ตอนที่ 248 ดาบเพลิงบิน
อีกด้านหนึ่งของเมืองม่อเฉิง
“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?” บุรุษวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานถามอย่างสง่างาม เขาคือประมุขตระกูลม่อรุ่นปัจจุบัน ม่อเว่ยเทียน ขณะที่คนที่อยู่ด้านข้างของเขาสวมชุดมอมแมมรองเท้าสกปรกมองดูเหมือนชาวนา ความจริงเขาคือปรมาจารย์เครื่องจักรกลของตระกูลม่อม่อเหล่ง
“ยากจะบอกได้” ม่อเหล่งพูดอย่างอิจฉา
ม่อเว่ยเทียนมีสีหน้าเย็นชา “กลุ่มอาวุธสายเลือดไม่ใช่ตัวดีจริงๆ แต่ข้าสงสัยว่าอาวุธจักรกลที่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกถูกคุกคามได้สงสัยจริงว่าเขาจะเหมือนอะไร?”
ทันใดนั้นเขาหันไปหาพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆเขาและถาม “แล้วเจ้าได้พบอะไรมาบ้าง?”
พ่อบ้านรายงานอย่างเคารพ “องค์การกลุ่มอาวุธสายเลือดมีความเข้มงวดและรักษาความลับเป็นอย่างดี โชคดีที่เราพบหนึ่งในพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกตระกูลม่อคนหนึ่ง เขาเป็นวิศวกรจักรกลอยู่ในกลุ่มนั้นมาเป็นเวลานาน อาจถือได้ว่าเป็นคนสำคัญก็ได้ประวัติของกลุ่มสาวไปได้เกินกว่าพันปี พวกเขาดำเนินงานประสบความสำเร็จมาหลายชั่วอายุคนและเป็นหนึ่งในองค์การที่อยู่ในสังกัดองค์การวิญญาณมืด พวกเบื้องบนเป็นสมาชิกขององค์การวิญญาณมืดทั้งหมด แต่ภายในองค์การวิญญาณมืด พวกเขามีระดับที่ไม่สูงนัก ราวๆ เจ็ดปีที่แล้ววิชาอาวุธจักรกลพลังสายเลือดของพวกเขาสร้างได้สมบูรณ์แบบ อาวุธระดับสูงก็ทำได้สำเร็จมากขึ้น ปัจจุบันพวกเขามีอาวุธระดับสูงอยู่สามชุดซึ่งก็คือ คิงคอง, เหวยถัว, เย่ซา”
“โอวนั่นก็หมายความว่าหลิ่วย่าจือมีระดับที่สูงใช่ไหม?” ม่อเว่ยเทียนลูบคิ้ว “ข้าจำได้ว่าอาวุธสายเลือดของเขาก็คือคิงคองใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว!” พ่อบ้านตอบด้วยความเคารพ “แต่อาวุธระดับสูงสามชุดนี้ทำให้กลุ่มต้องหมดเงินทุนไปมาก และตอนนี้พวกเขากำลังต้องการเงินทุน”
วิชาจักรกลนับว่าล้างผลาญเงินทองจริงๆ และไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ดีไปกว่าม่อเว่ยเทียนแล้ว กลุ่มอาวุธสายเลือดมาพบกับตระกูลม่อต้องการได้รับเงินทุนที่จำเป็นและปรารถนาว่าด้วยช่องทางที่มากมายของตระกูลม่อ พวกเขาจะสามารถผลิตอาวุธพลังสายเลือดได้เป็นจำนวนมาก
“คิงคองแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง” ม่อเหล่งพูดขึ้นทันที “มันแข็งแกร่งกว่าหอคอยห้าวหาญเสียอีก”
เขาคือปรมาจารย์วิศวจักรกลและด้วยรูปลักษณ์นี้เอง เขาสามารถกำหนดมาตรฐานอาวุธจักรกลได้ เพื่อดึงดูดตระกูลม่อ หลิ่วย่าจือไม่มีอดออมรั้งฝีมือของเขาแต่ประการใด และคิงคองได้แสดงพลังต่อตระกูลม่อเต็มศักยภาพของมัน
แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะเจ็บปวดเมื่อม่อเว่ยเทียนได้ยิน แต่เขารู้ว่าปรมาจารย์เหล่งพูดถูก หอคอยห้าวหาญก็คืออาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของตระกูลม่อ แต่มันไม่อาจเทียบได้กับคิงคองในฐานะที่เป็นตระกูลเก่าแก่ทางด้านงานจักรกล ตระกูลม่อไม่มีทางยอมแพ้ในการฟื้นฟูงานจักรกลมาถึงจุดนี้พวกเขาและกลุ่มอาวุธสายเลือดตกลงกันแล้ว
เมื่อวิชาจักรกลตกต่ำไม่ว่าจะเป็นนักสู้สายอาวุธจักรกลหรืออาวุธจักรกล ก็ล้วนตกต่ำไปกันหมด
แต่,ม่อเว่ยเทียนและตระกูลของเขาไม่ชอบกลุ่มอาวุธสายเลือด สำหรับเขาอาวุธสายเลือดไม่ใช่อาวุธจักรกลอีกต่อไป
ม่อเว่ยเทียนพูดอย่างเฉื่อยชา “แต่เมื่อเห็นวิธีสกปรกของพวกเขาดูเหมือนความเชื่อมั่นของพวกเขายังไม่เพียงพอ”
พ่อบ้านตอบ“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อหลิ่วย่าจือทดสอบคิงคอง เขาได้พบกับนักสู้อาวุธจักรกลคนหนึ่งและพ่ายแพ้เขาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ยอดฝีมือสองสามคนจากกลุ่มอาวุธสายเลือดร่วมกันล้อมจับศัตรูแต่ศัตรูยังกำจัดพวกเขาได้อย่างง่ายดาย และเรื่องนี้เป็นเหตุให้เบื้องบนโกรธมาก”
“มิน่าเล่า!” ม่อเว่ยเทียนตระหนักได้ทันทีนัยน์ตาเขาเป็นประกายและพูดอย่างครุ่นคิด “ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งมากกว่าคิงคอง! คนผู้นั้นมาจากไหนกัน? ข้าจะยอมทุ่มค่าใช้จ่ายเพื่อตามหาเขาให้ได้”
ประโยคสุดท้ายนั่นสำเนียงของเขาจริงจังมาก คิงคองของหลิ่วย่าจือมีพลังเพียงพอทำให้เขารู้สึกตกตะลึง ถ้ามีอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งกว่าคิงคองนั่นก็หมายความว่า คนผู้นั้นมีพลังระดับอยู่ในทำเนียบสวรรค์วิถีมิใช่หรือ?
นั่นน่าตกใจเกินไปแล้ว
วิชาจักรกลจะถูกฟื้นฟูกลับมาได้จริงหรือ?
ม่อเว่ยเทียนไม่มั่นใจ
พ่อบ้านเห็นด้วยทันที
ม่อเหล่งผู้ไม่เคยละสายตาจากหิมะสายฟ้ากล่าวทันที“อาวุธจักรกลนั่นดูแล้วไม่ธรรมดาแน่นอน”
อาวุธจักรกลที่ดูเหมือนชำรุดนั้นในสายตาของม่อเหล่ง มันเคลื่อนไหวราวกับสุภาพสตรีชั้นสูง หลายคนคงคิดว่ามันน่าเกลียดแต่ม่อเหล่งสามารถบอกได้ว่าโครงสร้างของมันสร้างตามหลักวิชาการแบบอย่างดั้งเดิมหลายอย่าง แม้ว่าจะแทบจำไม่ได้แต่ม่อเหล่งสามารถบอกได้ว่าต้นแบบเดิมมาจากกองทัพดาวกางเขนใต้
แต่ม่อเหล่งมีสีหน้าเฉยชางงงันมองดูไม่มั่นใจ เขาพึมพำกับตัวเอง “มันใช้เวลา 7.6 วินาทีได้อย่างไร?”
ผ่านการทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งในเวลา7.6 วินาที นั่นเป็นสถิติที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน
แม้แต่คิงคองของหลิ่วย่าจือก็ไม่สามารถทำได้
แต่โดยรวดเร็วทั้งสองคนไม่สนใจคุยต่อไป สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างสีน้ำเงินและแดงที่เคลื่อนไหวทันที
อาวุธของปะการังก็คือดาบยาวเมตรครึ่งใบดาบจะมีรังสีแดง ดาบแดงยิงรังสีจนเต็มท้องฟ้าทันที
เหมือนกับว่าถังเทียนติดอยู่ใต้พายุทำให้เขาปวดศีรษะ ดาบของศัตรูบินอยู่ในอากาศอย่างต่อเนื่องและความรู้สึกถึงอันตรายที่กล้าแข็งทำให้หัวใจถังเทียนตื่นเต้น ด้วยการเสริมจิตวิญญาณพลังยุทธของเขา สัญชาตญาณของเขาเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบสองเท่าจากเดิมที่เป็นสิบแปดเท่า
ข้าไม่สามารถลากออกไปได้ไกลกว่านี้
รังสีเย็นสายหนึ่งวาบผ่านอยู่ในดวงตาของถังเทียนเขากระแอมเบาๆ “หิมะสายฟ้าไปกันเถอะ!”
เหมือนกับว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาคิดถึงมัน หิมะสายฟ้าเขาใจได้ทันที มันปลดปล่อยพลังและวิ่งเข้าหาดาบ
วูบ วูบ วูบ
ทันใดนั้นลำแสงดาบเพลิงเจ็ดสายส่องเข้ามาในสายตาถังเทียนความระวังตัวของถังเทียนตื่นตัวในระดับสูง จิตวิญญาณพลังยุทธของเขาสั่น และสัญชาตญาณยี่สิบสองเท่าของเขา ทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวชัดเจนยิ่งขึ้น
กิ่งก้านสาขาของไม้บนพื้นถูกเผา ปราณร้อนทำให้อากาศรอบตัวพวกเขาบิดเบี้ยว ฝุ่นบนพื้นฟุ้งกระจายขึ้น
รังสีดาบเพลิงเจ็ดสายตัดขวางกันเป็นคลื่นโดยรอบเหมือนกับตาข่ายใหญ่ และพุ่งตรงหาถังเทียนไม่มีช่องว่าง
ไม่นะ!
มีพื้นที่เพียงเล็กน้อย
ดวงตาของถังเทียนสว่างเหมือนหินดวงดาวปราณแท้ในร่างของเขาไหลเวียนเข้าไปในร่างหิมะสายฟ้า เขาโน้มตัวท่อนบนไปข้างหน้าพุ่งออกไปด้วยความเร็วขึ้นทำให้ลำแสงใบมีดแดงเพลิงบิดเบี้ยว ทันใดนั้นของเขากลายเป็นเหมือนตะปูที่ถูกค้อนตอกลงไปกับพื้นขุดลึกลงไปในดิน
เนื่องจากแรงเฉื่อยร่างกายท่อนบนของเขาดูเอียงผิดธรรมดา ทันใดนั้นเขาปล่อยพลังฝ่ามือออกมาทันที
ประทับหัตถ์ใหญ่
รังสีดาบในอากาศซึ่งกำลังฟันลงมาเปลี่ยนตำแหน่งฟันลงทันที
เมื่อประทับหัตถ์ใหญ่ปรากฏอยู่บนพื้น แทนที่เป็นเสียงดังบึ้มอย่างที่คาดแต่เป็นเสียงปั้บเบาๆ ดังออกมา
“หิมะสายฟ้า ลุย ลุย ลุย”
ถังเทียนตะโกนลั่นขาของหิมมะสายฟ้าที่จมลึกในพื้นพลันใช้แรงถอนออกมาและฝ่ามือประทับหัตถ์ใหญ่ทั้งสองเป็นเหมือนกระดานใสไร้รูป ถังเทียนเลื่อนตัวไปข้างหน้า
ปุ ปุ ปุ!
รังสีดาบเจ็ดสายแฉลบผ่านหนังศีรษะของถังเทียนและตัดใส่พื้นข้างหลังเขา ทิ้งรอยดาบเจ็ดสายไว้เบื้องหลัง
ม่อจื่อหวีคิดไม่ถึงว่าถังเทียนจะใช้วิธีนี้หลบรังสีดาบ
หิมะสายฟ้าที่ก้าวอยู่บนกระดานใสประทับหัตถ์ใหญ่มีความเร็วมากมันเลื่อนตัวไปเร็วจนตาเปล่ายากจะมองได้ทันเหมือนกับสายฟ้า
ระยะสองสามเมตรกลับดูใกล้ทันที