน้าเปลี่ยนและเขาคำรามด้วยความโกรธ  “แม่มันเอ๊ย หลีกไปให้พ้นทางข้า!”  ขวานยักษ์นั้นเคลื่อนไหวราวกับใบไม้คล่องแคล่วและสัมผัสประตูอย่างแผ่วเบา  ประตูสั่นสะเทือนรุนแรงและจากนั้นก็แตกหักเป็นสองส่วน แต่เสียงถล่มดังขึ้น ก้อนหินเหล่านั้นเริ่มร่วงลงมาปิดขวางทางเข้าเมืองไว้

“ทำลาย” บาร์เกอร์ใช้วิชาแบบเดียวกัน ‘กวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบา’

“บึ้ม!”  ก้อนหินสั่นสะเทือนและแตกสะเก็ดเป็นชิ้นๆกระเด็นไปทั่วทุกที่ รอยแตกลึกเกินหนึ่งเมตรปรากฏบนผิวก้อนหิน แต่เทียบกับขนาดใหญ่ที่มหึมา รอยแตกลึกนี้มีความหมายเล็กน้อยเท่านั้น

เกทส์และบาร์เกอร์มองหน้ากันเอง

“เราจะต้องทำตามคำสั่งของใต้เท้า”  เกทส์หัวเราะ

เนื่องจากลินลี่ย์เน้นย้ำบาร์เกอร์และน้องๆของเขาว่าให้เก็บสถานะของนักรบอมตะไว้เป็นความลับ พวกเขาเป็นหนึ่งในอาวุธลับของลินลี่ย์ ที่สำคัญศาสนจักรเจิดจรัสไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขาแน่นอน  สิ่งที่พวกเขาเปิดเผยไปแล้วจะเป็นสิ่งที่ศาสนจักรเจิดจรัสรู้แล้ว

“แฮรุ!”  บาร์เกอร์ส่งเสียงคำรามลั่น

“โกรววววว!”เสียงคำรามสะท้านสะเทือนดินสามารถได้ยินได้ และเสือดำที่น่ากลัวซึ่งอยู่ในกลางกองทัพขยายขนาดใหญ่ทันที  มันสูงถึงสิบเมตรและยาวยี่สิบเมตรเมื่อเห็นอสูรเวทสูงเท่าอาคารสามชั้น.. คนทั้งหมดในเมืองโมแอ็ตตะลึงกันหมด

“อสูรเวทระดับเซียน!”

ทหารรักษาเมืองพูดไม่ออก

“ปัง!” แฮรุที่สูงเท่าอาคารสามชั้นเปลี่ยนสภาพเป็นเงาดำบุกเข้าโจมตีประตูเมือง  ในพริบตาเขาย่นระยะทางพันเมตรมาถึงหน้าประตูเมือง ประตูเมืองสูงยี่สิบเมตร แต่ร่างที่น่ากลัวของแฮรุกระแทกใส่ลูกหินหน้าสิบเมตรโดยตรง

เสียงระเบิดได้ยินชัดเจน

ก้อนหินแตกกระจายเหมือนกับทำจากเต้าหู้   ชิ้นสะเก็ดหินกระเด็นไปทั่วทุกทิศ  ทหารเฝ้ากำแพงหลายคนถูกหินกระแทกศีรษะแตกทำลายบ้างก็อกทะลุ และนั่นเป็นแค่การเรียกน้ำย่อยเท่านั้น

แฮรุอสูรเวทที่น่ากลัวบุกเข้าใส่และเริ่มสังหาร

เขาเป็นเครื่องจักรสงครามอย่างแท้จริง อะไรก็ตามที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาจะถูกย่ำจนตายหรือไม่ก็ชนกระเด็นมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน!

“ยอมแพ้!  เรายอมแพ้แล้ว!”

“ยอมแพ้!!!”

แม้แต่นักรบที่มั่นคงที่สุดเมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทที่น่ากลัว ต่างก็รู้สึกไร้กำลัง  ทุกคนโยนอาวุธทิ้งและคุกเข่าลงส่งสัญญาณยอมแพ้   อสูรเวทระดับเซียน...เป็นไปได้ยังไงที่ทหารอย่างพวกเขาจะต่อต้านพลังที่เหนือกว่าอย่างนั้น

“ยอมแพ้ ข้ายอมแพ้แล้ว”  เจ้าเมืองหัวเมืองโมแอ็ตทิ้งตัวคุกเข่าและสั่นไปทั้งตัว

หลังจากยึดเมืองโมแอ็ตแล้วฝ่ายลินลี่ย์ในตอนนี้มีระดับหัวเมืองปกครองและมีเมืองบริวารอีกเก้าเมือง  และตอนนี้มีประชากรในปกครองเก้าล้านคน  พวกเขาอาจนับได้ว่าเป็นแคว้นปกครองขนาดใหญ่ได้แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด