ตอนที่แล้วตอนที่ 249 ชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 251 มู่จื้อตะลึง

ตอนที่ 250 เรียกว่าอาวุธจักรกลวิญญาณ


“ทำไมเจ้าถึงใช้วัสดุที่น่าเกลียดอย่างนั้น?”  น้ำเสียงของม่อเหล่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจแววโกรธปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา สำหรับเขาแล้วการออกแบบที่โดดเด่นอย่างนี้จะใช้วัสดุที่น่าเกลียดอย่างนั้นได้ยังไง?

เซรีนอธิบาย“เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการผลิต ต้นทุนการผลิตของหิมะสายฟ้าอยู่ที่ 4.5ล้านเหรียญดาว และวัสดุส่วนใหญ่เราใช้ทองดำ มันมีมูลค่า 2.5 ล้านกับวัสดุอื่นๆ ที่มีมูลค่าประมาณ 2 ล้าน”

เพื่อปกป้องความลับของทองอีกาไว้เซรีนจึงเปลี่ยนแปลงชื่อและเรียกว่าทองดำ ทำให้หลายๆ คนคาดเดาได้ยาก

“2 ล้านเหรียญดาว?”  ม่อเหล่งลูบเคราและทำตาโตทันที“เจ้าใช้เงินเพียงสองล้านเหรียญดาวสร้างตัวถังอาวุธจักรกลนี่นะ!”

ม่อเว่ยเทียนสนใจเรื่อง‘ทองดำ’ ที่เซรีนใช้ทันที  “ทองดำคืออะไร?”

“คือโลหะที่สามารถใช้แทนหยกวิญญาณได้”  เซรีนเตรียมคำตอบไว้พร้อมอยู่แล้ว

“หยกวิญญาณ!”  ม่อเหล่งถูกคำพูดของเซรีนดึงดูดความสนใจทันทีนัยน์ตาของเขาเป็นประกายสดใส “อาวุธจักรกลนี่มีจิตวิญญาณพลังยุทธด้วยหรือ?”

“สายตาท่านดีจริงๆ!”  เซรีนยกย่องม่อเหล่งไปหนึ่งประโยคนางรู้วิธีคุยอย่างถูกคอกับปรมาจารย์ม่อเหล่งจึงคุยอย่างตรงไปตรงมาด้วยความมั่นใจ “ข้ามักคิดอยู่เสมอว่าจะสร้างอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้อย่างไร อาวุธจักรกลในรุ่นปัจจุบันนี้เมื่อเทียบกับยุครุ่งเรืองของสามกองทัพมหาอำนาจ  ถือว่าตกต่ำมายาวนาน อาวุธจักรกลในปัจจุบันของเราเมื่อเทียบกับอาวุธจักรกลในรุ่นยุคกองทัพดาวกางเขนใต้ยังห่างไกลกันมาก  เป็นเพราะอะไร?”

คำพูดเหล่านี้แทงใจดำของม่อเหล่ง  เขาได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์วิศวจักรกลและรู้ดีถึงภาวะตกต่ำของอาวุธจักรกลซึ่งเป็นการตกต่ำทั้งวงการ  วิศวกรจักรกลทุกคนต่างกู่ร้องตะโกนว่าพวกเขาจะฟื้นฟูวิชาจักรกล แต่จนกระทั่งบัดนี้พวกเขายังไม่เห็นวี่แววฟื้นฟูของอาวุธจักรกล

นอกจากอาวุธพลังสายเลือดที่น่าเกลียด

“เพราะยุคสมัยต่างกัน ในยุคสามกองทัพมหาอำนาจระบบวิทยายุทธยังคลุมเครือไม่ชัดเจน ความเข้าใจจิตวิญญาณพลังยุทธยังมีอยู่เพียงผิวเผินจึงต้องยืมพลังของเครื่องจักรกลนั่นเป็นการเพิ่มพลังให้คนได้หลายเท่า แต่ปัจจุบันนี้การเติบโตของระบบวิทยายุทธอยู่ในระดับสูงการศึกษาค้นคว้าจิตวิญญาณพลังยุทธมีเพิ่มขึ้นทุกวัน  ทุกคนฝึกหัดและฝึกฝนก็ยิ่งมีความสามารถมากขึ้นมีความก้าวหน้ามากขึ้นและดื่มด่ำลึกในเรื่องพลังอำนาจแล้ววิศวกรจักรกลอย่างพวกเราเล่า?  เราเอาแต่จะรักษาของเก่าๆนึกถึงแต่อดีตอันรุ่งเรืองซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรามีแต่ปัจจุบันและอนาคตเท่านั้น ที่เราเปลี่ยนแปลงได้”

ไฟแห่งความคลั่งไคล้ลุกไหม้อยู่ในดวงตาของเซรีนเหมือนเพลิงกำลังสั่นระริก

“ดังนั้นเพื่อยุคสมัยของเราอาวุธจักรกลที่เราต้องการควรจะเป็นแบบไหน?   ทุกคนจะพูดกันว่ามันควรจะแข็งแกร่ง แต่อาวุธจักรกลแบบไหนจึงจะนับว่าแข็งแกร่ง?ความเข้าใจของข้าก็คือ อาวุธจักรกลที่มีปัญญาพอคือเครื่องมือที่ฉลาดจะได้รับการต้อนรับยิ่งขึ้นในฐานะเครื่องมือที่แข็งแกร่ง”

“อาวุธจักรกลไม่ใช่เครื่องมือ!”  ม่อเหล่งโต้แย้งอย่างไม่พอใจ

เซรีนไม่ต้องการถกเถียงเรื่องนั้นกับม่อเหล่งจึงถามตามตรง “ทำไมน่ะหรือ? เพราะวิชาต่อสู้ในยุคปัจจุบันแข็งแกร่งมาก ด้วยวิทยายุทธรูปแบบต่างๆทั้งหมด นั้นสามารถตอบสนองความต้องการของคนได้ ถ้าพลังยังไม่พอ ก็ยังมีสมบัติดวงดาวอีก ดังนั้นอาวุธจักรกลของเราจะมีความสำเร็จอะไรได้?  ความเข้าใจของข้าก็คือช่วย  ช่วยฝึกหัดและฝึกฝน ช่วยต่อสู้  เราสามารถเพิ่มพลังโดยปลดปล่อยปราณแท้เราสามารถให้นักสู้ใช้วิทยายุทธที่พวกเขาไม่เคยเรียนรู้มาก่อน แต่ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องได้อาวุธจักรกลที่มีความฉลาดเพียงพอที่คล่องแคล่วเพียงพอ ถ้าไม่อย่างนั้นในยุคนี้ที่วิทยายุทธเฟื่องฟู  อาวุธจักรกลก็ไม่มีที่ว่างให้ยืนหยัด”

เปาะแปะๆๆๆ!

ม่อเว่ยเทียนอดไม่ได้ที่จะปรบมือชื่นชม“หลังจากผ่านมาหลายปี นั่นคือปาฐกถาที่ลึกซึ้งที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยิน  และด้วยอรรถสาระนั้นเจ้าสมควรได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งแล้ว”

เซรีนไม่มีการถ่อมตัวแต่อย่างใด  นางเชิดหน้าที่งดงามอ่อนวัยด้วยท่าทีภูมิใจ“ข้าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งอยู่แล้ว”

ม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งสั่นสะท้าน

ความหมายในคำพูดเหล่านั้นทำให้ทั้งสองต้องไตร่ตรอง

ม่อเว่ยเทียนกระพริบตาแต่หัวเราะ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าสองคนมาที่นี่อย่างเตรียมการไว้  ข้าคิดว่าเหตุที่พวกเจ้ามาที่นี่คงไม่ได้มาพูดปาฐกถากระมัง”

เซรีนตอบอย่างไม่ปิดบัง  “ถูกแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อขายทองดำให้ตระกูลม่อ”

ม่อเว่ยเทียนผงะเขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาสองคนจะมาที่นี่เพื่อขายทองดำ  เขาพึมพำ “คำบรรยายของแม่นางเซรีนเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์  หิมะสายฟ้าก็แข็งแกร่งมาก  แต่ตระกูลม่อของเราไม่รู้เคล็ดการสร้างนี้...”

เซรีนกล่าวต่ออย่างไม่เห็นแก่ตัว  “แน่นอนเราเตรียมแบบพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้ามาขายให้ตระกูลม่อด้วยเช่นกัน”

ทั้งม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งถึงกับสั่น  ขณะที่ทั้งสองมองหน้ากันเอง ม่อเว่ยเทียนเข้าใจภาษาสายตาของม่อเหล่งทันทีว่า อย่าลังเล เหมาให้หมด”

แต่ม่อเว่ยเทียนเป็นนักธุรกิจตัวยงเขาไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด “แน่นอนว่าเราย่อมต้องการพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้า...”

เซรีนตัดบทคำพูดของม่อเทียนทันที  “ในมือของเรามีทองดำมูลค่าห้าพันล้านและสำหรับแบบของหิมะสายฟ้า เราจะไม่หยุดอยู่แค่ตระกูลของท่านเรายังวางแผนขายให้ตระกูลจาง, เผ่าบรอนซ์ เมืองหมอกเหล็กแห่งกลุ่มดาวเตาหลอมด้วย และยังมีตระกูลอื่นอีก”

ม่อเว่ยเทียนตาเหลือก  ตระกูลจางคือตระกูลของจางจื่อม่อและตระกูลอื่นๆมีชื่อเสียงอำนาจทางด้านวิชาจักรกล

“เรามาที่ตระกูลม่อก่อนเพราะเรามีความจริงใจต่อท่านถ้าท่านเพิ่มต้นทุนการผลิตหิมะสายฟ้าเป็นหกล้านเหรียญดาว  อย่างนั้นพลังรบของหิมะสายฟ้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แบบพิมพ์เขียวของหิมะสายฟ้าออกแบบไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อให้นักสู้ระดับหกใช้งานได้ด้วยทองดำที่เรามีอยู่ ท่านสามารถสร้างหิมะสายฟ้าได้ถึงหนึ่งพันชุด”

หิมะสายฟ้าหนึ่งพันชุดจำนวนขนาดนั้นทำให้ม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

ม่อเว่ยเทียนยืนยันและกล่าวโดยไม่ลังเลทันที  “ทองดำมูลค่าห้าพันล้านเหรียญดาว  เราต้องการทั้งหมด”

ถังเทียนกับเซรีนมองหน้ากันทั้งสองดีใจแทบบ้า

“สำหรับแบบพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้า ข้าขอที่ราคา200 ล้าน!”  ม่อเว่ยเทียนกล่าวเด็ดขาด

เซรีนตะลึง นางต้องการเพียงสิบล้านเหรียญดาวสำหรับพิมพ์เขียวหิมะสายฟ้า  แม้ว่าแผนของนางจะโดดเด่นแต่เส้นทางจิตวิญญาณพลังยุทธยังคงเป็นเรื่องที่ใหม่มาก  แต่ตราบใดที่อาวุธจักรกลของนางเข้าสู้ตลาด  จะมีการลอกเลียนแบบปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว  สำหรับปรมาจารย์วิศวกรจักรกล เคล็ดขั้นต่ำเหล่านั้นก็แค่เป็นคู่แข่งเล็กน้อยเท่านั้น

“แต่ข้ามีข้อขอร้องเรื่องหนึ่ง!”  ม่อเว่ยเทียนพูดขึ้นตามตรง  “ข้าต้องการเวลาหนึ่งปี!  ภายในหนึ่งปีเจ้าจะต้องไม่ขายของนี้ไม่ว่าในแง่มุมใดให้กับกลุ่มพลังอื่น”

เซรีนและถังเทียนตระหนักได้ทันทีม่อเว่ยเทียนกำลังคิดจะฮุบทุกอย่างในช่วงเวลาหนึ่ง

อย่าดูแคลนช่วงระยะเวลาหนึ่งปี ม่อเหล่งผู้เป็นปรมาจารย์วิศวจักรกลในตระกูลม่อ  ถ้าเขามีวิชาจักรกลของเซรีนอยู่แล้ว  พวกเขาสามารถปล่อยอาวุธจักรกลชนิดใหม่ในนามยี่ห้อของตนเองได้  200 ล้านซื้อเวลาหนึ่งปี แม้แต่เซรีนเองนางก็ต้องยอมรับนับถือความละเอียดถี่ถ้วนของม่อเว่ยเทียน

“ตกลง!” เซรีนเห็นด้วย

5.2 พันล้านเหรียญ!

สำหรับถังเทียนและเซรีนนั่นคือจำนวนเงินมหาศาลเพียงพอใช้ซื้อดาวห่างไกลได้ ถังเทียนกับเซรีนพูดไม่ออกเกี่ยวกับเงินทุนที่เข้มแข็งของตระกูลม่อ 5.2พันล้านเหรียญดาว จำนวนเงินมหาศาลที่จ่ายได้อย่างไม่กระพริบตา

ตามข้อตกลงนี้ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนและเซรีนหรือม่อเว่ยเทียนและม่อเหล่งต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย ม่อเว่ยเทียนสามารถบอกได้ว่าเซรีนและถังเทียนไม่มีแผนจะขายในปริมาณมากเมื่อทั้งสองคนยื่นข้อเสนอขายทองดำ ม่อเหล่งเดินวนดูหิมะสายฟ้าเขาก็ลุ่มหลงหิมะสายฟ้าทันที ตอนนี้พอได้รู้ว่าหิมะสายฟ้ามีจิตวิญญาณพลังยุทธ  เขาสามารถมองเห็นคุณค่าได้ทันที  ในใจเขา เขาอดประหลาดใจไม่ได้เซรีนเองยังสงบใจเย็นทั้งที่นางเป็นระดับปรมาจารย์  เขาไม่เชื่อในตอนแรก  แต่ตอนนี้ เขาไม่สงสัยต่อไปแล้ว

“พวกเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะทำธุรกิจในการสร้างอาวุธจักรกลบ้างหรือ?”  ม่อเว่ยเทียนเหลือบมองเซรีน  ถ้าพวกเขาต้องการทำธุรกิจผลิตอาวุธจักรกลขายพวกเขาคงไม่ขายทองดำแน่นอน

เซรีนส่ายศีรษะ  “เราไม่สนใจจะทำธุรกิจอะไร”

ม่อเว่ยเทียนไม่ถามอะไรต่อ  ปรมาจารย์วิศวจักรกลจำนวนมากมีนิสัยชอบค้นคว้าพัฒนา และไม่สนใจในเรื่องโลกธุรกิจ

เขาตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“อาวุธจักรกลรูปแบบใหม่นี้ต่างจากอาวุธจักรกลรูปแบบเก่าอย่างสิ้นเชิงทำไมถึงไม่ตั้งชื่อใหม่เล่า?”

เซรีนคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าว“ทำไมเราไม่เรียกว่า อาวุธจักรกลวิญญาณเล่า”

“อาวุธจักรกลวิญญาณ.. อาวุธจักรกลวิญญาณ...”ม่อเหล่งทวนชื่อ แล้วผงกศีรษะเห็นด้วย “นั่นเป็นชื่อที่เหมาะดี”

ม่อเว่ยเทียนปรบมือ“ดีแล้ว!  อาวุธจักรกลวิญญาณ!  นั่นเป็นชื่อที่ดี!”

ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นที่นอกประตู ทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน

ถังเทียนมาปรากฏตัวข้างเซรีนและผลักนางไปอยู่ด้านหลังของเขาเพื่อปกป้องนาง

แอ๊ดดดด

ประตูโกดังเปิดออก  ในท่ามกลางแสงจัดที่ฉายเข้ามา ร่างๆ หนึ่งค่อยๆเดินมาหาพวกเขา

สีหน้าของม่อเว่ยเทียนดูไม่ดี  ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างนอกถูกจ้างมาด้วยราคาแพงแต่ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาถูกคนๆ เดียวที่ไม่รู้ระดับพลังเอาชนะได้

แต่เมื่อเห็นลักษณะคนที่เข้ามาถังเทียนตกใจ

คนผู้นี้ตลอดทั้งตัวมีหญ้าปกคลุมทั้งตัวหนาแน่นเผยให้เห็นแต่ดวงตาอำมหิตเท่านั้น

“หุ่นไล่กา มู่จื้อ!”

ม่อเว่ยเทียนตกใจ  หน้าของเขาแตกตื่น สีหน้าขาวซีดทันที

“ประมุขตระกูลม่อสายตาดี”  เสียงแหลมเล็กดังออกมาจากในหญ้า  หญ้าหนาแน่นปกคลุมตัวเขาหมดจนดูเหมือนกับผม

“สบายใจได้ ข้าจะไม่ฆ่าท่านหรอก”

นัยน์ตาเขียวของหุ่นไล่กามองดูถังเทียนและเซรีนและพูดตามปกติ“ข้าต้องการฆ่าสองคนนั้น”

ม่อเว่ยเทียนตะลึง  แต่เขาฉลาดและคาดเดาได้ทันที  “เจ้ามาจากกลุ่มอาวุธสายเลือดหรือ?”

“รู้มากเกินไปก็ไม่ดีนะ ประมุขตระกูล”  หุ่นไล่กาเตือนเขาช้าๆ

“นี่คือเมืองม่อเฉิง!  เจ้ากล้าดียังไงมาฆ่าอาคันตุกะของข้าต่อหน้าข้า!  วิเศษนี่คือวิธีทำงานของกลุ่มอาวุธสายเลือดหรือ?” ม่อเว่ยเทียนเสียงเข้ม

“ถูกแล้วนี่คือวิธีทำงานของกลุ่มอาวุธพลังสายเลือด” หุ่นไล่กาไม่ได้รำคาญขณะที่หญ้าหนากระพือตามสายลม

สีหน้าของม่อเว่ยเทียนเปลี่ยนหุ่นไล่กาจงใจปล่อยเขา นี่คือการเชือดไก่ให้ลิงดู

“เขาดูแปลกมาก!”

ขณะที่ม่อเว่ยเทียนกำลังเค้นสมองคิดหาวิธีปกป้องคนทั้งสองถังเทียนพูดออกมาโดยไม่คิดทำให้เขาตะลึง เจ้าบ้านี่ในเวลาอย่างนี้ ยังกล้ายั่วศัตรูอีกหรือ...

“หุ่นไล่กามู่จื้อ ทำเนียบสวรรค์วิถี 9856หรือว่า 9853 กันแน่?  ถังเทียนลูบหน้าผากหน้าของเขายังดูสับสน

“หืม?” หุ่นไล่กาตะลึง เท้าที่ก้าวหยุดอยู่กับที่

คู่ต่อสู้รู้จักเขา

หุ่นไล่กาเงยหน้ามองดูถังเทียนที่ยังดูมีหน้างุนงงแต่ไม่มีวี่แววกลัวเลย

ม่านตาของเขาขยายตัวทันใด

ในทันใดนั้นเอง  ถังเทียนหัวเราะลั่น  จนเห็นฟันขาวและพูดโดยไม่ต้องคิด

“หลังจากเอาชนะเจ้าได้  อันดับของข้าอาจเพิ่มขึ้นก็ได้

*********************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด