ตอนที่แล้วตอนที่ 259 หัวหม่าเอ้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 261 ฝ่ามือน้ำเงิน

ตอนที่ 260 พลังของกระเรียน


เสียงชักอาวุธออกจากฝักดังทั่ว  บริวารของหัวหม่าเอ้อดูไม่เหมือนทหารธรรมดาแต่พวกเขาแสดงถึงแก่นความรู้ที่พวกเขาได้ฝึกฝนมา พวกเขากระตุ้นม้าเว้นระยะช่องว่างระหว่างกัน แสดงสีหน้าเคร่งแครียดทุกคน

“ยืดด้านข้างเนินเขาข้างหน้าเราไว้”

หัวหม่าเอ้อนำขบวนไปข้างหน้า ด้านหน้าพวกเขาเป็นเนินเขาลาดมีหญ้างอกท่วมหัว ความเคลื่อนไหวศัตรูมาจากด้านอื่นของเนินเขา  ถ้าศัตรูยึดพื้นที่สูง  อย่างนั้นพวกเขาจะเสียเปรียบได้

บริวารของหัวหม่าเอ้อเชื่อใจนางเมื่อได้ยินคำสั่ง ทุกคนพุ่งไปราวกับธนูขึ้นไปยึดยอดเนินไว้ก่อน

ถังเทียนและกลุ่มมองหน้ากัน  พวกเขาจะตามพวกนั้นไปหรือไม่?

สองสามวันมาแล้วพวกเขาเดินทางทั้งวันและทั้งคืน วิ่งด้วยความเร็วสูงตราบใดที่นักสู้ไม่สนใจว่าพลังปราณแท้จะหมดสิ้นไป พวกเขาอาจทุ่มพลังวิ่งได้เต็มที่ความเร็วของพวกเขาจะรวดเร็วมากกว่ายานมาก จุดแข็งของยานขนส่งก็คือทนกว่าและสามารถบินต่อเนื่องได้เป็นเดือน

ถ้าศัตรูรอซุ่มทำร้ายอย่างรวดเร็ว  ก็หมายความว่าพวกเขามีคนแข็งแกร่งอยู่ด้วยสำหรับถังเทียนกับพวก ถือว่านี่เป็นข่าวร้าย

ถังเทียนหลิงซิ่วและอาเฮ่อวิ่งขึ้นไปที่เนินเขาทันที

เมื่อขึ้นไปถึงเนินเขาทิวทัศน์ที่ปรากฏต่อหน้าเขากว้างขวาง พวกเขามองเห็นกลุ่มคนราวๆ ร้อยคนกำลังควบม้าตรงมาทางพวกเขา  ระยะห่างระหว่างพวกเขาประมาณ 200 ก้าว

เมื่อเห็นพวกเขาแล้วถังเทียนรู้สึกว่าพวกนั้นไม่ใช่ศัตรูที่ไล่ตามพวกเขา  ทั้งสามคนถอนหายใจโล่งอก

“ฆ่า!”

เสียงตะโกนของหัวหม่าเอ้อเข้มแข็งเปี่ยมพลัง  นางเป็นหนึ่งในผู้นำเหมือนกับลูกไฟวิ่งเข้าใส่ทหารม้าฝ่ายตรงข้าม บริวารที่อยู่ด้านข้างนางทุกคนตะโกนด้วยภาษาแปลกประหลาดโดยไม่ลังเล  ทุกคนวิ่งตะลุยลงมา

“เด็กสาวที่ดุร้ายนัก” หลิงซิ่วอุทาน

ถังเทียนและอาเฮ่อรู้สึกเหมือนกัน  ศัตรูมีจำนวนมากกว่าคนของนางถึงห้าเท่าแต่พวกเขาไม่ขมวดคิ้วและมุ่งเข้าโจมตีตรงๆ

หัวหม่าเอ้อมีรังสีแดงครอบคลุมตัวนางและม้า  ม้าของนางเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่ม้าธรรมดา  ความเร็วของมันเหมือนกับสายฟ้าเทียบกับฟลามิงโกของหลิวซิ่วแล้วมิได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด

หัวหม่าเอ้อตวาดเสียงดังเข้มแข็ง  มือของนางกวัดแกว่งมีดใหญ่มีรังสีดาบสีแดงแผ่ออกพร้อมกับเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าหาศัตรู

ศัตรูสามคนหลบไม่ทันเวลา  เลือดสาดกระจายพวกมันร้องโหยหวนและร่วงลงจากม้า

ทั้งสองฝ่ายรวดเร็วมาก  ขณะที่หัวหม่าเอ้อปลดปล่อยพลังดาบนางตะลุยเข้าหาศัตรู ดาบหัวตัดของนางดูแปลกแต่คล่องแคล่ว ใช้ออกครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่ปลดปล่อยพลังรังสีดาบฝ่าอากาศ จะมีคนผู้หนึ่งร่วงลงทุกดาบ

“แข็งแกร่งมาก” อาเฮ่อโห่ร้อง “อย่างน้อยนางน่าจะแข็งแกร่งพอๆ กับคนในทำเนียบสวรรค์วิถี”

“ทรงพลังมาก” ถังเทียนประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสตรีที่แข็งแรง “วิชาดาบของนางแข็งแกร่ง และการใช้ดาบของนางทำได้รวดเร็ว  ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าไวกว่า หรือว่านางไวกว่า?”

หลิงซิ่วแค่น“นางยังไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ข้า”

คำพูดที่หยิ่งยโสนั้นทุกคนคาดไว้แล้วว่าต้องได้ยินจากหลิงซิ่ว

ทุกการฟาดฟันของหัวหม่าเอ้อล้วนสร้างกำลังใจให้กับบริวารของนางทำให้พวกเขายิ่งไม่มีความกลัว เมื่อเห็นว่าการรวมตัวของฝ่ายตรงข้ามถูกกดดันจนสับสน  หัวหม่าเอ้อคิดว่าต้องเพิ่มพลัง เพื่อกดดันคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้

กองกำลังของศัตรูสับสนมากขึ้นและม้าที่ไร้เจ้าของวิ่งพล่านไปทุกที่  ม้ามีราคาแพงและมีค่ามากดังนั้นไม่มีใครผลีผลามฆ่าพวกมัน

หัวหม่าเอ้อสังเกตว่ากองกำลังศัตรูมีบุรุษร่างกายแข็งแกร่งกำยำคนหนึ่งซึ่งใช่กระบองเขี้ยวหมาป่า  เขาทำร้ายคนของนางไปสามคนแล้ว รังสีฆ่าฟันเพิ่มขึ้นในดวงตาของหัวหม่าเอ้อ  นางกระตุ้นม้าของนางควบไปข้างหน้า  ดาบหัวตัดในมือนางห้อยลงตามธรรมชาติเหมือนกับหลิวลู่ลม นางวิ่งออกไปด้วยจังหวะที่มิอาจบรรยายได้

นางไปได้เร็วมากเหมือนสายฟ้าสีแดงทันทีที่นางวิ่งมาประจันหน้ากับบุรุษร่างใหญ่ ดาบหัวตัดในมือของนางสั่น  รังสีดาบเยือกเย็นพุ่งตรงไปที่หน้าของบุรุษร่างใหญ่กำยำ

กระบองถูกเหวี่ยงออกมาต้านปะทะรังสีดาบไว้ทันที  บุรุษร่างใหญ่ยิ้มทันที

ม่านตาของหัวหม่าเอ้อหดแคบ  ไม่ดีแน่!

ควั่บ

กระบี่หนามแทงเสียบคาดท้องม้าของนางโดยไม่มีเสียงเสียบเข้าร่างม้าเงาร่างสั้นเล็กเลือนลางพุ่งออกมาจากม้าของบุรุษตัวใหญ่กระแทกเข้าไปในท้องม้าของนาง

หัวหม่าเอ้อไม่มีเวลาจะป้องกันได้ปราณกระบี่สีฟ้าหนาแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของนาง เลือดของนางไหลออกมีรูปรากฏขึ้นทันที

กระบองในมือบุรุษร่างใหญ่หวดตรงใส่นางทันที

หัวหม่าเอ้อรู้สึกเหมือนกับว่าปะทะเข้ากับกำแพงแข็งแรง  นางส่งเสียงครางและปลิวกระเด็นทันที

แต่ก่อนที่นางจะมีโอกาสร่วงสู่พื้นรังสีเยือกเย็นสีฟ้าปรากฏต่อหน้าต่อตาของนาง

นางรู้สึกเหมือนกลายเป็นน้ำแข็ง  ขณะที่เลือดของนางแข็งตัว

นางจำได้ว่านักฆ่าผู้นี้ก็คือเยี่ยนจุ่ยจือ!

ด้วยพลังของเยี่ยนจุ่ยจือนางตระหนักว่านางกำลังจะพ่ายแพ้ และความสิ้นหวังฉายอยู่ในดวงตานาง

ทันใดนั้นประกายไฟแพรวพราวที่มองเหมือนกับธนูไฟพุ่งวาบเข้ามาในสายตาของนาง คลื่นประกายไฟนี้ปะทะเข้ากับรังสีกระบี่น้ำเงินและแตกระเบิดออก

หัวหม่าเอ้อรอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิดและอยู่ในสภาพตื่นเต้น นางถอยกลับมาในระยะห่างโดยไม่รู้ตัว

หลังจากถอยออกมาสองสามเมตรแล้วนางจึงเห็นได้ชัดว่าถังเทียนกำลังยืนอยู่หน้านาง

เจ้าผู้นี้...สามารถป้องกันกระบี่ของเยี่ยนจุ่ยจือได้จริงๆ

ถังเทียนตะโกน “เฮ้,พวกเจ้าฆ่านางไม่ได้นะ และข้าไม่ต้องการฆ่าพวกเจ้าด้วย  ไสหัวไปซะ!  ข้าไม่อยากสร้างความลำบากให้พวกเจ้าทุกคน”

หัวหม่าเอ้อสีหน้าแข็งค้าง  ลึกๆ แล้วนางสงสัยว่าสมองของถังเทียนคงมีปัญหาเขาพูดคำพูดที่น่าขายหน้าแบบนั้นออกมาได้ยังไง?

ตอนนี้เองที่นางได้เห็นร่างของเยี่ยนจุ่ยจือ  เยี่ยนจุ่ยจือตัวเตี้ยมาก สูงเพียง 1.6เมตรด้วยรูปลักษณ์หม่นหมองเย็นชาคล้ายกับงู ในมือของเขาถือกระบี่เรืองแสงสีฟ้า

นัยน์ตาของเยี่ยนจุ่ยจือหรี่มอง“เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าชื่อถังเทียน!” ถังเทียนตบอกตนเองด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจ  “ข้าเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีเชียวนะและข้าแข็งแกร่งมากเสียด้วย”

ทุกคนมองดูถังเทียนและทำสีหน้าประหลาด หัวหม่าเอ้อหน้าแดงและรู้สึกอายแทนเขา  ท่าทีที่หน้าภาคภูมิใจของเขาเหมือนพวกอันธพาลมากกว่าที่จะมีวี่แววของวีรบุรุษ

นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี,เจ้าต้องโกหกแน่ๆ....

แววเย้ยหยันปรากฏในดวงตาของเยี่ยนจุ่ยจือ“นักสู้สวรรค์วิถีน่ะหรือ? อ่าฮะ”

เขาหายไปทันทีและกลุ่มแสงสีน้ำเงินเข้มมาปรากฏอยู่ที่คอของถังเทียน

บุรุษร่างใหญ่ฉวยโอกาสเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเขาวิ่งไปข้างหน้าเฉียดผ่านศีรษะของถังเทียนไป  และหวดกระบองเขี้ยวสุนัขป่าในมือใส่หัวหม่าเอ้อ!

ติง!

ร่างสีดำมาถึงทันเวลารังสีกระบี่ขาวเหยียดใช้ปลายค้ำกระบองไว้ได้

บุรุษร่างใหญ่ถือกระบองเขี้ยวสุนัขป่ารู้สึกแต่เพียงว่ารังสีกระบี่แหลมคมชำแรกผ่านปราณแท้ของเขาชอนไชเข้าไปในเส้นชีพจรของเขาและทำให้เขาตกใจอย่างช่วยไม่ได้  ร่างใหญ่ราวกับหอเหล็กปลิวกระเด็นไปด้านหลัง

ถึงเวลานี้ถังเทียนก็เคลื่อนไหว

กรงเล็บแมวปล่อยรังสีเลือดสามสายป้องกันข้างหน้าถังเทียนไว้สกัดกระบี่หนามของเยี่ยนจุ่ยจือไว้ได้ ร่างของถังเทียนไม่ขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว

ประกายแสงเยือกเย็นวาบผ่านนัยน์ตาของเยี่ยนจุ่ยจือ กระบี่หนามของเขาถูกกระตุ้นทันทีและยิงรังสีกระบี่ใส่หน้าของถังเทียน

แม้ถังเทียนเองก็คาดการณ์ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ไว้แล้วเขาขยับศีรษะก็หลบได้อย่างสบาย

ตาของเยี่ยนจุ่ยจือหดลีบเหลือจุดเล็กๆ  เขาคือยอดฝีมือ!

ปราณแท้ของเขาทะลักออก  กระบี่หนามที่ถูกสกัดไว้ปล่อยระลอกคลื่นเหมือนกับงูยักษ์ที่ดิ้นรนด้วยพละกำลังของมันเอง

ทันใดนั้นถังเทียนยิ้มให้เยี่ยนจุ่ยจือทำให้เขาใจเต้นผางกระบี่หนามที่พันรัดหลุดออกเป็นอิสระทันที เยี่ยนจุ่ยจือดีใจแล้วถอยออกมา แต่ทันใดนั้นปราณแท้ที่แหลมคมทะลวงผ่านเส้นชีพจรของเขาจากกระบี่หนาม

ไม่ดีเลย!

เยี่ยนจุ่ยจือรู้สึกเหมือนมีสว่านเจาะเข้าไปในเส้นชีพจรของเขาทำให้หน้าของเขาเปลี่ยน  ปราณเที่ยงแท้ในร่างของเขาปั่นป่วนเกือบไปหมด  เขากระอักเลือดไม่สามารถข่มระลอกปราณและเลือดในร่างกายได้  เข้าก้มหน้าวิ่งหนีทันที

เขาติดกับดัก!

คนผู้นี้ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง  ท่าทีโง่งมที่เขาแสดง เป็นการหลอกลวงเขา

ถังเทียนลืมไล่ตามเช่นกัน เขายืนมึนงงอยู่ที่เดิมและพยายามทบทวนความรู้สึกของการโจมตีนั้น  พลังของเขาแข็งแกร่งมากกว่าเยี่ยนจุ่ยจือแน่นอน  แต่ว่ากันในเรื่องปะทะฝีมือ หากไม่สู้กันอย่างน้อยสิบกระบวนท่าก็ยากจะบ่งบอกได้ว่าใครชนะ  แต่สัญชาตญาณของเขาทำให้คาดถึงปฏิกิริยาตอบโต้ของคู่ต่อสู้ได้  และยืมพลังจากการถอนถอยของคู่ต่อสู้  เขาฉวยโอกาสส่งปราณแท้ของเขาเองบางส่วนไปด้วย คาดไม่ถึงเลยว่าผลจะออกมาดีและไม่ธรรมดาอย่างมาก

อย่างนั้นปราณแท้ก็สามารถใช้อย่างนั้นก็ได้สินะ!

เหมือนกับว่าถังเทียนเปิดหน้าต่างแห่งความเป็นไปได้อีกบานหนึ่งใช้พลังเล็กน้อยครอบงำพลังใหญ่ แทนที่จะส่งปราณเที่ยงแท้ออกไป จะได้ผลน้อยกว่าฉวยโอกาสจากศัตรู  ถ้าใช้ได้สมบูรณ์แบบ โดยใช้ปราณเที่ยงแท้เพียงเล็กน้อยก็สามารถเพิ่มผลที่ได้ไม่ธรรมดา

ความแข็งแกร่งและอ่อนแอมีความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปรตลอดกาล

ร่องรอยสาระสำคัญปรากฏวาบผ่านในดวงตาถังเทียน  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะเขาได้รู้แจ้งวิทยายุทธของเขาอย่างเต็มที่แล้วเขาสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย

ปราณเที่ยงแท้ในร่างเขาเพิ่มขึ้นพรวดพราด  พลังร่างกระเรียนผ่อนคลายจากนั้นก็กระชับกลายเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้เลือนราง  พลังร่างกระเรียน, พลังร่างกระเรียน... แก่นสำคัญที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นรูปร่างของตัวกระเรียน แก่นแท้ก็คือเรื่องความเปลี่ยนแปลงและแรงสั่นสะเทือนของร่างกระเรียน!

เปลี่ยนแปลงและสั่นสะเทือน!

ใช่แล้ว สั่นสะเทือน!

พลังมาจากการสั่นสะเทือนที่แตกต่าง

ถังเทียนไม่อาจทนได้อีกต่อไป  เขาแหงนหน้ามองฟ้าและส่งเสียงกู่ร้อง  ร่างกระเรียนภายในร่างของเขาไม่ถูกกักขังและถูกจำกัดในรูปร่างของกระเรียนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว  ทันใดนั้นมันสยายปีกยืดคอยืนตรงและมีความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งนี้เนื่องมาจากปราณแท้เล็กน้อยนับไม่ถ้วนมาบรรจบในตัวกระเรียนจนกระตุ้นให้มันทำงานทันทีเหมือนกับว่าพวกมันฟื้นขึ้นมาจากความตาย

ร่างกระเรียนนี้ตอบสนองต่อถังเทียนโก่งคอร้องออกมา  ร่างของถังเทียนจู่ๆก็มีความยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจบรรยายได้

เสียงร้องไพเราะชัดเจนแต่ไม่กึกก้อง มันดังชัดในหูภายในระยะห้ากิโลเมตร

จู่ๆอาเฮ่อตัวสั่นและหันไปมองถังเทียนอย่างเหลือเชื่อ นั่นคือ... พลังกระเรียน

รู้แจ้งแก่นแท้ของพลังร่างกระเรียนและจากนั้นก็เรียนรู้พลังของกระเรียน....

หลิงซิ่วมองดูถังเทียนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ   เจ้าหมอนี่บรรลุพลังระดับใหม่อย่างนี้หรือนี่?

เสียงร้องที่ยาวนานทำลายกำลังใจของศัตรู  ขณะที่หัวหม่าเอ้อตะลึงมองดูถังเทียนเสียงกู่ร้องที่ยาวนานไม่รู้จบและไม่ใส่ใจถึงปราณเที่ยงแท้ของนาง  มันชอนไชเข้าหัวใจนาง แต่นางไม่รู้ว่าจะต่อต้านได้อย่างไร

เยี่ยนจิ่วจือกำลังหนีสุดชีวิตก็ได้ยินเสียงร้องนั้นทำให้ปราณเที่ยงแท้ในร่างของเขาปั่นป่วน เขาร่วงลงจากฟ้าหน้ากระแทกดินทันที สีหน้าของเขาตกตะลึง ไม่มีร่องรอยของความตั้งใจสู้อยู่เลยเขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนและวิ่งหนีไปอย่างแตกตื่น

ถังเทียนค่อยๆลืมตาขึ้น ร่างกระเรียนในตัวเขายังเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง ดวงตาของเขากระจ่างดุจสายน้ำใสไม่มีอะไรเจือปน  แม้แต่อากาศรอบตัวเขา ก็ค่อยๆ บริสุทธิ์กระจ่างปราศจากฝุ่นและสิ่งสกปรกฟุ้งกระจาย

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าคือหนุ่มน้อยชาวฟ้าจริงๆ แล้ว!”

ในท่ามกลางความเงียบสงัดจู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะของถังเทียนดังออกมาแสบแก้วหู ทำให้คนอื่นตกตะลึง

บรรยากาศเสียไปในลักษณะนี้ ทุกคนตะลึงมองถังเทียนเอามือเท้าสะเอวแหงนหน้าแหกปากหัวเราะ  เจ้าคนลำพองผู้นี้ทำให้คนอื่นคิดอะไรไม่ออก

นี่ นี่ นี่...ความเปลี่ยนแปลงนี้ กะทันหันเกินไป....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด