ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 437 เดี๋ยวศิษพี่จะแนะนำให้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 439 ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 438 เผชิญหน้าศัตรูที่แอบแฝง


เมื่อตอนที่ซู่เสี่ยวไป่คิดเรื่องนี้ได้เขาถึงกับพูดไม่ออก

ดูเหมือนว่านิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพแห่งนีจะโดนอาณาจักรคลื่นโบราณแทรกซึมเข้าไปถึงรากฐานแล้ว ตั้งแต่ระดับศิษ จนไปถึงระดับผู้อาวุโส แม้แต่ตัวตนจ้าวนิกายก็ไม่เว้น!

แม้แต่เจ้าหน้าที่ประจำนิกายก็เป็นพวกเดียวกับพวกมัน และเป้าหมายของพวกมันนั้นชัดเจนอย่างมากคือการเก็บตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทวีปใหญ่

ไม่เพียงเท่านั้นพวกมันมีรูปแบบในการดำเนินการตามแผนการด้วย

ผู้ฝึกตนระดับสูงนั้นจะรับผิดชอบปลอมตัวเป็นผู้อาวุโสระดับผู้บัญชาการของนิกาย

เหล่าผู้อาวุโสของหอภารกิจนั้นก็มีหน้าที่เก็บชิ้นส่วนจากเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ โดยแอบใช้สาวกในนิกายเป็นเครื่องมือในการรวบรวม แก่นโลหิตจากนิกายอื่นด้วย!

“ถ้าเราจำไม่ผิด อาณาจักรคลื่นโบราณบอกว่าพวกมันได้แทรกซึมไปทั่วจักรวาลทวีปใหญ่แล้ว และประสบความสำเร็จอย่างมาก….”

ซู่เสี่ยวไป่นั้นเข้าใจทันทีว่าความสำเร็จของพวกมันนั้นคืออะไร เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง

“แม้แต่นิกายที่ทรงอำนาจก็ยังไม่อาจจะรับมือได้”

พวกมันหลอกใช้สาวกของนิกายให้ไปฆ่าศิษสาวกนิกายอื่นแล้วปลอมตัวเข้าไปแทนที่ศิษนิกายที่ถูกฆ่า

ไม่มีทางที่นิกายไหนจะหยุดแผนการนี้ของอาณาจักรคลื่นโบราณได้เลย

“แม้แต่ไต๋หลานเองที่กำลังพูดอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรคลื่นโบราณปลอมตัวมารึป่าว”

มันก็ผ่านไปปีครึ่งแล้ว มีสิทธิ์ที่ไต๋หลานอาจจะถูกสังหาร และถูกแทนที่

“ศิษพี่….การไปชิงตราประจำตัวจากศิษสาวกนิกายอื่นมานั้น ไม่เป็นการละเมิดกฏของนิกายไปหน่อยงั้นหรอ?”

ซู่เสี่ยวไป่ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

“นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงไม่บอกเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง!!”

ไต๋หลานนั้นยักไหล่ขึ้นก่อนจะพูดต่อ

“ข้าเองก็พึ่งจะได้ยินเรื่องนี้มาไม่นาน แล้วลองทำตามดู และข้าเองก็ยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว”

“ถึงมันจะอันตรายอยู่บ้าง เพราะการไปตัดหัวศิษสาวกนิกายอื่นนั้น อาจจะมีเรื่องร้ายแรงตามหลังมาก็ได้”

“ข้าเองก็มีชื่อเสียง เป็นศิษของท่านจ้าวตำหนักควันอินทนิล”

“และอาจารย์ของเจ้ากับอาจารย์ของข้านั้นก็มีความสัมพันธ์ลับต่อกัน ไม่งั้นข้าคงไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้าหรอก”

“สุดท้าย ก็อยู่ที่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหนศิษน้อง….”

ไต๋หลานนั้นกระซิบประโยคสุดท้ายข้างๆ หูของซู่เสี่ยวไป่อย่างแผ่วเบา

ผู้อาวุโสจื่อหยานกับหลิงทิงนั้นมีความสัมพันธ์ลับๆ กัน ?

ซู่เสี่ยวไป่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

ผู้อาวุโสจื่อหยานนั้นเขาเคยเห็นครั้งหนึ่งแล้ว ตอนอยู่ในห้องโถงตำหนักหลัก นางก็มีความงามที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบได้เช่นเดียวกันกับหลิงทิง ไม่แปลกเลยที่ทั้งสองจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

“ขอบคุณศิษพี่ไต๋หลาน ที่ชี้แนะข้า”

ซู่เสี่ยวไป่ปองมือคำนับขอบคุณ

“ไม่เป็นไรแค่นี้เล็กน้อยมากๆ ถือว่าเป็นของขวัญรับศิษน้องแล้วกัน”

“ยังไงก็ตาม ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่านิกายเรานั้นไม่ได้ปลอดภัยนัก โปรดระวังตัวอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ในนิกายเดียวกันก็ยังเชื่อใจไม่ได้!”

คำพูดทิ้งท้ายของไต๋หลานนั้นทำให้ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกเอ๊ะใจไม่น้อย

ที่เขาพูดนั้นหมายถึงอะไร?

เขาไม่ใช่ตัวตนจากอาณาจักรคลื่นโบราณงั้นหรอ?

ทำไมเขาถึงพูดเช่นนี้ หรือว่าเขาไม่ใช่ไส้ศึกจากอาณาจักรคลื่นโบราณ?

ถ้าหากว่านี้ไม่ใช่สายลับหรือไส้ศึกของอาณาจักรคลื่นโบราณ นั้นเท่ากับว่าเขาได้รับคำแนะนำในการจับกุมหรือสังหารศิษสาวกต่างนิกายเพื่อแลกแต้มนิกายอย่างลับๆ งั้นหรอ

แต่ดูจากที่ไต๋หลานพูดแล้ว เหมือนไต๋หลานจะรู้อะไรบางอย่าง

“ศิษพี่!! เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ!”

“มันหมายความตามนั้นแหละ อย่าพูดเยอะ ไม่ต้องถาม เจ้ารู้เพียงเท่านี้พอสำหรับวันนี้ ที่พักของข้านั้นอยู่ในตำหนักควันอินทนิล หากอยากรู้อะไรเพิ่มไปหาข้าได้ที่นั้น หากว่ายังไม่สายเกินไปละนะ”

ไต๋หลานนั้นไม่ตอบซู่เสี่ยวไป่ แต่กลับให้ป้ายหยกไว้ พร้อมกับหันหลังกลับและเปิดช่องมิติก่อนจะเดินหายเข้าไปในนั้น

“อย่าพูด และอย่าถาม….ไต๋หลานนี้เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่”

“เป็นไปได้ไหมว่าไส้ศึกนี้จะทำตัวเป็นนกสองหัว”

ซู่เสี่ยวไป่นั้นถึงกับเลิกคิ้วขึ้น

“พอๆ ช่างมันไปก่อน อย่างพึ่งไปหาความจริงเรื่องนี้มันเสียเวลาเราเกินไป ต้องทำสิ่งที่สำคัญก่อนในตอนนี้ คือการหาแต้มนิกายให้ได้เยอะๆ”

ไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือไม่นั้น ตอนนี้ความจริงยังไม่ชัดเจน เพียงต้องรอดูอนาคตต่อไปว่าไต๋หลานจะแสดงตัวออกมาแบบไหน สิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่ทำได้ตอนนี้คือสะสมพลังให้กับตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หากเขามีพลังที่มากขึ้น เขาจะสามารถเอาตัวรอดในการต่อสู้ได้ดีขึ้น และการจะเพิ่มพลังได้นั้นก็จำเป็นต้องอาศัยความมั่งคั่ง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องใช้อาคมเคลื่อนย้ายเปิดทางไปยังช่องมิติกาลเวลาที่เดินทางไปยังพิภพมหาพันภพอื่นๆ เพื่อเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งเพิ่ม!

เมื่อไรที่เขาเข้าไปถึงพิภพมหาพันภพได้ เขาก็จะเริ่มเปิดฉากสังหารหมู่อีกครั้ง และเก็บเกี่ยวทุกอย่าง

พิภพมหาพันภพหลักมีทั้งหมด 3,600 ภพ หากได้เก็บเกี่ยวสัก 600 พิภพก็เพียงพอที่จะเพิ่มความมั่งคั่งให้เขาได้มหาศาลแล้ว

“ไต๋หลานนั้นบอกวิธีหาแต้มนิกายให้เราสามทาง แต่การเลือกสักทางมันสำหรับเด็กน้อยอมมือ!!”

“คนอย่างเรามันเอาสุดทุกทางอยู่แล้ว!”

ซู่เสี่ยวไป่แสยะยิ้มออกมาทันที

เมื่อเขาตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดแล้ว

อย่างแรกเขาจะเข้าไปสู่พื้นที่ลึกลับ ส่งเงาออกไปเก็บกวาดทุกอย่าง ในพื้นที่แห่งนั้น และรวบรวมวัตถุดิบ สมบัติ ชิ้นส่วนของสัตว์อสูรทั้งหมดมา จากนั้นก็นำกลับไปส่งให้กับภารกิจระดับต่ำเพื่อรับแต้ม

อย่างที่สองซู่เสียวไป่รู้ว่าไม่มีข้อจำกัดในการรับภารกิจ ทำให้เขาสามารถที่จะรับภารกิจมากเท่าไรก็ได้ เขาจะหาภารกิจที่เกี่ยวกับการจัดการตัวตนบาป และเหล่าผู้มีค่าหัวทั้งหลาย  และส่งเงาของเขาไปจัดการ และนอนเฉยๆ รับรางวัลเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ

อย่างสุดท้ายส่งเงาไปฆ่าเหล่าลูกศิษสาวกต่างนิกายและเก็บตราประจำตัวมาแลกกับผู้อาวุโสในหอภารกิจ….

ทั้งสามทางนั้นซู่เสี่ยวไป่จะทำมันพร้อมกัน เพื่อจะได้รับแต้มนิกายให้มากที่สุด

“เราก็ไปถล่มนิกายมาต้องเยอะหนึ่งในพวกนั้นก็คงมีศิษสาวกระดับอัจฉริยะอยู่บ้าง”

“แล้วพวกของที่ดูไร้ประโยชน์ทั้งหมดเราก็ยังไม่ได้ทิ้ง….คิดแล้วถ้าเก็บไว้ต้องมีประโยชน์เข้าสักวัน!”

ซู่เสี่ยวไป่รีบตรวจดูของในช่องมิติทันที่ว่ามีตราประจำนิกายอยู่มากน้อยแค่ไหน!

เพราะเขาก็ไล่ฆ่าบุกนิกายไปมากมายเหมือนกัน

และสิ่งของที่ได้มานั้นทั้งศิลาบรรพชน วิชา และสมบัติมากมาย หนึ่งในนั้นมีตราประจำนิกายอยู่ด้วย เขาลองเอาเข้าไปหมุนเวียนดูแต่มันก็ได้ราคาน้อยเกินไป

……

ตอนนี้เศษขยะที่ดูไม่มีราคาเริ่มจะมีค่าขึ้นมาแล้ว

ซู่เสี่ยวไป่ใช้พลังวิญญาณสืบค้นเข้าไปในมิติเก็บของ และแหวนคลังหลายสิบวงที่ยึดมา

ไม่กี่นาทีต่อมา

“เจอแล้ว!”

ซู่เสี่ยวไป่พลิกฝ่ามือหนึ่งครั้งก็ปรากฏตราประจำตัวนิกายออกมา

มันเป็นตราประจำตัวของนิกายกลางสวรรค์เป็นนนิกายมีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน

“นิกายกลางสวรรค์ เป็นหนึ่งในนิกายมหาอำนาจเทียบได้กับนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพ”

ซู่เสี่ยวไป่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับนิกายต่างๆ จากการค้นคว้าหาข้อมูลของเขาก่อนหน้านี้

“มันยังพอเหลือกลิ่นไอจางๆ อยู่ มันเป็นตราประจำตัวของจักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 7 ไม่รู้ว่าจะเอาไปแลกได้กี่แต้มนิกาย”

เมื่อเป็นเช่นนี้ซู่เสี่ยวไป่ก็มุ่งหน้าตรงไปยังหอภารกิจทันที

……

ไม่นาเขาก็มาถึงหอภารกิจ

“ข้ามาพบผู้อาวุโสของหอภารกิจ”

ซู่เสี่ยวไป่หยิบตราประจำตัวนิกายของตัวเองออกมาแสดงให้กับผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้

เขาเป็นลูกศิษส่วนตัวของจ้าวตำหนัก ทำให้ลักษณะของตรานั้นแตกต่างจากของคนอื่น และมีสิทธิ์พิเศษมากกว่า  เขาสามารถเข้าพบผู้อาวุโสของนิกายได้ตลอดเวลา นั้นเป็นหนึ่งในสิทธิ์ของตรานี้

“เจ้าเป็นศิษคนแรกของจ้าวตำหนักแจกันวิญญาณงั้นหรอ?”

ผู้อาวุโสของหอภารกิจได้ออกมาพบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เป็นชายชราที่ดูใจดีอย่างมาก

แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่ได้หลงกลไปกับการแสดงของตัวตนนี้ เพราะยังไงนี้ก็คือสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรคลื่นโบราณที่แอบแฝงเข้ามาในนิกาย!

“ไป่หยินคาราวะผู้อาวุโสปี่เฟิง”

ซู่เสี่ยวไป่คำนับให้หนึ่งครั้ง

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีธุระอะไรกับชายชราอย่างข้า?”

“ถ้าเจ้าต้องการหาภารกิจระดับสูงแล้วละก็ บอกมาว่าเจ้าต้องการทำภารกิจแบบไหน ข้าจะตรวจสอบว่าเจ้ามีคุณสมบัติหรือไม่”

ปี่เฟิงนั้นกล่าวอย่างเป็นมิตรพร้อมกับยิ้มให้

“ผู้อาวุโสปี่เฟิงที่จริงแล้วข้ามาหาท่านด้วยเรื่องนี้”

ซู่เสี่ยวไป่หยิบตราประจำนิกายออกมาจากแขนเสื้อ และส่งให้กับปี่เฟิง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ชายชราถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง พร้อมกับมองหน้าซู่เสี่ยวไป่ ความร้อนรุ่มนั้นแสดงออกมาจากแววตาของเขาอย่างชัดเจน

ก่อนที่เขาจะฟื้นสติและแสดงท่าทางหวาดระแวงเล็กน้อย

“ใครบอกเจ้าเรื่องนี้?”

ปี่เฟิงนั้นตอบอย่างใจเย็น

ซู่เสี่ยวไป่คิดและลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ

“ศิษพี่ไต๋หลานเป็นคนบอกข้าเรื่องนี้”

ทันทีที่ได้ยินว่าไต๋หลานเป็นคนบอกท่าทีหวาดระแวงก็หายไป

“ฮะๆ งั้นก็ดี ไหนข้าขอดูหน่อย”

ปี่เฟิงนั้นหยิบตราประจำตัวนิกายไปพร้อมกับตรวจสอบมัน

เมื่อเขาดูจนพอใจแล้ว และตรวจพบว่ามันมีแก่นโลหิตอยู่ด้วย รวมถึงข้อมูลของศิษผู้เป็นเจ้าของตรานี้ เขาก็แสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาทันที

“จักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 7 มีมูลค่า 150,000 แต้มนิกาย เจ้าตกลงราคานี้ไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด