ตอนที่แล้วตอนที่ 10-2 จดหมายสองฉบับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10-4 เครื่องจักรสงคราม

ตอนที่ 10-3 ขยายอำนาจ


วันที่ 5 มกราคม ศักราชยูลาน 10010 โลกปกคลุมไปด้วยสีเทาหม่นในสถานที่เยือกเย็นบางแห่งหิมะยังไม่ทันละลาย ตอนนี้เมืองทัวร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล

เจ้าเมืองทัวร์ขึ้นไปอยู่บนกำแพงเมืองจ้องมองไปข้างนอกอย่างสิ้นหวัง นอกเมืองมีจำนวนคนที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจน

“เมืองแบล็คเดิร์ทมีคนอยู่เท่าไหร่?”  เจ้าเมืองตะโกนถามบริวารของเขา

“ท่านเจ้าเมืองหน่วยสอดแนมจะกลับมารายงานเราทันทีที่พวกเขาเห็นกองกำลังของศัตรู  พวกเขาไม่สามารถเห็นได้ชัดว่ามีกำลังพลอยู่เท่าใด  อย่างไรก็ตามผู้นำของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในห้าเทพนักรบในตำนานซึ่งเมืองแบล็คเดิร์ทได้มา”  บริวารที่อยู่ใกล้ๆ คนหนึ่งรายงานอย่างตื่นเต้น

“หนึ่งในห้าเทพนักรบ?”  เจ้าเมืองยิ่งแตกตื่นมากขึ้น  “เขาเป็นนักรบระดับเก้าเขาว่าไว้อย่างนั้นใช่ไหม?  โธ่เว้ย,ข้าก็บอกได้ว่าข้าเป็นเซียน!  เจ้าทุกคนต้องระวังให้ดี  พวกเจ้าต้องเฝ้ารักษาที่มั่นของตนเองให้ดี”

“ขอรับท่านเจ้าเมือง”  ทหารเหล่านั้นรับคำ

เมืองทัวร์ไม่กล้ารับมือผู้บุกรุกในสนามรบเปิดกว้าง พวกเขาสามารถทำได้แต่เพียงอยู่ภายในเมืองและเฝ้ารักษาที่มั่น  ที่สำคัญก็คือการป้องกันทำได้ง่ายกว่าการรุกรานเสมอ

พี่รองอังเก้จ้องมองเมืองแต่ไกลอย่างเย็นชา  เมืองแบล็คเดิร์ทระดมพลเต็มพิกัด  ห้ากองพันมีอยู่เพียงกองพันเดียวที่รั้งอยู่รักษาเมือง ขณะที่อีกสี่กองพันภายใต้การนำของอังเก้, เฮเซอร์ บูนและเกทส์ออกไปโจมตีรุกเมืองอีกสี่เมือง

“หยุด!”  อังเก้ชูมือขวาและตะโกนเสียงดัง

ในทันใดนั้น ทหารทั้ง 1800 คนหยุดอยู่กับที่  ทุกคนจ้องมองร่างมหึมาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาด้วยความเทิดทูน ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ปฏิบัติต่อทหารอย่างเสมอภาคให้ปูนบำเหน็จและลงอาญาตามเหมาะสม  และพวกเขาใช้เวลาอยู่กับทหาร เข้ากันกับทหารได้เป็นอย่างดี

เมื่อทหารฝึกฝน พวกเขาก็ฝึกฝนด้วยเช่นกัน

เมื่อพวกทหารวิ่งแบกน้ำหนัก ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ก็จะฝึกแบกก้อนหินหนักเป็นแสนปอนด์ไปด้วย ทหารของเมืองแบล็คเดิร์ทเริ่มหลงใหลเทิดทูนผู้นำของพวกเขามากยิ่งขึ้น

“ดีไล! จงฟัง!” อังเก้ตะโกนเกรี้ยวกราด

เสียงนั้นบรรจุไปด้วยปราณอมตะดังก้องไปทั้งเมืองทัวร์ราวฟ้าคำราม หัวใจของทหารเมืองทัวร์สั่นสะท้าน เฉพาะเสียงที่ดังกึกก้องนี้ก็ทำให้กำลังใจตกลงอย่างฮวบฮาบเสียแล้วดูเหมือนตำนานจะเป็นจริง เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะต่อต้านยอดฝีมืออย่างนี้?

เจ้าเมืองดีไลก็แตกตื่นเช่นกัน  แต่เขาไม่ต้องการยอมยกฐานของเขาให้

“พูดสิ่งที่เจ้าต้องการพูดออกมา  อย่าเสียเวลา” ดีไลรวบรวมความกล้าและตะโกนกลับไป แต่แม้ว่าเสียงของเขาที่ตะโกนใส่กำแพงเมืองจะค่อนข้างดัง แต่เมื่อไปถึงอังเก้ก็กลายเป็นเสียงที่อ่อนลงแล้ว  ไม่มีวี่แววคุกคามเขาสักนิด

อังเก้ตะโกนเหมือนกับเป่าเขาวัว  “ดีไล, ถ้าเจ้ายอมส่งมอบเมืองทัวร์ให้กับเราเราจะไว้ชีวิตเจ้า  มิฉะนั้น...ขวานยักษ์ของข้าจะไม่มีความปราณีให้” ขณะที่อังเก้พูดทหารหลายคนของเมืองทัวร์เริ่มคิดทรยศ

นอกจากนี้ ก่อนที่เมืองแบล็คเดิร์ทจะเริ่มโจมตี  หลายๆคนในเมืองทัวร์ลอบยอมจำนนต่อเมืองแบล็คเดิร์ทแล้ว

“โอว, เจ้าต้องการต่อสู้ให้ถึงที่สุดใช่ไหม?” เสียงของอังเก้ดังก้องเข้าหูทหารเมืองทัวร์อีกครั้งหนึ่ง

“ฆ่า!”  เสียงดังปานฟ้าถล่มทลาย

ทหารหลายคนบนกำแพงเมืองทัวร์หวาดกลัวกับเสียงตะโกนนี้  จากด้านล่าง พวกเขาสามารถได้ยินเสียงนักรบตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ฆ่า!”  “ฆ่า!”

….

ทุกคนบุกเข้าหากำแพงเมืองทัวร์อย่างบ้าคลั่ง  โล่ของพวกเขาชูขึ้นสูงอัศวินเหล่านั้นคำรามเสียงเหี้ยมเกรียมสร้างความตื่นตระหนกให้กับทหารรักษาเมือง

“พลธนู!  ยิงพวกมัน!  ยิงพวกมันให้ตาย!”  ดีไลเจ้าเมืองตะโกนด้วยความโกรธ  หน้าของเขาแดง

พลธนูบนกำแพงเมืองเหนี่ยวธนูทันทีจากนั้นเริ่มยิงธนูใส่ศัตรู ธนูทั้งหมดในชุดแรกปะทะเข้ากับโล่มีทหารเมืองแบล็คเดิร์ทสองสามคนได้รับบาดเจ็บ สามคนโชคไม่ดีถูกยิงตาย

“ยิงพวกมันให้ตายให้หมด!”  ดีไลตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

แต่ก่อนที่ธนูแถวที่สองจะถูกปล่อยออกมาอังเก้บุกเด่นออกมาข้างหน้าคนของเขาเกินร้อยหลาและพุ่งเข้าหาประตูเมือง พร้อมกับเสียงคำรามเขาควงขวานยักษ์ของเขาและฟันใส่ประตูเมืองด้วยพลังมหาศาล

“ปัง!”

กำแพงเมืองทั้งหมดสั่นสะเทือนและประตูเมืองทัวร์แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทุกทิศ  แม้ว่าเขาจะอยู่ในร่างมนุษย์อังเก้ก็เป็นนักรบระดับเก้าจึงไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อยที่เขาจะผ่านแนวป้องกันของทหารเหล่านี้ไปได้

“ประตูเมืองพังทลายแล้ว!

“เทพเจ้าสงครามกำลังบุกเข้ามาแล้ว!”

เสียงตะโกนดังทุกรูปแบบดังมาจากภายในเมืองทัวร์  แม้แต่เจ้าเมืองดีไล, เมื่อรู้ว่าประตูเมืองแตกเขาหน้าซีดทันที

“ฉัวะ!” เพียงกวัดแกว่งขวานยักษ์คราวดียว ทหารที่ล้อมรอบก็ร่างระเบิดเป็นชิ้นๆเลือดเนื้อสาดกระจายไปทั่ว ทหารที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มถอยด้วยความหวาดกลัว อังเก้ครอบคลุมร่างด้วยปราณยุทธอมตะมองดูเหมือนปีศาจที่แท้จริง

อังเก้กวัดแกว่งขวานอย่างน่ากลัวและคำรามลั่นด้วยความโกรธ  “ผู้ต่อต้านข้าจะต้องตาย!”

อังเก้กวัดแกว่งขวานราวกับพายุหมุน  แต่พายุหมุนนี้เป็นพายุที่มองเห็นได้ อะไรก็ตามที่สัมผัสกับพายุหมุนนี้จะระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อย  ตอนแรกทหารเมืองทัวร์ยังพยายามโจมตี แต่หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ปีศาจร้ายนี้

ในช่วงเวลาต่อมากองกำลังเมืองแบล็คเดิร์ทก็ทยอยเข้าประตูเมือง

“เรายอมแพ้!  เรายอมแพ้!”

ตอนแรกเสียงร้องขอยอมแพ้ดังขึ้นเสียงเดียว แต่จากนั้นก็มีเสียงดังเสริมขึ้นมานับไม่ถ้วน  พอเมื่ออังเก้และขวานโลหิตของเขามาถึงกำแพงเมือง ทหารบนกำแพงเมืองทั้งหมดวางอาวุธขณะที่เจ้าเมืองดีไลถูกจับมัดอยู่กับพื้นนายทหารหลายคนก็อยู่ที่นั่นรอให้อังเก้มาถึง

“ใต้เท้า, ข้าชื่อฟอร์ด” หนึ่งในนายทหารพูดด้วยความนอบน้อม

“โอ้. งั้นเจ้าก็คือฟอร์ด”

อังเก้รู้ดีแล้วว่าฟอร์ดเป็นหนึ่งในนายทหารที่ยอมแพ้พวกเขาก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น  หลายๆ คนก็ทำเช่นกัน เพราะว่าเมืองแบล็คเดิร์ทมีห้าพี่น้องบาร์เกอร์  พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ได้ยังไง?

สงครามสู้กันโดยบุรุษและปูนบำเหน็จก็โดยบุรุษ

เมื่อสองกองทัพมีพลังอยู่ในระดับเดียวกัน บางทีการประจันหน้าและการหลอกล่อก็เป็นวิธีที่ได้ผล  แต่เมื่อช่องห่างระดับพลังมากเพียงพอ อย่างเช่นตอนนี้ที่อังเก้ใช้พลังป่าเถื่อนบุกเข้าเมืองทัวร์เล่า? การสู้แบบนี้ไม่มีทางปรากฏผลเป็นอย่างอื่น ไม่มีโอกาสจะเอาชนะได้แม้แต่น้อย

วันที่ 5 มกราคม ปีศักราชยูลานที่ 10010 เมืองแบล็คเดิร์ทเริ่มต้นบุกพิชิตดินแดน

วันที่ 6 มกราคมลินลี่ย์ได้เมืองรอบข้างอีกห้าเมือง และจำนวนพลเมืองที่อยู่ในปกครองรวมทั้งเมืองบริวารและหมู่บ้านต่างๆที่เข้าร่วมก็เกือบสามล้านแล้ว  อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว ในดินแดนอนารยชนขอเพียงควบคุมเมืองเอกปกครองได้ ก็อาจนับได้ว่าเป็นแว่นแคว้นปกครองหนึ่งก็ได้

ฝ่ายลินลี่ย์ได้เมืองมาห้าเมืองแล้ว  แต่เมืองทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กมีคนเพียงสองสามหมื่นในเมือง แต่ถ้าเป็นหัวเมืองจะสามารถรวบรวมพลเมืองได้เป็นแสนคน

หลังจากบุกจู่โจมสายฟ้าแล่บสรุปได้ว่าฝ่ายลินลี่ย์หยุดโจมตีชั่วคราว  พวกเขาเริ่มจัดกระบวนทัพพวกเขาอย่างรวดเร็ว  เดิมทีกองกำลังของเมืองแบล็คเดิร์ทมีอยู่ห้ากองพันตอนนี้เป็นส่วนของกองพลที่หนึ่งซึ่งจะเป็นกองพลหลักที่สุด อีกสี่กองพลจะเป็นของเมืองอื่นอีกสี่เมืองค่าใช้จ่ายเงินเดือนในกองทัพจะเท่ากับสองในสามของกองทัพหลัก

ภาษีสำหรับสามัญชนลดลงเกินกว่าครึ่ง

แต่ละกองพลในตอนนี้จะมีกำลังพลเก้าพันนาย ในทวีปยูลานกองทัพใหญ่สามารถเพิ่มขึ้นจนถึงสองหมื่นนายได้  อย่างไรก็ตามในดินแดนอนารยชน  ตั้งแต่สงครามกระจายตัวลินลี่ย์ตัดสินใจลดจำนวนกำลังพลต่อกองทัพเหลือเพียงห้ากองพันในแต่กองพล

ห้ากองพลจะเริ่มฝึกฝนด้วยกันและจัดระเบียบอย่างรวดเร็ว

เมืองรอบๆ รู้สึกได้ถึงการคุกคาม แต่พวกเขารู้ว่ากองกำลังเมืองแบล็คเดิร์ทแข็งแกร่งทรงพลังเกินไป ขณะที่กองกำลังเมืองแบล็คเดิร์ทยังคงวุ่นวายกับการฝึกฝนและจัดระเบียบกองทัพ  เมืองที่อยู่ใกล้ๆ สมัครใจยอมแพ้ เหตุผล?เพราะเจ้าเมืองคนก่อนได้ขนสมบัติมีค่าและองครักษ์คุ้มครองหนีออกไปจากเมืองแล้ว

บาร์เกอร์และซาสเลอร์ทั้งคู่มาถึงภูเขาแบล็คคราเวน  พวกเขามองขึ้นไปบนภูเขา

“บาร์เกอร์” ซาสเลอร์พูดขึ้นทันที

บาร์เกอร์มองดูซาสเลอร์ ซาสเลอร์กล่าว “เฮเซอร์เข้าถึงระดับเก้าเมื่อตอนเดินทางมาแดนอนารยชนแล้ว  ตอนนี้พวกเจ้าพี่น้องทั้งห้าคนมีพลังระดับเซียนกันหมดแล้ว ข้าเองก็จะมีความก้าวหน้าในปีต่อไปหรืออีกสองปีนี้เช่นกัน  คิดดูสิ.. ด้วยพวกเจ้าพี่น้องทั้งห้าคนสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งของเราและมีข้าคอยสนับสนุน แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุด มีลินลี่ย์และอสูรเวทที่ทรงพลังของเขาทั้งสองตัว..ด้วยพลังกองทัพครอบงำดังกล่าว  เราสามารถตั้งราชอาณาจักรของเราเองหรืออาจตั้งจักรวรรดิได้ด้วยซ้ำ!”

“ท่านซาสเลอร์  ท่านมีความตั้งใจยังไงกันแน่?”  บาร์เกอร์ตาเป็นประกาย

ซานเลอร์พูดอย่างจริงจัง “บาร์เกอร์ ตอนนี้ทั้งทวีปมีหกมหาอำนาจอยู่ นอกจากจักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิยูลานแล้ว  กองทัพอื่นอีกเช่น จักรวรรดิโรฮอลท์  จักรวรรดิไรน์, สหภาพศักดิ์สิทธิ์หรือพันธมิตรเงา ล้วนไม่มีนักสู้ระดับเทพอยู่ในระดับพวกเขา”

บาร์เกอร์พยักหน้าเห็นด้วย

“สำหรับจักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิไรน์ สองจักรวรรดินี้ไม่มีแม้แต่ยอดฝีมือระดับเดียวกับเฮนด์เซน  แต่เราไม่เพียงแต่มีลินลี่ย์  เรายังมีบีบี” ซาสเลอร์มั่นใจมาก “ด้านที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งจักรวรรดิก็คือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงของจักรวรรดิ  ยิ่งมีสมาชิกที่ทรงพลังระดับสูงมากก็จะมีโอกาสดีมากขึ้น

บาร์เกอร์ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเช่นกัน

“ท่านซาสเลอร์ ท่านกำลังจะบอกว่าเราควรจะสร้างจักรวรรดิขึ้นด้วยกันใช่ไหม?”  บาร์เกอร์มองดูซาสเลอร์

ซานเลอร์หัวเราะ “นั่นก็แค่หนึ่งในสิ่งที่ข้ากำลังคิด เป้าหมายของเราคือทำลายอิทธิพลของศาสนจักรเจิดจรัสในแดนอนารยชน  อย่างไรก็ตาม ศาสนจักรเจิดจรัสได้ดินแดนอนารยชนไปถึงหนึ่งในสามแล้ว  เพื่อทำลายพวกเขาเราจำเป็นต้องจัดการแผ่นดินให้ดีๆ หลังจากทำลายพวกเขาและชิงเอาดินแดนของพวกเขาแล้ว  เราจะครอบครองดินแดนอนารยชนได้ถึงครึ่ง   ถึงเวลานั้นเราค่อยลงมือกับลัทธิเงา..และดินแดนอนารยชนจะตกเป็นของเรา”

บาร์เกอร์รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วแรง

ดินแดนอนารยชนคือพื้นที่ซึ่งมีความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ตลอด  แม้ว่าในเรื่องขนาด จะมีขนาดเล็กกว่าจักรวรรดิโอเบรียนแต่ก็ยังเทียบได้กับจักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์

“สร้าง...จักรวรรดิ...”  ตาของบาร์เกอร์เป็นประกาย

“ฮ่าฮ่า, ไม่ต้องเร่ง ไปทีละก้าวเนื่องจากพลังในปัจจุบันของเรา ด้วยการร่วมมือทำงานของเราไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเราในการชิงแว่นแคว้นให้ได้อย่างน้อยสิบแคว้นในแดนอนารยชนและก่อตั้งราชอาณาจักรให้ได้เป็นอย่างน้อย”  ซาสเลอร์พูดอย่างมั่นใจ

บาร์เกอร์พยักหน้าหงึกๆ

จักรวรรดิโรฮอลท์ จักรวรรดิไรน์ พวกเขามีเซียนอยู่กี่คนกัน? รากฐานของสองจักรวรรดินี้ไม่หยั่งลึกเท่ากับจักรวรรดิโอเบรียนและจักรวรรดิยูลานทั้งไม่มีเทวทูตประทับองค์เหมือนพวกศาสนจักรเจิดจรัสหรือลัทธิเงา

ตัวอย่างเช่นจักรวรรดิโรฮอลท์สามารถสร้างเซียนนักสู้ได้มากสุดก็เกินสิบ

ฝ่ายลินลี่ย์มีนักรบอมตะห้าคน  เมื่อบาร์เกอร์และน้องๆถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์พวกเขาจึงจะมีพลังของนักรบอมตะระดับเซียนที่แท้จริง ถ้าพวกเขาทั้งห้าคนยังทำงานร่วมกันกับลินลี่ย์และบีบี..กองทัพอย่างนี้จะไม่สร้างความน่าเกรงขามให้ศาสนจักรเจิดจรัสได้ยังไง

ดังนั้น ทำไมพวกเขาจะไม่สามารถสร้างจักรวรรดิได้เล่า?

“ครอบครองดินแดนอนาธิปไตยทั้งหมดเลยคงเป็นเรื่องยากไปหน่อย ที่สำคัญสถานที่นี้มีบางที่บางแง่มุมที่ซับซ้อน”  ซาสเลอร์ยิ้ม “แต่ข้าก็ยังรู้สึกมั่นใจมาก” ซาสเลอร์หันมาจ้องมองภูเขาแบล็คคราเวน ลินลี่ย์อยู่ที่นั่นในภูเขานั้น

ซาสเลอร์พูดช้าลง “ในใจของข้า ข้ามีเป้าหมายอย่างหนึ่ง สักวันข้าจะสร้างจักรวรรดิที่ทรงอำนาจ และลินลี่ย์..จะอยู่กับจักรวรรดิของเราเหมือนกับที่เทพสงครามมีต่อจักรวรรดิโอเบรียน”

“เทพสงคราม?” บาร์เกอร์ตกใจมาก

ซาสเลอร์ยิ้มและพยักหน้า

จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจสามารถก่อตั้งขึ้นได้กับยอดฝีมือชั้นยอดตัวอย่างเช่น ในความเป็นจริงจักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์ต้องพึ่งพาจักรวรรดิยูลานทั้งสองเพราะพวกเขาไม่มีพลังที่สูงสุดยอดพอ

แต่ในจักรวรรดิซึ่งซาสเลอร์ใฝ่ฝันไว้พลังปกครองสุดยอดนั้นก็คือลินลี่ย์

เหมือนกับวิธีที่เทพสงครามดูแลจักรวรรดิโอเบรียนและมหานักพรตเฝ้าดูจักรวรรดิยูลาน...ในอนาคตลินลี่ย์ก็จะต้องดูแลจักรวรรดิของเขา! แต่แน่นอนลินลี่ย์ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีพลังมากพอ

“เขาอายุเพียงยี่สิบแปดปี  แต่ก็มีระดับพลังที่น่ากลัวแล้ว  เจ้าสามารถนึกภาพได้ไหมว่าความสำเร็จในอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร?”  ซาสเลอร์หัวเราะขณะจ้องมองบาร์เกอร์

บาร์เกอร์พยักหน้า

บาร์เกอร์และน้องๆของเขาก็ตะลึงพลังที่น่ากลัวของลินลี่ย์เช่นกัน

“ไปกันเถอะ ไปพบลินลี่ย์กัน”  ซาสเลอร์หัวเราะ

ซาสเลอร์ จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้มีชีวิตมาเกินกว่าแปดร้อยปี  ตอนนี้มีความปรารถนาพิเศษทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งขึ้น  เขาต้องการเห็นทวีปยูลานมีจักรวรรดิอีกจักรวรรดิหนึ่ง  นั่นจะน่าตื่นเต้นเพียงไหน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด