ตอนที่แล้วตอนที่ 9-21 ศิษย์อาวุโสที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-23 ชีพจรคุ้มกัน

ตอนที่ 9-22 เทพสงครามเรียกตัว


หลังจากพูดคำเหล่านี้เสร็จเฟนหันหลังเดินไปที่ขอบของยอดเขา ปล่อยให้ลมพัดใส่ชุดยาวของเขา  ขณะที่ลินลี่ย์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมค่อยไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้

จากผู้ตรวจสอบพลังเซียนฮ็อดเดิล ลินลี่ย์ได้รู้ว่าเมื่อไปถึงระดับเซียนแล้วนักสู้สามารถไปจากทวีปยูลานได้

จากมุมมองของเฟนลินลี่ย์ได้เรียนรู้ว่าดินแดนทวีปยูลานยังคงมีความลับสำคัญผู้สืบทอดของยอดฝีมือจากดินแดนอื่นเมื่อห้าพันปีที่แล้วเกี่ยวข้องกับความลึกลับนี้

ความจริงนับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้วที่ลินลี่ย์มาถึงในระดับปัจจุบันนี้ได้เมื่ออายุ27 ปี ที่สำคัญก็คือยอดฝีมือที่ทรงพลังมากทุกคนที่ฝึกลับๆอยู่ที่นี่ในทวีปยูลานล้วนฝึกฝนมานานนับปีไม่ถ้วน

“เฮ้อ..” ลินลี่ย์ถอนหายใจ

“ทำไมต้องกังวลมากด้วยนักเล่า?  ตราบใดที่น้องชายของข้าและข้ายังมีความสุขและตราบใดที่ข้าสามารถกำจัดศาสนจักรเจิดจรัสเพื่อแก้แค้นให้บิดามารดาข้าก็น่าจะพอใจแล้ว”

เป้าหมายปัจจุบันของลินลี่ย์จะต้องไปให้ถึงระดับพลังที่แน่นอน

สำหรับตัวลินลี่ย์เอง  เขาเพลิดเพลินกับเส้นทางการฝึกฝนอยู่แล้ว

เส้นทางการฝึกฝนของเขาเต็มไปด้วยอุปสรรค,ขอบผาที่ไม่มั่นคงและอันตราย  คนที่มีพลังแข็งแกร่งหลายคนเสียชีวิตอยู่ในเส้นทางนี้  จะมีสักกี่คนเชียวที่ไปถึงจุดสุดยอดได้

ในทั่วทั้งทวีปยูลาน  มียอดฝีมือระดับเทพเพียงห้าคน

นับตั้งแต่เริ่มเดินทางในเส้นทางนี้ เป้าหมายของลินลี่ย์ก็เพื่อขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทวีปยูลาน เมื่อเขาเดินในเส้นทางนี้ขณะที่ยังเยาว์วัย เขาเตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ที่อาจต้องตายและล้มเหลว

“เมื่อข้าหกขวบ เพราะข้าไม่สามารถฝึกปราณยุทธเลือดมังกรได้ ฝันของข้าคือกลายเป็นนักรบระดับเจ็ดหรือระดับแปด  จากนั้นมาข้าไม่เพียงแต่กลายเป็นนักรบเลือดมังกรเท่านั้น ข้ายังกลายเป็นจอมเวทอัจฉริยะแห่งสหภาพศักดิ์สิทธิ์”

“เมื่อข้ายังเล็ก ข้าฝันอยู่เสมอว่าจะไปให้ถึงระดับเซียน  และตอนนี้ ข้ากลายเป็นระดับเซียนชั้นสูงแล้ว”

ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม

เขามีความมั่นใจ

“เฟน? ในอนาคตไม่ยาวนานเกินไป  ข้าจะต้องเอาชนะเขาให้ได้เช่นกัน”  ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นเต็มที่ยิ่งยอดฝีมือที่เขาเอาชนะได้ มีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่  ก็ยิ่งจะทำให้เขาพอใจ

สิ่งที่ขับเคลื่อนคนที่แท้จริงไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ออกมา  หากแต่เป็นการเอาชนะอุปสรรคและก้าวหน้าสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ

เฟนหันหน้าและมองดูลินลี่ย์

“ตอนนี้เจ้าพักอยู่ตรงนี้ไปก่อนพอถึงเวลากลางคืน ข้าจะพาเจ้าไปพบกับอาจารย์” เฟนยิ้ม

“เทพสงคราม?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

เทพสงครามต้องการพบเขาเป็นการส่วนตัว?

“เป็นธรรมดาอาจารย์มีเรื่องต้องการพูดคุยกับเจ้า ตอนนี้เจ้าฝึกอยู่ที่นี่ไปเงียบๆ ก่อนถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการ เจ้าบอกข้าได้” เฟนไม่ต้องการเสียเวลากับลินลี่ย์อีกต่อไป เขาเดินไปที่แท่นศิลาซึ่งถูกขัดมันจากการนั่งของเขามานับครั้งไม่ถ้วนพอเขาตั้งท่านั่งสมาธิได้ ก็หลับตาทันที

ลินลี่ย์มองดูเฟนนั่งสมาธิ

“เทพสงครามต้องการอะไรกันแน่?”  ลินลี่ย์ไม่คิดมากเกินไป  เขานั่งลงและเริ่มทำสมาธิเงียบๆ เช่นกัน

…..

เวลาผ่านไปในพริบตาเดียว พระอาทิตย์อัสดงค์

เฟนนั่งเข้าสมาธิอยู่เงียบๆบนก้อนหิน  ทันใดนั้นร่างของเขาพลันเลือนราง จากนั้นหายไปจากด้านบนโขดหินและมาปรากฏอีกที่หนึ่ง

เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์เข้าสมาธิเงียบอยู่ตลอดเวลา  เฟนอดพยักหน้าให้ไม่ได้

ยอดฝีมือที่แท้จริงต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและสันโดษ

ตัวอย่างเช่นโอลิเวอร์ทำสมาธิอยู่เงียบๆ บนยอดเขารกร้างเป็นเวลาสามปีเต็ม ทางด้านลินลี่ย์ก็ใช้เวลาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในเทือกเขาอสูรวิเศษถึงสามปี  ถ้าเขาไม่สันโดษอดทน ระดับของพรสวรรค์ของเขาคงไม่แตกต่างกัน

“ลินลี่ย์!  ได้เวลาแล้วไปพบอาจารย์พร้อมกับข้าเถอะ” เฟนยิ้ม

ลินลี่ย์ลืมตาขึ้นเช่นกันและติดตามเฟนไปทันที

เฟนเดินเลียบข้างยอดเขาและจากนั้นก็เริ่มเหินลงมา แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่สามารถบินได้ในร่างของมนุษย์  แต่ลินลี่ย์กระโดดลงมาจากยอดเขาเช่นกันทำให้เขาเลื่อนลอยลงมาดูสง่างาม

เนื่องจากความเชี่ยวชาญธาตุลมของเขาลินลี่ย์สามารถชลอความเร็วในการเลื่อนลงมาได้

ในไม่ช้าเฟนก็ลงพื้นตรงจุดครึ่งทางของภูเขาและลินลี่ย์ก็ลงมาหยุดอยู่ที่พื้นเช่นกัน

“มากับข้า”เฟนเดินนำตรงเข้าไปในอุโมงค์ธรรมชาติ ลินลี่ย์รู้สึกค่อนข้างงง ความจริงเทพสงครามอาศัยอยู่ในอุโมงค์หรือ?

อุโมงค์คดเคี้ยวซ้ายและโค้งไปทางขวา  หลังจากนั้นเป็นเวลานานก็ถึงในจุดที่เป็นส่วนลึก หลุมที่มองไม่เห็นก้น เมื่อมองลงไปไม่มีอะไร นอกจากเห็นแต่ความมืด

“ลงไปกันเถอะ” เฟนกระโดดลงตรงๆ และลินลี่ย์ตามเขาลงไป

“ควั่บ ควั่บ”

ทั้งสองคนร่วงลงมาด้วยความเร็วสูง  ลินลี่ย์ลอบตกใจ  “เราร่วงลงมาอย่างน้อยสองพันเมตร  ตอนนี้เราอยู่ในระดับต่ำกว่าพื้นดินแล้ว”

หลังจากร่วงลงมาเป็นเวลานาน  เฟนและลินลี่ย์ลอยลงมายืนบนพื้นอย่างสง่างาม

และลินลี่ย์เดินตามเฟนขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในอุโมงค์  อุณหภูมิของอุโมงค์เพิ่มสูงขึ้นทุกที

“อุณหภูมิสูงเหลือเกิน”

แม้แต่ลินลี่ย์ก็ไม่กล้าต้านรับความร้อนที่น่ากลัวนี้ด้วยร่างกายของเขาเฉพาะ เขาต้องใช้ปราณยุทธเพื่อปกป้องฝ่าเท้าและผิวและศีรษะของเขามีชั้นปราณยุทธสีดำ-ฟ้า

หากไม่มีปราณยุทธคอยปกป้องมีแนวโน้มว่าลินลี่ย์คงจะติดไฟเป็นแน่

หินที่อยู่บนผนังเป็นสีแดงด้วยความร้อน  หลังจากเดินมาได้ชั่วระยะหนึ่ง ลินลี่ย์เห็นประตูศิลาสีดำสนิทอยู่ต่อหน้าเขา  แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงจัด แต่ประตูศิลาก็ไม่เปลี่ยนเป็นสีแดงเลยสักนิด  มันสร้างขึ้นมาจากวัสดุที่ไม่ธรรมดา

“ควั่บ”

ลมอากาศร้อนพัดมาจากอีกด้านของประตูพร้อมกับปรากฏภาพสง่าเลือนราง  เมื่อพบกับการปรากฏตัวที่สง่างามแบบนี้ ลินลี่ย์รู้สึกมีแรงกระตุ้นให้ต้องคำนับภาพที่ปรากฏนั้น

“อาจารย์, ข้าพาลินลี่ย์มาพบ”เฟนเรียนด้วยความเคารพ

เทพสงคราม?

เทพสงครามอยู่หลังประตูนี้!

ลินลี่ย์มีความสงบอยู่แต่ก่อนนี้แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาอดเต้นแรงไม่ได้ ความจริงเขายืนอยู่ต่อหน้าหนึ่งในหกสุดยอดฝีมือของทวีปยูลาน  โดยมีเพียงประตูศิลากั้นระยะระหว่างพวกเขา

“ดีแล้ว เฟน, ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”  เสียงสงบเย็นดังขึ้น

“ขอรับ, อาจารย์”  เฟนเดินแยกออกมาด้วยความเคารพ

ลินลี่ย์ยังคงยืนอยู่กับที่  รอคอยให้เทพสงครามถามเขาอย่างสงบ

“ลินลี่ย์, อายุยี่สิบเจ็ดปีเป็นจอมเวทระดับเก้า ได้ดำเนินตามเส้นทางเพื่อเข้าใจกฎธรรมชาติ...”  เสียงของเทพสงครามยังคงสงบ  “ลินลี่ย์ เจ้าไม่เลวเลย”

ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเสียงของเทพสงครามดูเหมือนจะทำให้วิญญาณของเขาสะท้าน เขารู้สึกได้ว่าถ้าเทพสงครามขึ้นเสียงอีกเล็กน้อยอาจทำให้วิญญาณของเขากระเจิงและพังทลาย

“ขอบคุณที่ท่านชมเชย ท่านเทพสงคราม”  ลินลี่ย์พูดอย่างนอบน้อม

“ข้าสั่งให้เฟนบอกเจ้าถึงสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องรู้   ที่ด้านนอกประตู จะมีเครื่องรางแดงสั่งการ  รับไปซะ จากวันนี้ไปเจ้าถือว่าเป็นคนฝ่ายเดียวกับข้า” เทพสงครามกล่าวอย่างสงบ

ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน

นับว่าเป็นคนฝ่ายเดียวกับเทพสงคราม?

เขาหันไปดูที่ด้านข้างประตูมีแผ่นหินลอยอยู่ มีเครื่องรางสีแดงซึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นในอากาศและบินเข้าหาลินลี่ย์

ด้านบนตราเครื่องรางแดงสลักคำไว้ว่า“สงคราม!”

“เทพสงครามคิดอะไรอยู่?  ข้านับได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกับเขาอย่างนั้นหรือ?”  ลินลี่ย์รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เทพสงครามบังคับให้เขาเข้าพวกด้วยโดยไม่ถามหรือบอกกล่าวเขา

เสียงสงบของเทพสงครามดังขึ้นอีกครั้ง  “เนื่องจากระดับพลังปัจจุบันของเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติได้รับเครื่องรางนี้  อย่างไรก็ตาม.. ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องถึงระดับนั้นได้ในไม่ช้าหรือในอนาคต  ซึ่งก็คือเหตุผลที่ข้ามอบให้เจ้าล่วงหน้า  เมื่อเจ้ามีเครื่องรางนี้  เจ้าจะมีคุณสมบัติสืบสวนความลับของทวีปยูลาน”

“ความลับของทวีปยูลาน?”  ลินลี่ย์กล่าว

“เมื่อร่างมนุษย์ของเจ้าถึงระดับเซียน หรือ..เมื่อเจ้าเอาชนะเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนได้ จงมาพบข้าอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าจะมีคุณสมบัติได้รับรู้ความลับนี้ จากนั้นเจ้าก็จะคู่ควรกับเครื่องรางนี้อย่างแท้จริง”  เทพสงครามกล่าวอย่างใจเย็น

จากคำพูดของเทพสงคราม ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความหยิ่งอย่างเดียวดาย

ในสายตาของเทพสงคราม ลินลี่ย์ปัจจุบันนี้ยังไม่มีคุณสมบัติครอบครองเครื่องรางนี้  ในสายตาของเขา พลังของลินลี่ย์ยังค่อนข้างอ่อน

ลินลี่ย์รู้ขีดจำกัดของตนเองดีเช่นกัน

“เทพสงคราม” ลินลี่ย์พูดด้วยความเคารพ  “ท่านแค่พูดว่าเมื่อร่างมนุษย์ของข้าถึงระดับเซียนหรือเมื่อข้าเอาชนะเซียนดาบจ้าวภูผางั้นหรือ?  นั่นหมายความว่าท่านเทพสงครามรู้สึกว่าหลังจากร่างมนุษย์ของข้าถึงระดับเซียนข้าก็จะเอาชนะเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนได้ใช่ไหม?”

เทพสงครามเงียบไปชั่วครู่

“เซียนดาบจ้าวภูผานั้นได้ชื่อว่าเป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก  แม้ว่าในสายตาของเซียนชั้นสูงอื่นๆ เหล่านั้นผู้หลบซ่อนตัวอยู่ทั่วโลก  เขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีชื่อเสียงเช่นนั้น ระดับพลังปัจจุบันของเฮนด์เซนอาจนับได้ว่าเทียบเท่ากับพวกที่ฝึกฝนมาหลายพันปี”

ลินลี่ย์เข้าใจ

“ขณะที่การบรรลุระดับเซียนในร่างมนุษย์ของเจ้า...ถ้าเจ้ายังไม่สามารถเอาชนะเฮนด์เซนได้ ต่อให้ร่างมนุษย์ของเจ้าถึงระดับเซียนก็ตาม  อย่างนั้นข้าคงรู้สึกอายแทนต่อบรรพบุรุษของเจ้า”เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น

ลินลี่ย์หัวเราะ

เห็นได้ชัดว่าเท่าที่เทพสงครามกังวล เมื่อร่างมนุษย์ของลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียน ลินลี่ย์จะต้องมีพลังอยู่เหนือเฮนด์เซนแน่นอน  แต่เทพสงครามในตอนนี้เหมือนจะรู้สึกว่าเขายังไม่สามารถเอาชนะเฮนด์เซนได้

“ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเทพสงครามรู้เรื่องพลังรุกของเคล็ดวิชาสัจธรรมแห่งธาตุดิน”  ลินลี่ย์พูดกับตนเอง

แม้ว่าเทพสงครามจะมีพลังระดับเทพ  แต่เขาคงไม่รอบรู้ไปทั้งหมด

“ลินลี่ย์ ข้าจะแนะนำอะไรเจ้าสักอย่าง!”  จู่ๆ เทพสงครามก็พูดขึ้น

“ท่านเทพสงคราม, เชิญบอกเถิด”  ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย  และเขาตั้งใจฟังทันที เทพสงครามกลายเป็นระดับเทพมาเกินกว่าห้าพันปีแล้ว คำแนะนำของเขาจะทำให้ลินลี่ย์หลีกเลี่ยงก้าวย่างที่ผิดพลาด

เสียงสงบนั้นดังมาจากเบื้องหลังประตู  “กฎแห่งธาตุมีสัจธรรมอยู่ทุกประเภท  สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเลือกเส้นทางเดียวและทำตามจนหาข้อสรุปให้ได้  จะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ฝึกในหลายเส้นทางพร้อมกัน”

ลินลี่ย์สะดุ้ง  กฎแห่งธาตุไร้ขอบเขตอย่างแน่นอน  ตัวอย่างเช่นลินลี่ย์กำลังวิเคราะห์เรื่องสำคัญของธาตุลมสองด้านคือความเร็ว  และความเร็วสูงสุด

เรื่องที่สองก็คือเป้าหมายของดาบโจมตีครั้งเดียวอย่างเช่นทำนองสายลมของเขา

“ท่านเทพสงคราม ทำไมข้าจึงต้องเลือกทางเดียว?” ลินลี่ย์ถาม

“โดยธรรมชาติ ถ้าเจ้ามีความต้องการมาก  เจ้าก็สามารถวิเคราะห์ในหลายด้านของกฎธาตุได้ไม่มีใครบังคับเจ้าให้หยุดทำเช่นนั้น ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทำตามคำแนะนำของข้าหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า เอาละข้าจบเรื่องแล้ว  ตอนนี้เจ้าไปได้”  เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น

ลินลี่ย์รีบกล่าว  “ท่านเทพสงคราม  ข้าอยากจะถาม พลังหรืออำนาจแบบไหนที่เครื่องรางนี้จะมอบให้ข้า?”

“การครอบครองเครื่องรางนี้ก็คือสัญลักษณ์ว่าเจ้ามีคุณสมบัติเข้าสู่ตำแหน่งของผู้ที่จะได้รู้ความลับของทวีปยูลาน  สำหรับเรื่องอย่างอื่น... ต่อให้เจ้าตายข้าก็ไม่ข้องเกี่ยวด้วย เจ้าต้องพึ่งพาตนเอง”

“อย่างนั้นท่านเทพสงคราม  ข้าอยากจะถามตอนนี้ในทวีปยูลานมีระดับเทพอยู่กี่คน?” ตั้งแต่พบเฟน ลินลี่ย์มีความสงสัย

เป็นไปได้ไหมว่าทวีปยูลานมีเทพมากกว่าห้า?

“โดยรวมก็มีอยู่ห้า”  เทพสงครามพูดอย่างใจเย็น  “ซีซาร์นั้นเพิ่งจะบรรลุเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง”

ลินลี่ย์รู้สึกโล่งใจ

ทวีปยูลานมีระดับเทพยืนอยู่บนยอดเพียงไม่กี่คน

“ท่านเทพสงครามทำไมท่านถึงมอบเครื่องรางนี้ให้ข้า? ก่อนหน้านี้ ทำไมท่านถึงช่วยน้องชายข้า?” ลินลี่ย์ถาม ลินลี่ย์สงสัยเรื่องนี้มาโดยตลอด มีความสัมพันธ์ใดระหว่างเทพสงครามกับเขา?

เท่าที่ลินลี่ย์บอกได้  เทพสงครามไม่ต้องการอะไรจากเขา

ที่สำคัญคือเทพสงครามมีพลังเหนือล้ำเขามากมาย

“เจ้าถามคำถามมากเกินไป”

เสียงของเทพสงครามกลายเป็นเย็นชา  “ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว  สำหรับตอนนี้ อย่าคิดฟุ้งซ่านอะไรให้มาก  ตั้งหน้าฝึกฝนให้ดี  หลังจากเจ้าเอาชนะเฮนด์เซนได้หรือหลังจากเจ้าบรรลุระดับเซียนในร่างมนุษย์ ค่อยมาหาข้าอีกครั้ง”

เมื่อได้ยินว่าเทพสงครามเริ่มรำคาญเขา  ลินลี่ย์รู้ตัวว่าเขาควรทำเช่นไร

“ท่านเทพสงคราม, อย่างนั้นข้าขออำลา”

ลินลี่ย์ออกมาทันทีเขาร่ายเวทเงาลมก็เหาะออกมาจากหลุมลึก จากนั้นออกจากอุโมงค์ หลังจากออกจากอุโมงค์ปล่อยให้ลมภูเขาพัดใส่  ลินลี่ย์ระบายลมหายใจยาว

แม้ว่าจะถูกคั่นจากเทพสงครามด้วยประตูหินบานเดียว แต่ลินลี่ย์ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันเมื่อคุยกับบุรุษผู้นี้

“เป็นคนฝ่ายเดียวกับเขา?”  ลินลี่ย์จ้องดูเครื่องรางสีแดงสดในมือ เครื่องรางสีแดงสดในมือเปล่งประกายแสงสีทอง  ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นวัสดุแบบนี้มาก่อน

เพียงแค่พลิกมือลินลี่ย์ก็เก็บเครื่องรางสีแดงไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติจากนั้นลงมาจากภูเขาเทพสงคราม

ระหว่างทางลงเขาลินลี่ย์ยังคงคิดเรื่องคำแนะนำสุดท้ายของเทพสงคราม

“กฎธรรมชาติของธาตุมีสัจธรรมรวมอยู่ทุกชนิด สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือเลือกทางเดียวและทำตามจนได้บทสรุป”

ปัจจุบันนี้เขาเพ่งอยู่ที่ชีพจรโลก

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะเขาไม่คิดถึงมันอีกต่อไป และเดินทางออกจากภูเขาเทพสงครามกลับเข้าเมืองหลวง

ครั้งต่อไปที่ลินลี่ย์จะกลับมาที่ภูเขาเทพสงคราม  ก็ต้องหลังจากเอาชนะเฮนด์เซนหรือเมื่อร่างมนุษย์ของเขาเข้าถึงระดับเซียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด