ตอนที่ 246 ตัวก่อปัญหา
ถังเทียนตะลึง คนในกระจกแปลกตาเกินไปและกลิ่นอายที่เฉื่อยชาไม่อนาทรนั้นเป็นครั้งแรกสำหรับเขา หลังจากนั้นชั่วขณะ จุดแหลมเล็กในม่านตาของเขาก็หายไปพร้อมกับกลิ่นอายที่เฉื่อยชานั้นอย่างเงียบๆโดยไม่รู้ตัว
นั่นต้องเป็นภาพลวงตาแน่!
ถังเทียนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนุ่มชาวฟ้านี้เป็นบุรุษเลือดอุ่นสีฟ้าอย่างแน่นอน เขาหันหน้าเข้าหากระจกเงาและยิ้มเห็นฟันสีขาวหิมะพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นสดใส
ถังเทียนรีบผลักความสงสัยนี้ไว้เบื้องหลัง จิตวิญญาณพลังยุทธที่เสริมพลังได้เพิ่มสัญชาตญาณให้กับเขา สัมผัสที่หกของเขาไวขึ้นและรอบตัวดูเหมือนจะเป็นโลกที่ซับซ้อนขึ้น
ถังเทียนต้องการเวลากับการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้
“หิมะสายฟ้า มาทดสอบกันเถอะ!”
ทันทีที่ถังเทียนเริ่มควบคุมหิมะสายฟ้า เขาสังเกตว่ามีความแตกต่างอย่างมาก หิมะสายฟ้าดูเหมือนจะมีความเข้าใจทุกอย่างได้เร็วขึ้นและมันฉลาดขึ้นมาก ก่อนหน้านี้ เมื่อถังเทียนออกคำสั่งมันหิมะสายฟ้ามักจะลังเลอยู่บ้าง แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การสนับสนุนให้กำลังใจของเขา อาการลังเลใจเหล่านี้ถึงจะลดลงไปมากแต่ก็ยังคงมีอยู่
แต่ตอนนี้ถังเทียนไม่รู้สึกถึงความลังเลหรือชะงักงันเลย หิมะสายฟ้าแทบจะมีปฏิกิริยาทันทีที่เขาคิด
หิมะสายฟ้ากลายเป็นฉลาดและแม่นยำขึ้น
สิ่งที่ทำให้ถังเทียนประหลาดใจอย่างแท้จริงก็คือความคุ้นเคยของหิมะสายฟ้ากับวิทยายุทธสามรูปแบบเท้าดาบถานถุ่ย, ประทับหัตถ์ใหญ่และวังวนวิหคขาวที่ทำให้ประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือมันสามารถใช้ได้กระทั่งเคล็ดสังหาร
เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อเขาใช้เพลิงวิญญาณของเขาฝึกให้หิมะสายฟ้า ความเข้าใจของเขาในวิชาเหล่านี้หิมะสายฟ้าก็สามารถซึมซับรับเอาไปด้วย?
ถังเทียนคิดอยู่นานก็ยังไม่แน่ใจ เขาเลยถามหิมะสายฟ้าตรงๆ
“ใช่...ใช่แล้ว”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยและห้าวดังขึ้นในใจของถังเทียน ตาของถังเทียนแทบถลน ตกตะลึงผ่านไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเรียกความรู้สึกกลับมาได้ และถูกความตื่นเต้นครอบงำทันที "หิมะสายฟ้า นั่นเจ้าหรือเปล่า?เมื่อกี๊..เจ้าพูดใช่หรือเปล่า?”
“ใช่” เสียงของหิมะสายฟ้าดังชัดมากกว่าเดิม “ถังเทียน, ข้าคือหิมะสายฟ้า”
เสียงของหิมะสายฟ้าเหมือนกับเด็กน้อยขี้อาย
“ว้าว ว้าว ว้าว! หิมะสายฟ้าพูดได้ด้วย!” ถังเทียนแทบกระโดดโลดเต้นดีใจ นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “ข้าจะเพิ่มแก่นพลังวิญญาณให้เจ้า หิมะสายฟ้า เจ้าจะได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
“โปรดอย่าทำ!” หิมะสายฟ้าตอบเช่นนี้ทำให้ถังเทียนตะลึง “ข้าถึงขีดจำกัดเท่าที่ทองอีกาจะทนได้แล้ว ดังนั้นจิตวิญญาณพลังยุทธของข้าไม่อาจเสริมพลังมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว”
เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นถังเทียนงง“อย่างนั้นข้าจะให้เซรีนช่วยเรื่องนี้”
“โปรดใช้เวลาช่วงนี้ฝึกฝนให้เต็มที่ดีกว่า” หิมะสายฟ้าเตือนถังเทียนด้วยน้ำเสียงแฝงความอาย “ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ ดังนั้นข้าขอเรียนวิทยายุทธทั้งสามของท่านดีกว่า เราจำเป็นต้องมีวิชาอื่นๆ อีกโปรดอย่าเพิ่งวางใจ”
“หิมะสายฟ้าน้อย เจ้าพูดถูก” ถังเทียนพูดขึงขัง “มีเวลาอีกสามวันก่อนการแข่งขันจริง เราต้องฝึกฝนอย่างหนัก! ทีมสายฟ้ากะหิมะ สู้สู้สู้!”
หิมะสายฟ้าแย้งเสียงอ่อย “โปรดอย่าทำอย่างนี้ คำว่าหิมะ เป็นชื่อผู้หญิง...”
“ไอ้หยา.. หิมะสายฟ้าน้อย อย่าทำตัวเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธที่เคร่งเครียดนักเลย หลังจากการแข่งขันนี้แล้ว ข้าก็ไม่ใช้อีกต่อไปแล้ว” ถังเทียนพูดอย่างไม่ไยดี
“แต่ว่า....”
“อย่าเสียเวลาอีกต่อไปเลย! ไปฝึกกันได้แล้ว!”
ถังเทียนหมกมุ่นกับการฝึกฝนของเขาเสียแล้ว
ขณะที่เวลาผ่านไปเขายิ่งเข้าใจอาวุธจักรกลได้ดีขึ้น อาวุธจักรกลและสมบัติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สมบัติดวงดาวนั้นมีพลังอยู่แต่แรกและนักสู้เพียงปลดปล่อยพลังเหล่านี้ออกมา ในขณะที่อาวุธจักรกลไม่มีพลังงานในตัวเองและมันจะใช้พลังจากนักสู้จนถึงระดับสูงสุดเท่านั้น
จิตวิญญาณพลังยุทธของอาวุธจักรกลและสมบัติดวงดาวก็มีการใช้งานที่แตกต่างเช่นกัน
จิตวิญญาณพลังยุทธของอาวุธจักรกลเป็นแกนระหว่างนักสู้และอาวุธจักรกลมันช่วยกรองปราณแท้ที่นักสู้ถ่ายเทเข้ามาในอาวุธจักรกลเพิ่มพลังปราณแท้ก่อนปล่อยออกมาในรูปวิทยายุทธ เหมือนกับสมองของอาวุธจักรกล
ในทางตรงกันข้ามจิตวิญญาณพลังยุทธของสมบัติจะอยู่ที่แก่นพลังสมบัติ มันจะค่อยๆดูดซับพลังงานและเก็บกักเอาไว้ในสมบัติ วิธีนี้คล้ายกับการฝึกฝนพลังภายในของนักสู้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอาวุธจักรกลหรือสมบัติก็ตาม ความสำคัญของจิตวิญญาณพลังยุทธไม่จำเป็นต้องพูดถึงกันแล้ว
ความรับรู้และประโยชน์เหล่านี้ลึกซึ้งเกินไปสำหรับถังเทียน
ขณะที่ถังเทียนและหิมะสายฟ้ากำลังซึมซับในการฝึกฝนของพวกเขาเสียงสับสนวุ่นวายดังมาจากนอกประตูและเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเซรีนแว่วดังมา
ถังเทียนหยุดด้วยสีหน้าเย็นชา เขาควบคุมหิมะสายฟ้าวิ่งออกไป
เมื่อวิ่งมาถึงที่ทางเข้าลานเสียงบ่นของเซรีนดังจนได้ยิน
“เราเช่าบ้านหลังนี้ไว้แล้วเงินก็จ่ายไปและเซ็นสัญญาไปแล้ว เจ้ามีสิทธิอะไรถึงให้เรามายกบ้านให้เจ้า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ถังเทียนเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นขณะที่เขาเดินออกมา
อาวุธจักรกลจำนวนหนึ่งรายล้อมประตูไว้ และบุรุษที่หน้าแหลมเหมือนหนูแค่นเสียงเย็นชา “สัญญาหรือ? เราก็มีสัญญาฉบับคัดลอกเหมือนกัน จ่ายหรือ? เราก็จ่ายเหมือนกัน? ทำไม? ข้าต้องการที่ดินผืนนี้ ขึ้นอยู่กับเจ้าจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเจ้า หรือยังไง หึหึหึ”
การวิวาทกันของทั้งสองฝ่ายสร้างความสนใจให้กับคนหลายคน คนส่วนใหญ่จำคนเหล่านี้ได้ พวกเขาคือนักเลงท้องถิ่นของเมืองม่อเฉิงและคนที่พูดก็คือม่อลิ่ว ในเมืองม่อเฉิงคนแซ่ม่อมักจะมีสายสัมพันธ์กับตระกูลม่อ และม่อลิ่วเป็นนักเลงคุมถนนสายนี้ เขามักจะมีธุรกิจสกปรก แต่เนื่องจากตระกูลม่อปล่อยให้เขาเหิมเกริม เขาจึงกลายเป็นนักเลงท้องถิ่น
พวกเขาเดินเข้ามาใกล้
คนจิตใจดีบางคนแนะนำเซรีน “แม่นาง, ยอมถอยสักก้าวเถอะ อย่าเอาพิมเสนไปแลกเกลือเลย”
เซรีนไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนั้นนางโกรธจนแทบจะร้องไห้
ม่อลิ่วยังคงโอหัง เขามองเซรีนด้วยสายตาที่มีแววหื่นกระหาย เขาเลียริมฝีปาก “แหกตาให้กว้างไว้ นี่คือถิ่นข้า แต่ข้าเห็นว่าเจ้าก็ดูดีเหมือนกันนะ หึหึ...”
ทันใดนั้นเงาร่างน้ำเงินปรากฏวูบอยู่ต่อหน้าคนกลุ่มนั้น
ปัง!
คำพูดของม่อลิ่วชะงักกระทันหันและเขาลอยละลิ่วเหมือนเหมือนกระสอบทรายก่อนจะร่วงลงกับพื้นอย่างหนัก แรงเตะของหิมะสายฟ้าทรงพลังมากจนม่อลิ่วสลบเหมือดกับพื้นเลือดไหลออกจากมุมปากเขา
หิมะสายฟ้าปรากฏอยู่หน้าคนกลุ่มนี้
“กล้าดียังไงมาก่อเรื่องหน้าบ้านข้า พวกเจ้าเบื่อหน่ายชีวิตกันแล้วใช่ไหม?” ถังเทียนส่งเสียงคำรามเย็นชาดังออกมาจากหิมะสายฟ้า
“บังอาจจริงๆ!” บุรุษวัยกลางคนกระชากเสียง “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลม่อ”
ถังเทียนไม่สนใจคำต่อรองอะไรของพวกเขาและพูดตามตรง “เจ้าต้องการจะสู้หรือเปล่า?”
“อย่านึกว่าเป็นเพราะเจ้าสอบผ่านทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่งได้...”
บุรุษวัยกลางคนยังไม่ทันพูดจบประโยคเมื่อร่างสีฟ้ามาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาราวกับประกายไฟ หนังตาเขากระตุกและได้แต่อุทานในใจขณะถอยกลับทันที เขาคาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะดุร้ายขนาดลงมือก่อนเจ้าผู้นี้ไม่เห็นหรือว่าเขามีคนมากกว่า?
ฮึ่ม!
เงาขาร่างสีฟ้าเฉียดผ่านหน้าเขาไป
บุรุษวัยกลางคนค่อยรู้สึกโล่งใจและแหกปากตะโกน “เนื่องจากเจ้าไร้เหตุผลเกินไป....”
ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบประโยคม่านตาของเขาหดลีบกะทันหัน หน้าของเขาแสดงอาการหวาดกลัวเงาขาสีฟ้านั้นอยู่นอกเหนือหลักการวิทยาศาสตร์จริงๆมันงอและตวัดกลับในกลางอากาศขณะที่ดีดยิงดาบออกไปจากตัว รังสีรูปขาสีทองพร่างพรายกระแทกเข้ากลางอกอาวุธจักรกลของเขา
เท้าดาบถานถุ่ย!
ปัง!
อาวุธจักรกลหนาแข็งไม่สามารถทนรับพลังเตะนี้ได้เหมือนกับว่าอกของเขาถูกค้อนหวดกระหน่ำจนกระอักเลือด อาวุธจักรกลขนาดมหึมากระเด็นถอยหลังไปหลายหลา
เท้าดาบถานถุ่ยที่ใช้ออกโดยหิมะสายฟ้าทรงพลังน่าตกใจ ดาบแสงน้ำเงินแข็งที่ยิงออกมามีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรและแข็ง
ไม่ต้องรอให้อาวุธจักรกลนี้ร่วงลงถึงพื้น ถังเทียนวิ่งเข้ามาถึงกลางวงอาวุธจักรกลที่เหลือ
คนกลุ่มนี้ยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจแม้แต่น้อย พวกเขารู้ว่าถังเทียนสอบผ่านทดสอบพื้นฐานชั้นหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงพาคนมาอย่างเพียงพอ ด้วยอาวุธจักรกลเจ็ดชุดเรียงรายกัน ต่อให้เป็นนักสู้สายจักรกลที่ทรงพลังที่สุดเขาก็ต้องคิดหนัก
ถังเทียนไม่แม้แต่จะทักทายพวกเขาและลงมือทันทีทำให้พวกเขาตะลึง
สหายของพวกเขาปลิวกระเด็นจากการโจมตีทีเดียวทำให้พวกเขาตะลึง
เมื่อหิมะสายฟ้าปรากฏตัวด้านข้างพวกเขา พวกเขาสะดุ้งรู้สึกตัว แต่จากนั้นร่างสีน้ำเงินเลือนรางก็ปล่อยพลังเหมือนกับน้ำพุ
ปัง ปัง ปัง!
อาวุธจักรกลสองเครื่องถูกโจมตีกระเด็น อกของพวกเขามีรอยแตกอย่างเห็นได้ชัด อาวุธจักรนั้นยังคงนอนอยู่กับพื้น เห็นได้ชัดว่านักสู้สายจักรกลที่อยู่ในนั้นหมดสติไปแล้ว
ตาของถังเทียนเต็มไปด้วยเพลิงอำมหิต
เขาไม่เคยเป็นฝ่ายยั่วยุลงมือก่อน แต่ทันทีที่เปิดศึก เขาไม่เคยถอยสักก้าว
อาวุธจักรกลเป็นเหมือนแว่นขยาย พลังของมันตัดสินกันที่สามจุด จุดแรกคือความสามารถของมัน ประการต่อมาคือพลังของนักสู้และสุดท้ายก็คือความเข้ากันได้ระหว่างอาวุธจักรกลและนักสู้
ในบรรดานักสู้สายจักรกล ถังเทียนเองมีความสามารถที่ทรงพลังแน่นอน
ความเข้ากันได้ระหว่างถังเทียนและหิมะสายฟ้าก็ถึงระดับเชื่อมใจถึงใจอันเนื่องมาจากการฝึกจิตวิญญาณพลังยุทธ แม้ว่าเนื่องจากข้อจำกัดธรรมชาติ หิมะสายฟ้าจะมีพลังด้อยกว่าพยัคฆ์ฟ้าอยู่มากก็ตาม แต่ความสามารถของมันก็ยังเหนือกว่าอาวุธจักรกลธรรมดามากมายนัก เนื่องจากเซรีนต้องการใช้มันเปิดตัว
หิมะสายฟ้าแสดงพลังรบที่น่าตื่นตะลึง
ดาบที่รุนแรงพุ่งเข้ามาปานสายฟ้า
เท้าดาบถานถุ่ยวิทยายุทธระดับห้านี้ เมื่ออยู่ในเงื้อมมือของหิมะสายฟ้าก็ยิ่งใช้ออกได้อย่างน่าตื่นตะลึง
หิมะสายฟ้าไม่มีความเคลื่อนไหวอื่น ทันทีที่ระเบิดพลังมันก็มาปรากฏตัวต่อหน้าอาวุธจักรกลอื่นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเวลาตั้งหลักแสงน้ำเงินวาบจากด้านล่างขึ้นมาบดบังการมองเห็นของเขาทัน
เลือดกระเซ็นออกจากกลางมีด
อาวุธจักรกลนี้ถูกผ่าเป็นสองส่วน เท้าดาบถานถุ่ยของหิมะสายฟ้าครั้งนี้ผ่าอาวุธจักรกลของอีกฝ่ายจากตรงกลาง
“มีคนถูกฆ่า! มีคนถูกฆ่า!”
สองสามคนที่เหลือตกใจจนคิดอะไรไม่ออก พวกเขาเป็นแค่อันธพาลท้องถิ่น ปกติพวกเขาสามารถขู่คนธรรมดาได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่ง พวกเขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
อย่างไรก็ตามอยู่ต่อหน้าถังเทียน แล้วหันหลังให้นับเป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายอย่างแน่นอน
ไม่จำเป็นต้องพูด ถังเทียนโจมตีโดยตรง
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
รังสีดาบสีน้ำเงินแหวกฝ่าอากาศ หิมะสายฟ้าเป็นเหมือนสายฟ้าน้ำเงินไล่ตามอาวุธจักรกลที่กำลังหลบหนี
อาวุธจักรกลที่เหลือวิ่งเตลิดเปิดเปิงสูญเสียการควบคุมทันทีกระแทกลงกับพื้นและนอนกับพื้นอย่างไร้ความรู้สึก
สถานที่นั้นเงียบราวกับป่าช้า
ทุกคนตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวที่แข็งกร้าวและอำมหิตของถังเทียน แม้แต่เซรีนได้แต่จ้องมองอาวุธจักรกลที่อยู่บนพื้นอย่างงุนงงตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หลังจากนั้นชั่วขณะกลุ่มคนก็เริ่มซุบซิบกัน
“พวกเขาทำลงไปแล้ว กล้าดียังไงถึงได้ล่วงเกินตระกูลม่อ!”
“พวกเขาได้ตายแน่! ป้าของม่อลิ่วเป็นสมาชิกโดยตรงของตระกูลม่อ!”
… …
ตระกูลม่อ?
ถังเทียนมีประกายตาเย็นชา มีบางอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับพวกที่มาเยือน ต้องมีบางคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง
สิ่งที่ถังเทียนทำต่อมาทำให้ทุกคนตกตะลึง