ตอนที่แล้วตอนที่ 9-20 วิทยาลัยเทพสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9-22 เทพสงครามเรียกตัว

ตอนที่ 9-21 ศิษย์อาวุโสที่สุด


ลมภูเขาพัดหวีดหวิวกระหน่ำขณะเดินขึ้นภูเขาลินลี่ย์และคาสโตรเดินได้ก้าวละสองร้อยหรือสามร้อยเมตร

“บนยอดเขาสายฟ้า  ศิษย์พี่น้องของเราอยู่ที่นั่นแปดคน ศิษย์พี่ใหญ่ของเราจะอยู่บนยอดสูงสุดของยอดเขาสายฟ้า”  คาสโตรบอกอย่างมีอารมณ์

แต่ลินลี่ย์ในตอนนี้กำลังคิดเรื่อการต่อสู้กับศิษย์คนโตและซีซาร์เมื่อพันปีที่แล้ว”

“ท่านคาสโตร ท่านรู้เรื่องอะไรบ้างไหมเกี่ยวกับการประลองระหว่างศิษย์พี่อาวุโสกับซีซาร์?”  ลินลี่ย์ถาม

คาสโตรพูดอย่างอิจฉา  “เมื่อเกิดการประลองขึ้น ข้ายังไม่ได้ถูกรับเป็นศิษย์ของวิทยาลัยเทพสงครามเลย  อย่างไรก็ตามข้าได้ยินศิษย์คนอื่นคุยกัน ซีซาร์ผู้นั้นแข็งแกร่งมากและมีความเร็วสูงเช่นกัน  ความเร็วของศิษย์พี่เร็วที่สุดในบรรดาพวกเรา  แต่ความเร็วของเขาก็เพียงแค่ทัดเทียมกับความเร็วของซีซาร์”

“พวกเขาไวขนาดไหน?” ลินลี่ย์เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเร็วด้วย

คาสโตรหัวเราะอย่างใจเย็น  “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่สำคัญข้าไม่ได้เห็นการประลองกับตาตัวเอง  แต่ข้าคิดว่า...พวกเขาน่าจะไวกว่าเจ้าและโอลิเวอร์”

ลินลี่ย์สามารถเข้าใจได้ ที่สำคัญร่างมนุษย์ของเขายังไม่บรรลุระดับเซียน  เขายังมีช่วงจะต้องเติบโตอีกยาวนาน  จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาไม่ทัดเทียมพวกเขา

บนยอดเขาสายฟ้า

บนยอดเขาเป็นพื้นที่เปิดโล่งซึ่งมีความกว้างอยู่ไม่กี่สิบเมตร  มีต้นไม้แคระบางส่วนงอกเงยอยู่พอๆกับต้นหญ้าเช่นกัน ถัดจากหนึ่งในต้นไม้แคระโบราณ มีบ้านศิลาอยู่สองหลัง

และบนยอดเขามีบุรุษคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นกำลังมองลงมา

ลินลี่ย์มองดูบุรุษผู้นี้อย่างระมัดระวังเขาสวมชุดยาวสีฟ้าเรียบง่าย มีรูปร่างค่อนข้างผอม แต่หลังของเขาตั้งตรง ผมของเขาสั้น ยาวเพียงสามนิ้วและเป็นสีฟ้าแค่เพียงแต่มองก็สามารถรู้สึกได้ว่าบุรุษผู้นี้ครองพลังอากาศและกล้าหาญเด็ดเดี่ยว

“คารวะศิษย์พี่ใหญ่”  คาสโตรพูดด้วยความเคารพ

บุรุษผมสีฟ้าหันมามองพวกเขา  เมื่อสายตาของเขามองดูลินลี่ย์ลินลี่ย์รู้สึกได้ทันทีว่าวิญญาณของเขาดูเหมือนสั่นสะท้านจากการถูกจ้อง

นี่คือการโจมตีหรือ?

ลินลี่ย์ยิ่งตกใจทันที  เขาแน่ใจว่าเมื่อเผชิญกับนักรบธรรมดามีแนวโน้มว่าแค่เฉพาะการจ้องมองจากศิษย์อาวุโสนี้ก็สามารถทำลายวิญญาณพวกเขาได้  โชคดีที่เขาเองมีพลังจิตของจอมเวทระดับเก้า

“ไม่เลว” บุรุษผู้นั้นยิ้มและพยักหน้า “เจ้าคือลินลี่ย์สินะ?”

“ข้าเอง” ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน

“ข้าชื่อเฟน” บุรุษผู้นั้นยิ้ม “อาจารย์สั่งให้ข้ามาต้อนรับเจ้า เจ้าดื่มเลือดมังกรเพื่อให้มีความสามารถในการแปลงร่าง  ข้าเชื่อว่า เจ้าไม่ใช่นักรบเลือดมังกรสายบริสุทธิ์จริงไหม?”

“หืม?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

“หลังจากได้ยินเรื่องลักษณะของร่างแปลงมังกรของเจ้า  ข้าจึงอนุมานอย่างนี้ ข้าได้พบกับนักรบเลือดมังกรคนอื่นจากตระกูลบาลุคของเจ้ามาแล้ว”  เฟนพูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น

“แล้วเป็นยังไงหรือ ถ้าข้าดื่มเลือดมังกร?”  ลินลี่ย์สนองตอบ

เฟนศิษย์คนโตของเทพสงครามถอนหายใจอย่างมีอารมณ์  “เท่าที่ข้ารู้นักรบเลือดมังกรบริสุทธิ์มีศักยภาพมากมาย ขณะที่นักรบเลือดมังกรที่ผิดปกติซึ่งดื่มเลือดมังกรจะมีศักยภาพน้อยกว่า  ถ้าแป็นนักรบเลือดมังกรบริสุทธิ์  เมื่อถึงระดับพลังสุดยอดของเจ้าบางทีเจ้าอาจจะสู้กับข้าได้”

“แม้ว่าศักยภาพของนักรบเลือดมังกรที่ผิดปกติก็ยังมีแนวโน้มว่ายังแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วยซ้ำ” ลินลี่ย์ไม่สบายใจกับวิธีการพูดของศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้

เฟนขมวดคิ้ว

เขาเป็นคนมีสถานะยิ่งใหญ่คนหนึ่งแม้แต่เซียนที่ทรงพลังที่สุดในโลกอย่างเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าผู้เยาว์ในสายตาของเฟน  ไม่คู่ควรแม้แต่จะได้รับความสนใจจากเขา ความจริงเขาค่อนข้างไม่พอใจกับวิธีที่ลินลี่ย์พูดกับเขา

แต่เมื่อเขาคิดถึงคำแนะนำที่เทพสงครามให้กับเขาเฟนจึงยิ้ม ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องหงุดหงิดอีกต่อไป

“แน่นอนว่า สุดยอดนักรบแม้จะไม่ได้มีเลือดบริสุทธิ์ก็ตาม แต่ก็มีศักยภาพสูงมากกว่าคนธรรมดา” เฟนยิ้ม จากนั้นมองดูคาสโตรที่อยู่ใกล้ๆ “ศิษย์น้อง  ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อนเพราะตอนนี้ข้าจะต้องให้ความสนใจลินลี่ย์”

“ขอรับ, ศิษย์พี่”  คาสโตรพูดด้วยความเคารพ  จากนั้นเขามองลินลี่ย์อย่างมีความหมายส่งสัญญาณให้ลินลี่ย์ว่าไม่ให้เย่อหยิ่งจนเกินไป จากนั้นเขาออกไปจากเขา

ลินลี่ย์สูดหายใจลึก  เขาก็เช่นกัน เข้าใจว่าที่นี่วิทยาลัยเทพสงครามคือสถานที่ดีที่สุดจึงค่อนข้างจะอ่อนน้อม

“ลินลี่ย์, นั่งลงสนทนากันเถอะ”  แค่เพียงเขาโบกมือเฟนก็ทำให้ที่นั่งไม้ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ลอยมาลงอยู่ต่อหน้าเขาและลินลี่ย์

เห็นอย่างนี้แล้วลินลี่ย์รู้สึกทึ่งจริงๆ

เฟนใช้เคล็ดวิชาอะไร?  ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกถึงพลังปราณเลยแม้แต่น้อย

“ข้าได้ยินว่าเจ้าปฏิเสธฮ็อดเดิลเหรอ?”  เฟนหัวเราะ แม้แต่เฟนก็ยังให้เกียรติฮ็อดเดิล ที่สำคัญฮ็อดเดิลเป็นยอดฝีมือระดับเทพ

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า

“นับว่าฉลาด” เฟนหัวเราะ  “ลินลี่ย์เราควรจะรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมาในทวีปยูลาน”

“โอว?” ลินลี่ย์รู้สึกสับสน

เฟนพูดต่อ  “เซียนหลายคนมีชื่อเสียงมาเป็นร้อยๆปีและมีความสนุกเพลิดเพลิน สมาชิกครอบครัวส่วนใหญ่ของพวกเขาเมื่อแก่ตายไปแล้ว  พอไม่มีอะไรผูกพันพวกเขาได้  ส่วนใหญ่จึงเดินทางไปยังพิภพเบื้องสูง”

ลินลี่ย์พยักหน้า  เขาเข้าใจเรื่องนี้

ในที่สุดนักสู้จะเพิ่มความเบื่อหน่ายกับสิ่งที่พิภพระดับสูงเสนอให้  หลังจากผ่านไปร้อยปี สมาชิกครอบครัวที่ไม่ได้ถึงระดับเซียนก็คงตายไปนานแล้วเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะตัดสินไปเดินทางไปยังพิภพระดับสูง

“แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นไม่เข้าใจก็คือยอดฝีมือหลายคนของพิภพระดับสูงก็ปรารถนาจะมายังพิภพยูลานเช่นกัน”  รอยยิ้มปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากของเฟน  “ลินลี่ย์เมื่อห้าพันปีที่แล้ว  ยอดฝีมือหลายคนจากดินแดนชั้นสูงต่างๆก็ลงมายังทวีปยูลาน เจ้ารู้เรื่องนี้บ้างไหม?”

“ข้าได้ยินมาบ้าง”  ลินลี่ย์พยักหน้า

“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรู้เรื่องนี้”  เฟนพยักหน้า “ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนเหล่านั้นมายังทวีปยูลาน เป็นเพราะมีบางอย่างในดินแดนพิภพนี้ซึ่งดึงดูดพวกเขามา”

เฟนส่ายศีรษะและถอนหายใจ  “แต่เซียนหลายคนแทนที่จะเลือกออกไปยังพิภพระดับสูงซึ่งยอดฝีมือมีมากทั่วไปราวกับเมฆบนฟ้า  พวกเขากลับปล่อยสิ่งที่อยู่ใกล้ให้หลุดห่างออกไป”

“ลินลี่ย์ ข้าจะบอกเรื่องนี้ให้เจ้าทราบ  อย่าเพิ่งรีบร้อนไปพิภพระดับสูง  อยู่ที่นี่แหละโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าจะได้รู้ว่าพิภพแห่งนี้มีประโยชน์มากมายขนาดไหน เพราะสิ่งที่เป็นความลับซ่อนอยู่ภายในทวีปยูลาน  สำหรับตอนนี้ ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้”  เฟนกล่าวพลางหัวเราะ

ลินลี่ย์มองดูเฟนอย่างสงสัย  “ทำไมถึงบอกเรื่องนี้กับข้า?”

เซียนหลายคนไม่รู้เรื่องนี้  ทำไมเฟนจึงตัดสินใจบอกเขา?

“อาจารย์สั่งข้าให้บอก”  เฟนกล่าว

“เทพสงคราม?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจริงๆ

นี่เป็นครั้งที่สองที่เทพสงครามช่วยเขา ครั้งแรกเขาสั่งจักรพรรดิโจฮันน์ให้เลือกวอร์ตัน ขณะที่ตอนนี้เขาสั่งให้เฟนบอกความลับเหล่านี้กับเขา

เฟนพูดทันที  “ลินลี่ย์ ข้าได้ยินว่าเจ้าค่อนข้างจะทรงพลัง เรามาซ้อมมือกันเถอะ  เจ้าจะว่ายังไงบ้าง?”

ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย  เขาพยักหน้าทันที

ได้ฝึกฝีมือกับคนระดับเฟนย่อมได้ประโยชน์แน่นอน  แค่เพียงพลิกมือลินลี่ย์ดึงกระบี่เลือดม่วงออกมา เขากระโจนถอยหลังด้วยความเร็วสูงขณะเดียวกันเกล็ดดำก็ขึ้นคลุมทั้งร่างและหนามแหลมปรากฏออกมาเช่นกัน

เมื่อเห็นดวงตาสีทองเยือกเย็นไร้ความรู้สึกเฟนถอนหายใจชมเชย  “ร่างมังกรที่ผิดแผกของเจ้านี้ดูเหมือนจะมีความพิเศษมาก  มาเถอะ เจ้าพร้อมหรือยัง?”

ลินลี่ย์ร่ายเวทเงาลมเสร็จแล้ว

“พร้อมแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า

เมื่อมองดูลินลี่ย์  เฟนจำคำสั่งอาจารย์ได้เขาอดระบายลมหายใจไม่ได้  เหตุผลที่เขากระตุ้นให้ลินลี่ย์ซ้อมฝีมือเป็นเพราะคำสั่งของเทพสงคราม

สำหรับเทพสงครามนั้น เป็นเวลาที่จะให้ลินลี่ย์ได้รู้ว่ายอดฝีมือของทวีปที่แท้จริงมีพลังมากขนาดไหน

“ลินลี่ย์, ข้าไวมากนะ  ระวังให้ดี” เฟนพูดพลางยิ้ม ความจริงลินลี่ย์เลือกใช้กระบี่เลือดม่วงเพราะเขาได้ยินมาว่าเฟนนั้นรวดเร็ว

กระบี่เลือดม่วงมีระดับความเร็วที่น่าประหลาดเมื่อใช้ได้ถูกต้อง

“มาเริ่มกัน” ตาของเฟนเป็นประกาย

“ควั่บ!”  แสงสีฟ้าเปล่งออกมาจากร่างของเฟน  ทรงพลังมากจนมันปริและแตกออก

เฟนเคลื่อนไหวทันที

ลินลี่ย์รู้สึกได้แต่ว่าแสงที่เหมือนสายฟ้าพุ่งเข้าหาเขาทันที  อย่างน้อยเร็วกว่าโอลิเวอร์สองเท่า  ความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวนี้ลินลี่ย์ไม่สามารถหลบพ้นได้เลย

“น่ากลัวจริงๆ!”

ลินลี่ย์เอนตัวไปข้างหลังขณะที่กระบี่เลือดม่วงแปลงเป็นความเคลื่อนไหวของพายุหมุนอย่างรวดเร็วเกิดประกายไฟสีม่วงนับไม่ถ้วนซึ่งโจมตีใส่สายฟ้าสีฟ้า

สัจธรรมแห่งธาตุลม –ระลอกลม

ลินลี่ย์ไม่กล้าใช้วิชาอื่น  ถ้าเขาใช้วิชาทำนองสายลมแทน  บางทีเขาอาจไม่สามารถแตะต้องศัตรูได้เลย  มีแต่ใช้ความเร็วจึงจะต้านรับให้ตัวเขาได้

“บึ้ม!”  พลังที่น่ากลัวกระแทกใส่ปลายกระบี่เลือดม่วง

และจากนั้นลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ชัดว่าแสงสายฟ้าดูเหมือนจะส่งผ่านเข้ากระบี่เลือดม่วงตรงมาที่ตัวของเขากระแทกใส่เกล็ดดำของเขา

“ปัง!”

หนักพอๆกับค้อนศึกที่หวดเข้าใส่วิญญาณของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ปลิวลอยขึ้นไปข้างบน จากนั้นก็ร่วงลงมากับพื้นทันที ตลอดทั้งร่างสั่นสะท้านเนื่องจากพลังสายฟ้ายังคงทิ้งระลอกอยู่ในตัวของลินลี่ย์

ตลอดร่างของเขารู้สึกเป็นอัมพาต ลินลี่ย์รู้สึกแต่เพียงว่ากล้ามเนื้อของเขาสูญเสียพลังไปหมดและเขาสามารถประคองได้แต่สติเท่านั้น

หลังจากผ่านไปนานลินลี่ย์ค่อยฟื้นคืนสติเต็มที่ และแขนขาทั้งสี่และกล้ามเนื้อของเขาฟื้นพลังกลับมาช้าๆเช่นกัน ตอนนี้ลินลี่ย์ยืนขึ้นได้แล้วจ้องมองเฟนอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อเขาประลองกับโอลิเวอร์  ลินลี่ย์เชื่อว่าตนเองเป็นเซียนชั้นสูงแล้วซึ่งก็หมายความว่ามีน้อยคนนักในแผ่นดินนี้ที่สามารถเอาชนะเขาได้

แต่ตอนนี้หลังจากซ้อมมือกับเฟน เขาตระหนักได้ว่าความแตกต่างระหว่างตัวเขาเองกับเฟนมากมายยิ่งนัก

เฟนไวกว่าเขาสองเท่า  แม้ว่าจะมีเสียงไม่มากก็ตาม  เมื่อเข้าสู้ในการสู้รบด้วยความเร็วความได้เปรียบในเรื่องความเร็วเล็กน้อยก็หมายความว่าอีกฝ่ายที่เร็วกว่านั้นมีเปรียบ  เร็วเป็นสองเท่า  นี่เป็นช่องว่างที่ไม่อาจเทียบได้

ไม่มีทางที่เขาจะตอบโต้ได้เลย

ยิ่งกว่านั้นสายฟ้าโจมตีนั่นสะท้านถึงวิญญาณของเขามาก เฟนยั้งมือไม่ได้ใช้เต็มกำลังเนื่องจากเขาไม่ต้องการทำร้ายลินลี่ย์

“อะไรกัน เจ้าไม่อาจทำใจเชื่อได้หรือ?”  เฟนกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ และหัวเราะ

ใจของลินลี่ย์อยู่ในสภาพสับสน  “แม้ว่าข้าจะรู้ว่าท่านแข็งแกร่ง  ท่านเฟน แต่ข้าคาดไม่ถึงเลย .. ว่าข้าจะไม่สามารถต้านทานท่านได้แม้แต่น้อย  ท่านเฟน, ท่านเข้าถึงระดับเทพแล้วหรือ?”

“ไม่, ข้ายังเป็นแค่เซียนชั้นสูง”  เฟนส่ายศีรษะ

“ข้าเองก็เป็นเซียนชั้นสูง  แต่...” ลินลี่ย์ไม่สามารถเข้าใจได้

เฟนหัวเราะมองดูลินลี่ย์  จากนั้นถอนหายใจอย่างมีอารมณ์  “ลินลี่ย์ อย่าถูกหลอกด้วยคำว่า ‘ระดับเซียนชั้นสูง’ ในสายตาของยอดฝีมืออย่างเราสิ่งที่เรียกว่า ‘ชั้นสูง’ ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือเจ้าจะทำความเข้าใจเรื่องของกฎธรรมชาติได้มากเพียงไหน”

“ถ้าเจ้าเข้าใจแค่ส่วนที่เล็กน้อยที่สุดของกฎธรรมชาติ  อย่างนั้นเจ้าย่อมเป็น ‘เซียนชั้นสูง’ ในสายตาของคนธรรมดา”  เฟนพูดอย่างรังเกียจ

ลินลี่ย์ตะลึง

ใช่แล้วนั่นเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน เมื่อลินลี่ย์เชี่ยวชาญการใช้ดาบจนถึงชั้น ‘กำหนด’ นั่นเป็นการยืมพลังกำหนดของฟ้าและดินมาใช้ยังไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติเลย

แต่วิชาที่เขาพัฒนาบนพื้นฐานสัจธรรมแห่งธาตุดินและสองเคล็ดวิชาที่เขาพัฒนามาจากสัจธรรมของธาตุลม  ระลอกลมและทำนองลมนั่นอยู่บนพื้นฐานที่เขาเองมีความรู้  แต่ยังเป็นส่วนเล็กน้อยของความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติ

“ตามที่อาจารย์พูดไว้กฎแห่งธาตุมีขอบเขตกว้างขวางเหมือนมหาสมุทร ถ้าเจ้าเข้าใจได้เพียงน้ำหยดหนึ่งในทะเล เจ้าก็เป็นเซียนชั้นสูงได้  ถ้าเจ้าเข้าใจได้เท่าหยดน้ำร้อยหยด  เจ้าก็ยังเป็นเซียนระดับสูงอยู่ดี แต่มีความแตกต่างกันระหว่างเซียนทั้งสองนี้อย่างใหญ่หลวง!”

แววเดียวดายปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฟน  “กฎแห่งธาตุแท้จริงแล้วกว้างขวางและไร้ขอบเขต  สมมติว่าหลังจากเข้าใจ 1% ของกฎได้นักสู้ผู้นั้นก็สามารถเข้าถึงระดับเทพชั้นต้น”

“สำหรับเจ้ากับโอลิเวอร์  เจ้ายังเชี่ยวชาญไม่ถึง 0.01% ด้วยซ้ำ” เฟนหัวเราะขณะจ้องมองลินลี่ย์  “บอกข้าทีแม้ว่าเจ้าทั้งสองคนจะได้รู้แจ้งเพียงบางส่วน ความรู้ของพวกเจ้าจะเทียบกับเราที่ฝึกฝนมาเป็นพันปีได้ยังไง?”

ลินลี่ย์เข้าใจ

ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะเท่าไหน เขาก็ยังใช้เวลาน้อยกว่าสิบปีเพื่อทำสมาธิเข้าถึงกฎแห่งธาตุ

แล้วเฟนเล่า?  เขาทำอย่างเดียวกันมาเป็นเวลาหลายพันปี ต่อให้เฟนจะไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์เท่าเขา  ความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเขา  จะน้อยกว่าลินลี่ย์ได้ยังไง?

“ลินลี่ย์ เซียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกอย่างเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงเมื่อสหัสวรรษที่ผ่านมา ยอดฝีมือที่แท้จริงเหล่านั้นฝึกฝนมาเป็นเวลานับพันปีจนถึงจุดเกินกว่าจะสนใจความเอาใจใส่และชื่อเสียงในโลก  พวกเขาทุกคนล้วนฝึกสมาธิและฝึกฝนส่วนตัวกันทั้งนั้น

ลินลี่ย์ตะลึง

เซียนดาบจ้าวภูผามีชื่อเสียงและชื่อว่าเป็นเซียนที่ทรงพลังมากที่สุด

“รายชื่อและการจัดอันดับเหล่านั้นเจ้าอาจเคยได้ยินว่าไม่มีอะไรต่อยอดฝีมือระดับเซียน คนส่วนใหญ่ในทวีปก็รู้  เจ้ารู้ไหมว่ายอดฝีมือที่ทรงพลังที่เจ้ายังไม่รู้มีอยู่เท่าใด?  ผู้โชคดีรอดชีวิตจากสงครามเมื่อห้าพันปีที่แล้วก็ยังลอบฝึกฝนตนเองอยู่นับตั้งแต่นั้น ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพวกเขายินดีจะไปจากทวีปยูลาน” ดวงตาของเฟนมีรอยยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด