ตอนที่แล้วตอนที่ 9-23 ชีพจรคุ้มกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-25 ยืดหยุ่นดั่งเสาศิลา

ตอนที่ 9-24 โอลิเวอร์ปะทะเฮนด์เซน


วันที่ 4 พฤษภาคมปียูลานที่ 10009 คืนนี้อาจรับรองได้ว่าเป็นอะไรก็ได้  แต่ก็ยังเป็นคืนปกติ  ประชาชนหลายคนในเมืองหลวงไม่สามารถหลับตาลงได้และออกมาที่นอกเมืองแทน  คืนนี้ท้องฟ้าไร้ดวงดาวไม่มีแสงจันทร์ มีแต่เมฆหนาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

ชาวเมืองหลวงมากมายพากันถือโคมออกมาเป็นกลุ่มละสามบ้างห้าบ้าง พวกเขารอคอยชมการต่อสู้ที่มาถึง

“เฮ้, น้องสามเจ้าคิดว่าท่านโอลิเวอร์และท่านเฮนด์เซนจะประลองกันตรงจุดไหน? ตอนนั้นเมื่อท่านโอลิเวอร์ท้าประลองท่านเฮนด์เซน เขาไม่ระบุให้ชัดเจนว่าพวกเขาจะสู้กันที่ใดพวกเขาเพียงแต่บอกว่าสู้กันนอกเมือง แต่เป็นนอกเมืองประตูตะวันออกหรือประตูตะวันตก หรือประตูใต้หรือว่าประตูเหนือ?”

“ใครจะไปรู้? เราไม่มีทางเลือกได้แต่รออยู่เงียบๆ”

คำถามนี้กวนใจใครๆหลายคน  หลายคนมาจากเมืองต่างๆนอกจากคนกลุ่มน้อยที่ไม่สนใจอะไร และพวกนักเวทจำนวนหนึ่ง หลายๆ คนส่วนใหญ่มากันผู้คนเกือบครึ่งเมืองมาดูการประลองนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวจากเมืองต่างๆ เข้ามาสมทบ  วันนี้จึงมีผู้คนอยู่ที่นี่เป็นล้าน

ผู้คนรวมกลุ่มอยู่ด้านนอกประตูเมืองทั้งสี่ของเมืองหลวง

ไม่มีใครรู้ว่าการประลองจะใช้ที่ใด

คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่คฤหาสน์ท่านเคานท์ก็ออกไปเช่นกันเป็นปกติ แต่กลุ่มของลินลี่ย์สามารถบอกได้ว่าการประลองจะเกิดขึ้นที่ใด  ทั้งนี้เป็นเพราะ.. เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนตั้งใจกระจายรัศมีของเขา

เซียนดาบจ้าวภูผาและโอลิเวอร์ไม่ได้บอกชัดเจนว่าการประลองจะเกิดขึ้นที่ใด

ดังนั้น เฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผาจึงเลือกมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำแชนน์ซึ่งอยู่ตอนเหนือของเมืองหลวง เขายืนอยู่ในอากาศเหนือแม่น้ำซึ่งถ้าวัดส่วนกว้างที่สุดก็กว้างหลายร้อยเมตร  อย่างไรก็ตามในเรื่องความยาวไม่อาจเทียบได้กับแม่น้ำยูลานเลย และแม่น้ำแชนน์ความจริงจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำยูลานในที่สุด

พวกเซียนมีความรู้สึกไวต่อรัศมีของเซียนอื่นมาก

ถ้ามีการต่อสู้ของเซียนเกิดขึ้นในที่เฉพาะเจาะจง  เซียนที่อยู่ห่างออกไปเป็นร้อยๆกิโลเมตรก็จะรู้สึกได้ ลินลี่ย์ไม่ได้อยู่ในร่างแปลงแต่เพราะแฮรุและบีบีทั้งคู่สามารถรู้สึกได้ถึงรัศมีของเฮนด์เซนได้

“เหนือแม่น้ำแชนน์ ทางเหนือของเมือง ไปกันเลยการประลองจะเกิดขึ้นที่นั่น ท่านเฮนด์เซนอยู่ที่นั่นแล้ว” ประกาศแจ้งนี้กระจายไปทั่วเมืองราวกับพายุและลามไปถึงประชาชนด้านใต้ ตะวันออกและตะวันตกของเมืองแต่ละด้าน

ประชาชนเป็นล้านที่ชุมนุมอยู่ในที่นั้นเทกันไปที่ด้านทิศเหนือราวกับสายน้ำหลาก

ประชาชนมากมายมหาศาลเดินข้ามเมืองตรงไปที่ทิศเหนือ  ที่สำคัญ มีคนอยู่ที่นี่มากเกินไป  ถ้าพวกเขาเดินกันจนเต็มถนนของเมืองหลวงก็จะแออัดมากเกินไป

“ที่นี่มีผู้คนมากมายจริงๆ”  ลินลี่ย์ วอร์ตัน บาร์เกอร์และคนอื่นๆจ้องมองดูภาพข้างหน้าด้วยความตกใจ

คนเกินกว่าล้านกำลังยืนอยู่สองข้างฝั่งแม่น้ำแชนน์  ผู้ชมแปดหมื่นคนในสนามประลองว่าดูเหมือนทะเลผู้คนแล้วแต่ผู้ชมที่เพิ่มอีกเป็นล้านเหล่านี้เป็นภาพที่ดูน่ากลัวจริงๆ

ทั้งสองฝั่งแม่น้ำแชนน์เต็มไปด้วยผู้คน

ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือ...

ผู้คนยังคงทยอยมาถึงจากทิศตะวันออกตะวันตกและทิศใต้ของเมือง เหมือนกับมวลน้ำที่หลากไหลเข้ามาท่วมต่อเนื่องประชาชนที่นี่มีแต่จะเพิ่มขึ้น

“คนมากมายนัก เฮ้อ.. โอลิเวอร์นั่น...ทำไมเขาต้องยืนยันจะประลองให้ได้ในอีกสามเดือนด้วย?  ถ้าเป็นครึ่งเดือนผู้คนจากหัวเมืองอื่นคงไม่สามารถมาได้ทัน สามเดือน... แม้แต่คนจากมณฑลพายัพก็ยังมาทันเวลาสบายๆ” ฮิลแมนส่ายศีรษะ

ซาสเลอร์ได้แต่หัวเราะ  “ยิ่งคนมากขึ้นก็ยิ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัว”

ดูเหมือนซาสเลอร์มองภาพนี้อย่างที่เห็นภาพทหารผีอมตะจำนวนเป็นล้านของเขา  ร่างทหารผีอมตะเป็นล้านของเขานับเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ

“ที่สำคัญอื่นหมดก็คือเราจะไปให้ถึงด้านหน้าได้ยังไง?  เราจะทำได้แต่ดูอยู่ห่างๆเท่านั้นหรือ?” เมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีคนหนาแน่นเพียงไหน พ่อบ้านแอชลี่ย์ไม่กล้าเบียดตัวเข้าไป

เกทส์พูดอย่างดีใจ  “ง่ายมาก ให้เราห้าพี่น้องเบิกทางให้เอง”

เนื่องจากโครงร่างของพวกเขาใหญ่จึงสามารถเบียดตัวไปข้างหน้าได้

“ไม่ต้องเร่งพวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่าทหารของจักรพรรดิโจฮันน์ยังมาไม่ถึง?”  ลินลี่ย์หัวเราะ เพียงชั่วเวลานั้นเอง ทหารจากกองทัพได้จัดตั้งขบวนเรียบร้อยและกำลังเดินอยู่ในทางของพวกเขา

ที่นี่มีสามัญชนเป็นล้านและมีทหารไม่น้อยกว่าแสน

แต่เนื่องจากพวกเขาตั้งขบวนหนาแน่นสวมเกราะสะท้อนแสง พวกทหารสร้างความหวั่นเกรงและกดดันต่อพวกสามัญชนได้

“โฮกกกก!”  “กรรรรรร!”

ผู้ชมนับล้านมีอสูรเวทที่อยู่ในระดับของเขาด้วยเช่นกันบางตัวก็เชื่องเพราะความแข็งแกร่งของยอดฝีมือ เสียงร้องของอสูรเวทสามารถได้ยินเช่นกัน พอๆกับเสียงระเบ็งเซ็งแซ่สนทนาของพวกมนุษย์

เป็นฉากภาพที่ดูวุ่นวายยิ่งนัก

“เงียบ!”

เสียงที่ทรงพลังของคนผู้หนึ่งดังขึ้น  “ทุกท่านที่อยู่บนเรือในแม่น้ำแชนน์,  ขอให้ขึ้นฝั่งโดยด่วน!  ถ้าพวกท่านยังอยู่ที่แม่น้ำระหว่างที่ท่านเฮนด์เซนกับท่านโอลิเวอร์ต่อสู้กันมีโอกาสสูงที่เรือของพวกท่านจะถูกคลื่นกวาดหายอับปาง  ผู้คนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำแชนน์ทุกท่านขอให้ขยับถอยออกไปสิบเมตร!  ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาใกล้ฝั่งแม่น้ำ  ทหารจะปฏิบัติตามคำสั่งอยู่ตรงนี้!”

ทหารประจำเมืองหลวงเริ่มจัดระเบียบคนดู

ระดับบนของจักรวรรดิไม่กล้าประมาท  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ กับคนเป็นล้านๆ ก็คงเป็นเรื่องอันตรายร้ายแรง การประลองกันระหว่างเซียนทั้งสองคนเป็นโอกาสบันเทิง พวกเขาไม่ยอมให้เกิดโศกนาฏกรรมได้

“ท่านวอร์ตัน, ท่านลินลี่ย์ เชิญมากับเรา”  ทหารสองคนเดินมาหาพวกเขา

ลินลี่ย์กับวอร์ตันได้แต่ยิ้มให้กัน

จักรพรรดิโจฮันน์ทำข้อตกลงไว้ก่อนแล้ว  หลังจากผู้ชมเหล่านั้นถอยออกมาสิบเมตรพวกขุนนางของจักรวรรดิจะอยู่ด้านหน้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปถึงชายฝั่งแม่น้ำ แต่ด้วยแม่น้ำที่กว้างหลายร้อยเมตรถือว่ายังมีพื้นที่กว้างขวางพอให้เซียนทั้งสองได้ประลองกัน

นอกจากนี้นักสู้ระดับเซียนทั้งสองนี้จะประลองกันกลางอากาศ

พวกขุนนางได้รับการจัดที่ไว้แล้วแนวยาวตามฝั่งแม่น้ำแชนน์ จุดชมดูที่ดีที่สุด  พวกเขาเตรียมดูการแสดงที่น่าทึ่งนี้  สามัญชนของจักรวรรดิเมื่อเห็นเช่นนี้ไม่อาจโกรธได้

มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างชนชั้นขุนนางกับสามัญชน

พวกที่สามารถเป็นขุนนางได้ล้วนแต่มีพรสวรรค์กันทั้งนั้นหรือผู้ที่มีคุณูปการกับประเทศชาติ ตราบใดที่ท่านมีความสามารถ ท่านสามารถเป็นขุนนางได้ สามัญชนของจักรวรรดิจะยกย่องชื่นชมขุนนางอย่างมาก  และพวกเขาก็ปรารถนาจะรับราชการบ้างเช่นกัน

ลมราตรีเย็นยะเยือก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ฝั่งแม่น้ำ  ลมราตรีทำให้ขุนนางหลายคนต้องใช้ชุดคลุม

ฝั่งแม่น้ำแต่ละด้านจุดไฟสว่างไสวไปตลอดลำน้ำแชนน์  อย่างไรก็ตามในอากาศเหนือแม่น้ำแชนน์  เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนยืนอยู่กับที่ตามลำพังกลางอากาศ โอลิเวอร์ยังไม่ปรากฏตัว

“อาจารย์ลินลี่ย์, ทำไมโอลิเวอร์ยังไม่ปรากฏตัว?” จักรพรรดิโจฮันน์ตรัสกับลินลี่ย์ที่ตอนนี้อยู่ข้างพระองค์

จักรพรรดิโจฮันน์ขอร้องเป็นการส่วนพระองค์ให้ลินลี่ย์มานั่งข้างเขา  เหตุผลแรกก็คือเพราะเขาต้องการเสริมสร้างสัมพันธ์กับลินลี่ย์  ประการที่สอง เพราะอยู่ข้างลินลี่ย์เขาจะปลอดภัยขึ้นขณะดูการประลองของเซียนทั้งสอง

“อย่าเพิ่งใจร้อน ฝ่าบาท”  ลินลี่ย์ “เฮนด์เซนเองก็ยังรออย่างอดทน ฝ่าบาท, พระองค์ต้องรออย่างเงียบๆ”

“ก็จริง” จักรพรรดิโจฮันน์ยิ้มและพยักหน้า

ในอากาศเหนือแม่น้ำแชนน์เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนยืนอยู่ เขาสวมชุดสีเทาเรียบง่าย และสะพายดาบหนักสีน้ำตาลอยู่บนหลัง เขายังหลับตา

ทันใดนั้น...

เฮนด์เซนลืมตาและจ้องมองทางทิศตะวันออก ร่างพร่าเลือนของมนุษย์ร่างหนึ่งกำลังบินมาทางอากาศด้วยความเร็วสูง ในพริบตาร่างมนุษย์ร่างที่สองก็มาถึงกลางอากาศเหนือแม่น้ำแชนน์

เป็นโอลิเวอร์กับกระบี่เงาแสงและกระบี่อัคนีสะพายอยู่ที่หลังของเขา  วันนี้โอลิเวอร์อยู่ในชุดยาวสีดำ  เขามองดูลึกลับมากและผมสีขาวของเขาพริ้วสะบัดตามสายลม

“ท่านโอลิเวอร์มาถึงแล้ว!”

ผู้คนนับล้านที่รออย่างอดทนส่งเสียงดีใจทันทีคลื่นเสียงกระหึ่มไปทั้งท้องฟ้าจนผิวแม่น้ำแชนน์กระเพื่อม ทุกคนคงนึกภาพออกว่าคนเป็นล้านตะโกนดีใจพร้อมกันเสียงจะดังเพียงไหน

“จำนวนคนมากมายขนาดนั้นน่ากลัวจริงๆ”  วอร์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกทึ่ง

ลินลี่ย์หัวเราะ

ในอากาศเหนือพวกเขาโอลิเวอร์และเฮนด์เซนไม่ได้รับผลกระทบแม้สักนิด พวกเขาจ้องกันและกันกลางอากาศ  โดยโอลิเวอร์แสดงให้เห็นรังสีต่อสู้

“เฮนด์เซน,ไม่มีทางที่ข้าจะยั้งมือในการประลองของเราวันนี้ ถ้าข้าพลั้งมือฆ่าท่าน ท่านอย่าได้ตำหนิโทษข้า”  โอลิเวอร์พูดอย่างเย็นชา

เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนหัวเราะและมองดูโอลิเวอร์อย่างใจเย็น  “ถ้าเจ้าสามารถฆ่าข้าได้  งั้นก็ฆ่าได้เลย  ข้าจะไม่ตำหนิเจ้าแน่นอน”

คำพูดเหล่านี้จากเซียนที่แข็งแกร่งทรงพลังทั้งสองทำให้ผู้ชมตื่นเต้นจนตัวสั่นกันหมด  โอวสวรรค์ นี่จะเป็นการประลองเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายระหว่างเซียนที่ทรงพลังหรือนี่?

การประลองระหว่างเซียนทั้งสองนี้ไม่ใช่การประลองของเซียนธรรมดา  คนหนึ่งเป็นเซียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเซียนดาบจ้าวภูผา อีกคนหนึ่งเซียนกระบี่อัจฉริยะผู้ที่วันนี้จะมาแก้มือล้างอายจากความพ่ายแพ้เมื่อหกปีก่อน  การสู้รบครั้งนี้จะทำให้ทุกคนตื่นเต้น

หลังจากเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นนับไม่ถ้วนแล้ว  ทุกคนก็อยู่ในความเงียบ

ในคนนับล้านๆที่ปรากฏอยู่นี้ ไม่มีสักคนเดียวที่ส่งเสียง สิ่งเดียวที่สามารถได้ยินก็คือเสียงวิ่งของสัตว์ในสนามและเสียงลมพัดหวีดหวิว

“วันนี้ ข้าต้องได้เห็นอะไรดีๆ จากคนทั้งสองนี้”  ตาของลินลี่ย์แหลมเป็นประกายเหมือนสายฟ้าและนอกจากนี้  สายลมรอบๆก็ยังเป็นใจกับสายตาของเขา  แม้ว่าจะมีความมืดยามราตรี  แต่เขาสามารถเห็นทุกอย่างในอากาศได้ชัดเจน  คนทั้งสองยืนอยู่ในอากาศเหนือพื้นหลายร้อยเมตร

ตามสิ่งที่เทพสงครามบอก  ถ้าลินลี่ย์สามารถเอาชนะเฮนด์เซนได้ นั่นหมายความว่าเขามีคุณสมบัติรู้ความลับของดินแดนทวีปยูลาน  เฮนด์เซนยังคงเป็นผู้ฝึกฝนกฎธรรมชาติของธาตุดิน เป็นธรรมดาที่ลินลี่ย์จะต้องสังเกตการต่อสู้ครั้งนี้อย่างระมัดระวัง

สำหรับโอลิเวอร์...ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าโอลิเวอร์เป็นคู่แข่งที่ทรงพลัง

ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์

บลูเมอร์ เคนยอนคาสโตรและศิษย์ส่วนตัวคนอื่นของเทพสงครามก็มาดูการประลองครั้งนี้เช่นกัน ที่สำคัญเนื่องจากพลังของเฮนด์เซน  แม้แต่ในวิทยาลัยเทพสงครามก็มีแต่เพียงศิษย์ที่ฝึกมาเป็นพันปีเท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะเขาได้

“หกปีที่แล้ว ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านแม้แต่น้อย แต่วันนี้...” โอลิเวอร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาชักกระบี่อัคนีสีดำสนิทออกมาจากด้านหลัง

“เจ้าจะเริ่มต้นด้วยกระบี่อัคนีเลยใช่ไหม?”  เฮนด์เซนยิ้ม แต่จากนั้นหน้าของเขา ค่อยๆ เคร่งขรึม เขาไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไม่ได้ชักดาบของเขา

หน้าของโอลิเวอร์กลายเป็นเย็นชา

“โอว? หกปีที่แล้ว ท่านยังไม่ได้ชักดาบท่านยังคิดว่าท่านไม่จำเป็นต้องชักดาบเพื่อเอาชนะข้าได้หรือ?”  โอลิเวอร์กล่าวอย่างเย็นชา

“ถ้าเจ้ามีความสามารถ  อย่างนั้นก็บังคับให้ข้าชักดาบเถอะ”  เฮนด์เซนพูดอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันระลอกคลื่นปราณยุทธสีเหลืองน้ำตาลรอบตัวเฮนด์เซนทำให้เขาดูเหมือนอิงอยู่ในคลื่นธาตุดิน

ทั้งสองแยกห่างกันหลายร้อยเมตร  เป็นธรรมดาอยู่เองที่ต้องพูดกันเสียงดัง

ผู้ชมจำนวนเป็นล้านทั้งหมดได้ยินคำพูดของพวกเขาได้ชัดเจน  พวกเขาตะลึง เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนผยองจนไม่ยอมชักดาบ

“เฮนด์เซนผู้นี้บางทีไม่รู้ว่ากระบี่อัคนีของโอลิเวอร์แฝงพลังโจมตีวิญญาณควบคู่กับการโจมทางกายหยาบด้วย”  ลินลี่ย์ไม่พูดอะไร

สำหรับเฮนด์เซนเมื่อกล้าใช้วิธีเช่นนั้นก็หมายความว่าคงมีเหตุผลพอจะมั่นใจ ลินลี่ย์ไม่ต้องการให้เฮนด์เซนถูกโอลิเวอร์ฆ่าในกระบี่เดียว  นั่นคงเป็นเรื่องน่าขันเกินไป

แสงสีขาวเจิดจ้ากระจายออกเต็มท้องฟ้าเหมือนความฝัน แสงขาวที่กระพริบแต่ละครั้งจะปรากฏร่างของโอลิเวอร์ในท้องฟ้า  ในพริบตาก็มีร่างโอลิเวอร์ 108ร่างปรากฏอยู่ในกลางอากาศ

“ใช้เคล็ดวิชาแบบนี้เองหรือ?  โอลิเวอร์ เจ้าไม่รู้หรือว่าวิชาแบบนี้ไม่มีประโยชน์จะใช้ป้องกันข้า?”  เฮนด์เซนยืนอยู่กับที่ในกลางอากาศอย่างใจเย็นและตรึงรัศมีของเขาไว้

“จริงหรือ?”

โอลิเวอร์หัวเราะอย่างเย็นชา  สิ่งประหลาดก็คือ ร่างทั้ง 108นั้นของโอลิเวอร์เคลื่อนไหวพร้อมกัน พุ่งเข้าใส่เซียนดาบจ้าวภูผาพร้อมกัน

เฮนด์เซนยืนอยู่ที่เดิมบางคราวก็ก้าวหนึ่งก้าว

ก้าวหน้าหนึ่งก้าวก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ก้าวซ้ายหนึ่งก้าวและก้าวขวาหนึ่งก้าว แต่ทุกก้าวทำให้เขาเคลื่อนไปได้หลายสิบเมตรหลบทุกการโจมตีของโอลิเวอร์ได้อย่างง่ายดาย

ในเรื่องความเร็วเฮนด์เซนไม่ได้ช้ากว่าโอลิเวอร์แม้แต่น้อย

“ท่านจะเอาแต่หลบจริงๆ หรือ?”  โอลิเวอร์ตะโกนด้วยความโกรธ

“ต่อให้ข้าสู้กับเจ้าตรงๆ เจ้าจะทำอะไรได้?”  เสียงเยือกเย็นของเฮนด์เซนดังขึ้นจากนั้นเขากลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม และจากนั้นเขารั้งรัศมีสีธาตุดินกลับมาแนบระดับร่างกาย

“วืดดด”

ร่างทั้ง 108ของโอลิเวอร์ผสานรวมเป็นหนึ่ง ร่างของโอลิเวอร์ปกคลุมไปด้วยรัศมีดำหม่นเยือกเย็นซึ่งดูเหมือนจะกลืนแสงรอบตัวเขาได้ทั้งหมด   หน้าของโอลิเวอร์ไม่อาจมองเห็นได้ชัด

“หืม?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ

ธาตุลมไม่สามารถเข้าไปใกล้โอลิเวอร์ได้

“วืดดด”

รังสีดำแหวกอากาศพุ่งโจมตีเฮนด์เซนโดยตรง  เฮนด์เซนยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับแค่ใช้หมัดขวาต่อยออกไปง่ายๆ

“บึ้ม!”เสียงระเบิดกำแพงเสียงดังได้ยินชัด

หมัดที่กระแทกลงด้วยน้ำหนักดังภูผาตรึงอากาศโดยรอบสถานที่

“บึ้ม!!!”

ในที่สุดโอลิเวอร์ก็ปรากฏตัว  กระบี่อัคนีของเขาฟันใส่หมัดของเฮนด์เซน  เมื่อเฮนด์เซนต่อยออกไปโอลิเวอร์ไม่พยายามจะหลบ กลับกระแทกกระบี่ของเขาต้านปะทะตรงๆ   พลังที่น่ากลัวจากหมัดผ่านกระบี่อัคนีและด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวแขนขวาของโอลิเวอร์บิดในลักษณะแปลกประหลาด และเขาถูกกระแทกปลิวออกไปเพราะพลังหมัดนั้น

สำหรับเฮนด์เซนยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

“เฮนด์เซน... ดูเหมือนจะลำบากแล้ว”  ลินลี่ย์มองดูเฮนด์เซนอย่างระมัดระวัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด