ตอนที่แล้วตอนที่ 268 เป็นฟืนเป็นไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 270 กระพรวนลมเขาแกะ

ตอนที่ 269 ลอบจู่โจม


ถังเทียนส่ายศีรษะ  “ข้าไม่ต้องการ  วิทยายุทธที่มีพลังมากขึ้นโดยปราศจากความคิดที่ถูกต้อง เมื่อกรงเล็บภูตพรายสอนสอนกรงเล็บเพลิงภูตพรายให้ข้านั่นไม่ใช่วิทยายุทธโดดเด่นไม่ซ้ำใคร แต่ข้ามีความสุขจริงๆ เพราะจากตรงนั้นข้าจึงรู้สึกได้ถึงศรัทธาและความเชื่อมั่นของกรงเล็บภูตพราย  นี่คือสิ่งที่เวลาไม่สามารถสร้างขึ้นได้  ขณะที่หมัดเหล็กกลืนแสงทั้งหมดที่ข้ารู้สึกก็คือ ความโกรธ ความอ่อนแอ และข้ออ้างของเจ้าข้าไม่ต้องการวิชานี้ของเจ้า”

“เจ้าไม่เข้าใจ! รอจนกว่าเจ้าจะรู้ความโหดร้ายของโลกก่อนเถอะ...”  ม่านควันนั้นอาฆาตแค้น

ถังเทียนรู้สึกรำคาญและตัดบทเขาอย่างหงุดหงิด  เขาจ้องดูโดยไม่ลดราวาศอก“โลกนี้ย่อมโหดร้ายต่อคนอ่อนแอเสมอเงื่อนไขที่ดีกว่าของคนอื่นจะเป็นข้ออ้างให้เจ้ายอมแพ้และท้อถอยหรือ?  โลกไม่เคยยุติธรรมอยู่แล้วและจะไม่มีทางยุติธรรมด้วย แล้วไงล่ะ? เจ้าจะยอมแพ้ด้วยหรือ?  คนอื่นติดอาวุธที่ฟันด้วยไหม?เจ้าก็มีแต่เพียงมือเปล่า เจ้ารู้สึกว่านั่นไม่ยุติธรรม  งั้นเจ้าก็ตัดแขนตัดขาตัวเองเสียเลยเจ้ามันคนเอาแต่หลบมุมด่าทอโลกไม่ใช่หรือ?”

ถังเทียนไม่มีการซ่อนความรู้สึกดูถูกในดวงตาเขา“ไม่ยุติธรรมหรือ? ฮึ! เจ้ารู้ไหมว่านักสู้คืออะไร? นักสู้คือผู้ยินดีเผชิญโลกต่อให้หนทางที่เดินไปเต็มไปด้วยขวากหนาม ต่อให้ชีวิตต้องเผชิญกับหลุมบ่อตลอดไปเขาก็แค่เชิดหน้ายืดอกเดินต่อไป เขาอาจเป็นคนที่ถูกบดบังรัศมีไม่มีใครรู้จัก เขาสามารถประสบกับความยากลำบากและกลายเป็นคนโดดเดี่ยว  เขาอาจถูกเยาะเย้ย อาจคุกเข่าต่อหน้าท่าน  แต่เมื่อเขาปิดตาลาจากโลกไป เขาจะรู้ว่าศรัทธาและความเชื่อมั่นที่กล้าแกร่งจะติดตามเขาไปตลอด! นี่แหละคือนักสู้!”

“แล้วท่านเป็นนักสู้แบบไหน?”

พูดจบถังเทียนไม่สนใจม่านควันนั้นและยังคงฝึกควงโล่ของเขาอย่างต่อเนื่องและเขาโบกโล่ที่น่าเบื่อต่อไป

ม่านควันนั้นพูดไม่ออก

ถังอี้ถูกคำพูดของถังเทียนกระตุ้นจนรู้สึกปลาบปลื้ม เขารู้สึกว่าคำพูดนั้นเหมือนขุดออกมาจากส่วนลึกในใจของเขาบางสิ่งบางอย่างที่เก็บไว้ในใจส่วนลึก

ศรัทธาและเชื่อมั่นคืออะไร?

ศรัทธาและความเชื่อมั่นของข้าเป็นยังไง?

ถังอี้ก้มหน้าครุ่นคิด

ถังเทียนที่หมกมุ่นกับการฝึกฝนไม่ได้สังเกตพฤติกรรมแปลกของถังอี้  เขากำลังใช้เวลาที่เหลือให้หมดไป  เนื่องจากพวกเขาจะลงมือตอนกลางคืน  หัวหม่าเอ้อและพวกได้สังเกตการณ์ตำแหน่งของพวกศักดินาชาวยุทธ  เนื่องจากทะเลทรายคือถิ่นของพวกเขา

ตามแผนต่อสู้ของปิงตอนกลางคืนจะเริ่มการลอบโจมตีระลอกแรก

การต่อสู้ใหญ่อยู่ใกล้มือแต่สภาพใจถังเทียนไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เขายังมีสมาธิอยู่กับการฝึกฝน แม้ว่าจะเป็นการแกว่งควงโล่ง่ายๆ หลังจากเชี่ยวชาญพลังกระเรียนถังเทียนมีความรู้สึกแหลมคมแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

นี่คือสิ่งที่ช่วยเขาในการฝึกฝน

เวลาค่อยๆ ผ่านไปซึ่งถังเทียนไม่ทันได้สังเกต

ด้วยความเอาใจใส่พิถีพิถันในการแกว่งโบกสองพันรอบถังเทียนนั่งขัดสมาธิและเริ่มฟื้นฟูปราณแท้ของเขา แต่เมื่อลืมตาอีกครั้ง ม่านตาของเขามีประกายเจิดจ้าและเพียงชั่วขณะประกายเจิดจ้าค่อยลดลงไป

เมื่อถังเทียนและถังอี้เดินออกมาจากห้อง  อาเฮ่อและหลิงซิ่วเตรียมพร้อมแล้ว

ถังเทียนชูกำปั้นตะโกน“เย้ เย้ เย้ ออกไปสู้กัน!”

หลิงซิ่วเหลือกตา  “เราจะไปลอบโจมตีชาวบ้านเขา  เจ้าจะตะโกนทำบ้าอะไร!”

เมื่อคิดถึงความจริงว่าเขาสามารถสู้ตอนกลางคืนได้  กำลังใจของถังเทียนเพิ่มขึ้น  แม้แต่หลิงซิ่วที่มักดูน่ารังเกียจเสมอตอนนี้ก็ยังดูดีขึ้นเล็กน้อย นับตั้งแต่ถังเทียนพบว่าการต่อสู้ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จและรู้แจ้งวิทยายุทธในขอบเขตที่กว้างขวาง ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลที่นักสู้ในตำนานทุกคนยินดีไปท้าท้ายต่อสู้คนอื่น

ศึกที่ตื่นเต้นและยากมากนักสู้จะมีเวลาง่ายมากขึ้นเพื่อเข้าใจวิทยายุทธได้ลึกซึ้งขึ้น ความเข้าใจวิทยายุทธนี้แค่ฝึกอย่างเดียวไม่สามารถเข้าใจได้

ถังเทียนจึงชอบสู้

ท้องฟ้ายามราตรีสงบเหมือนน้ำ

ท้องฟ้ายามค่ำคืนในทะเลทรายดารดาษไปด้วยดวงดาว  อากาศมีร่องรอยของความเย็น

ด้วยการนำของหัวหม่าเอ้อ พวกเขาหาค่ายพักของกองกำลังศักดินาชาวยุทธได้ในเวลารวดเร็วกองไฟใหญ่กลางค่าย กลุ่มนักสู้หัวเราะเสียงก้อง กลิ่นเนื้อย่างโชยมาในอากาศ

หวีซุ่นจิบเหล้า  แต่ไม่ได้กลืนขณะที่อมเหล้าไว้ในปากด้วยสีหน้าท่าทางสบายใจ  เขามีสีหน้าธรรมดา แต่ลักษณะของเขายังคงสงบ มั่นคง สร้างบรรยากาศให้เขาลืมเลือนทุกอย่าง

เขาชอบความเงียบสงบและก่อกองไฟเล็กๆ ให้ตัวเขาเอง และปลีกตัวเองอยู่ห่างพวกที่เหลือ

สุ่ยเฉิงหวีผมเรียบหน้าของเขาตอบและใช้ผ้าพันคอแดงพันรอบคอนัยน์ตาตี่ยาวของเขาทำให้เขาดูเย็นชาและชั่วร้าย เขาแค่นเสียงเบาและรำพึงกับตัวเอง “คนผู้นี้เป็นกระต่ายหรืออะไร?เขาสามารถหนีไปได้จริงทำให้เราต้องติดตามเข้ามาในทะเลทรายที่นี่!อากาศแห้งแบบนี้ไม่ดีต่อผิวข้าเลย”

หย่งชิวหัวเราะลั่น  “ความจริงมันก็ดีมากยากนักที่ทุกคนจะได้มารวมตัวกัน  ข้าบอกได้เลยว่าพวกเขามีความสุขดีกันทุกคน”

เขามีร่างกายกำยำแข็งแรงสูง1.9 เมตร และลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของเขาก็คือนัยน์สีเขียวของเขา  มือของเขาคล่องแคล่วมาก มีดหลายเล่มอยู่ในระหว่างซอกนิ้วของเขาสะท้อนประกาย

พวกเขาแต่ละคนปกติจะดูแลพื้นที่ของตนเองและการที่พวกเขาจะมารวมกันได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

“เจ้าไม่ส่งคนไปยืนเฝ้าไว้หรือ?”  หวีซุ่นถามทันที

“เฮ้อ! พี่ซุ่นท่านระวังมากเกินไปแล้ว” หย่งชิวไม่สนใจ  “ที่นี่มีคนมากมายและเราสามคนก็อยู่ที่นี่ ใครจะกล้ามาก่อกวนในถ้ำเสือเล่า? มีแต่คนที่ไม่มีหัวคิดเท่านั้น”

นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีพานักสู้ระดับสวรรค์วิถีมาด้วยร้อยคน พวกเขาเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งทรงพลังและสามารถตะลุยได้ทั่วหมู่ดาวหมาป่าอย่างสบายใจ

หวีซุ่นยังคงรู้สึกว่าตัวเขาระมัดระวังเกินไป  แต่เขาก็ยังกล่าว “ปลอดภัยไว้ดีกว่าเสียใจภายหลัง  พี่ใหญ่บอกคนเหล่านั้นไว้ว่าเป็นเรื่องดี”

“พี่ซุ่น, เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”  สุ่ยเฉิงขมวดคิ้ว ถามด้วยเสียงแหลมสูง  “พี่ใหญ่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจน และแค่ขอให้เราทำตามท่าน  จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่กระจ่าง

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! พี่ซุ่นเล่าให้เราฟังหน่อย”  หย่งชิวตื่นเต้น

หวีซุ่นลังเลเล็กน้อยกวาดตามองดูรอบๆ  เขาพูดเสียงเบา“พี่ใหญ่ไปท้าสู้กับคานท์”

“อะไรนะ?”

สุ่ยเฉิงและหย่งชิวลุกพรวดพราดด้วยความประหลาดใจ

ปฏิกิริยาของพวกเขาไม่ทำให้หวีซุ่นประหลาดใจคานท์คือใคร?  หลังจากหลายปีมานี้ เขาคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของกลุ่มดาวหมาป่าอย่างมิต้องสงสัย  พลังฝีมือของเขาลึกล้ำ, จันทร์เงินคานท์,ตะขอฟ้าหวยไป่หัว, ศักดินาชาวยุทธอูเถี่ยหวี่คือสามผู้นำดินแดนกลุ่มดาวหมาป่ามาหลายปีชื่อเสียงของพวกเขาอยู่บนกองกระดูกและซากศพนับไม่ถ้วน

มีการเทียบกำลังของทั้งสามหลายครั้งแล้วและเห็นได้ชัดว่าคานท์แข็งแกร่งกว่าอีกสองคน

สามกลุ่มอำนาจต่างรักษาความเข้าใจร่วมกันเนื่องจากทั้งสามรู้และยอมรับอำนาจของกันและกัน

พี่ใหญ่ไปท้าสู้คานท์?

อีกสองคนไม่อยากเชื่อหูพวกเขา

“ถูกแล้ว” หวีซุ่นตอบ  “พี่ใหญ่ได้อาวุธสมบัติเงินจากกลุ่มดาวหมีเล็ก”

“อะไรนะ!” ทั้งสองคนอุทาน ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเขาได้ความมั่นใจมาจากไหนจึงได้ไปท้าสู้คานท์

กลุ่มดาวหมีเล็กหนึ่งในห้าดินแดนขั้วขอบฟ้า สำหรับกลุ่มดาวหมาป่า นั่นคืออำนาจเด็ดขาดระดับสูงเหมือนกับเป็นเทพเจ้า  กลุ่มดาวหมาป่าคือหนึ่งในกลุ่มดาวท้ายๆของสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ แม้แต่สิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือก็ยังเป็นความฝันสำหรับพวกเขา  แต่ห้าดินแดนขั้วขอบฟ้า...

พวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะต่อต้านสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตลอดชีวิตของพวกเขา  สำหรับอาวุธสมบัติเงินจากดินแดนขั้วขอบฟ้ามีราคาสูงเทียมฟ้าในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้

ยิ่งกว่านั้นมันคืออาวุธสมบัติ!

ทั้งสองคนสงบใจลงบ้างสุ่ยเฉิงพูดเสียงแหลมสั่น“อย่างนั้นก็หมายความว่าพี่ใหญ่สามารถรวบรวมกลุ่มดาวหมาป่าเข้าด้วยกันไม่ใช่หรือ?”

หวีซุ่นจิตใจตึงเครียดอีกครั้ง  แต่เขาฉลาดและมีความรู้  “นั่นขึ้นอยู่กับเรา”

“ขึ้นอยู่กับเรา?”  หย่งชิวตะลึงนัยน์ตาเขาเป็นประกายเจิดจ้าทันที “อย่าบอกข้านะเป้าหมายที่เราต้องฆ่านั้นก็เพื่อแลกมาซึ่งอาวุธสมบัติชั้นเงินใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว” หวีซุ่นพยักหน้าเคร่งเครียด  “อาวุธเงินของกลุ่มดาวหมีเล็กคือรางวัลในปฏิบัติการของพวกเราในครั้งนี้ เราต้องฆ่าคนสองสามคนพวกนั้นและจากนั้นเอาสมบัติไปให้พี่ใหญ่”

หย่งชิวผงะ  “สามคนนั้นเป็นใครกันแน่? ถึงได้คู่ควรกับอาวุธสมบัติชั้นเงินของกลุ่มดาวหมีเล็ก?”

สุ่ยเฉิงแค่นเสียง“ใครจะสนกันเล่าว่าพวกมันมาจากไหน! ต่อให้พวกมันมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งก็ตามเพื่อให้ได้สมบัติแล้ว ย่อมมีค่าแน่นอน”

หย่งชิวผงกศีรษะ“ถูกแล้ว จริงทีเดียว! ใครจะสนกันเล่า! เราแค่จัดการให้สิ้นเรื่อง!”

ทันใดนั้นมีเสียงคำรามดังมาจากในค่าย หวีซุ่นหรี่ตาทันที สีหน้าเขาเย็นชา “ช่างกล้าจริงๆ บังอาจบุกโจมตีค่าย”

พูดแค่นั้นเขาโยนขวดเหล้าออกไปข้างตัว

สุ่ยเฉิงและหย่งชิวก็รู้สึกได้และยืนขึ้น

จากแสงเปลวเพลิงในค่ายทั้งสามคนมองในที่ไกลออกไป และสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวปั้นยาก

ทั้งสถานที่ทั้งหมดตกอยู่ในความวุ่นวาย เสียงโหยหวนและครวญครางลอยเข้าหูพวกเขาเป็นระยะๆ  รอบกองไฟ มีโลหิตฉีดพุ่งออกมาจากใบหน้าที่หวาดกลัว  นักสู้ทุกคนไม่คิดว่าจะมีคนกล้าเริ่มบุกโจมตีพวกเขาจริงๆ!

ผู้บุกโจมตีเหี้ยมหาญดุร้ายมาก  มีสองสามคนที่เผ่นหนีได้และมีมากกว่าสิบคนที่ศีรษะหลุดออกจากร่าง

หวีซุ่นและอีกสองคนหน้าแดงก่ำทันที  คนพวกนี้ทุกคนล้วนเป็นมือดีของกองกำลังศักดินาชาวยุทธได้รับการคัดเลือกดูแลใช้เวลาและเงินมากมาย แต่พวกเขากลับถูกฆ่าเหมือนกับแกะอ้วน

ทั้งสามคนไม่ใช้เสียงใช้แต่เพียงปราณแท้ของพวกเขาและตะลุยเข้าหาคนทั้งสามที่รวมกลุ่มกันอยู่

คู่ต่อสู้มีแค่เพียงสามคนผู้ที่ใช้ดาบก็คือขุนพลวิญญาณ รังสีดาบของเขามีพลังกดดันรุนแรงมากเนื่องจากไม่มีใครสักคนที่สามารถต้านเขาติด ขณะที่บุรุษหนุ่มชุดดำใช้กระบี่ก็ใช้กระบี่ออกได้คล่องแคล่วรวดเร็ว  กระบี่ของเขาคมและแข็งแกร่ง  ขณะที่ความเคลื่อนไหวร่างกายเขายากจะคาดได้แต่ละครั้งที่เคลื่อนไหวเหมือนกับแยกร่างเป็นสามดุจภูตพราย

แต่สายตาหวีซุ่นกลับมองคนที่สวมเกราะเงินอย่างตั้งใจคนผู้นั้นถือโล่มือซ้าย แม้ว่าพลังของเขาไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด  แต่ประสิทธิภาพในการฆ่าของเขาสูงสุดเหมือนกับว่าเขาคือเครื่องจักรฆ่าที่ไร้อารมณ์ความเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วรวดเร็วปราศจากความเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น

ถ้าให้เขาเทียบจัดระดับพลังขุนพลวิญญาณที่กำลังฟาดฟันดาบฟันขาม้าแข็งแกร่งกว่าเขามากแต่หากเขาเทียบในแง่จำนวนคนที่ฆ่า บุรุษหนุ่มเกราะเงินชนะขาด บุรุษหนุ่มเกราะเงินเชี่ยวชาญในการใช้สภาพแวดล้อมรอบตัวมาช่วยเขาเขาเป็นเหมือนมัจจุราชที่แฝงตัวในความมืดและเอาชีวิตคนรอบๆ ตัวเขาไปได้อย่างสบาย

เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ

แม้ว่าพวกเขาจะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าภารกิจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่บุรุษหนุ่มเกราะเงินให้ความรู้สึกที่ตึงเครียดกับเขา

หวีซุ่นรีบวิ่งขึ้นหน้าเขาสูดหายใจลึก ปราณแท้ที่โคจรในร่างกายเคลื่อนไปที่หมัดขวาของเขา  เขาดันหมัดไปข้างหน้าช้าๆขณะที่ตลอดทั้งร่างมีลมปะทะใส่เหมือนกับว่าเขากำลังต่อต้านพายุสลาตันที่รุนแรง

กระแสปราณแท้รุนแรงมีเสียงดังน่ากลัวราวกับอัสนีบาตขณะตรงเข้าหาถังเทียน

ฝ่ามือสายฟ้ากำศรวล!

ไม่มีประกายแสงมีแต่เพียงเสียงดังครืนๆ และคลื่นพลังปราณแท้รุนแรงมหาศาล

พื้นที่ 3เมตรรอบตัวถังเทียนถูกกักอยู่ภายใต้พลังฝ่ามือ

หน้าที่สงบของหวีซุ่นฉายแววกระหายเลือดทันที  ภายใต้ฝ่ามือสายฟ้ากำศรวล  แม้แต่อากาศก็ถูกบีบอัด ร่างกายของคนที่ไม่ได้ฝึกร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้ผลกระทบนี้

นั่นคือฝ่ามือสายฟ้ากำศรวล

พลังของมันสามารถปราบคนได้ครั้งละหลายคน

ขณะนั้นเองบุรุษหนุ่มเกราะเงินผู้ถูกกักอยู่ภายใต้พลังฝ่ามือของเขาเงยหน้าขึ้นนัยน์ที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งของเขาพลันเปล่งประกายเจิดจ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด