ตอนที่ 9-20 วิทยาลัยเทพสงคราม
เวลากลางคืนแขกเหรื่อหลายคนที่คฤหาสน์จากไปแล้ว และขุนนางทั้งหมดในตอนนี้ก็ออกไปกันแล้ว งานเลี้ยงฉลองการหมั้นคือเลี้ยงตอนบ่าย ผู้คนที่รั้งอยู่ในคฤหาสน์จะเป็นแขกสำคัญทั้งหมด
“วอร์ตัน, พี่ใหญ่เจ้าอยู่ไหน?” เยลรินไวน์สองแก้ว จากนั้นเดินไปอยู่ข้างๆ วอร์ตัน “ข้าไม่เห็นเขาเลยตลอดเวลาช่วงบ่าย คิดว่าอย่างนั้นนะ?”
“พี่ใหญ่ออกไปกับท่านฮ็อดเดิลผู้นั้นไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนกัน” วอร์ตันส่ายศีรษะ
“ข้าจะไปดูเขา เพราะจากนิสัยของพี่ชายเจ้า เขาอาจจะไปที่ลานฝึกและเริ่มฝึกฝนที่ลานฝึกอยู่ก็ได้
“แผละ” “แผละ”
น้ำไหลลงจากน้ำพุจำลอง น้ำแต่ละหยาดหยดนั้นสามารถได้ยินชัดในลานฝึกที่เงียบสงบ ลินลี่ย์นั่งเข้าสมาธิอยู่ที่สนามหญ้าไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ถ้าใครบางคนเข้าไปใกล้เขาและตรวจสอบเขาอย่างระมัดระวัง ก็อาจมองเห็นกล้ามเนื้อของลินลี่ย์หดและขยายเป็นจังหวะและขณะที่เป็นอย่างนั้น ดูเหมือนจะมีลมรุนแรงพัดอยู่รอบตัวลินลี่ย์
พลังจิตของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับธาตุดินไม่มีที่สุดและปรับเข้ากับสายลมไร้ขอบเขต
“บึ้ม!” “บึ้ม!”...
“ควั่บ!” “ควั่บ!”...
เขาหลับตา, ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือน วิญญาณของธาตุดินสั่นสะเทือน และลมที่ไร้ลักษณ์ซึ่งมีเต็มท้องฟ้า หลังจากผ่านไปนานลินลี่ย์จึงค่อยลืมตา
“ใต้เท้าสั่งเอาไว้ว่าไม่ว่าใครหากไม่ได้รับอนุญาต จะไม่ให้เข้าไปขอรับ”
“แม้แต่ข้าอย่างนั้นหรือ?” เสียงของเยลพูดขึ้นอย่างจนใจ
“พี่ใหญ่เยล, เข้ามาเถอะ” ลินลี่ย์ยิ้มเต็มหน้า และเขาลุกขึ้นยืนทันที ตอนนี้เยลจึงเดินเข้ามาได้ เมื่อเห็นลินลี่ย์ เขาหัวเราะ “น้องสาม ข้ารู้นะ เจ้ากำลังฝึกอีกแล้ว ทำไมเจ้าถึงฝึกหนักนักเล่า? เจ้าเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงแล้ว พลังของเจ้าเหลือเชื่ออยู่แล้ว”
ลินลี่ย์ชำเลืองมองเยลและหัวเราะ
สำหรับเยลแล้วลินลี่ย์สามารถนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานในทวีปยูลาน แม้แต่จักรพรรดิของจักรวรรดิโอเบรียนก็ยังต้องมีมารยาทกับลินลี่ย์อย่างเหลือเชื่อ แต่หลังจากได้คุยกับฮ็อดเดิลแล้ว ลินลี่ย์รู้ว่าเขายังห่างจากคำว่าพออีกมาก
“มาเถอะ ดื่มเหล้ากับข้าหน่อย ข้าไม่ค่อยมีโอกาสดื่มกับเจ้าในวันนี้เลย” เยลวางแก้วเหล้าลงที่โต๊ะหิน
ลินลี่ย์นั่งลงเช่นกัน จากนั้นดึงแก้วเหล้าออกมาจากแหวนเก็บสมบัติของเขา
“น่าเสียดายที่น้องสี่ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและถอนหายใจ หนึ่งเดือนที่แล้ว เมื่อจักรพรรดิโจฮันน์ประกาศถึงผู้ที่จะได้แต่งงานกับธิดาเขา เรย์โนลด์ก็ไปจากเมืองหลวง
“เขาไม่มีทางเลือก กองทัพได้สั่งให้เขากลับ เขาต้องไป” เยลพูดอย่างจนใจ “ล่าสุดเขาเพิ่งจะจากไปทำให้เราสามพี่น้องไม่สามารถเจอกันได้ น้องสี่ยังไม่เลวนักหรอก แต่น้องรอง... ถ้าเราต้องการพบเขา เราก็ต้องไปจักรวรรดิยูลาน”
ระยะทางจากจักรวรรดิยูลานไปจักรวรรดิโอเบรียนไกลมาก
การได้พูดคุยกับพี่น้องร่วมรุ่นของเขาทำให้ลินลี่ย์รู้สึกร่าเริง ทำไมเขาต้องยกเลิกการไปพิภพเบื้องสูงและร่วมไล่ล่าสังหารด้วยเล่า?
ส่วนที่น่าเพลิดเพลินที่สุดของการฝึกอบรมพลังทางจิตก็มีความเข้าใจมากขึ้นด้วยไม่ใช่เรื่องการเข่นฆ่านองเลือด
“น้องสาม ในอีกไม่กี่วัน ข้าก็จะไปจากเมืองหลวงด้วยเช่นกัน” เยลถอนหายใจอย่างตื้นตัน “ไม่มีอะไรมาก ข้ายังอายุน้อย มีหลายอย่างมากมายที่หอการค้าต้องการให้ข้ารับมือจัดการ มิฉะนั้น ในอนาคตข้าจะไม่มีคุณสมบัติได้จัดการ”
ลินลี่ย์เข้าใจ
องค์กรใหญ่ระดับหอการค้าดอว์สันจะไม่ตบรางวัลให้ได้รับตำแหน่งผู้นำเพียงเพราะบิดาของเขายกตำแหน่งให้แน่นอน มิฉะนั้นหอการค้าดอว์สันคงจะไม่รุ่งเรืองเหมือนปัจจุบันนี้ แน่นอนว่าการเป็นลูกชายของประธานหอการค้าย่อมได้เปรียบแต่เขาจำเป็นต้องมีความสามารถและมีประวัติการทำงาน
“เดือนหน้าโอลิเวอร์จะสู้กับเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนแล้ว นั่นหมายความว่าเจ้าจะพลาดไม่ได้ชมใช่ไหม?” ลินลี่ย์หัวเราะ
“ใช่แล้ว” เยลหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ “ข้าเป็นแค่จอมเวท แค่ดูการสู้รบระหว่างนักรบระดับเซียน จะทำให้มีความเข้าใจได้แค่ไหนกันเชียว?”
ลินลี่ย์วางแก้วเหล้าและมองดูที่ประตู “มีคนกำลังมา”
“ใคร?” เยลงง “ใครบางคนรู้ว่าเจ้ามาที่นี่หรือ?”
“สองคนนั้นมาจากวิทยาลัยเทพสงคราม” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
ยอดฝีมือระดับเซียนใช้พลังจิตตรวจสอบพื้นที่ได้ คฤหาสน์ค่อนข้างเล็กสามารถตรวจสอบได้ง่าย เป็นธรรมดาอยู่เองที่พวกเขาสามารถตรวจสอบหาลินลี่ย์ได้ง่าย
คาสโตรและแลงค์เดินเข้ามาที่หลังลานฝึกคู่เคียงกัน พวกเขาประหลาดใจมากกับการแนะนำของอาจารย์
“แม้ว่าพลังของลินลี่ย์จะนับว่าไม่เลว แต่ไม่มีความจำเป็นที่อาจารย์ต้องทำเช่นนี้” แลงค์ส่ายศีรษะ
“ข้าไม่เข้าใจเหมือนกัน” คาสโตรรู้สึกมึนงง
ทั้งสองคนสับสน เมื่อเดินเข้าไปที่ลานฝึกหลังบ้าน พวกเขาเห็นว่ายามประตูเปิดประตูรอเขาไว้แล้ว คาสโตรและแลงค์มองหน้ากันเอง
“ลินลี่ย์รู้แล้วว่าเรากำลังมา”
คาสโตรและแลงค์เห็นลินลี่ย์นั่งอยู่ข้างเยลแทบจะทันที เมื่อเห็นเยลอยู่ที่นี่ด้วย ทั้งสองคนขมวดคิ้ว
เยลลุกขึ้นยืนทันที “น้องสาม มีคนมาพบเจ้า ทำไมเจ้าไม่สนทนากับพวกเขาเล่า? ข้าจะกลับไปที่ห้องโถงใหญ่เดี๋ยวนี้และ”
ลินลี่ย์พลักหน้า..
หลังจากเยลออกไปแล้ว คาสโตรและแลงค์ก็นั่งลง ลินลี่ย์ถาม “ท่านคาสโตร ท่านแลงค์ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้เล่า?”
คาสโตรหัวเราะ “ลินลี่ย์,เราสองคนมาเพื่อส่งคำเชิญจากอาจารย์ขอให้เจ้ามาเยี่ยมที่วิทยาลัยเทพสงคราม”
“เทพสงครามกำลังจะเชิญข้าไปที่วิทยาลัยเทพสงครามหรือ?” ลินลี่ย์รู้สึกยากจะเชื่อได้
คนอย่างเทพสงครามจะยอมเชิญเขาหรือ?
แลงค์พยักหน้า “ลินลี่ย์, อาจารย์สั่งให้เรารับเจ้ามาที่วิทยาลัยเทพสงครามจริงๆ และนอกจากนี้อาจารย์ยังสั่งให้ศิษย์พี่ของเรารอต้อนรับเจ้าเป็นการส่วนตัว ลินลี่ย์, เจ้าต้องเข้าใจก่อนแม้แต่เมื่อเซียนดาบเจ้าภูผาเฮนด์เซนมาเยี่ยมวิทยาลัยเทพสงครามในอดีต ศิษย์พี่ของเรายังไม่ออกมาต้อนรับเขาเอง”
“โอว?”
ลินลี่ย์รู้สึกทึ่ง ศิษย์พี่ผู้นี้จากวิทยาลัยเทพสงครามเป็นใครกัน
“ศิษย์พี่ของท่านน่าจะเป็นศิษย์คนแรกของเทพสงครามใช่ไหม?เดี๋ยว.. เขาอายุเท่าใด?” ทันใดนั้นลินลี่ย์ตระหนักได้ทันที โอวสวรรค์ เทพสงครามคือคนที่ถึงระดับเซียนเมื่อเกินกว่าห้าพันปีที่แล้ว
คาสโตรกับแลงค์ยิ้มทั้งคู่
“ถูกแล้วศิษย์พี่ใหญ่ของเรามีอายุห้าพันปีแล้ว เขาอ่อนกว่าอาจารย์ไม่มาก” คาสโตรพยักหน้า “เราแปลกใจมากเหมือนกัน เมื่อได้ยินอาจารย์สั่งให้ศิษย์พี่ใหญ่ต้อนรับเจ้า”
ลินลี่ย์รู้ว่าเทพสงครามยอมรับศิษย์ส่วนตัวทุกๆสามร้อยปี
ศิษย์คนเล็กที่สุดก็คือบลูเมอร์อายุราวๆ สามสิบ ศิษย์คนโตที่สุดก็คือศิษย์พี่ผู้นี้และเขามีอายุห้าพันปี
“ตกลง จะให้ข้าไปเมื่อใด?” ลินลี่ย์ถามพลางหัวเราะ
“เจ้าสามารถมาวิทยาลัยเทพสงครามได้ทุกเมื่อ เอาอย่างนี้เป็นไง? นี่คือตราประจำตัวของข้าเมื่อเจ้ามาถึงวิทยาลัยเทพสงคราม ก็ยื่นให้ศิษย์คนหนึ่งของเราพวกเขาจะแจ้งให้ข้าทราบ” คาสโตรพลิกมือยื่นเหรียญตราสีแดงสลักชื่อของคาสโตรไว้
ลินลี่ย์รับตราไว้ เขาหัวเราะและพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปแน่นอน”
คาสโตรและแลงค์พยักหน้า จากนั้นค่อยจากมา
ลินลี่ย์ลอบสงสัยกับตัวเอง...ถ้าศิษย์พี่ของวิทยาลัยเทพสงครามมีอายุห้าพันปี เขาจะแข็งแกร่งทรงพลังมากขนาดไหน?
หรือว่าเขาจะอ่อนมากกว่าเซียนดาบจ้าวภูผา?
ลินลี่ย์ไม่เชื่อเท่าใดนัก เซียนดาบจ้าวภูผาอายุไม่กี่ร้อยปีขณะที่ศิษย์พี่ใหญ่ฝึกฝนอยู่ในวิทยาลัยเทพสงครามมาหลายพันปีโดยได้รับคำแนะนำจากเทพสงครามเป็นส่วนตัวเขาจะไม่แข็งแกร่งได้อย่างไร?
ยอดเขาหลักของภูเขาเทพสงครามเต็มไปด้วยอาคารมากมาย นี่คือสถานที่ให้ศิษย์กิตติมศักดิ์ของเทพสงครามพักอยู่ รวมทั้งเคนยอนคาสโตรและแลงค์ซึ่งรับดูแลกิจกรรมเดิมทั้งน้อยทั้งใหญ่ของภูเขาเทพสงคราม
วันนี้ลมภูเขารุนแรงมาก ศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามหลายคนกำลังฝึกฝนอยู่
“ฮ่าาาาห์!”
ก้อนหินหนักหลายสิบตันถูกคนผลัดกันโยนไปมา อีกคนหนึ่งก็เตะมันกลับคืนมา...ศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามสองคนสามารถเตะก้อนหินขนาดใหญ่อย่างง่ายดาย
ที่สำคัญที่สุด ก้อนหินไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
นี่จำเป็นต้องควบคุมทั้งพลังกายและปราณยุทธให้ดี
เวลานี้ร่างสง่างามร่างหนึ่งปรากฏตัวทะยานข้ามฟ้าเหมือนควันสีฟ้าจากนั้นบินโค้งรอบภูเขาเทพสงครามอย่างสง่างามและในพริบตาก็มาถึงที่วิทยาลัยเทพสงคราม
“หืม?” หนึ่งในศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามมองดูผู้มาถึงด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นใครมาก่อน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
“ท่านคือ... อาจารย์ลินลี่ย์หรือ?” ศิษย์กิตติมศักดิ์ยังจำเขาได้ วันประลองที่สนามประลองศิษย์กิตติมศักดิ์ไปเชียร์บลูเมอร์
ลินลี่ย์ยิ้มพยักหน้า “ท่านคาสโครเชิญข้ามา นี่คือเหรียญตราของเขา โปรดแจ้งเขาด้วย” ลินลี่ย์โยนเหรียญตราให้ศิษย์กิตติมศักดิ์
ศิษย์กิตติมศักดิ์รีบกล่าว “ข้าจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้ อาจารย์ลินลี่ย์โปรดพักก่อน”
ลินลี่ย์พยักหน้า งานหมั้นของวอร์ตันผ่านมาสองวันแล้ว และวันนี้ลินลี่ย์ยอมรับคำเชิญและเดินทางมาที่วิทยาลัยเทพสงครามต้องการจะเห็นทุกอย่างด้วยตัวเอง
“คนนั้นคืออาจารย์ลินลี่ย์ ข้าได้ยินว่าเขาอายุเพียง 27 ปีเอง”
“แม้แต่ศิษย์พี่เคนยอนยังพ่ายแพ้เขาอย่างง่ายดาย”
“ข้าอยู่ที่นั่นวันนั้นเพียงลงมือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เทียบกับลินลี่ย์แล้ว ศิษย์พี่เคนยอนอ่อนแอกว่ามาก”
“ศิษย์พี่เคนยอนเป็นเพียงศิษย์ส่วนตัวคนที่ 25ของอาจารย์เรา ยังพอเข้าใจได้ว่าเขาอ่อนแอกว่าเล็กน้อย มีแนวโน้มว่าศิษย์พี่คาสโตรน่าจะพอๆกับลินลี่ย์ ถ้าศิษย์สิบคนแรกของอาจารย์ลงมือสู้พร้อมกัน ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะเอาชนะลินลี่ย์ได้ง่าย”
ศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามหลายคนแอบนินทากันเบาๆขณะที่มองดูลินลี่ย์ ศิษย์กิตติมศักดิ์ทุกคนเหล่านี้เป็นอัจฉริยะในแบบของตนและพวกเขามีความหยิ่งภูมิใจกันทุกคน แต่เมื่อเทียบกับลินลี่ย์แล้ว พวกเขายังต้องเดินทางอีกไกล
“ลินลี่ย์” เสียงสดใสดังขึ้น
คาสโตรวิ่งออกมาสีหน้าของเขามีรอยยิ้ม “เจ้ามาถึงจนได้มาเถอะ ไปยอดเขาสายฟ้ากัน”
“ไม่ใช่ที่นี่หรือ?” ลินลี่ย์งง
เห็นได้ชัดว่ายอดเขาหลักเป็นพื้นที่ก่อสร้างใหญ่โตที่สุด ยอดเขาอีกสี่ยอดไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากนัก
คาสโตรหัวเราะ เรามีศิษย์กิตติมศักดิ์อยู่ที่นี่วิทยาลัยเทพสงครามมาก ดังนั้นเราจึงให้พวกเขาพักอยู่ที่ยอดเขาหลัก ตัวข้าเอง, แลงค์ เคนยอน ทุกคนต้องอยู่ที่นี่เพราะเราต้องดูแลพวกเขา ศิษย์ทุกคนที่เหลือจะอยู่ตามยอดเขาต่างๆ”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
คาสโตรนำทางลินลี่ย์ทันทีไปยังอีกยอดเขาหนึ่ง ลินลี่ย์และคาสโตรเดินขึ้นไปบนผนังเขาสูงชันได้ง่ายราวกับว่าพวกเขาเดินบนพื้นราบ ก้าวย่างของพวกเขาดูสง่างามเหมือนนกบิน
“ท่านคาสโตรท่านเป็นศิษย์ส่วนตัวคนที่เท่าใดของเทพสงคราม?” ลินลี่ย์ถาม
“ข้าน่ะหรือ? ข้าเป็นศิษย์ส่วนตัวคนที่ 22” คาสโตรหัวเราะ
“ตอนนี้ท่านถึงระดับเซียนชั้นสูงแล้วใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม เมื่อเขาอยู่ที่ลานฝึก เขาได้ยินศิษย์กิตติมศักดิ์พูดว่าคาสโตรน่าจะพอๆกับเขา นี่คือเหตุผลที่ลินลี่ย์ถามคำถามนี้
คาสโตรพยักหน้า “ถูกแล้ว แต่ข้าอาจยังไม่ใช่คู่ต่อกรกับเจ้า ความเร็วของเจ้าน่าทึ่งมาก แทบจะพอๆ กับโอลิเวอร์”
ลินลี่ย์คิดไม่หยุด
แม้แต่ศิษย์ส่วนตัวคนที่22 ก็เป็นระดับเซียนชั้นสูงแล้ว อย่างนั้นรุ่นก่อนๆ นั้นจะขนาดไหน?
“ท่านคาสโตร, เซียนดาบเจ้าภูผาเฮนด์เซนเป็นเซียนหมายเลขหนึ่งในโลก เขาเคยประลองกับศิษย์พี่ใหญ่ของท่านบ้างหรือไม่?” ลินลี่ย์ถาม
“ไม่มีทาง”
คาสโตรหัวเราะอย่างไม่ตั้งใจ “แม้ว่าเฮนด์เซนจะเข้าใจและบรรลุกฎธรรมชาติธาตุดินแล้วก็ตาม แต่วิทยาลัยเทพสงครามก็มีคนแข็งแกร่งมากกว่าเขาสองสามคน เหตุผลที่เฮนด์เซนมีชื่อเสียงเป็นเพราะศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองล้วนแต่มีอายุห้าพันปีขึ้นไปทั้งนั้นและถอนตัวจากวงการมาหลายพันปีแล้ว แล้วพวกเขาจะไปท้าทายแข่งขันกับผู้เยาว์อายุไม่กี่ร้อยปีเพื่อความรุ่งเรืองหรือชื่อเสียงอะไรอีก?”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
“แม้ว่านอกเหนือจากวิทยาลัยเทพสงครามของเรา ข้ายังรู้จักคนอื่นที่ทรงพลังมากกว่าเขาเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ราชันย์มือสังหารซีซาร์ เมื่อพันปีที่แล้ว ซีซาร์มาร่วมซ้อมฝีมือกับศิษย์พี่ใหญ่ และพวกเขาทั้งสองคนมีฝีมือเสมอกัน ข้านึกภาพว่าถ้าซีซาร์ต้องการลงมือกับเฮนด์เซน เขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย”คาสโตรพูดอย่างจริงจัง
ลินลี่ย์สะดุ้ง
ซีซาร์?
ดูเหมือนคาสโตรจะไม่รู้ว่าซีซาร์เข้าถึงระดับเทพแล้วแต่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาก็ได้ประลองกับซีซาร์ซึ่งพลังยังหยุดนิ่งอยู่เมื่อพันปีที่แล้วก็มีแนวโน้มว่าเขาน่าทึ่งจริงๆ
“เรามาถึงยอดเขาสายฟ้าแล้ว มาเถอะข้าเองก็ไม่ได้พบกับศิษย์พี่ใหญ่นานแล้วเหมือนกันอาจารย์มักบอกว่าในหมู่พวกเราที่เป็นศิษย์ส่วนตัว พี่ใหญ่มีแนวโน้มว่าจะไปถึงระดับเทพได้” หน้าของคาสโตรเต็มไปด้วยความมั่นใจ