ตอนที่แล้วตอนที่ 33 : สัตว์กลายพันธุ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 : ร่างกายขั้น 8

ตอนที่ 34 : จองห้องพักและซื้ออาวุธเพิ่ม


ต๋วนเค่อนิ่งเงียบไป และจิงเหว่ยก็หยุดคิดเช่นกัน ทั้งสองนิ่งงันไปนานหนึ่งก้านธูปจนกระทั่งจิงเหว่ยพูดออกมา

“เด็กคนนั้นอยากได้อะไรจากซากเจ้านี่รึ?”

จิงเหว่ยถาม

ต๋วนเค่อหยุดเงียบและมองปู่ของนาง

“เขาอยากขายวัตถุดิบจากซากของมันและเก็บเนื้อไว้กับตัว”

ต๋วนเค่อตอบ

“อืม เจ้าให้เนื้อเขาไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเนื้อจะส่งผลอย่างไร แล้วถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูด เราต้องสืบให้มากกว่านี้”

จิงเหว่ยพูด

“ข้าควรทำอย่างไรรึท่านปู่?”

ต๋วนเค่อถาม

จิงเหว่ยคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“หาเนื้อสัตว์ที่มีพลังเท่ากันให้เขา ส่วนค่าวัตถุดิบ เจ้าคิดเอาก็แล้วกัน‘

“ย่อมได้ ท่านปู่ ข้าจะทำตามท่านบอก”

ต๋วนเค่อตอบ

จิงเหว่ยหันหลังเดินไปทางตำหนัก เมื่อถึงประตูตำหนักเขาก็หยุดและพูด

“ชำระล้างซากหมาป่านั่นและใช้มันสืบหาร่องรอยใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นมา เราไม่อยากให้เรื่องปีก่อนซ้ำรอย”

ต๋วนเค่อไม่พูดและเพียงแค่พยักหน้ารับ จิงเหว่ยเข้าสู่ตำหนักและหายลับสายตาไป เมื่อรู้ว่าต้องทำเช่นใด นางโบกมือให้ซากหมาป่าลอยขึ้นมา จากนั้นจึงขยับมือและค่ายกลขนาดเล็กก็ปรากฏเหนือซากหมาป่า

เพลิงค่อย ๆ ลุกไหม้จากซากหมาป่าและค่ายกลก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ชำระล้าง!”

ต๋วนเค่อตะโกน

ซากหมาป่าลุกไหม้กลายเป็นแอ่งโลหิต เมื่อทั้งตัวกลายเป็นโลหิตแล้ว ต๋วนเค่อโยนศิลาเล็กสี่ก้อนขนาดเท่าไข่มุกลงไป มันเริ่มหมุนวนรอบแอ่งโลหิต หินหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนแอ่งโลหิตหมุนเช่นกัน

หลังจากห้านาที ศิลาทั้งสี่ก็หยุดหมุนและแอ่งโลหิตได้กลายเป็นหินอ่อนสีแดงเข้ม ต๋วนเค่อเรียกศิลาทั้งสี่กลับและเก็บหินอ่อนสีแดงที่ลอยอยู่กลางอากาศ

เมื่อทำขั้นตอนทุกอย่างจบ ต๋วนเค่อดีดนิ้วและปรากฏตัวในห้องหลังร้าน นางเดินออกมาจากประตูและโบกมือปิดการทำงานของค่ายกลที่ประตู จากนั้นก็ออกจากร้านและเห็นเลื่อนที่ดูไม่ค่อยสวยงามจอดอยู่ นางไม่สนใจเลื่อนและมองรอบ ๆ หาคน เมื่อไม่เห็นผู้ใดอยู่ใกล้ ๆ นางก็ดึงยันต์กระดาษออกมาฉีก

ทันทีที่ยันต์กระดาษขาดครึ่ง ต๋วนเค่อก็มีร่างกายโปร่งใสจนกระทั่งมองไม่เห็นในที่สุด ต๋วนเค่อที่ล่องหนเรียกตอบออกมาลอยข้างหน้านาง นางกระโดดขึ้นดาบและบินไปทางป่าเมืองเหนือ

ต๋วนเค่อบินในความเร็วที่ถ้าหากมองนางเห็น นางจะกลายเป็นภาพเบลอในสายตาผู้คน นางถึงป่าลึกในไม่กี่นาที นี่คือพื้นที่ที่สัตว์อสูรอาศัยอยู่มาก ไม่มีนายพรานคนใดกล้ามาไกลถึงเพียงนี้ มีเพียงผู้บ่มเพาะพลังหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะรอดจากส่วนนี้ของป่าได้ ที่นี่นั้นมีเรื่องคำถามและโหยหวนของสัตว์จำนวนมหาศาล ป่านั้นมืดและหนาแน่น แสงแดดแทบจะส่องทะลุไม่พ้นร่องใบไม้

ต๋วนเค่อบินทั่วป่าและส่งสัมผัสจิตค้นหาสัตว์ที่มีร่างกายขั้น 9 ซึ่งนางหาเจอในเวลาเพียงวินาทีเดียว นางไม่แม้แต่ลงพื้นและขยับนิ้วมือเท่านั้น มีดปราณจิตขนาดเท่าฝ่ามือได้ก่อตัวบนอากาศ

นางชี้ไปยังตำแหน่งที่สัตว์ตัวนั้นอยู่และมีดปราณจิตก็พุ่งไปข้างหน้า ไม่มีเสียงร้องของสัตว์ดังออกมาในตอนที่ต๋วนเค่อปล่อยมีดปราณจิตออกไป มีดปราณจิตย้อนกลับมาในอีกห้าวินาทีพร้อมกับซากสัตว์ที่ขนาดพอ ๆ กับหมาป่าเล็กที่หลินมู่นำมา

ต๋วนเค่อโบกมือและซากสัตว์ก็ถูกชำแหละในวินาทีเดียว นางเก็บเนื้อไว้ในสมบัติเก็บของและหยิบแผ่นไม้ออกมา แผ่นไม้นั้นเป็นทรงกลมและมีร่องวงกลมตรงกลาง

ต๋วนเค่อเรียกหินอ่อนสีแดงเข้มที่นางชำระล้างจากศพหมาป่าเล็กของหลินมู่และวางในร่องกลมบนแผ่นไม้

เมื่อหินอ่อนสีแดงถูกวางลงบนแผ่นไม้กลม มันก็เริ่มเปล่งแสง แผ่นไม้ลอยจากมือต๋วนเค่อไปยังทิศทางหนึ่งและต๋วนเค่อบินตามไป

หลินมู่ไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นและกำลังตามหาโรงเตี๊ยมในเมืองอยู่ เขาถามโรงเตี๊ยมเกือบครึ่งเมืองและยังหาห้องพักไม่ได้ เขายืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมอีกแห่งในตอนนี้ ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับทางออกเมืองและมีคุณภาพที่แย่กว่าโรงเตี๊ยมก่อนหน้า

“ข้าจะหาห้องจากที่นี่ได้ไหมนะ”

หลินมู่พูดกับตัวเองและเดินผ่านประตูโรงเตี๊ยม

เขาเดินไปที่โต๊ะรับแขกและพูดกับเสมียนที่นั่งอยู่

“มีห้องว่างสำหรับหน้าหนาวหรือไม่?”

หลินมู่ถาม

เสมียนมองหลินมู่ด้วยรอยยิ้มสุภาพ

“ใช่ เรามีห้องว่างอยู่ แต่ต้องจ่ายมัดจำและจะเข้าพักได้อีกในห้าวันนับจากวันนี้”

เสมียนตอบ

หลินมู่คิดว่าเสมียนจะปฏิเสธ เขาจึงดีใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบ เขาไม่ใส่ใจเรื่องที่เขาจะต้องรออีกห้าวันเพื่อพักในห้องหรือเรื่องที่ต้องจ่ายมัดจำล่วงหน้าเลย

“ข้าขอจองห้องนั้นก็แล้วกัน ทั้งหน้าหนาวเลย”

หลินมู่พูดด้วยความมั่นใจ

เสมียนพยักหน้าและลงทะเบียนให้เขา

“จ่ายสามเหรียญทองแล้วข้าจะลงชื่อให้”

เสมียนพูด

หลินมู่หยิบ 3 เหรียญทองที่เตรียมไว้ล่วงหน้าและยื่นให้เสมียน

“เจ้าชื่ออะไรรึ?”

เสมียนถามและจุ่มพู่กันลงในน้ำหมึก

“ข้าชื่อหลินมู่”

เสมียนหยิบแผ่นป้ายไม้เล็ก ๆ ที่มีชื่อโรงเตี๊ยมสลักเอาไว้ออกมา มันเขียนว่า ‘โรงเตี๊ยมลมเหนือ’ หลินมู่รับแผ่นไม้และเก็บไว้ในกระเป๋า

“อีกห้าวันให้ใช้แผ่นป้ายนั้นบอกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ เขาจะพาไปที่ห้องพักให้”

เสมียนอธิบาย

หลินมู่พยักหน้ารับและหันหลังออกจากโรงเตี๊ยม

‘ข้าต้องกลับไปที่ร้าน เกือบสามชั่วโมงครึ่งแล้วที่ข้าออกมา ต๋วนเค่อบอกให้กลับในสามชั่วโมง นางน่าจะพร้อมแล้ว’

หลินมู่คิด

หลินมู่เดินกลับไปที่ร้านใน 10 นาทีและเห็นว่าเลื่อนของเขายังอยู่ที่ข้างร้าน

“คงไม่มีใครคิดจะขโมยเลื่อนกระจอก ๆ ที่ข้าทำสินะ”

หลินมู่พูดอย่างอารมณ์ดี

เขาดันประตูที่ส่งเสียงดังลั่นตอนเปิดออกและเข้าไปในร้าน เขาเดินไปที่โต๊ะขายและกำลังจะสั่นกระดิ่งแต่ประตูร้ายก็เปิดพอดี หลินมู่หันไปมองและเห็นว่าต๋วนเค่อเดินเข้ามาในร้าน

‘หา ทำไมนางอยู่ข้างนอกล่ะ?’

หลินมู่คิดในใจ

“ข้าจะไปเอาเนื้อมา เจ้ารอที่นี่”

ต๋วนเค่อพูดกับหลินมู่พร้อมเดินผ่านเขาไปที่ประตูหลังโต๊ะขาย

นางกลับมาในอีกหนึ่งนาทีพร้อมกับถุงที่ดูอัดแน่น นางวางถุงบนโต๊ะและทำท่ามือให้หลินมู่ นางพูด

“นี่เนื้อของเจ้า ส่วนเรื่องเงิน…”

แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ หลินมู่ก็พูดแทรกนาง

“อืมม แทนที่จะเป็นเงิน ข้าอยากได้อาวุธน่ะ”

หลินมู่พูด

“อยากได้อาวุธเพิ่มรึ? ได้ดาบนั่นไปแล้วยังไม่พอใจรึไง?”

ต๋วนเค่อถาม

“ไม่เลย ข้าชอบดาบนั่นมาก ข้าแค่อยากได้อาวุธเพิ่มในตอนที่ข้าทำมันหายตอนที่ต่อสู้หรืออะไรแบบนั้น แล้วข้าก็อยากเรียนรู้วิธีใช้อาวุธอย่างอื่นด้วย”

หลินมู่อธิบาย

ต๋วนเค่อพยักหน้าพูด

“ได้สิ เลือกดูในร้านเลย อยากได้อะไรเจ้าก็หยิบไป ถ้าอยากให้ประเมินดี ๆ ก็ต้องจ่ายเพิ่ม”

หลินมู่เดินรอบร้านและหยิบอะไรก็ตามที่เขาชอบ สุดท้ายเขาก็เลือกของมา 12 ชิ้นจากร้าน เขาวางทั้งหมดที่โต๊ะขาย น้ำหนักของอาวุธทั้งหมดนั้นไม่ทำให้หลินมู่ที่มีร่างกายขั้น 6 รู้สึกหนักอีกแล้ว

อาวุธที่เขาเลือกนั้นมีหลากหลายประเภท เขาเลือกสนับมือต่อสู้หนึ่งคู่ ดาบยาว ดาบบางเล่มเล็ก ดาบธรรรมดา ขวานใหญ่ ขวานเล็ก โล่เล็ก โล่ใหญ่ หอก และมีดที่ไม่เหมือนกันอีกสามเล่ม

ต๋วนเค่อแปลกใจเล็กน้อยกับอาวุธหลากหลายชนิดแต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า

“แค่นี้รึ?”

ต๋วนเค่อถาม

“ใช่แล้ว ทั้งหมดราคาเท่าไหร่?”

หลินมู่ถาม

“น่าจะราคาใกล้เคียงกับวัตถุดิบที่เจ้าเอามาขายนั่นแหละ”

ต๋วนเค่อตอบ

หลินมู่พยักหน้าด้วยความดีใจและรวบกองอาวุธทั้งหมดบนโล่ใหญ่ก่อนจะวางไว้บนเลื่อนนอกร้าน จากนั้นก็แบกถุงเนื้อออกจากร้านไป ต๋วนเค่อมองดูเขาเดินออกไปด้านนอก

‘เด็กนั่นก็โง่อยู่ไม่ใช่รึไง? ไม่ถามราคาของที่เอามาขายด้วยซ้ำ’

ต๋วนเค่อพูดกับตัวเองก่อนจะโบกมือผนึกประตูด้วยค่ายกล

จากนั้นนางก็เข้าประตูข้างหลังโต๊ะขายออกจากร้านไป

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด