ตอนที่ 247 แผนต่อเนื่อง
ที่ทางเข้าลานบ้านของถังเทียน อาวุธจักรกลเจ็ดชุดกองเป็นภูเขาย่อมๆ บนเสาแขวนไว้ด้วยบุรุษที่หมดสติอยู่เจ็ดคน
ขณะที่ทุกคนชี้ชวนมองดู ถังเทียนนั่งอยู่ข้างๆ กำแพงโดยมีหิมะสายฟ้ายืนอยู่เงียบๆข้างตัวเขา
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” เซรีนตื่นเต้นมาก นางควบคุมความรู้สึกไม่ได้ “เจ้ารู้ไหมว่าเราอยู่ที่ไหน? นี่คือเมืองม่อเฉิง! นี้คือถิ่นของตระกูลม่อ! การทำอย่างนี้เป็นการตบหน้าตระกูลม่อ! ตบหน้าพวกเขาในถิ่นของพวกเขา เจ้าเบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือ?”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เซรีนตะลึงก็คือ ถังเทียนไม่ได้โกรธ เขากลับยิ้มโดยไม่รู้ตัวมองดูเหมือนคนโง่แต่เขาพึมพำ “ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนตระกูลม่อน่ะสิ”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” เมื่อเห็นถังเทียนทำท่าโง่ๆ เซรีนโกรธแต่นางอดกลั้นไว้และมีสีหน้าคลางแคลงใจและสงสัย
นางรู้ว่าแม้ว่าความจริงถังเทียนอาจดูเหมือนโง่ แต่เขาเป็นจอมเจ้าเล่ห์จริงๆทำท่าไร้เดียงสาเป็นเรื่องถนัดของเจ้าผู้นี้เมื่อเห็นคนทั้งหมดถูกเขาเล่นงานอย่างเจ้าเล่ห์ เจ้าพวกโง่เง่าทั้งหมดกลับยินดีช่วยให้เขาสู้และฆ่า...
ก็ได้.. เขาไม่โง่และเป็นวีรบุรุษ....
ขณะที่นางนึกถึงตัวเองอย่างเศร้าสร้อยที่ได้ลงนามสัญญาจิตวิญญาณพลังยุทธกับเขานางยังคงเป็นคนแรกที่ตกอยู่ในเงื้อมมือมารของเขา แม้ว่าคนผู้นี้จะสอบตกคณิตศาสตร์อย่างแรงแต่กลับเป็นอัจฉริยะในเรื่องขี้โกง
“ทำไมตระกูลม่อถังได้จัดการแข่งขันนี้ขึ้นมา?” ถังเทียนนั่งอยู่บนกำแพงจู่ๆก็ถามปัญหาที่ไม่เกี่ยวกันนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เซรีนตะลึง นางไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อน และนางกล่าว“ข้าคิดว่าคงเป็นการรักษาอิทธิพลของพวกเขาในพื้นที่นี้ และเพื่อได้เห็นการออกแบบที่ทรงคุณค่า บางทีอาจจะสร้างแรงบันดาลใจบางอย่าง”
“อย่างนั้นหรือ?” ถังเทียนมองดูอย่างงงงวย “ข้าไม่มั่นใจเรื่องนั้นเท่าใดนัก”
คำตอบนั่นแทบเป็นเหตุให้เซรีนกระอักเลือด เจ้าผู้นี้จะมาไม้ไหนกันแน่?
“แต่ ข้า คิดว่าเนื่องจากพวกเขาเป็นตระกูลที่เกี่ยวข้องกับงานจักรกล พวกเขาจะต้องการทองอีกาแน่นอน” ถังเทียนพูดตามตรง
“เจ้าวางแผนจะขายทองอีกาให้ตระกูลม่อหรือ?” นัยน์ตาเซรีนขยายกว้างขณะจ้องมองถังเทียนอย่างเหลือเชื่อ นางไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะคิดมุ่งเป้าไปที่ตระกูลม่อ นางคิดจะใช้หิมะสายฟ้าสร้างความตื่นตะลึงให้กับคู่แข่งทุกคน หลังจากนั้นนางก็จะขายทองอีกาให้กับวิศวกรจักรกลคนอื่นๆ
นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าถังเทียนจะคิดเรื่องที่ใหญ่กว่านั่นคือขายทองอีกาทั้งหมดให้กับตระกูลม่อ
“เนื่องจากพวกเขาเป็นตระกูลที่เกี่ยวข้องกับงานจักรกล พวกเขาจะต้องทำธุรกิจเกี่ยวกับอาวุธจักรกลแน่นอนและคงมีความต้องการทองอีกาเป็นจำนวนมาก และพวกเขามั่งคั่งมาก” ถังเทียนแตะศีรษะ“ต่อให้เราทำเงินมากขึ้นโดยขายให้กับวิศวจักรกลคนอื่น แต่หลังจากผ่านไปนาน แม้ว่าเราจะมีผู้ช่วยมากมาย ก็ยังไม่เหมาะกับเรา”
เซรีนสนใจความคิดของถังเทียนทันที “ความคิดของเจ้าเข้าที แต่ทำไมตระกูลม่อจะต้องซื้อมันด้วยเล่า? พวกเขาไม่รู้จักกระทั่งทองอีกา”
“ฉะนั้นเราถึงจำเป็นต้องให้พวกเขาได้รู้ไงเล่า” ถังเทียนอธิบาย “ตราบใดที่เราเอาชนะอาวุธจักรกลของพวกเขาสักสองสามชุด พวกเขาก็จะรู้ เจ้าเองก็เป็นคนบอกข้าว่านี่คือถิ่นพวกเขานี่ เจ้ามีแบบแปลนของหิมะสายฟ้าอีกไหมเราจะได้ขายออกไป”
“ขายแบบแปลนหิมะสายฟ้า?” เซรีนนัยน์เบิกกว้าง
“ทำไม, เจ้าไม่ต้องการขายหรือ?” ถังเทียนย้อนถาม “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเจ้าคิดว่าหิมะสายฟ้าเป็นการออกแบบขยะระดับต่ำ?”
“โปรดอย่าพูดว่าข้าเป็นงานระดับต่ำเลย” หิมะสายฟ้าแสดงความไม่พอใจ
จากนั้นเซรีนจึงค่อยเข้าใจ “สิ่งที่เจ้ากำลังบอกก็คือเราน่าจะขายแบบแปลนอาวุธจักรกลระดับต่ำ แต่เราจะสร้างแต่เพียงอาวุธจักรกลระดับสูงใช่ไหม?”
“วิศวกรระดับปรมาจารย์จะทำอาวุธจักรกลระดับต่ำหรือ?” ถังเทียนย้อนถามนาง
เซรีนตื่นเต้นทันที “จริงด้วย! ถูกต้องแล้ว! ข้ามีแบบแปลนอาวุธจักรกลระดับต่ำอยู่ ถึงเวลานั้นเราสามารถขายด้วยกันได้!”
ถังเทียนมองดูเซรีนเหมือนคนโง่ และส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “ขายแค่เพียงครั้งเดียว รอจนกว่าหิมะสายฟ้าธรรมดาออกวางตลาดเสียก่อนแล้วจะมีคนที่มาลองใช้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้น เราจะเริ่มขายแบบรุ่นอื่น”
เซรีนชี้ถังเทียนและขึ้นเสียง“เจ้า...ร้ายกาจมาก! แต่ข้าชอบแบบนั้นนะ”
ในสายตาของเซรีนสินค้ายี่ห้อใหม่เป็นประกายอยู่ในสายตานาง นั่นคือประกายเหรียญดาว
ทันใดนั้นถังเทียนหันหน้าไปทางถนนและกล่าวอย่างตื่นเต้น “ธุรกิจกำลังมา!”
อาวุธจักรกลแดงชุดหนึ่งปรากฏอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน
ม่อจื่อหวีมองดูกองอาวุธจักรกลและขมวดคิ้ว ความจริงเขาไม่เต็มใจจะมา เขารู้ว่าม่อลิ่วน่ารังเกียจเพียงไหน แต่เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่เชื่อฟังมารดาของเขา
หลังจากรู้ว่าม่อลิ่วถูกจับมัด บิดาของเขาก็วิ่งไปหาพี่สาวของตนขอร้องทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเช่นนั้นมารดาของม่อจื่อหวีเป็นห่วงทันที เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกของตระกูลม่อถูกเล่นงานโดยไม่พูดอะไรสักคำ นางต้องการให้ม่อจื่อหวีไปช่วยแก้ปัญหา
ม่อจื่อหวีไม่เต็มใจเลยเมื่อเขาได้ยินว่าคนที่ลงมือกับม่อลิ่วก็คือคนที่ทำลายสถิติการสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งและกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันหมายเลข99, สายฟ้าผู้มีพลังมิอาจคำนวณได้ นอกจากนี้เขารู้ว่าผู้อาวุโสของตระกูลม่อลอบจับตาผู้เข้าแข่งขันผู้นั้น
เขาไม่ยอมแม้แต่จะมองม่อลิ่วซึ่งถูกมัดอยู่ แต่จ้องมองกองอาวุธจักรกล อาวุธจักรกลทุกชุดสูงสองเมตรชุดทั้งเจ็ดเรียงกันเป็นสามชั้น มีความสูงประมาณหกเมตรและดูโดดเด่นมาก
ไฟโทสะค่อยๆก่อตัวออกมาจากใจของม่อจื่อหวี
อาวุธจักรกลทั้งหมดมาจากชุดผลิตเดียวกันอาวุธจักรกลปีศาจภูผาเป็นชุดที่ผลิตมาจากตระกูลม่อ
“เจ้าหิมะของสายฟ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ! แม้แต่ปีศาจภูผาของตระกูลม่อก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ถุย, ปีศาจภูผาเป็นแค่อาวุธจักรกลธรรมดา ของอย่างนั้นจะเทียบกับเจ้าหิมะได้ยังไง? เขาเพิ่งทำลายสถิติทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งมาเชียวนะ!”
“ข้าต้องบอกตามตรง ปีศาจภูผาก็แค่ขยะราคาถูกและไร้ประโยชน์”
เสียงพูดคุยบนถนนทุกคนสามารถได้ยิน ทำให้ม่อจื่อหวีหรี่ตาลง สีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชา ไม่ว่าม่อลิ่วจะเป็นหรือตาย เขาไม่สน แต่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติของอาวุธจักรกลตระกูลม่อ แม้ว่าจะเป็นปีศาจภูผาที่เป็นอาวุธระดับต่ำสุดก็ตาม ก็ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
ปีศาจภูผาคืออาวุธจักรกลที่ขายดีที่สุดของตระกูลม่อมีระดับพลังเท่ากับนักสู้ระดับสามหรือสี่ การทำงานของปีศาจภูผามีความสมดุลมาก แม้ว่าจะเป็นแค่อาวุธจักรกลระดับต่ำก็ตาม แต่สำหรับนักสู้ระดับสามและสี่ ก็ถือว่าเหมาะกับการใช้งานมาก การทำงานของมันทำได้โดดเด่น หลายคนชอบใช้มัน
ชื่อเสียงของตระกูลม่อไม่อาจถูกปล่อยให้ย่ำยีกันได้
ม่อจื่อหวีสูดหายใจลึก เขาตัดสินใจสั่งสอนสายฟ้าให้เข้าใจถึงความต่างระหว่างฟ้ากับดิน
ความจริงเขาสัญญากับมารดาเขาไว้แล้ว ดังนั้นเขาต้องชนะ การปรากฏตัวกระทันหันของหิมะสายฟ้าและสามารถผ่านด่านทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งในเวลา7.6 วินาที หมายความว่าเขาเป็นยอดฝีมือจริงแท้แน่นอน! ม่อจื่อหวีไม่กล้าประมาท เขาได้ลองทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งมาแล้ว และเวลาที่ดีที่สุดของเขาก็คือ 18 วินาที
ถ้าเป็นเรื่องผลทดสอบเขายังห่างไกลจากหิมะสายฟ้าเป็นธรรมดา
แต่เนื่องจากเป็นการต่อสู้ เขามั่นใจว่าจะชนะไม่เพียงแต่มั่นใจในตนเองเท่านั้น แต่มั่นใจในอาวุธจักรกลของเขาด้วยเช่นกัน อาวุธจักรกลของเขาไม่ใช่อาวุธจักรกลธรรมดาอย่างปีศาจภูผา
ปะการัง (ซานหู)โดดเด่นสะดุดตา ตลอดทั้งร่างของมันมีสีแดงเพลิง
เมื่อปะการังปรากฏตัวบนถนนและเดินเข้าไปยังลานบ้านของถังเทียนมันดึงดูดสายตาผู้คน
พวกที่อยู่ในเมืองม่อเฉิงมาระยะหนึ่งสามารถบอกได้แค่เพียงเห็นว่านั่นคือเจ้าปะการัง
“ปลาปะการัง”
“ตระกูลม่อต้องการลงมืออย่างแท้จริงแล้ว มันคือปลาปะการังจริงๆ ด้วย!”
“มีการแสดงสนุกๆ ให้ดูแล้ว
ม่อจื่อหวีทำเป็นเมินไม่ได้ยินพวกเขา เขาควบคุมปะการังค่อยๆ เดินเข้าไปในลานบ้าน
ปัง!
ร่างสีน้ำเงินขนาดใหญ่กระโดดออกมาจากลานบ้านและลงด้านล่างอย่างหนักหน่วงทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้น
อาวุธจักรกลหนึ่งแดงหนึ่งน้ำเงินยืนประจันหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครพูดม่อจื่อหวีไม่รู้จะพูดอะไร เรื่องของม่อลิ่วไม่เปิดเผยจะดีกว่าและอาวุธจักรกลของตระกูลของเขาจะดีและไม่ดีก็ควรถูกเก็บไว้ยิ่งกว่า ถังเทียนรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูด เขาแค่กำลังคิด ไม่ว่าใครมาเขาก็จะเอาชนะผู้นั้น ถ้ามาเพิ่มขึ้นอีกเขาก็จะเอาชนะให้หมดและใช้ความจริงนี้พิสูจน์พลังของหิมะสายฟ้า
สถานการณ์ไม่เป็นมิตรและตึงเครียดทันที
บนอาคารสูงในที่ห่างออกไปตาคู่หนึ่งมองดูอาวุธจักรกลทั้งสองเผชิญหน้ากัน
หลิ่วย่าจือพูดอย่างเย็นชา“ท่านจางวางแผนได้แยบยลจริงๆ”
บุรุษผอมวัยกลางคนถือพัดจีบอยู่ในมือหัวเราะ “งานครั้งนี้สำคัญมาก ตระกูลม่อเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องแหล่งวิชาจักรกลและมีความรู้นับไม่ถ้วน ถ้าตระกูลม่อกลายเป็นตัวแทนขายอาวุธสายเลือดของเรา เราก็จะไม่มีความกังวลเรื่องใน 42กลุ่มดาวฟ้าใต้เลย”
หน้าของหลิ่วย่าจือไม่ได้แสดงท่าทีโล่งใจ “ข้ารู้สึกว่าถ้าเราสามารถเอาชนะเขาได้ในการแข่งขันจึงทำให้ทุกได้รู้ซึ้งถึงพลังของคิงคอง”
ท่านจางโบกพัดโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “กลุ่มผู้อาวุโสเกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด จะกลับมาเกิดขึ้นอีก”
ม่านตาของหลิ่วย่าจือหดลีบขณะที่เลือดขึ้นหน้าเขา เขาหันหน้ากลับมาพร้อมกับสีหน้าที่โกรธ “ท่านจาง! ท่านดูถูกข้า!”
ท่านจางกระแอมเบาๆและพูดอ่อนโยน “ไม่ใช่ว่าข้าดูหมิ่นเจ้า แต่เราไม่อาจผิดพลาดได้ เจ้าต้องรู้ ตระกูลม่อร้องขอให้เราขายวิธีผลิตอาวุธพลังสายเลือด แต่เราทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยและแข็งแกร่งอย่างตระกูลม่อ เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาให้ความสำคัญอะไรมากที่สุด?”
ท่านจางไม่ได้มองหน้าซีดขาวของหลิ่วย่าจือและยังคงพูดต่อ “หน้า! ตระกูลที่ทำกิจการอาวุธจักรกลเป็นตัวแทนขายอาวุธจักรกลของคนอื่น แต่ไม่สามารถผลิตพวกมันออกมาด้วยตัวพวกเขาเอง แล้วพวกเขาจะยินดีได้อย่างไร? แค่นี้การเจรจาก็หยุดชะงักแล้ว! เราต้องให้เจ้ากวาดคู่ต่อสู้ให้หมด ด้วยการครอบงำทำลายโอกาสสุดท้ายของตระกูลม่อไม่เพียงแต่ทำลายได้ง่ายดายงดงามเท่านั้น ถ้าเจ้าไปหยุดชะงักกับศัตรูคนใดๆก็ตาม นั่นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราเลย”
หลิ่วย่าจือสงบลง
“ผ่านการทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งในเวลา 7.6วินาที ผลเช่นนี้สำหรับเจ้าสามารถทำได้สำเร็จ ข้ามั่นใจตัวเจ้า แต่คนผู้นี้เป็นศัตรูน่ากลัวและศัตรูแบบนี้ไม่ควรปรากฏตัวในการแข่งขัน” ท่านจางพูดเฉื่อยชาแต่ชำเลืองตามองหลิ่วย่าจือ “ข้าหวังว่าเจ้าจะอดกลั้นพิจารณาเพื่อผลประโยชน์ขององค์การและปล่อยวางความภูมิใจไว้ก่อน”
หลิ่วย่าจือยังคงเงียบเป็นเวลานานแล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้น “แล้วด้วยการส่งศัตรูไปให้ตระกูลม่อท่านปล่อยให้ตระกูลม่อทำความเข้าใจเขาใช่หรือไม่?”
ท่านจางหัวเราะลั่น“เจ้ายังไม่เข้าใจพวกตระกูลร่ำรวย ข้าเคยบอกเจ้าไว้ก่อนแล้ว พวกตระกูลเก่าถือสาการรักษาหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และที่ยิ่งกว่านั้นนี่คือพื้นที่อิทธิพลของตระกูลม่อ พวกเขาจะยอมรับว่าอาวุธจักรกลของพวกเขาไม่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นได้อย่างไร? ถ้าพวกเขายอมรับพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ทั้งสองฝ่ายต่างก็โกรธกัน ตอนนี้เราต้องรอให้พวกเขาสู้กัน สำหรับคนพวกนี้การเสื่อมเสียชื่อเสียงเลวร้ายยิ่งกว่าเสียชีวิตเสียอีก สำหรับพวกตระกูลเก่าเจ้าสามารถสับฟันพวกเขาและพวกเขายังสามารถทนรับได้ แต่ถ้าเจ้าเอาพัดไปตบหน้าพวกเขา พวกเขายอมตายดีกว่าปล่อยเจ้าให้ทำเช่นนั้น”
หลิ่วย่าจือยังคงเงียบ เขารู้ว่าท่านจางกล่าวมีเหตุผล
“คอยเพลิดเพลินกับการแสดงเถอะ เรามาดูกันว่าหิมะสายฟ้านี้มาจากไหน ข้าสงสัยเขามาก”
ท่านจางคลี่พัดกระดาษออก บนพัดมีคำสามคำ ‘ชะตา สายน้ำ ภูผา’